บทที่79 ตอนนี้ผมเป็นลูกพี่ใหญ่แล้ว ไม่จำเป็นต้องฟังใคร
“ผมด่าคนที่ทุบโต๊ะ ด่าว่าเขาโง่ ไม่ได้ด่าคุณ” ส้าวส้วยพูด
“ผมทุบเอง” พี่เฉียงพูดด้วยความโมโห
“งั้นก็ไม่ผิด ด่าคุณนั่นแหละ คุณมันโง่” ส้าวส้วยพูดด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น
พี่เฉียงยกหมัดขึ้นมา ปล่อยไปที่ส้าวส้วย เมื่อกี๊พี่เฉียงได้โชว์พลังหมัดของตัวเองไปแล้ว หมัดของเขาทำให้โต๊ะเหล้าแตกได้
หลี่ฝางคิดในใจ หมัดนี้ถ้าปล่อยไปที่หน้าคน ต้องสลบไปแน่
ทุกคนต่างเหงื่อแตกเพราะส้าวส้วย แต่ใครจะไปรู้ว่าส้าวส้วยกลับยื่นมือออกไป กันหมัดของพี่เฉียง
ส้าวส้วยปล่อยหมัดไปที่พี่เฉียง พูดขำๆ : “ทำของพังก็ต้องชดใช้”
“โต๊ะนี้แปดหมื่น ผมคิดบัญชีไว้แล้วนะ” ส้าวส้วยหัวเราะเบาๆ คลายกำปั้นพี่เฉียงออก
เวลานี้ สีหน้าของพี่เฉียงก็ซีเรียสผิดปกติ
“หมายความว่าไง พี่เฉียง ไอ้บ้านั่นว่าคุณ ทำไมคุณไม่จัดการมันไปหน่อย?” ลู่ปินถามโง่ๆ
“จัดการอะไรอ่ะ มองไม่ออกเหรอ เด็กนั่นก็เป็นรู้ศิลปะการต่อสู้!” พี่เฉียงจ้องลู่ปินอย่างเยือกเย็นเขม็ง
เมื่อครู่พี่เฉียงถือว่ารับมือกับส้าวส้วย ดูจากพลังอย่างเดียวแล้ว ชัดเจนมากว่าส้าวส้วยชนะเห็นๆ
“พี่เฉียง พนักงานเสิร์ฟเพิ่งบอกว่าโต๊ะนี้แปดหมื่น ถ้าคิดบัญชีพวกเรา หมายความว่าแบล็กเมล์เรา” ลู่ปินเสียใจเล็กน้อย เพิ่งจะถูกโกงไปแสนหนึ่ง แล้วก็ยังมาอีกแปดหมื่น?
ลู่ปินรับไม่ค่อยได้
พี่เฉียงไม่ได้พูด แต่เห็นได้ชัดว่ารับทราบบัญชีนี้แล้ว
“คิดไม่ถึงว่าพนักงานตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะเจ๋งขนาดนั้น ไม่น่าล่ะตั้งแต่เปิดมาจนตอนนี้ ไม่มีใครกล้าก่อเรื่องที่ผับนี่” พี่เฉียงดื่มเหล้าไปอึกหนึ่ง พยายามทำให้ใจเย็น
ไม่ว่าจะเป็นความไวของการปล่อยหมัด หรือว่าแรง พี่เฉียงก็รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของส้าวส้วย
ดังนั้น อย่าว่าแต่ส้าวส้วยจะให้เขาชดใช้แปดหมื่นเลย ถึงต้องชดใช้แปดแสน เขาก็ได้แต่ยอม
“พี่เฉียง หมัดของพี่เจ๋งสุดๆ เลย แปดหมื่น” หลี่ฝางพูดเหยียด
“ไอ้เด็กเลว ดีใจในความทุกข์คนอื่นเหรอไง” พี่เฉียงจ้องหลี่ฝางเขม็ง
หลี่ฝางหัวเราะ พูด: “พวกเราคุยเรื่องชดใช้รถต่อกันดีกว่า”
พี่เฉียงกลอกตาใส่หลี่ฝาง: “เด็กเลว รถก็ไม่ใช่ของคุณ ถึงพวกเราจะชดใช้ ก็ไม่ต้องชดใช้ให้คุณ”
พูดจบ พี่เฉียงมองถังหยู่ซวนแวบหนึ่ง พูด: “ถังหยู่ซวน ผมถามคุณ รถนั่นจะให้พวกเราชดใช้ไหม?”
พูดไป พี่เฉียงก็เอามือมานวดไหล่ถังหยู่ซวน บีบไปแรงๆ
ถังหยู่ซวนกัดฟัน ท่าทางเหมือนเจ็บมาก
“พี่เฉียง ไม่ต้องชดใช้ ผมยอมครับ” ถังหยู่ซวนพูดอย่างเจ็บปวด
“น้องชาย ได้ยินไหม ถังหยู่ซวนบอกว่าไม่ต้องชดใช้” พี่เฉียงหัวเราะออกมา
หลี่ฝางจ้องถังหยู่ซวนเขม็ง หดหู่เล็กน้อย
ยังไงเจ้าของรถก็คือถังหยู่ซวน ตอนนี้ถังหยู่ซวนบอกว่าช่างมันเถอะ แล้วตัวเองจะไปยุ่งอีก?
พี่เฉียงก็ไม่ได้คิดจะปล่อยถังหยู่ซวนอยู่แล้ว จึงได้พูดต่อ: “ใช่สิ ถังหยู่ซวน ไม่ใช่ว่าคุณอยากเรียกผมออกไปเลี้ยงเหล้าทุกวันอยู่เหรอ วันนี้พี่ให้โอกาสคุณแล้ว”
“งั้นบัญชีนี้ก็คิดที่คุณละกัน” พี่เฉียงพูดยิ้มๆ ด้วยใบหน้าหม่นลง
“อ๋า?” ถังหยู่ซวนเงยหน้าขึ้นด้วยความกลัว
ส้าวส้วยเพิ่งพูดจบ ที่ต้องชดใช้แปดหมื่นก็คิดรวมในบัญชี หมายความว่า ถ้าถังหยู่ซวนรับปากว่าจะจ่ายให้ ก็ต้องรวมแปดหมื่นนั่นไปด้วย
ถังหยู่ซวนส่ายหน้า: “พี่เฉียง ไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้ เงินเดือนหนึ่งเดือนของผมน้อยขนาดนั้น ก็ยังใช้เองไม่พอเลย ผมจะเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจ่ายวันนี้ได้ไงกัน?”
“ถังหยู่ซวน คุณไม่มี แต่เพื่อนคุณมีนี่” พี่เฉียงชี้ไปที่หลี่ฝาง พูด: “ผมได้ยินปินจื่อพูด เพื่อนคุณทุบBMWของเขา ไม่พูดอะไรก็จ่ายชดใช้ไปสี่แสนสองเลย”
“เพื่อนคุณดูรวยนะ แค่แปดหมื่นสำหรับเขาแล้วคงไม่หนักหนาอะไร” พี่เฉียงพูดยิ้มๆ
“ปินจื่อ พวกเราไป” พี่เฉียงตบไหล่ลู่ปิน ลุกขึ้นจะออกไป
“เดี๋ยว!” หลี่ฝางยืนขึ้น เรียกเขาไว้
หลี่ฝางมองพี่เฉียงอย่างเยือกเย็น: “เหล้านั่นพวกคุณสั่ง แล้วพวกคุณก็ดื่มด้วย โต๊ะเหล้านี้ก็เป็นพวกคุณที่ทำพัง ตอนนี้อยากจะไป มันจะง่ายขนาดนั้นเชียว?”
พี่เฉียงจับถังหยู่ซวนขึ้นมา: “ผมบอกแล้ว วันนี้บิลโต๊ะนี้เขาจะจ่าย ใช่ไหม ถังหยู่ซวน?”
หลี่ฝางร้อนใจ ตอนที่จะเรียกส้าวส้วยมา จางกงหมิงก็พาคนมาพอดี
พอจางกงหมิงเข้ามา หลี่ฝางก็กล้าหาญขึ้นมา ไปที่ข้างหูจางกงหมิงแล้วพูด จางกงหมิงพยักหน้า พูด: “ผมรู้แล้วว่าควรทำอย่างไร”
“นี่ไม่ใช่พี่ต้าเฉียงเหรอ?” จางกงหมิงมองต้าเฉียง หัวเราะออกมา
“จางกงหมิง คุณมาทำอะไร?” ต้าเฉียงมองจางกงหมิงอย่างเหยียดหยาม
จางกงหมิงเดินเข้าไป เอาถังหยู่ซวนเข้ามาในอ้อมแขน: “ผมได้ยินว่ามีคนมารังแกน้องชายผม ดังนั้นก็เลยมาดู”
“ไม่คิดว่าจะเป็นพี่ต้าเฉียง” จางกงหมิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ถังหยู่ซวนกลายเป็นน้องชายจางกงหมิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ต้าเฉียงพูดอย่างเย็นชา
จางกงหมิงกลอกตาใส่ถังหยู่ซวน พูดตำหนิ: “หยู่ซวน พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ต่อไปเจอปัญหาอะไร ก็เรียกชื่อพี่ออกมา ทำไมคุณไม่ฟังล่ะ”
“คุณคิดว่าพี่เป็นพวกนักเลง ก็เลยเกลียดพี่?” จางกงหมิงพูด
ถังหยู่ซวนตะลึงทันที: “จะเป็นไปได้ไง พี่หมิง ผมจะกล้าเกลียดคุณได้ไง”
“ใช่ไหมล่ะ ถึงพี่จะเป็นนักเลง แต่พี่ไม่เหมือนคนบางคน ได้แต่รังแกคนต่ำต้อยกว่า เอาแต่รังแกคนอ่อนแอ” จางกงหมิงพูดหัวเราะอย่างเหยียดหยาม
“จางกงหมิง คุณว่าใคร”
“ผมว่าใครในใจคนนั้นก็น่าจะรู้ดี ต้าเฉียง ผมว่าน้องชายผมซื่อสัตย์ รังแกน้องชายผมเหรอ” จางกงหมิงเดินไปข้างหน้า มาตรงหน้าต้าเฉียง: “ทุบรถน้องชายผม ไม่ชดใช้ก็ว่าไปอย่างแล้ว ยังอยากให้ผมจ่ายเงินให้คุณ คุณเห็นน้องชายผมเป็นอะไร คนโง่ตามคนไม่ทันเหรอ?”
“ต้าเฉียง ผมจะบอกให้นะ ถ้าวันนี้คุณไม่ชดใช้รถน้องชายผม ไม่จ่ายบิล ผมรับรองว่าคุณออกไปจากผับนี้ไม่ได้แน่” จางกงหมิงพูดข่มขู่อย่างเยือกเย็น
“แค่พวกคุณไม่กี่คนนี้?” พี่เฉียงเหลือบมองคนที่จางกงหมิงพามา: “คุณคิดว่าแค่พวกคุณไม่กี่คนนี้ ก็จะขวางผมได้?”
“ต้าเฉียง ผมรู้ว่าคุณสู้ได้ ถึงพวกเราสี่ห้าคนนี้ ยังก็ขวางคุณไม่ได้” จางกงหมิงหัวเราะ: “แต่คุณคิดว่าผมพามาแค่นี้เหรอ?”
“คนของผมยืนอยู่หน้าผับ ไม่งั้นคุณก็ไปดู ว่าคุณจะล้มพวกเขาทั้งหมดได้ไหม” มุมปากจางกงหมิงยกขึ้น มองจางกงหมิง: “ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ ก็ไม่ต้องจ่ายบิล แล้วก็ไม่ต้องชดใช้รถน้องชายผม”
จางกงหมิงมองหน้าผับแวบหนึ่ง หน้าผับมีคนยืนอยู่เต็มจริงๆ
อีกอย่างคนพวกนี้ ต่างถือแท่งเหล็ก มองมาทางนี้
“ในผับนี้มีคนปกคลุมอยู่ ดังนั้นผมจะไม่ทำร้ายคุณในนี้ แต่ตราบใดที่คุณก้าวออกไปจากผับ ผมรับรองว่าคุณล้มไปที่พื้นแน่” จางกงหมิงนั่งลงดื่มเหล้า พูดไปเรียบๆ
พี่เฉียงขมวดคิ้วแน่น: “จางกงหมิง ลูกพี่หลี่เป็นลูกพี่ใหญ่ที่เขตเมืองตะวันออกสิบกว่าปี ก็ยังไม่กล้าแตะต้องผมต้าเฉียงสักนิดเดียว แต่คุณเพิ่งจะเป็นลูกพี่ใหญ่ของเขตเมืองตะวันออกไม่กี่วัน ก็เห็นผมเป็นศัตรูแล้ว?”
“ลูกพี่หลี่ ไอ้คนขี้แพ้นั่น แก่แล้ว ขี้ขลาด จะเทียบกับผมได้ไง” จางกงหมิงพูดนิ่งๆ : “เรื่องที่เขาไม่กล้าทำ ไม่ได้หมายความว่าผม จางกงหมิงจะไม่กล้า”
“ต้าเฉียง ผมให้เวลาคุณสามวินาที คุณลองพิจารณาดู”
“ถ้าคุณอยากกระทบกระทั่ง พวกเราก็มาประลองกันหน่อย ถ้าไม่อยากกระทบกระทั่ง……” จางกงหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็น: “พูดให้มันมั่นใจ ถ้าคุณไม่กล้ากระทบกระทั่ง ก็เชื่อฟังผมโยการจ่ายบิล แล้วก็ชดใช้ค่ารถ”
“ผมเริ่มนับแล้วนะ” จางกงหมิงพูดจบ ก็เอาขาวางไว้บนโต๊ะเหล้า จากนั้นยื่นนิ้วไปสามนิ้ว
“สาม!”
“พี่เฉียง ทำไงดีล่ะ?” เวลานี้ ลู่ปินก็กลัวขึ้นมา
“สอง!”
พี่เฉียงไม่เคลื่อนไหวสักนิด ลู่ปินกลับตกใจจนตัวสั่น คนที่ยืมอยู่หน้าประตูสิบกว่าคนนั้น แต่ละคนต่างถือเหล็ก พี่เฉียงเจ๋งแค่ไหน ก็ไม่มีทางสู้คนมากมายขนาดนั้นได้
“หนึ่ง!”
จางกงหมิงขมวดคิ้ว สีหน้าดูหม่นลง
จางกงหมิงนับถึงสามเสร็จ แต่ต้าเฉียงก็ยังไม่อ่อนข้อให้
ต้าเฉียงโทรหาลูกพี่หลิน หลังจากคุยไปเล็กน้อย เขาก็เอาโทรศัพท์ให้จางกงหมิง: “จางกงหมิง ลุงของคุณมีอะไรจะพูดด้วย”
จางกงหมิงรับโทรศัพท์ต้าเฉียงมา ใบหน้ายิ้มเล็กน้อย
“พี่เฉียง เหมือนคุณจะลืมเรื่องบางเรื่อง” จางกงหมิงเอาโทรศัพท์ทิ้งลงไปในแก้วเหล้า
“ตอนนี้ผมคือลูกพี่ใหญ่แล้ว ไม่จำเป็นต้องฟังใคร”