NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 20

ตอนที่ 20

บทที่ 20 คนเราไม่อาจตัดสินกันด้วยหน้าตา

“ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ซื้อรถจะต้องใช้เวลานานขนาดนี้” เมื่อเดินเข้าไปในสำนักงานขายของหยุนหู เซี่ยลู่ก็บ่นขึ้น

เมื่อครู่ตู้เฟยและเซี่ยลู่ไปซื้อรถ แต่พนักงานขายกลับบอกว่าปอร์เช่จะต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น หลังจ่ายเงินมัดจำแล้ว อย่างน้อยๆ จะต้องรอถึงครึ่งปีเพื่อรับรถ

ตู้เฟยไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่หยุนหู และดูบ้านที่คิดว่าเหมาะสมว่าก่อน

เมื่อมีบ้านเป็นของตัวเอง ก็ประหยัดเงินเปิดห้องได้ไม่น้อย

แน่นอนว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการซื้อบ้านก็คือการลงทุน สามารถนั่งรอให้อสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงขึ้นได้

ทันทีที่ตู้เฟยและเซี่ยลู่เข้ามา พวกเขาก็ได้รับการดูแลอย่างอบอุ่นจากสำนักงานขาย

ผู้จัดการฝ่ายขายมาพบตู้เฟยด้วยตัวเอง “นี่ไม่ใช่ลูกชายของเถ้าแก่ตู้หรอกหรือ? มาซื้อห้องที่หยุนหูของเราหรือ””

“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าพวกคุณเปิดตัวอพาร์ทเมนต์ใหม่หลายห้อง ก็เลยจะมาซื้อสักห้อง” ตู้เฟยพยักหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

เมื่อกี้ตอนซื้อรถ ตู้เฟยเกือบจะถูกเพิกเฉยไปโดยสิ้นเชิง แต่เมื่อมาซื้อบ้าน เขาได้รับความเคารพอย่างเต็มที่

ในทางกลับกันหลี่ฝางที่ตอนนี้เข้ามาได้เกือบสิบนาทีแล้ว พนักงานขายทั่วไปกลับขี้เกียจจะดูแลเขาด้วยซ้ำ

ในเวลานี้เอง หลี่เสี่ยวเสี่ยวก็กลับมาพร้อมกับพี่สาวของเธอหลี่เสี่ยวห้วย

หลี่เสี่ยวห้วยสวมชุดสูทอย่างเป็นทางการ ด้านบนใส่ชุดสูทตัวเล็ก ด้านล่างเป็นกระโปรงสั้นพร้อมถุงน่อง ดูแล้วเต็มไปด้วยความเป็นผู้หญิง

“พี่ ฉันขอแนะนำ นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของฉัน หลี่ฝาง”

“หลี่ฝาง “นี่คือพี่สาวของฉัน หลี่เสี่ยวห้วย นายเรียกว่าพี่ก็ได้แล้ว” หลี่เสี่ยวเสี่ยวแนะนำพวกเขา

พี่ช่วยแนะนำได้ไหม?” “หลังจากทักทาย หลี่ฝางก็เข้าประเด็นทันที

หลี่เสี่ยวห้วยมองหลี่ฝางอย่างประเมิน จากนั้นจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย

การแต่งตัวแบบนี้ ดูยังไงก็ไม่ใช่คนที่จะซื้อบ้านที่หยุนหูได้เลยสักนิด!

“น้องชาย ราคาบ้านที่ต่ำสุดของหยุนหูก็คือ 10,000 หยวน ส่วนบ้านที่มี 3 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่นยังไงก็จะต้องมีขนาด 100 ตารางเมตรแน่ๆ นายแน่ใจหรือว่าต้องการซื้อ? ”

“ไม่อย่างนั้นฉันแนะนำคอนโดใหม่ของหยุนหูเราให้เอาใหม่ เล็กที่สุดคือประมาณ34ตารางเมตร เงินดาวน์ไม่กี่หมื่นหยวนเท่านั้น”” หลี่เสี่ยวห้วยแนะนำอย่างมีชั้นเชิง

“เอ่อ…ก็ได้ ฉันพานายไปดูก็แล้วกัน” หลี่เสี่ยวห้วยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และคิดอยู่ในใจว่าคงเสียเปล่าแน่แล้ว

เมื่อหลี่เสี่ยวห้วยกำลังจะพาพวกเขาไปดูห้อง ตู้เฟยก็เห็นพวกเขาแล้วเช่นกัน

“เซี่ยลู่ เธอดูนั่น นั่นหลี่ฝางไม่ใช่หรือ?” ตู้เฟยตบบ่าของเซี่ยลู่ จากนั้นจึงชี้ไปที่พวกหลี่ฝาง

“เป็นเขา ข้างเขาไม่ใช่หลี่เสี่ยวเสี่ยวหรอกหรือ? พวกเขามาที่หยุนหูทำไมกัน มาซื้อห้องเหมือนกันหรือ?” เซี่ยลู่ขมวดคิ้วและพูดด้วยความรังเกียจ

“เสี่ยวเฟย พวกเขาเป็นใคร?” ผู้จัดการฝ่ายขายถาม

“เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน ก็แค่คนขี้แพ้” “ตู้เฟยกล่าวอย่างเหยียดหยาม

“มองดูแล้วพวกเขาไม่เหมือนคนมีเงินเลย”” ผู้จัดการฝ่ายขายมองไปที่หลี่ฝาง และเรียกหลี่เสี่ยวห้วยเอาไว้

พวกนั้นเดินมาที่ด้านข้างของ หลี่ฝาง

“เสี่ยวห้วย เวลาทำงาน เธอกำลังทำอะไร?” ผู้จัดการถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“ผู้จัดการ ฉันจะพาลูกค้าไปดูบ้าน”

“ลูกค้า”?” ใบหน้าของผู้จัดการเครียดขึ้น เขาชี้ไปที่หลี่ฝางและหลี่เสี่ยวเสี่ยว “เธอคงไม่ได้พูดถึงเด็กสองคนนี้หรอกนะ?”

“เด็กสองคนนี้ เกรงว่าแม้กระทั่งห้องน้ำในหยุนหูของพวกเรายังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำ เป็นลูกค้าบ้าบออะไรกัน” ผู้จัดการขมวดคิ้วและจ้องมองไปที่หลี่เสี่ยวห้วย

ตู้เฟยแค่นเสียงหัวเราะ เขาเสริมขึ้น “อย่าว่าแต่ห้องน้ำเลย แม้กระทั่งตารางเมตรเดียว พวกเขาก็ซื้อไม่ไหว”

“ตอนนี้ฉันมอบหมายงานให้เธอ ไปพาคุณชายตู้ดูอพาร์ตเมนต์ใหม่ของเราซะ นี่คือลูกชายของเถ้าแก่ตู้บริษัทตู้ซื่อเขาต่างหากถึงจะถือว่าเป็นลูกค้าของหยุนหูของเรา”

“แต่ …” หลี่เสี่ยวห้วยลังเล

“แต่อะไร?”

“แต่พวกเราทำงานบริการ ไม่ควรให้ความสำคัญกับคนจากที่รู้จักนี่คะ? ไม่ว่าจะเป็นใคร พวกเราควรใช้เมื่อเราอยู่ทัศนคติในการให้บริการแบบ 100% เพื่อปฏิบัติต่อพวกเขา ผู้จัดการ ไม่อย่างนั้นคุณสามารถให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นพาพวกเขาไปก็ได้ ตอนนี้ฉันกำลังยุ่งอยู่” หลี่เสี่ยวห้วยก็โกรธเช่นกัน

ตอนผู้จัดการบอกว่าหลี่ฝางเป็นลูกค้าบ้าบออะไรกัน หลี่เสี่ยวห้วยไม่ได้รู้สึกอะไร แต่ที่สำคัญคือหลี่เสี่ยวเสี่ยวเป็นน้องสาวของเธอเอง

“หลี่เสี่ยวห้วย สมองของเธอมีปัญหาหรือเปล่า? เจ้าเด็กหน้าขนสองคนนี้แค่มองก็รู้ว่ามาสร้างปัญหา เธอพาพวกเขาไปดู ไม่ใช่เท่ากับเสียเวลาทำงานของเธอหรือไง? ”

“คุณต่างหากที่โง่”หลี่เสี่ยวห้วยตอกกลับด้วยความโกรธ

“เธอ เธอกล้าเถียง” ผู้จัดการพูดด้วยความโกรธ “ได้ นับจากนี้ไป เธอไม่ใช่พนักงานขายของหยุนหูอีกต่อไป เธอถูกไล่ออก”

“คุณอาศัยอะไรมาไล่ฉันออก ฉันทำอะไรผิด?” หลี่เสี่ยวห้วยขมวดคิ้วและถามอย่างไม่ยอมแพ้”

“ในธุรกิจการขายของเรา จุดสำคัญที่สุดก็คือ ต้องรู้จักสังเกต”

“พวกเราหยุนหูเป็นชุมชนระดับไฮเอนด์ ดังนั้นลูกค้าของเราจึงเป็นคนรวยและคนชั้นสูง เธอสามารถดูได้ว่าพวกเขาใส่เสื้อผ้าแบบไหน นาฬิกาแบบไหน และพวกเขาขับรถอะไร ถ้าพวกเขาดูแพงก็หมายความว่า ว่าพวกเขาเป็นคนที่มีศักยภาพในการเป็นลูกค้าของเรา เธอต้องปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี แต่ถ้ามองแล้วพวกเขาดูไม่เหมือนคนมีเงิน อย่างนั้นก็อย่าได้มัวแต่เสียเวลา ห้องระดับต่ำสุดจองพวกเราอย่างน้อยๆ ก็มีราคาเป็นล้านแล้ว เธอว่าเด็กคนนี้ซื้อได้หรือไง? ต่อให้เป็นเงินดาวน์ 20%พวกเขาก็จ่ายไม่ไหว”” ผู้จัดการกล่าว “แม้กระทั่งเรื่องง่ายๆ อย่างการสังเกตเธอยังทำไม่เป็น ฉันได้แต่บอกว่าเธอไม่เหมาะกับการเป็นพนักงานขาย””

“แขกมาหาฉันและขอให้ฉันพาเขาไปดูบ้าน ฉันก็นำพวกเขาไปดู แบบนี้คงไม่สามารถปฏิเสธได้หรอกมั้ง?” หลี่เสี่ยวห้วยเถียง

“ภายใต้สถานการณ์ปกติ พวกเราย่อมไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ถ้าเธอดูดีๆ เด็กชายคนนี้เป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆ เท่านั้น อีกทั้งเสื้อผ้าของเขาก็ยังพื้นเพทั่วไป อย่างมากก็แค่ร้อยสองร้อยหยวน เธอคิดว่าเขาสามารถซื้อห้องของพวกเราได้หรือไง? นี่แทบจะย่าหัวเราะเยาะ” ผู้จัดการหัวเราะเยาะอย่างโกรธๆ “ถ้าเขาจ่ายได้ฉันจะมอบตำแหน่งผู้จัดการให้เธอ”

“สายตามองคนยังไม่มี รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอ แล้วลาออกจากหยุนหูของพวกเราไปซะ”

“ยังมีนาย เจ้าเด็กหน้าเหม็น แต่งตัวอย่างกับขอทานบนท้องถนน อย่ามาที่หยุนหูของเราให้เสียสายตาอีก”

หลี่เสี่ยวห้วย “ไม่ทำก็ไม่ทำ หยุนหูยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน”

“พวกเราหยุนหูไม่ได้ยิ่งใหญ่ ถ้าเธอมีความสามารถพอ ก็ไปที่ลู่เฉิงเสียสิ ที่นั่นมีห้องอยู่ อีกทั้งยังแพงกว่าที่นี่เท่าหนึ่งด้วย” ผู้จัดการหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “แต่ถ้าภายในสามเดือนเธอขายบ้านไม่ได้ เกรงว่าที่นั่นคงจะไม่เอาเธอไว้แน่! “”

หลี่เสี่ยวห้วยโกรธอย่างมากแต่กลับทำอะไรไม่ได้

เธอได้แต่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและจากไป

“หลี่เสี่ยวเสี่ยว พนักงานขายเมื่อกี้เป็นพี่สาวของเธอใช่ไหม? ทำไมเธอถึงทำกับพี่สาวของเธอได้ขนาดนั้น?” เซี่ยลู่เห็นเข้าก็ทับถมอย่าสะใจ

“เธอยังไม่รู้หรือไง หลี่ฝางไม่มีเงินแล้ว เงินที่ถูกลอตเตอรี่ เขาใช้ไปจดหมดตั้งนานแล้ว”

หลี่เสี่ยวเสี่ยวมองไปที่หลี่ฝาง เธอกัดฟันและไม่พูด ในใจเกลียดหลี่ฝางแทบแย่ หากไม่ใช่เพราะหลี่ฝาง พี่สาวของเธอคงไม่ต้องเสียงานไป

ในขณะนี้ หลี่ฝางเป็นเหมือนคนใบ้

หลี่ฝางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่ต้องการอวดความมั่งคั่งต่อหน้าเซี่ยลู่และตู้เฟย แต่ในตอนนี้ เขากลับไร้หนทาง

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว หลี่เสี่ยวห้วยก็เรียกหลี่ฝางและหลี่เสี่ยวเสี่ยว “วันนี้พี่อารมณ์ไม่ดี พวกเธอไปดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อย””

“เดี๋ยวก่อน ผมยังไม่ได้ซื้อบ้าน” หลี่ฝางส่ายหัว

หลี่เสี่ยวห้วยตะลึงไปชั่วขณะ เธอขมวดคิ้วมองหลี่ฝาง “ฉันลาออกจากงานแล้ว ถ้านายอยากซื้อบ้าน ให้ไปซื้อที่อื่น”

หลี่เสี่ยวห้วยไม่เชื่อว่าหลี่ฝางจะสามารถซื้อบ้านได้เลย เธอพูดแบบนี้ เพื่อให้หลี่ฝางมีทางลง

แต่หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ผู้จัดการ “ผู้จัดการใช่ไหม? เมื่อกี้คุณบอกว่าถ้าผมมีเงินซื้อบ้านในหยุนหู คุณจะมอบตำแหน่งผู้จัดการให้พี่สาวของผมใช่ไหม? ”

“ฉันพูดไปก็จริง แต่นายสามารถจ่ายได้หรือเปล่าล่ะ? ”

“ผมอยากถามคุณหน่อย คุณไม่เคยได้ยินคำว่า คนเราไม่อาจ ตัดสินกันด้วยหน้าตา น้ำทะเลไม่อาจตวงวัดหรือไง” หลี่ฝางขมวดคิ้ว

“แน่นอนว่าฉันเคยได้ยิน แต่คนแบบนั้นฉันเห็นมานักต่อนัก ล้วนเป็นคนที่มีอายุมากไม่ก็วัยกลางคนขึ้นไปทั้งนั้น เด็กขนาดนาย หากมีเงินสักนิดหน่อยก็คงรีบไปซื้อเสื้อผ้ามาประดับตัวเองก่อนแล้ว ไหนเลยจะมาแต่งตัวซอมซ่อขนาดนี้?”

“อย่างนั้นคุณคงตาบอดไปแล้ว”

“เอาแบบนี้แล้วกัน ตำแหน่งผู้จัดการคุณเก็บเอาไว้ พี่สาวของผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไร หากผมซื้อห้องที่หยุนหูจริงๆ คุณก็แค่คลานไปรอบๆ สำนักงานแล้วเห่าสามครั้งเป็นไง?” หลี่ฝางพูดติดตลก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท