บทที่ 20 คนเราไม่อาจตัดสินกันด้วยหน้าตา
“ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ซื้อรถจะต้องใช้เวลานานขนาดนี้” เมื่อเดินเข้าไปในสำนักงานขายของหยุนหู เซี่ยลู่ก็บ่นขึ้น
เมื่อครู่ตู้เฟยและเซี่ยลู่ไปซื้อรถ แต่พนักงานขายกลับบอกว่าปอร์เช่จะต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น หลังจ่ายเงินมัดจำแล้ว อย่างน้อยๆ จะต้องรอถึงครึ่งปีเพื่อรับรถ
ตู้เฟยไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่หยุนหู และดูบ้านที่คิดว่าเหมาะสมว่าก่อน
เมื่อมีบ้านเป็นของตัวเอง ก็ประหยัดเงินเปิดห้องได้ไม่น้อย
แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการซื้อบ้านก็คือการลงทุน สามารถนั่งรอให้อสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงขึ้นได้
ทันทีที่ตู้เฟยและเซี่ยลู่เข้ามา พวกเขาก็ได้รับการดูแลอย่างอบอุ่นจากสำนักงานขาย
ผู้จัดการฝ่ายขายมาพบตู้เฟยด้วยตัวเอง “นี่ไม่ใช่ลูกชายของเถ้าแก่ตู้หรอกหรือ? มาซื้อห้องที่หยุนหูของเราหรือ””
“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าพวกคุณเปิดตัวอพาร์ทเมนต์ใหม่หลายห้อง ก็เลยจะมาซื้อสักห้อง” ตู้เฟยพยักหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
เมื่อกี้ตอนซื้อรถ ตู้เฟยเกือบจะถูกเพิกเฉยไปโดยสิ้นเชิง แต่เมื่อมาซื้อบ้าน เขาได้รับความเคารพอย่างเต็มที่
ในทางกลับกันหลี่ฝางที่ตอนนี้เข้ามาได้เกือบสิบนาทีแล้ว พนักงานขายทั่วไปกลับขี้เกียจจะดูแลเขาด้วยซ้ำ
ในเวลานี้เอง หลี่เสี่ยวเสี่ยวก็กลับมาพร้อมกับพี่สาวของเธอหลี่เสี่ยวห้วย
หลี่เสี่ยวห้วยสวมชุดสูทอย่างเป็นทางการ ด้านบนใส่ชุดสูทตัวเล็ก ด้านล่างเป็นกระโปรงสั้นพร้อมถุงน่อง ดูแล้วเต็มไปด้วยความเป็นผู้หญิง
“พี่ ฉันขอแนะนำ นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของฉัน หลี่ฝาง”
“หลี่ฝาง “นี่คือพี่สาวของฉัน หลี่เสี่ยวห้วย นายเรียกว่าพี่ก็ได้แล้ว” หลี่เสี่ยวเสี่ยวแนะนำพวกเขา
พี่ช่วยแนะนำได้ไหม?” “หลังจากทักทาย หลี่ฝางก็เข้าประเด็นทันที
หลี่เสี่ยวห้วยมองหลี่ฝางอย่างประเมิน จากนั้นจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
การแต่งตัวแบบนี้ ดูยังไงก็ไม่ใช่คนที่จะซื้อบ้านที่หยุนหูได้เลยสักนิด!
“น้องชาย ราคาบ้านที่ต่ำสุดของหยุนหูก็คือ 10,000 หยวน ส่วนบ้านที่มี 3 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นยังไงก็จะต้องมีขนาด 100 ตารางเมตรแน่ๆ นายแน่ใจหรือว่าต้องการซื้อ? ”
“ไม่อย่างนั้นฉันแนะนำคอนโดใหม่ของหยุนหูเราให้เอาใหม่ เล็กที่สุดคือประมาณ34ตารางเมตร เงินดาวน์ไม่กี่หมื่นหยวนเท่านั้น”” หลี่เสี่ยวห้วยแนะนำอย่างมีชั้นเชิง
“เอ่อ…ก็ได้ ฉันพานายไปดูก็แล้วกัน” หลี่เสี่ยวห้วยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และคิดอยู่ในใจว่าคงเสียเปล่าแน่แล้ว
เมื่อหลี่เสี่ยวห้วยกำลังจะพาพวกเขาไปดูห้อง ตู้เฟยก็เห็นพวกเขาแล้วเช่นกัน
“เซี่ยลู่ เธอดูนั่น นั่นหลี่ฝางไม่ใช่หรือ?” ตู้เฟยตบบ่าของเซี่ยลู่ จากนั้นจึงชี้ไปที่พวกหลี่ฝาง
“เป็นเขา ข้างเขาไม่ใช่หลี่เสี่ยวเสี่ยวหรอกหรือ? พวกเขามาที่หยุนหูทำไมกัน มาซื้อห้องเหมือนกันหรือ?” เซี่ยลู่ขมวดคิ้วและพูดด้วยความรังเกียจ
“เสี่ยวเฟย พวกเขาเป็นใคร?” ผู้จัดการฝ่ายขายถาม
“เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน ก็แค่คนขี้แพ้” “ตู้เฟยกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“มองดูแล้วพวกเขาไม่เหมือนคนมีเงินเลย”” ผู้จัดการฝ่ายขายมองไปที่หลี่ฝาง และเรียกหลี่เสี่ยวห้วยเอาไว้
พวกนั้นเดินมาที่ด้านข้างของ หลี่ฝาง
“เสี่ยวห้วย เวลาทำงาน เธอกำลังทำอะไร?” ผู้จัดการถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ผู้จัดการ ฉันจะพาลูกค้าไปดูบ้าน”
“ลูกค้า”?” ใบหน้าของผู้จัดการเครียดขึ้น เขาชี้ไปที่หลี่ฝางและหลี่เสี่ยวเสี่ยว “เธอคงไม่ได้พูดถึงเด็กสองคนนี้หรอกนะ?”
“เด็กสองคนนี้ เกรงว่าแม้กระทั่งห้องน้ำในหยุนหูของพวกเรายังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำ เป็นลูกค้าบ้าบออะไรกัน” ผู้จัดการขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่หลี่เสี่ยวห้วย
ตู้เฟยแค่นเสียงหัวเราะ เขาเสริมขึ้น “อย่าว่าแต่ห้องน้ำเลย แม้กระทั่งตารางเมตรเดียว พวกเขาก็ซื้อไม่ไหว”
“ตอนนี้ฉันมอบหมายงานให้เธอ ไปพาคุณชายตู้ดูอพาร์ตเมนต์ใหม่ของเราซะ นี่คือลูกชายของเถ้าแก่ตู้บริษัทตู้ซื่อเขาต่างหากถึงจะถือว่าเป็นลูกค้าของหยุนหูของเรา”
“แต่ …” หลี่เสี่ยวห้วยลังเล
“แต่อะไร?”
“แต่พวกเราทำงานบริการ ไม่ควรให้ความสำคัญกับคนจากที่รู้จักนี่คะ? ไม่ว่าจะเป็นใคร พวกเราควรใช้เมื่อเราอยู่ทัศนคติในการให้บริการแบบ 100% เพื่อปฏิบัติต่อพวกเขา ผู้จัดการ ไม่อย่างนั้นคุณสามารถให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นพาพวกเขาไปก็ได้ ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่” หลี่เสี่ยวห้วยก็โกรธเช่นกัน
ตอนผู้จัดการบอกว่าหลี่ฝางเป็นลูกค้าบ้าบออะไรกัน หลี่เสี่ยวห้วยไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ที่สำคัญคือหลี่เสี่ยวเสี่ยวเป็นน้องสาวของเธอเอง
“หลี่เสี่ยวห้วย สมองของเธอมีปัญหาหรือเปล่า? เจ้าเด็กหน้าขนสองคนนี้แค่มองก็รู้ว่ามาสร้างปัญหา เธอพาพวกเขาไปดู ไม่ใช่เท่ากับเสียเวลาทำงานของเธอหรือไง? ”
“คุณต่างหากที่โง่”หลี่เสี่ยวห้วยตอกกลับด้วยความโกรธ
“เธอ เธอกล้าเถียง” ผู้จัดการพูดด้วยความโกรธ “ได้ นับจากนี้ไป เธอไม่ใช่พนักงานขายของหยุนหูอีกต่อไป เธอถูกไล่ออก”
“คุณอาศัยอะไรมาไล่ฉันออก ฉันทำอะไรผิด?” หลี่เสี่ยวห้วยขมวดคิ้วและถามอย่างไม่ยอมแพ้”
“ในธุรกิจการขายของเรา จุดสำคัญที่สุดก็คือ ต้องรู้จักสังเกต”
“พวกเราหยุนหูเป็นชุมชนระดับไฮเอนด์ ดังนั้นลูกค้าของเราจึงเป็นคนรวยและคนชั้นสูง เธอสามารถดูได้ว่าพวกเขาใส่เสื้อผ้าแบบไหน นาฬิกาแบบไหน และพวกเขาขับรถอะไร ถ้าพวกเขาดูแพงก็หมายความว่า ว่าพวกเขาเป็นคนที่มีศักยภาพในการเป็นลูกค้าของเรา เธอต้องปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี แต่ถ้ามองแล้วพวกเขาดูไม่เหมือนคนมีเงิน อย่างนั้นก็อย่าได้มัวแต่เสียเวลา ห้องระดับต่ำสุดจองพวกเราอย่างน้อยๆ ก็มีราคาเป็นล้านแล้ว เธอว่าเด็กคนนี้ซื้อได้หรือไง? ต่อให้เป็นเงินดาวน์ 20%พวกเขาก็จ่ายไม่ไหว”” ผู้จัดการกล่าว “แม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ อย่างการสังเกตเธอยังทำไม่เป็น ฉันได้แต่บอกว่าเธอไม่เหมาะกับการเป็นพนักงานขาย””
“แขกมาหาฉันและขอให้ฉันพาเขาไปดูบ้าน ฉันก็นำพวกเขาไปดู แบบนี้คงไม่สามารถปฏิเสธได้หรอกมั้ง?” หลี่เสี่ยวห้วยเถียง
“ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเราย่อมไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ถ้าเธอดูดีๆ เด็กชายคนนี้เป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ เท่านั้น อีกทั้งเสื้อผ้าของเขาก็ยังพื้นเพทั่วไป อย่างมากก็แค่ร้อยสองร้อยหยวน เธอคิดว่าเขาสามารถซื้อห้องของพวกเราได้หรือไง? นี่แทบจะย่าหัวเราะเยาะ” ผู้จัดการหัวเราะเยาะอย่างโกรธๆ “ถ้าเขาจ่ายได้ฉันจะมอบตำแหน่งผู้จัดการให้เธอ”
“สายตามองคนยังไม่มี รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอ แล้วลาออกจากหยุนหูของพวกเราไปซะ”
“ยังมีนาย เจ้าเด็กหน้าเหม็น แต่งตัวอย่างกับขอทานบนท้องถนน อย่ามาที่หยุนหูของเราให้เสียสายตาอีก”
หลี่เสี่ยวห้วย “ไม่ทำก็ไม่ทำ หยุนหูยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน”
“พวกเราหยุนหูไม่ได้ยิ่งใหญ่ ถ้าเธอมีความสามารถพอ ก็ไปที่ลู่เฉิงเสียสิ ที่นั่นมีห้องอยู่ อีกทั้งยังแพงกว่าที่นี่เท่าหนึ่งด้วย” ผู้จัดการหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “แต่ถ้าภายในสามเดือนเธอขายบ้านไม่ได้ เกรงว่าที่นั่นคงจะไม่เอาเธอไว้แน่! “”
หลี่เสี่ยวห้วยโกรธอย่างมากแต่กลับทำอะไรไม่ได้
เธอได้แต่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและจากไป
“หลี่เสี่ยวเสี่ยว พนักงานขายเมื่อกี้เป็นพี่สาวของเธอใช่ไหม? ทำไมเธอถึงทำกับพี่สาวของเธอได้ขนาดนั้น?” เซี่ยลู่เห็นเข้าก็ทับถมอย่าสะใจ
“เธอยังไม่รู้หรือไง หลี่ฝางไม่มีเงินแล้ว เงินที่ถูกลอตเตอรี่ เขาใช้ไปจดหมดตั้งนานแล้ว”
หลี่เสี่ยวเสี่ยวมองไปที่หลี่ฝาง เธอกัดฟันและไม่พูด ในใจเกลียดหลี่ฝางแทบแย่ หากไม่ใช่เพราะหลี่ฝาง พี่สาวของเธอคงไม่ต้องเสียงานไป
ในขณะนี้ หลี่ฝางเป็นเหมือนคนใบ้
หลี่ฝางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ต้องการอวดความมั่งคั่งต่อหน้าเซี่ยลู่และตู้เฟย แต่ในตอนนี้ เขากลับไร้หนทาง
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว หลี่เสี่ยวห้วยก็เรียกหลี่ฝางและหลี่เสี่ยวเสี่ยว “วันนี้พี่อารมณ์ไม่ดี พวกเธอไปดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อย””
“เดี๋ยวก่อน ผมยังไม่ได้ซื้อบ้าน” หลี่ฝางส่ายหัว
หลี่เสี่ยวห้วยตะลึงไปชั่วขณะ เธอขมวดคิ้วมองหลี่ฝาง “ฉันลาออกจากงานแล้ว ถ้านายอยากซื้อบ้าน ให้ไปซื้อที่อื่น”
หลี่เสี่ยวห้วยไม่เชื่อว่าหลี่ฝางจะสามารถซื้อบ้านได้เลย เธอพูดแบบนี้ เพื่อให้หลี่ฝางมีทางลง
แต่หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ผู้จัดการ “ผู้จัดการใช่ไหม? เมื่อกี้คุณบอกว่าถ้าผมมีเงินซื้อบ้านในหยุนหู คุณจะมอบตำแหน่งผู้จัดการให้พี่สาวของผมใช่ไหม? ”
“ฉันพูดไปก็จริง แต่นายสามารถจ่ายได้หรือเปล่าล่ะ? ”
“ผมอยากถามคุณหน่อย คุณไม่เคยได้ยินคำว่า คนเราไม่อาจ ตัดสินกันด้วยหน้าตา น้ำทะเลไม่อาจตวงวัดหรือไง” หลี่ฝางขมวดคิ้ว
“แน่นอนว่าฉันเคยได้ยิน แต่คนแบบนั้นฉันเห็นมานักต่อนัก ล้วนเป็นคนที่มีอายุมากไม่ก็วัยกลางคนขึ้นไปทั้งนั้น เด็กขนาดนาย หากมีเงินสักนิดหน่อยก็คงรีบไปซื้อเสื้อผ้ามาประดับตัวเองก่อนแล้ว ไหนเลยจะมาแต่งตัวซอมซ่อขนาดนี้?”
“อย่างนั้นคุณคงตาบอดไปแล้ว”
“เอาแบบนี้แล้วกัน ตำแหน่งผู้จัดการคุณเก็บเอาไว้ พี่สาวของผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไร หากผมซื้อห้องที่หยุนหูจริงๆ คุณก็แค่คลานไปรอบๆ สำนักงานแล้วเห่าสามครั้งเป็นไง?” หลี่ฝางพูดติดตลก