NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 95

ตอนที่ 95

บทที่95 ลูกพี่หลินมาแล้ว

“พี่หมิง ช่วยผม……”

คนที่อยู่บนเพื้นร้องขอให้ช่วยชีวิตไปที่จางกงหมิง ร่างกายส่วนบนไม่มีอีกแล้ว

สองมือถูกตัด ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด

ส่วนไอ้หน้าหนวดนั่น ยังคงทำตัวสบายๆ เหมือนว่าสำหรับเขาแล้ว กองเลือดไม่มีผลใดๆ ต่อการลิ้มรสชาของเขา

“จางกงหมิง ยังคิดจะทำเป็นไม่รู้เรื่องกับผมอีกไหม?”

ไอ้หน้าหนวดโบกมือ คนที่อยู่ตรงพื้นถูกลากออกไป แล้วบนพื้นก็มีกองเลือดทิ้งไว้

“ถ้าคุณทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกต่อไป งั้นก็ไม่มีความหมาย” เห็นจางกงหมิงไม่พูด ไอ้หน้าหนวดส่ายหน้า

“ชาใกล้หมดแล้ว ความอดทนผมก็จะหมดตาม คุณดูสิ ผมพูดกับคุณอย่างสง่า คุณกลับทำเป็นใบ้” ไอ้หน้าหนวดผิดหวังหน่อยๆ

“โอเค เป็นใบ้ต่อไปเถอะ รอผมดื่มชาเสร็จ แล้วจะลากเข้ามา ก็คือภรรยาคุณเอง” ไอ้หน้าหนวดขมวดคิ้วเล็กน้อย จิบชา พูด: “ชาเย็นแล้ว รสจะฝาดได้ ดูเหมือนผมต้องรีบดื่ม”

จางกงหมิงตกใจ

ไม่ใช่ว่าเขาตกใจเพราะเลือดพวกนี้ เขาเป็นนักเลงมาสิบกว่าปี มีภาพแบบไหนที่ไม่เคยเห็นบ้าง?

ก็แค่ ในหัวเขามีภาพขึ้นมาแวบหนึ่ง นั่นก็คือภาพภรรยาของตัวเองถูกตัดมือทั้งสองข้าง

แค่คิด จางกงหมิงก็หมดเรี่ยวแรงล้มลงไปที่พื้น

“คุณต้องการอะไร?”

จางกงหมิงไม่มีคำพูดเหลวไหลใดๆ พูดตรงๆ : “แค่คุณปล่อยภรรยาผม ผมให้ได้หมดทั้งนั้น”

“พูดแบบนี้แล้ว คุณยอมรับเรื่องที่ว่าโกงเงินผมไป?” ไอ้หน้าหนวดพูดอย่างโกรธๆ

“ผมยอมรับ” จางกงหมิงพยักหน้า เวลานี้ เขาจะเถียงได้ไง?

แค่ภรรยาของตัวเองอยู่ในมือกำมืออีกฝ่าย แล้วก็เวลานั้นที่ผู้ชายคนนั้นถูกลากออก จางกงหมิงก็รู้ว่าเรื่องเปิดเผยแล้ว

ผู้ชายคนนั้นที่ถูกตัดมือ คือนักต้มตุ๋นอายุน้อยที่เพิ่งเข้าสู่วงการมืดในพื้นที่ของตงไห่ หลายวันก่อนเขาเจอจางกงหมิง บอกว่าตัวเองเจอคนคนหนึ่งที่มีเงินและหลอกง่ายเปรียบได้กับแกะเนื้อแน่นชั้นดีตัวหนึ่ง จึงถามจางกงหมิงร่วมมือกับเขาได้หรือไม่ ไปเชือดแกะตัวนี้ด้วยกัน ทำสำเร็จก็แบ่งคนละครึ่ง

เดิมทีจางกงหมิงไม่สนใจ แต่นักต้มตุ๋นอายุน้อยพูด ครึ่งหนึ่งนี่อย่างน้อยก็ได้ล้านหนึ่งขึ้นไปนะ

ได้ยินตัวเลข ทันใดนั้นจางกงหมิงก็สนใจ แต่จางกงหมิงไม่โง่ ล้านหนึ่งนี้ จะได้มาง่ายๆ เชียว?

จางกงหมิงจึงถามนักต้มตุ๋นอายุน้อยคนนี้ ว่าตัวเองต้องทำอะไร?

นักต้มตุ๋นอายุน้อยพูด ให้จางกงหมิงคอยซัพพอร์ต ทำหน้าที่รับผิดชอบก็พอ แน่นอน ถ้าเรื่องจบแล้วเกิดปัญหาอะไร ก็ให้จางกงหมิงรับผิดชอบ

ตอนนั้นจางกงหมิงมองไอ้หน้าหนวดไม่ออกว่าเจ๋งแค่ไหน คิดแค่ว่าเขาเป็นคนรวย ก็เลยตกลงไป

ในร้านชานี้ ก็เป็นธุรกิจของจางกงหมิง

ขึ้นชื่อว่าเป็นบ่อนที่หนึ่ง กลับมีการหลอกลวงเกิดขึ้น

เรื่องจบ จางกงหมิงกับนักต้มตุ๋นคนนี้ก็แบ่งคนละล้าน จางกงหมิงตอนนั้นไม่แคร์ ถ้าจบเรื่องไอ้หน้าหนวดมาหาเรื่อง เขาก็ไม่กลัว

ยังไงเขาก็เป็นลูกพี่ใหญ่ของเขตเมืองตะวันออก พูดอะไรก็ทำต่อหน้า จางกงหมิงไม่แคร์ แล้วนับประสาอะไรกับพอจบเรื่องแล้วมาหาถึงที่ล่ะ?

แต่จางกงหมิงคิดไม่ถึง ไอ้หน้าหนวดคนนี้จะแก้ปัญหาที่ต้นตน โดยการจับตัวภรรยาเขาไป

“จางกงหมิง จุดประสงค์ที่คุณเปิดร้านชานี้เพื่ออะไร หลอกเอาเงิน หรือว่าตัวเองชอบจิบชา?” ไอ้หน้าหนวดพูดอย่างไม่รีบร้อน

จางกงหมิงไม่ตอบ ก็พูด: “เพื่อน ผมกับนักต้มตุ๋นนั่นไม่สนิทกันเลย ดังนั้นแผนทุกอย่างเขาวางไว้ ผมก็แค่เอาเงินเขามาหน่อยๆ ถ้าเกิดเรื่องผมก็รับผิดชอบ”

ไม่รอจางกงหมิงพูดจบ ไอ้หน้าหนวดก็พูดขำๆ : “ใช่ นี่ไม่ใช่เกิดเรื่องแล้วเหรอ?คุณสามารถช่วยเขาแก้ปัญหาได้ ปัญหาเขาก็คือผม ดังนั้น ตอนนี้คุณควรจัดการผม”

ไอ้หน้าหนวดหยิบกริชออกมาจากที่นั่งตัวเอง โยนไปที่จางกงหมิง: “มาสิ ลงมือ ผมได้ยินว่าคุณฝีมือดี”

จางกงหมิงขมวดคิ้ว ไอ้หน้าหนวดแทบจะมองตัวเองออก

“คุณก็รู้ว่าผมไม่กล้าฆ่าคุณ ทำไมต้องเล่นแง่ด้วย?”

จางกงหมิงพูดอย่างเย็นชา: “ในเมื่อคุณมาหาถึงที่ คิดอย่างไรกันแน่ ก็พูดตรงๆ เถอะ”

นักพูดมือดีที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นคนที่ตัดสินความเป็นความตายของคุณ ในเมื่อไม่บอกเงื่อนไขของตัวเองมาตลอด ทำให้ขีดจำกัดที่อยู่ในใจของคุณขาดลง!

เวลานี้ ความอดทนในใจของจางกงหมิงพังโดยสิ้นเชิง

ไม่ว่าไอ้หน้าหนวดเสนอเงื่อนไขใดๆ จางกงหมิงก็ยอมทั้งนั้น

ส่วนไอ้หน้าหนวดกลับยังนิ่งๆ ไม่รีบร้อน และเทชาร้อนให้จางกงหมิง: “จิบชาร้อนๆ นี่สิ”

“เร็วหน่อย” เพิ่งเท ไอ้หน้าหนวดก็ดื่มไปหมด

ถือว่าตั้งแต่เข้ามา ไอ้หน้าหนวดโมโหครั้งแรก

จางกงหมิงไม่ลังเลสักนิด เขามองน้ำนี้เพิ่งต้ม จนตอนนี้ยังเดือดอยู่ ถึงนี่จะเป็นน้ำต้มร้อยองศา แต่เขาก็ยังทำ โดยดื่มน้ำต้มนี้ไป

จางกงหมิงอดทนกับความร้อน ได้แต่กลืนลงไป

“อร่อยไหม?เอาอีกแก้วไหมล่ะ?” พูดไป ไอ้หน้าหนวดก็เทให้จางกงหมิงอีกแก้ว

จางกงหมิงก็ยังไม่ลังเลใดๆ เขาดื่มหมด ก็แค่ตาแดง คอก็ลวกจนพูดไม่ออก

“มาอีกแก้ว” ไอ้หน้าหนวดแทไปอีกแก้ว

จางกงหมิงดื่มไปอีกแก้วที่สาม กำหมัดแน่นขึ้นมา เล็บที่ไม่ได้ตัดมานานก็แทงเข้าฝ่ามือ เลือดทีละหยด ไหลลงจากมือเขา หล่นไปที่พื้น

ไอ้หน้าหนวดยิ้มอย่างพอใจ: “คุณนี่แมนจริงๆ”

“จะ……จะ……ปล่อยภรรยาผมได้ยัง?” จางกงหมิงตาแดง ส่วนคอก็พูดไม่ค่อยออกแล้ว

ไอ้หน้าหนวดส่ายหน้า: “จางกงหมิง ถ้าผมปล่อยภรรยาคุณตอนนี้ คนของคุณก็ลุยเข้ามาเลยสิ ผมกับลูกน้องผม ถึงไม่ตายก็ถูกคนเล่นงานจนพิการ”

“ดังนั้น ก่อนที่พวกเรายังไม่หลุดพ้นวิกฤต ก็ไม่สามารถปล่อยภรรยาคุณไปได้”

ไอ้หน้าหนวดพูด: “คุณน่าจะรู้จุดนี้ดีนะ”

“งั้นคุณต้องการอะไร?” จางกงหมิงพูดไม่ออก หากระดาษกับปากกา เขียนไปประโยคหนึ่ง ส่งให้ไอ้หน้าหนวดดู

ไอ้หน้าหนวดพยักหน้า พูด: “ที่ผมต้องการง่ายมาก”

“ผมเป็นนักการพนัน เกลียดพวกนักต้มตุ๋นมาก ถึงคุณไม่ได้ลงมือ แต่ก็ร่วมมือกับนักต้มตุ๋นกันหลอกผม”

ไอ้หน้าหนวดพูดนิ่งๆ : “ดังนั้น อย่างแรกที่ผมต้องการ คือมือของคุณ”

จางกงหมิงหยิบกริชที่พื้น มองแล้วจะตัดมือของตัวเอง ดีที่ตอนนี้ จู่ๆ ลูกพี่หลินก็รีบมา จับแขนของจางกงหมิงไว้

“โง่หรือไงล่ะ!”

“ไม่มีมือ ก็เป็นคนพิการ” ลูกพี่หลินกัดฟันพูด

วางกริชลง จางกงหมิงเขียนหนึ่งประโยค ส่งให้ลูกพี่หลิน: “ภรรยาผมอยู่ในมือเขา”

ลูกพี่หลินมองจางกงหมิง พูดด้วยใบหน้าโมโห: “ทำไมน้องสาวฉันมีลูกโง่แบบนี้นะ ไม่มีภรรยาคนนี้แล้ว หาอีกคนจะเป็นไรไป!”

“ตงไห่มีสาวสวยตั้งมากมาย นอกจากชิงชิง คุณอยากได้ใคร ลุงช่วยคุณไปสู่ขอได้!”

“ดูสิว่าใครไม่กล้าตกลง!”

จางกงหมิงเขียนไปอีก: “ผมต้องการแค่ยิงจื่อ!”

“จริงๆ เลยห่าเอ๊ย” ลูกพี่หลินมองจางกงหมิงอย่างหมดคำพูด: “เสียดายที่ผมชมว่าคุณเป็นเด็กที่ฉลาดที่สุดที่เคยเจอ ทำไมจู่ๆ แค่ผู้หญิงคนเดียว ก็โง่ได้ขนาดนั้น”

ไอ้หน้าหนวดมองลูกพี่หลิน หัวเราะ: “คนนี้คงเป็นลุงของจางกงหมิง ลูกพี่หลินสินะ”

“คนอะไรกันแน่วะ” ลูกพี่หลินหันหน้าไป มองไอ้หน้าหนวดอย่างเยือกเย็น: “ผมเป็นคนหยาบกระด้าง อย่าได้มาลองดีกับผมนักเลย”

“เก็บความหน้าซื่อใจคดของคุณไปซะ หลานชายผมเอาเงินคุณไป จ่ายคืนคุณก็จบแล้วไหม ทำไมต้องฆ่าล้างให้หมดแบบนี้!”

“คุณอยากไปจากตงไห่แล้วเหรอ?” ลูกพี่หลินพูดขู่

“ผมไปจากตงไห่ได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าเป็นคำพูดของคุณกับหลานชายคุณคำเดียว?”

ไอ้หน้าหนวดยิ้มนิ่งๆ : “พวกคุณให้ผมอยู่ ผมก็อยู่ ให้ผมตาย ผมก็ตาย ชีวิตผมกับลูกน้องของผม ต่างอยู่ในกำมือพวกคุณ”

“คุณเข้าใจก็ดี” ลูกพี่หลินทำเสียงฮึดฮัด: “ในเมื่อคุณเข้าใจตรงนี้ งั้นพวกเราก็คุยกันดีๆ”

“ไอ้หนุ่ม ผมแนะนำนะ รักษาชีวิตไว้เถอะ แล้วก็รักษาชีวิตพวกลูกน้องคุณด้วย อย่าทำอะไรแข็งข้อไป อย่าให้หนทางชีวิตของตัวเองถูกทำลาย”

ลูกพี่หลินขมวดคิ้ว พูดอย่างเผด็จการ: “ผมให้เวลาคุณแค่สิบนาที บอกเงื่อนไขคุณมา”

“แต่ผมบอกไว้ก่อน จะทำร้ายคนไม่ได้ ไม่ว่าเป็นหลานชายผม หรือว่าภรรยาของหลานชายผม คุณก็ทำร้ายไม่ได้”

ลูกพี่หลินพูด: “ไม่อย่างนั้น ผมก็จะฆ่า!”

“อย่างมากก็ไม่ต้องสนชีวิตของภรรยาหลานชายผมหรอก ผมจะกินเนื้อคุณเอง!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท