NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 79

ตอนที่ 79

บทที่79 ตอนนี้ผมเป็นลูกพี่ใหญ่แล้ว ไม่จำเป็นต้องฟังใคร

“ผมด่าคนที่ทุบโต๊ะ ด่าว่าเขาโง่ ไม่ได้ด่าคุณ” ส้าวส้วยพูด

“ผมทุบเอง” พี่เฉียงพูดด้วยความโมโห

“งั้นก็ไม่ผิด ด่าคุณนั่นแหละ คุณมันโง่” ส้าวส้วยพูดด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น

พี่เฉียงยกหมัดขึ้นมา ปล่อยไปที่ส้าวส้วย เมื่อกี๊พี่เฉียงได้โชว์พลังหมัดของตัวเองไปแล้ว หมัดของเขาทำให้โต๊ะเหล้าแตกได้

หลี่ฝางคิดในใจ หมัดนี้ถ้าปล่อยไปที่หน้าคน ต้องสลบไปแน่

ทุกคนต่างเหงื่อแตกเพราะส้าวส้วย แต่ใครจะไปรู้ว่าส้าวส้วยกลับยื่นมือออกไป กันหมัดของพี่เฉียง

ส้าวส้วยปล่อยหมัดไปที่พี่เฉียง พูดขำๆ : “ทำของพังก็ต้องชดใช้”

“โต๊ะนี้แปดหมื่น ผมคิดบัญชีไว้แล้วนะ” ส้าวส้วยหัวเราะเบาๆ คลายกำปั้นพี่เฉียงออก

เวลานี้ สีหน้าของพี่เฉียงก็ซีเรียสผิดปกติ

“หมายความว่าไง พี่เฉียง ไอ้บ้านั่นว่าคุณ ทำไมคุณไม่จัดการมันไปหน่อย?” ลู่ปินถามโง่ๆ

“จัดการอะไรอ่ะ มองไม่ออกเหรอ เด็กนั่นก็เป็นรู้ศิลปะการต่อสู้!” พี่เฉียงจ้องลู่ปินอย่างเยือกเย็นเขม็ง

เมื่อครู่พี่เฉียงถือว่ารับมือกับส้าวส้วย ดูจากพลังอย่างเดียวแล้ว ชัดเจนมากว่าส้าวส้วยชนะเห็นๆ

“พี่เฉียง พนักงานเสิร์ฟเพิ่งบอกว่าโต๊ะนี้แปดหมื่น ถ้าคิดบัญชีพวกเรา หมายความว่าแบล็กเมล์เรา” ลู่ปินเสียใจเล็กน้อย เพิ่งจะถูกโกงไปแสนหนึ่ง แล้วก็ยังมาอีกแปดหมื่น?

ลู่ปินรับไม่ค่อยได้

พี่เฉียงไม่ได้พูด แต่เห็นได้ชัดว่ารับทราบบัญชีนี้แล้ว

“คิดไม่ถึงว่าพนักงานตัวเล็กๆ คนหนึ่งจะเจ๋งขนาดนั้น ไม่น่าล่ะตั้งแต่เปิดมาจนตอนนี้ ไม่มีใครกล้าก่อเรื่องที่ผับนี่” พี่เฉียงดื่มเหล้าไปอึกหนึ่ง พยายามทำให้ใจเย็น

ไม่ว่าจะเป็นความไวของการปล่อยหมัด หรือว่าแรง พี่เฉียงก็รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของส้าวส้วย

ดังนั้น อย่าว่าแต่ส้าวส้วยจะให้เขาชดใช้แปดหมื่นเลย ถึงต้องชดใช้แปดแสน เขาก็ได้แต่ยอม

“พี่เฉียง หมัดของพี่เจ๋งสุดๆ เลย แปดหมื่น” หลี่ฝางพูดเหยียด

“ไอ้เด็กเลว ดีใจในความทุกข์คนอื่นเหรอไง” พี่เฉียงจ้องหลี่ฝางเขม็ง

หลี่ฝางหัวเราะ พูด: “พวกเราคุยเรื่องชดใช้รถต่อกันดีกว่า”

พี่เฉียงกลอกตาใส่หลี่ฝาง: “เด็กเลว รถก็ไม่ใช่ของคุณ ถึงพวกเราจะชดใช้ ก็ไม่ต้องชดใช้ให้คุณ”

พูดจบ พี่เฉียงมองถังหยู่ซวนแวบหนึ่ง พูด: “ถังหยู่ซวน ผมถามคุณ รถนั่นจะให้พวกเราชดใช้ไหม?”

พูดไป พี่เฉียงก็เอามือมานวดไหล่ถังหยู่ซวน บีบไปแรงๆ

ถังหยู่ซวนกัดฟัน ท่าทางเหมือนเจ็บมาก

“พี่เฉียง ไม่ต้องชดใช้ ผมยอมครับ” ถังหยู่ซวนพูดอย่างเจ็บปวด

“น้องชาย ได้ยินไหม ถังหยู่ซวนบอกว่าไม่ต้องชดใช้” พี่เฉียงหัวเราะออกมา

หลี่ฝางจ้องถังหยู่ซวนเขม็ง หดหู่เล็กน้อย

ยังไงเจ้าของรถก็คือถังหยู่ซวน ตอนนี้ถังหยู่ซวนบอกว่าช่างมันเถอะ แล้วตัวเองจะไปยุ่งอีก?

พี่เฉียงก็ไม่ได้คิดจะปล่อยถังหยู่ซวนอยู่แล้ว จึงได้พูดต่อ: “ใช่สิ ถังหยู่ซวน ไม่ใช่ว่าคุณอยากเรียกผมออกไปเลี้ยงเหล้าทุกวันอยู่เหรอ วันนี้พี่ให้โอกาสคุณแล้ว”

“งั้นบัญชีนี้ก็คิดที่คุณละกัน” พี่เฉียงพูดยิ้มๆ ด้วยใบหน้าหม่นลง

“อ๋า?” ถังหยู่ซวนเงยหน้าขึ้นด้วยความกลัว

ส้าวส้วยเพิ่งพูดจบ ที่ต้องชดใช้แปดหมื่นก็คิดรวมในบัญชี หมายความว่า ถ้าถังหยู่ซวนรับปากว่าจะจ่ายให้ ก็ต้องรวมแปดหมื่นนั่นไปด้วย

ถังหยู่ซวนส่ายหน้า: “พี่เฉียง ไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้ เงินเดือนหนึ่งเดือนของผมน้อยขนาดนั้น ก็ยังใช้เองไม่พอเลย ผมจะเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจ่ายวันนี้ได้ไงกัน?”

“ถังหยู่ซวน คุณไม่มี แต่เพื่อนคุณมีนี่” พี่เฉียงชี้ไปที่หลี่ฝาง พูด: “ผมได้ยินปินจื่อพูด เพื่อนคุณทุบBMWของเขา ไม่พูดอะไรก็จ่ายชดใช้ไปสี่แสนสองเลย”

“เพื่อนคุณดูรวยนะ แค่แปดหมื่นสำหรับเขาแล้วคงไม่หนักหนาอะไร” พี่เฉียงพูดยิ้มๆ

“ปินจื่อ พวกเราไป” พี่เฉียงตบไหล่ลู่ปิน ลุกขึ้นจะออกไป

“เดี๋ยว!” หลี่ฝางยืนขึ้น เรียกเขาไว้

หลี่ฝางมองพี่เฉียงอย่างเยือกเย็น: “เหล้านั่นพวกคุณสั่ง แล้วพวกคุณก็ดื่มด้วย โต๊ะเหล้านี้ก็เป็นพวกคุณที่ทำพัง ตอนนี้อยากจะไป มันจะง่ายขนาดนั้นเชียว?”

พี่เฉียงจับถังหยู่ซวนขึ้นมา: “ผมบอกแล้ว วันนี้บิลโต๊ะนี้เขาจะจ่าย ใช่ไหม ถังหยู่ซวน?”

หลี่ฝางร้อนใจ ตอนที่จะเรียกส้าวส้วยมา จางกงหมิงก็พาคนมาพอดี

พอจางกงหมิงเข้ามา หลี่ฝางก็กล้าหาญขึ้นมา ไปที่ข้างหูจางกงหมิงแล้วพูด จางกงหมิงพยักหน้า พูด: “ผมรู้แล้วว่าควรทำอย่างไร”

“นี่ไม่ใช่พี่ต้าเฉียงเหรอ?” จางกงหมิงมองต้าเฉียง หัวเราะออกมา

“จางกงหมิง คุณมาทำอะไร?” ต้าเฉียงมองจางกงหมิงอย่างเหยียดหยาม

จางกงหมิงเดินเข้าไป เอาถังหยู่ซวนเข้ามาในอ้อมแขน: “ผมได้ยินว่ามีคนมารังแกน้องชายผม ดังนั้นก็เลยมาดู”

“ไม่คิดว่าจะเป็นพี่ต้าเฉียง” จางกงหมิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น

“ถังหยู่ซวนกลายเป็นน้องชายจางกงหมิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” ต้าเฉียงพูดอย่างเย็นชา

จางกงหมิงกลอกตาใส่ถังหยู่ซวน พูดตำหนิ: “หยู่ซวน พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ต่อไปเจอปัญหาอะไร ก็เรียกชื่อพี่ออกมา ทำไมคุณไม่ฟังล่ะ”

“คุณคิดว่าพี่เป็นพวกนักเลง ก็เลยเกลียดพี่?” จางกงหมิงพูด

ถังหยู่ซวนตะลึงทันที: “จะเป็นไปได้ไง พี่หมิง ผมจะกล้าเกลียดคุณได้ไง”

“ใช่ไหมล่ะ ถึงพี่จะเป็นนักเลง แต่พี่ไม่เหมือนคนบางคน ได้แต่รังแกคนต่ำต้อยกว่า เอาแต่รังแกคนอ่อนแอ” จางกงหมิงพูดหัวเราะอย่างเหยียดหยาม

“จางกงหมิง คุณว่าใคร”

“ผมว่าใครในใจคนนั้นก็น่าจะรู้ดี ต้าเฉียง ผมว่าน้องชายผมซื่อสัตย์ รังแกน้องชายผมเหรอ” จางกงหมิงเดินไปข้างหน้า มาตรงหน้าต้าเฉียง: “ทุบรถน้องชายผม ไม่ชดใช้ก็ว่าไปอย่างแล้ว ยังอยากให้ผมจ่ายเงินให้คุณ คุณเห็นน้องชายผมเป็นอะไร คนโง่ตามคนไม่ทันเหรอ?”

“ต้าเฉียง ผมจะบอกให้นะ ถ้าวันนี้คุณไม่ชดใช้รถน้องชายผม ไม่จ่ายบิล ผมรับรองว่าคุณออกไปจากผับนี้ไม่ได้แน่” จางกงหมิงพูดข่มขู่อย่างเยือกเย็น

“แค่พวกคุณไม่กี่คนนี้?” พี่เฉียงเหลือบมองคนที่จางกงหมิงพามา: “คุณคิดว่าแค่พวกคุณไม่กี่คนนี้ ก็จะขวางผมได้?”

“ต้าเฉียง ผมรู้ว่าคุณสู้ได้ ถึงพวกเราสี่ห้าคนนี้ ยังก็ขวางคุณไม่ได้” จางกงหมิงหัวเราะ: “แต่คุณคิดว่าผมพามาแค่นี้เหรอ?”

“คนของผมยืนอยู่หน้าผับ ไม่งั้นคุณก็ไปดู ว่าคุณจะล้มพวกเขาทั้งหมดได้ไหม” มุมปากจางกงหมิงยกขึ้น มองจางกงหมิง: “ถ้าคุณคิดว่าคุณทำได้ ก็ไม่ต้องจ่ายบิล แล้วก็ไม่ต้องชดใช้รถน้องชายผม”

จางกงหมิงมองหน้าผับแวบหนึ่ง หน้าผับมีคนยืนอยู่เต็มจริงๆ

อีกอย่างคนพวกนี้ ต่างถือแท่งเหล็ก มองมาทางนี้

“ในผับนี้มีคนปกคลุมอยู่ ดังนั้นผมจะไม่ทำร้ายคุณในนี้ แต่ตราบใดที่คุณก้าวออกไปจากผับ ผมรับรองว่าคุณล้มไปที่พื้นแน่” จางกงหมิงนั่งลงดื่มเหล้า พูดไปเรียบๆ

พี่เฉียงขมวดคิ้วแน่น: “จางกงหมิง ลูกพี่หลี่เป็นลูกพี่ใหญ่ที่เขตเมืองตะวันออกสิบกว่าปี ก็ยังไม่กล้าแตะต้องผมต้าเฉียงสักนิดเดียว แต่คุณเพิ่งจะเป็นลูกพี่ใหญ่ของเขตเมืองตะวันออกไม่กี่วัน ก็เห็นผมเป็นศัตรูแล้ว?”

“ลูกพี่หลี่ ไอ้คนขี้แพ้นั่น แก่แล้ว ขี้ขลาด จะเทียบกับผมได้ไง” จางกงหมิงพูดนิ่งๆ : “เรื่องที่เขาไม่กล้าทำ ไม่ได้หมายความว่าผม จางกงหมิงจะไม่กล้า”

“ต้าเฉียง ผมให้เวลาคุณสามวินาที คุณลองพิจารณาดู”

“ถ้าคุณอยากกระทบกระทั่ง พวกเราก็มาประลองกันหน่อย ถ้าไม่อยากกระทบกระทั่ง……” จางกงหมิงยิ้มอย่างเยือกเย็น: “พูดให้มันมั่นใจ ถ้าคุณไม่กล้ากระทบกระทั่ง ก็เชื่อฟังผมโยการจ่ายบิล แล้วก็ชดใช้ค่ารถ”

“ผมเริ่มนับแล้วนะ” จางกงหมิงพูดจบ ก็เอาขาวางไว้บนโต๊ะเหล้า จากนั้นยื่นนิ้วไปสามนิ้ว

“สาม!”

“พี่เฉียง ทำไงดีล่ะ?” เวลานี้ ลู่ปินก็กลัวขึ้นมา

“สอง!”

พี่เฉียงไม่เคลื่อนไหวสักนิด ลู่ปินกลับตกใจจนตัวสั่น คนที่ยืมอยู่หน้าประตูสิบกว่าคนนั้น แต่ละคนต่างถือเหล็ก พี่เฉียงเจ๋งแค่ไหน ก็ไม่มีทางสู้คนมากมายขนาดนั้นได้

“หนึ่ง!”

จางกงหมิงขมวดคิ้ว สีหน้าดูหม่นลง

จางกงหมิงนับถึงสามเสร็จ แต่ต้าเฉียงก็ยังไม่อ่อนข้อให้

ต้าเฉียงโทรหาลูกพี่หลิน หลังจากคุยไปเล็กน้อย เขาก็เอาโทรศัพท์ให้จางกงหมิง: “จางกงหมิง ลุงของคุณมีอะไรจะพูดด้วย”

จางกงหมิงรับโทรศัพท์ต้าเฉียงมา ใบหน้ายิ้มเล็กน้อย

“พี่เฉียง เหมือนคุณจะลืมเรื่องบางเรื่อง” จางกงหมิงเอาโทรศัพท์ทิ้งลงไปในแก้วเหล้า

“ตอนนี้ผมคือลูกพี่ใหญ่แล้ว ไม่จำเป็นต้องฟังใคร”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท