NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 65

ตอนที่ 65

บทที่ 65 ตู้เฟยมาหาเรื่องถึงที่

“คุณพระ นายมีเงินมากกว่าสามล้าน” ดวงตาของเซี่ยลู่เป็นประกายขึ้นมา เธอไม่เคยคิดเลยว่า หลี่ฝางมีเงินมากขนาดนี้

ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง ถ้ารู้แต่แรกว่าหลี่ฝางมีเงิน 3.5 ล้านหยวน เธอจะไปร่วมมือกับตู้เฟยทำร้ายเขาทำไมกัน

“ก็แปลกใจอยู่เชียวว่านายเอาความกล้าที่ไหนมาใช้เงิน ที่แท้นายก็มีมากกว่าสามล้าน” เซี่ยลู่เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน

หลี่ฝางจ้องมองการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของเซี่ยลู่และหัวเราะ

หลี่ฝางกลัวว่าเซี่ยลู่จะพูดออกไป ดังนั้นจึงเอ่ยเตือน “เธอรู้ก็พอแล้ว อย่าไปบอกคนอื่น”

“ฉันรู้ ฉันจะเก็บเป็นความลับให้นาย” เซี่ยลู่ใช้เวลานานในการฟื้นฟูกว่าจะสงบขึ้นมาได้

“แล้วตอนนี้นายมีเงินเท่าไหร่”

เซี่ยลู่ถามขึ้นมา หลี่ฝางที่กำลังจะตอบ จู่ๆ ก็มีตู้เฟยพาคนอื่นๆ พุ่งเข้ามาใส่

ทันทีที่ตู้เฟยพุ่งเข้ามา เขาก็ยกแขนขึ้นและตบเซี่ยลู่ทันที จากนั้นจึงชี้ไปที่จมูกของเธอและด่าว่า “เซี่ยลู่ นังผู้หญิงชั้นต่ำ”

“ไม่น่าล่ะทำไมฉันขอเธอคืนดีแต่เธอกลับไม่ยอม ที่แท้เธอก็ตกเจ้าหลี่ฝางนี่ได้แล้ว” ตู้เฟยกัดฟันของเขาและพูดอย่างเย็นชา “แม่งเอ้ย แกมันช่างสารเลวจริงๆ”

“ก่อนหน้านี้ตอนดีกับฉัน ทุกๆ วันเอาแต่ด่าหลี่ฝางให้ฉันฟัง มาวันนี้พอเห็นคนเขามีเงิน ยังไง ตกมันได้แล้ว เธอคิดว่าเธอมีความสามารถนักหรือไง ถึงทำให้คนซื้อสร้อยคอราคากว่า 30000 ให้ได้?” ตู้เฟยด่าด้วยความโกรธ

“ตู้เฟย นายเป็นบ้าหรือไง”

เซี่ยลู่กุมหน้าตน และมองไปที่ตู้เฟยด้วยดวงตาแดงก่ำ “พวกเราเลิกกันแล้ว นายอาศัยอะไรมายุ่งเรื่องของฉัน”

“ฉันจะอยู่กับใคร ใครซื้อของให้ฉัน มันไม่ใช่ธุระของนาย นายอาศัยอะไรมาตบฉัน! ” เซี่ยลู่พูดจบก็ถกแขนเสื้อขึ้นเตรียมสู้กลับ

แต่แค่เซี่ยลู่เพียงยกแขนขึ้น ตู้เฟยก็จับเธอได้แล้ว

“นังตัวดี ฉันอยากตบเธอก็ตบ ต้องหาเหตุผลด้วยหรือไง” ตู้เฟยพูดจบก็ตบเซี่ยลู่เข้าอีกครั้ง

เซี่ยลู่ร้องไห้ออกมาทันที

“ตู้เฟย พอแล้ว เซี่ยลู่เลิกกับนายแล้ว นายยังมาพัวพันกับเธออีกทำไม”

“ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายอย่างพวกนาย ตบตีผู้หญิงกลางถนน นายไม่อายหรือไง” หลี่ฝางมองไปที่ตู้เฟยอย่างดูถูก

ตู้เฟยมองไปที่หลี่ฝางจากนั้นจึงหัวเราะขึ้นมา “หลี่ฝาง แกมันก็ชั้นต่ำพอกัน แกลืมแล้วหรือไงว่าก่อนหน้านี้เธอเคยพูดอะไรกับนาย ลืมแล้วหรือไงว่าพวกฉันเคยร่วมมือกันใส่ร้ายนายยังไง”

“นายคิดว่าผู้หญิงสารเลวคนนี้ชอบนายจริงๆ หรือไง เธอก็แค่ต้องการเงินของนายเท่านั้น รอจนนายไม่มีเงิน เธอก็จะทิ้งนายทันที” ตู้เฟยเอ่ย

หลี่ฝางหัวเราะ “ใครบอกว่าฉันคบกับเซี่ยลู่?”

“พวกนายไม่ได้คบกัน แต่นายซื้อสร้อยคอราคามากกว่า 30000 ให้เธอ? แกกำลังทำลิงหลอกเจ้าอยู่หรือไง?” ตู้เฟยเบิ่งตาจ้องไปที่หลี่ฝาง

หลี่ฝางไม่ได้สนใจตู้เฟย ผู้ชายคนนี้ตอนนี้ก็เป็นเหมือนคนบ้าคนหนึ่ง

ตู้เฟยเอ่ยต่อ “หลี่ฝาง ฉันว่านายใจกว้างไม่เบา แม้กระทั่งวิดีโอของพวกเราบนเตียงนายก็ดูมาแล้ว ทำไมนายถึงยังคบกับเธอได้อีก”

“ฉันพูดซ้ำอีกที ฉันไม่ได้คบกับเซี่ยลู่” หลี่ฝางขมวดคิ้ว “ทำไมนายถึงไม่เข้าใจคำพูดคน”

“ตอแหล อย่ามาเล่นลิ้น ถ้าไม่ได้คบกันแล้วพวกนายจะมาเดินชอปปิ้ง ซื้อของขวัญไปทำไม”

ตู้เฟยพูดจบ ก็เดินเข้าไปหาหลี่ฝาง “ฉันจะบอกความลับกับนายให้”

“ความลับอะไร” หลี่ฝางถาม

“เซี่ยลู่ ในท้องเธอมีเด็กที่ตายไปแล้ว สองครั้ง ผู้หญิงแบบนี้นายก็เอา ฮ่าฮ่า ช่างน่าหัวเราะเยาะ! ” เมื่อตู้เฟยพูดจบก็หัวเราะออกมาดังลั่น

“ตู้เฟย แกมันไม่ใช่คน ฉันจะฆ่า! ” หลังจากเซี่ยลู่ได้ยินก็พุ่งเข้าตะครุบใส่ตู้เฟยอย่างบ้าคลั่ง ราวกับคนบ้า สิ่งนี้ เซี่ย

เมื่อมองไปที่ตู้เฟยและเซี่ยลู่อดีตคู่รักน่าสมเพชกำลังตบตีกัน หลี่ฝางก็แทบจะอยากหัวเราะ

เซี่ยลู่ไหนเลยจะเอาชนะตู้เฟยได้ เธอถูกตู้เฟยเตะลงบนพื้น และไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก

“ตู้เฟย นายบัดซบไม่น้อยเลย แม้กระทั่งผู้หญิงก็ยังตบตี” หลี่ฝางทนมองต่อไปไม่ไหวอยู่บ้าง ตู้เฟยคนนี้ลงมือโหดเกินไป แทบจะไม่เห็นว่าเซี่ยลู่เป็นผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ

ทุกครั้งเตะเข้าที่ท้องอย่างแรง ราวกับสัตว์ร้าย

“ฉันจะตีใครก็ตี แกมาเกี่ยวอะไรด้วย ทางที่ดีแกอย่าได้มาสะเออะ ไม่อย่างนั้นฉันจะตีแกด้วย” ตู้เฟยชี้ไปที่หลี่ฝางและพูดอย่างดุเดือด

ที่ตู้เฟยกล้าทำตัวกร่างขนาดนี้ ล้วนมีเหตุผลอยู่ นั่นเพราะเขาไม่ได้มาคนเดียว ด้านหลังยังมีอีกหลายคนที่ตามมา

“เซี่ยลู่ ฉันจะบอกเธอให้ เธอจงยอมกลับมาที่ข้างกายฉัน มาเป็นผู้หญิงของฉันแต่โดยดี ไม่อย่างนั้น แฟนที่เธอหามา ฉันจะช่วยเธอฉีกทิ้งซะ”

ตู้เฟยเอ่ยอย่างเย็นชา: “ผู้หญิงที่ฉันไม่ได้มา คนอื่นๆ ก็อย่าฝัน”

“ตู้เฟย แกอยากฆ่าฉันให้ตายจริงๆ ใช่ไหม!” เซี่ยลู่ที่นอนอยู่บนพื้นตะโกนออกมาอย่างหมดแรง

มีคนมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อง และหลายคนก็เข้ามาเพื่อดูความตื่นเต้น

“ใช่ ฉันจะฆ่าเธอ” ตู้เฟยเอ่ยอย่างร้ายกาจ

หลี่ฝางขมวดคิ้ว “ตู้เฟย นายเป็นถึงลูกเศรษฐี คิดจะหาแฟนสักคนก็คงจะไม่ได้ลำบากอะไร ทำไมนายถึงยังต้องตามพัวพันกับเซี่ยลู่จนเอาเป็นเอาตายขนาดนี้?”

“ฉันอยากทำ แกมาเกี่ยวอะไร ฉันจะบอกให้ หลี่ฝาง ต่อให้ฉันเล่นจนไม่เอาแล้ว แกก็ไม่มีวันได้” ตู้เฟยเอ่ย

“แม่งเอ้ย” หลี่ฝางทนไม่ไหวอีกต่อไป และเตะเข้าที่เอวของตู้เฟย

ตู้เฟยล้มลงนอนอยู่บนพื้น เขาชี้ไปที่หลี่ฝางและพูดกับพรรคพวก “พวกนายจะยืนบื้ออยู่ทำไม ไปจัดการให้ฉัน!”

คนที่ตู้เฟยเอามาถึงค่อยมีปฏิกิริยาขึ้นมา และพุ่งเข้าใส่หลี่ฝาง

ตู้เฟยนำคนสี่ห้าคน ไหนเลยหลี่ฝางจะสู้คนเดียวได้

หลี่ฝางหันหลังและเริ่มวิ่งหนี ด้านหนึ่งวิ่งด้านหนึ่งเอ่ยอย่างท้าทาย “มาสิ ไล่ตามฉัน ใครตามทันฉันจะให้ดมก้น ”

“ไล่ตามไปให้ทันและฆ่ามัน! ”

ตู้เฟยคลานขึ้นมาจากพื้นและเริ่มวิ่งนำคนของตัวเองไล่ล่าหลี่ฝาง

หลี่ฝางวิ่งไปประมาณสามนาที เขาวิ่งไปยังตรอกเล็กๆ และหยุดลง

“วิ่งสิ ทำไมไม่วิ่ง!” ตู้เฟยกำลังหอบแฮ่ก แต่บนปากกำลังหัวเราะเหมือนสุนัขพันธุ์ปั๊กไม่ผิด

ตู้เฟยคิดว่าหลี่ฝางไม่มีทางหนีแล้ว เขาพูดขึ้น “พวกนายเข้าไปจัดการ หักขาของมันให้ฉัน! ”

“พี่เฟย จะหักขาของมันเข้าจริงๆ หรือ” มีคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความกลัว

คนเหล่านี้รอบๆ ตัวตู้เฟย ล้วนเป็นนักเรียนทั้งหมด

หลังจากที่ตู้เฟยถูกไล่ออกจากโรงเรียนมัธยมหมายเลข 1 ตู้ต้าไห่ก็ส่งเขาไปที่โรงเรียนมัธยมหมายเลข 2 คุณภาพการสอนของที่นั่นย่ำแย่อย่างยิ่ง มีพวกอันธพาลมากมาย

เมื่อตู้เฟยเข้าไปที่นั่น ก็อาศัยว่าตนเองเป็นลูกเศรษฐี จากนั้นจึงคัดเลือกกลุ่มอันธพาลขนาดเล็กมาเป็นลูกน้องของตน และมีตนเองเป็นแกนนำเล็กๆ

“ใช่ หักไป หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นฉันรับผิดชอบแทนพวกแกเอง!” ตู้เฟยพยักหน้า

ในเวลานั้นเอง หลี่ฝางก็เผยยิ้มกว้าง

“เจ้าโง่ ใกล้จะตายอยู่แล้ว แกยังกล้าหัวเราะอะไรอีก” ตู้เฟยกลอกตาใส่หลี่ฝาง ท่าทางพูดไม่ออก

“คนใกล้ตายไม่ใช่ฉัน แต่เป็นแกต่างหาก”

หลี่ฝางยิ้มเบาๆ และตบประตู “จางกงหมิง ออกมาหน่อย! ”

“ไอ้เวรเอ้ย กลางวันแสกๆ ใครเรียกวะ!”

จางกงหมิงเปิดประตู และยิ้มให้หลี่ฝาง”นายนี่เอง เสี่ยวฝาง”

“ทำไมถึงมีเวลามาหาฉันที่นี่ได้” จางกงหมิงถาม

“พี่หมิง มีคนจะตีผมที่นี่!” หลี่ฝางชี้ไปที่ตู้เฟยและพรรคพวก

“เวรแล้ว กับดัก วิ่ง!”

ตู้เฟยได้สติทันที เขาร้องเสียงดัง จากนั้นจึงเริ่มวิ่งหนี

“พี่น้องทั้งหลาย เอาพวกมา” จางกงหมิงตะโกนใส่คนในห้อง และวิ่งตามตู้เฟยไป

ตู้เฟยวิ่งเร็วกว่าโจร แต่จางกงหมิงราวกับเคยวิ่งมาราธอนมาและวิ่งเร็วกว่าตู้เฟยไปอีก

จางกงหมิงวิ่งไปที่ทางเข้าตรอกและหยุดพวกตู้เฟยเอาไว้

เขาหรี่ตายิ้มและมองไปที่ ตู้เฟย”นี่ไม่ใช่ลูกของตู้ต้าไห่หรอกหรือ ใจกล้าดีนี่ กล้าหาเรื่องหลี่ฝางในเขตของฉัน ไม่อยากอยู่แล้วหรือไง! ”

ตู้เฟยหันกลับไปมองด้านหลัง มีชายเจ็ดหรือแปดคนมองเขาอยู่พร้อมไม้เบสบอลในมือ

หลี่ฝางค่อยๆ วิ่งเข้ามาและเดินมาที่ตู้เฟย “เมื่อกี้ยังเก่งอยู่เลยไม่ใช่หรือไง? จะหักขาฉัน?” นี้

หลี่ฝางหยิบไม้เบสบอลขึ้นมาและยื่นให้ตู้เฟย จากนั้นจึงวางขาของตนไปข้างหน้าเขา “มา ตีเลย”

ตู้เฟยกลืนน้ำลาย จากนั้นโยนไม้เบสบอลทิ้ง “พี่เสี่ยวฝาง เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นเอง”

“ล้อเล่นบ้านแก” หลี่ฝางตบหน้าตู้เฟย แต่ตู้เฟยกลับไม่กล้าแม้กระทั่งผายลมออกมา

“เสี่ยวฝาง นายจะจัดการเขายังไง” จางกงหมิงมองไปที่หลี่ฝางและถาม

“ไม่ต้องรีบ” หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาเซี่ยลู่

หลังจากรอเซี่ยลู่มา หลี่ฝางก็พูดกับเธอ “ให้เธอ เธอจะตียังไงก็ตีเถอะ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท