NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 103

ตอนที่ 103

บทที่103 ไปเยี่ยมมู่เสี่ยวไป๋?

เมื่อลูกพี่หลี่ตายไป บวกกับหลี่หลงยอมก้มหัวให้จางกงหมิงแล้ว ก่อนจะแหวกทางให้ ตอนนี้คนที่อยู่ด้านข้างหลี่หลงนั้น ก็เหลือแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

แต่จางกงหมิงในครั้งนี้ เอาคนมาสี่ห้าสิบคน ทั้งหมดเป็นตัวเด็ดทั้งนั้นเลย พวกเขาถือมีด ก่อนจะวิ่งเข้ามาตีพวกที่ผมเกรียน

หลี่หลงกับต้าเฉียงหลบเข้าไปในตึกของแขก

“พี่เฉียง เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?” หลี่หลงตกใจไปหมด

“ไอโง่ ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ พี่หน้าหนวดจบแล้วล่ะ!” ต้าเฉียงไม่อยากจะเชื่อ แต่ความจริงก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

“พลาดแล้ว เมื่อครู่คนที่ส่งข้อความให้ฉัน ไม่ใช่พี่หน้าหนวด แต่เป็นจางกงหมิงเหรอเนี่ย!” ต้าเฉียงกัดฟันกรอด พลางพูดขึ้นด้วยความโกรธ

ทำไมตัวเองถึงได้สะเพร่าขนาดนี้นะ?

ถ้าเกิดว่าโทรไปถาม จะเกิดเรื่องแบบนี้เหรอ?

“ห๊ะ?โทรศัพท์ของพี่หน้าหนวดอยู่ในมือของจางกงหมิง” หลี่หลงถามขึ้นด้วยความงุนงง

“ไม่ต้องถาม พี่หน้าหนวดต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน” พี่เฉียงพูดเสียงเย็นชา

“หลี่หลง ฉันถามคุณหน่อยนะ ที่ร้านสโมบาร์มีประตูหลังไหม?” พี่เฉียงถามขึ้นด้วยความร้อนใจ

“มี” หลี่หลงพยักหน้า。

“งั้นคุณยังยืนอึ้งอะไรอยู่ล่ะ รีบหนีไปทางประตูหลังเร็ว!” พี่เฉียงจ้องหลี่หลง

หลี่หลงตอบ ก่อนจะรีบวิ่งลงไปด้านล่าง พี่เฉียงรีบตามไป ก่อนจะขวางเขาเอาไว้: “โง่หรือเปล่าเนี่ย!”

“คุณลงไป หาที่ตายเหรอ?”

“ประตูหนีอยู่ข้างล่าง” หลี่หลงกัดฟันพูด: “พวกเราหลบอยู่ด้านบน ถ้าสายเกินไปก้จะถูกจับ เขาลองเสี่ยงดูดีกว่า”

ตอนที่พวกเขาลงตึกไป พวกหัวเกรียนต่างนอนเรียงรายอยู่บนพื้น

จางกงหมิงมองพวกเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ ในตอนนั้นเอง หลี่หลงกับต้าเฉียงอึ้งอยู่กับที่

ทั้งร้านสโมบาร์เป็นคนของจางกงหมิง พวกเขาจะหนีไปไหนได้?และจำหนีไปอย่างไรกัน?

“ไปจับมา!”

มีคนตะโกนออกมา ทุกคนก็รีบวิ่งมา

“ให้ตายเถอะ ประตูหลังอยู่ทางนั้นเหรอ?” ต้าเฉียงถามเบาๆ

“ทางซ้าย ประตูที่ติดกับห้องน้ำน่ะ เป็นประตูหลังของพวกเรา!” หลี่หลงพูดเสียงต่ำ

ต้าเฉียงหยิบเก้าอี้ตัวเล็กๆ มา ถือเอาไว้ในมือ เขาจ้องจางกงหมิง ก่อนจะพูดว่า: “จางกงหมิง มีคุณอยู่เหรอ!”

จางกงหมิงไม่ได้พูดอะไร เพราะว่าเขาพูดลำบาก เขาเอามือปาดคอตัวเองให้ลูกน้องดู เพื่อบอกว่าให้ฆ่าให้ตาย!

ครั้งนี้คนที่จางกงหมิงพามา เป็นคนที่เก่งกาจของตัวเองทั้งนั้น เลยไม่มีทางหักหลัง

ในตอนนั้นเอง คนกลุ่มนั้นยกมีดขึ้น

“เข้าไปเลย!” ต้าเฉียงหยิบเก้าอี้ตัวเล็กให้หลี่หลง ก่อนจะส่งให้

“พี่เฉียง หรือไม่ก็ให้ พวกเรายอมแพ้เลยเถอะ!”

“ยอมแพ้เหรอ ยอมแพ้อะไร จางกงหมิงจะยกโทษให้คุณเหรอ?!” ต้าเฉียงด่าออกไป

คุณลักพาตัวภรรยาของเขาไป เขาจะยกโทษให้คุณงั้นเหรอ?ยกโทษให้คุณต้องโดนสักกี่ทีก่อนล่ะ!ต้าเฉียงเอือมระอา

ต้าเฉียงก็ไม่อยากจะสนใจหลี่หลงแล้ว ก่อนจะเดินไปทางห้องน้ำ

ไม่พูดไม่ได้เลย ต้าเฉียงคนนี้โหดร้ายมาก เขาคนเดียวเคยชนะคนมาสี่ห้าคน ก่อนจะปรี่เข้าไปในห้องน้ำ

แต่เมื่อเปิดประตูออกไป ก็เห็นปืนล่าสัตว์ มาจ่ออยู่ที่หัวของเขา

“ต้าเฉียง คุณคิดว่าพวกเราไม่รู้ว่าร้านสโมบาร์มีประตูหลังเหรอ?” ชายใส่ต่างหูคนหนึ่งยิ้มอย่างเย็นชา

ชายใส่ต่างหูเตะต้าเฉียง ก่อนจะจะเตะกลับมา

ต้าเฉียงหันกลับไปมอง หลี่หลงในตอนนั้น ถูกฟันไปหลายแผล เขาขอร้องไม่หยุด แต่ก็ไม่ช่วยอะไร

ต้าเฉียงม่านตาหดลงในทันที ก่อนจะรีบเข้ามา ขอโอกาสเป็นครั้งสุดท้าย

แต่ชายที่ใส่ต่างหูไม่ได้ให้โอกาสเขา ลั่นไกออกไป โดนที่หน้าอกของเขา

หน้าอกของต้าเฉียงเป็นรู ก่อนจะล้มลงกับพื้น

“จับ……เข้ามา” จางกงหมิงพูดด้วยเสียงแหบแห้งเบาๆ

จางกงหมิงเข้าไปในห้องรับรอง หลี่หลงกับต้าเฉียงเองก็ถูกพาเข้าไปในห้องเหมือนกัน

จางกงหมิงใช้โทรศัพท์พิมพ์: “ความคิดของใคร?”

“ของเขา” หลี่หลงชี้ไปที่ต้าเฉียง พลางพูดว่า: “พี่หมิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันเลย”

“กลุ่มคนพวกนั้นเป็นคนที่พี่เฉียงหามา ความคิดที่ลักพาตัวภรรยาของคุณก็เป็นความคิดของพี่เฉียง” หลี่หลงรีบพูดขึ้น

จางกงหมิงไม่แดงสีหน้าใดๆ ก่อนจะพิมพ์ข้อความให้หลี่หลงดู: “สองล้านนั้นเป็นของใคร แล้วใครเป็นคนจัดหานักต้มตุ๋นมา?”

จางกงหมิงเตะเข้าที่หน้าอกของหลี่หลง ก่อนจะเหยียบลงไปอย่างจัง

“หลี่หลง ลูกน้องของคุณทำพังหมดเลย” ชายที่ใส่ต่างหูพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา

“ที่ร้านดิสโก้นี้ปีปีหนึ่งได้กำไรหลายล้านเลย หรือว่าหลายล้านนี้คุณยังใช้ไม่พออีกเหรอ?”

“คุณยอมให้เขตเมืองตะวันออกกับ พวกเราแล้ว ทำไมยังต้องมาหาเรื่อง พวกเราอีก” ชายที่ใส่ต่างหูถามขึ้น

จางกงหมิงมองหลี่หลง พลางอยากจะถามคำถามนี้เหมือนกัน

“เขานั่นแหละ พี่เฉียงบอกกับฉัน พ่อของฉันถูกพวกคุณฆ่า เขาบอกว่าเพียงแค่ฉันร่วมมือกับเขา ก็จะสามารถแก้แค้นให้พ่อได้” หลี่หลงพูดทุกอย่างที่อยู่ในหัวออกมา

“ไอพวกอ่อนแอ คุณคิดว่าคุณจะเอาความรับผิดชอบทุกอย่างมาไว้ที่ฉันงั้นเหรอ แล้วจางกงหมิงจะปล่อยคุณไปเหรอ?” ต้าเฉียงพึมพำ: “ถึงจะกำหนดเอาไว้ว่าต้องตาย แต่ทำไมต้องตายแบบศพไม่สวยด้วย”

“จางกงหมิง ทั้งหมดเป็นเพราะปู่ของฉัน ถ้าอยากจะฆ่าแกงกัน คุณก็มาได้เลย!” ต้าเฉียงพูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว

จางกงหมิงรับปืนมาจากชายที่ใส่ต่างหู ก่อนจะเล็งไปที่หัวของต้าเฉียง และลั่นไก

หลี่หลงตกใจจนตัวสั่นเทา

“พี่หมิง เรื่องนี้ ทำไมคุณต้องมาทำเองด้วย?” ชายที่ใส่ต่างหูพูดขึ้น

จางกงหมิงไม่ได้พูดอะไร แต่มาอยู่ตรงหน้าหลี่หลง

“พี่หมิง อย่าฆ่าฉัน ฉันจะเอาเงินของฉันให้คุณหมดเลย ร้านสโมบาร์ก็ให้คุณเหมือนกัน!” หลี่หลงรีบร้องขอชีวิต

“เงิน……ล่ะ?” จางกงหมิงพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก

“ฉันจะไปเอาเงินให้คุณ ฉันจะไปเอามาให้คุณ” หลี่หลงรีบพูดจนจบ ก่อนจะวิ่งไปในห้องหนึ่ง

หลี่หลงเอารูปภาพหนึ่งลง หลังภาพนั้นมีตู้เซฟอยู่

ภายในตู้เซฟนั้น มีเงินสดจำนวนเกือบสองล้านอยู่

“พี่น้อง มาแบ่งเงินกันเถอะ” จางกงหมิงพิมพ์: “นี่เป็นสิ่งที่ฉันติดค้างพวกคุณอยู่”

ชายที่ใส่ต่างหูหาถุงมาใบหนึ่ง ก่อนจะเอาเงินสองล้านนั้นใส่ถุง

“พี่หมิง เงินก็ให้คุณไปแล้ว คุณปล่อยฉันไปได้ไหม” หลี่หลงถามขึ้นด้วยท่าทีดูน่าสงสาร

จางกงหมิงพยักหน้า พลางมองหลี่หลง ก่อนจะยิงออกไปสามนัด

ยิงสองนัดไปที่ขา ส่วนอีกนัดหนึ่งนั้นยิงไปที่แขน ในตอนนั้นเอง หลี่หลงกลายเป็นคนพิการไปเรียบร้อยแล้ว

“พี่หมิง รีบไปเถอะ ตำรวจใกล้จะมาแล้ว” ชายที่ใส่ต่างหูพูดขึ้น

จางกงหมิงพยักหน้า ก่อนจะพาพี่น้องของตัวเองออกไปจากร้านสโมบาร์

ที่ประตูของร้านสโมบาร์ มีรถจอดอยู่สองคัน: “พี่หมิง ขึ้นรถเถอะ ฉันจะไปส่งคุณในที่ที่ปลอดภัย”

“คุณคงอยู่ที่ตงไห่ไม่ได้แล้วล่ะ”

คนคนนั้นเป็นคนสนิทของลูกพี่หลิน เขาชื่อหมาจื่อ

จางกงหมิงมองหมาจื่อก่อนจะพยักหน้าให้ แล้วเข้าไปในรถ

“ให้พี่น้องเราได้หลบกันหน่อย” หมาจื่อมองชายที่ใส่ต่างหูพลางพูดขึ้น

“รอให้ลูกพี่หลินช่วยเก็บกวาดให้พวกคุณ พวกคุณค่อยมา ระหว่างนี้ พวกคุณอย่าเพิ่งทำอะไร” หมาจื่อพูดขึ้น

“วางใจเถอะ พี่หมาจื่อ พวกเรารู้ว่าต้องทำอย่างไร” ชายที่ใส่ต่างหูยิ้ม ก่อนจะเดินไปที่รถข้างหน้า แล้วเอาถุงโยนเข้าไป

หมาจื่อหัวเราะหึๆ : “ไม่ต้องหรอก ลูกพี่เตรียมเงินไว้ให้พี่หมิงแล้ว”

“ตอนนี้พวกคุณไม่มีเงินเลยใช่ไหม?ไม่ว่าจะไปหลบที่ไหน ก็ต้องมีเงินอยู่ดี เงินก้อนนี้ พวกคุณแบ่งกันใช้เถอะ” หมาจื่อโยนออกไปอีกครั้ง

จางกงหมิงจ้องชายที่ใส่ต่างหู ก่อนจะพิมพ์ว่า: “นี่เป็นเงินของพวกพ้องเรา”

“ถ้าเกิดฉันกลับมาไม่ได้ ก็ถือว่าแบ่งกันไปเลยก็แล้วกัน”

“ไม่ได้หรอก พี่หมิง พวกเราอยู่กับคุณมาตั้งหลายปี คุณให้พวกเรามาเท่านี้ พวกเราไม่ยอมหรอก” ชายที่ใส่ต่างหูมองจางกงหมิงพลางพูดว่า: “พวกเรารอให้คุณกลับมามีชัยชนะ!”

“วางใจเถอะ เขาจะต้องกลับมา” ยังไม่ทันจะรอให้จางกงหมิงพิมพ์เสร็จ พี่หมาจื่อก็ขับรถออกไปแล้ว

ชายที่ใส่ต่างหูและคนอื่นๆ ยังไม่ได้นั่งลงสักเท่าไหร่ พวกเขามาที่โล่งๆ ก่อนจะแบ่งเงินกัน หลังจากที่ทุกคนไป ชายที่ใส่ต่างหูก็กลับไปที่ร้านสโมบาร์ และฆ่าหลี่หลงทิ้ง

“พี่หมิง พวกพ้องไม่ได้ติดค้างอะไรคุณแล้ว” ชายที่ใส่ต่างหูนั่งอยู่บนโซฟา ก่อนจะจุดบุหรี่ให้ตัวเอง เขาสูบบุหรี่ไป พลางรอให้ตำรวจมา

จางกงหมิงนั่งอยู่บนรถ ก่อนจะหายใจยาวๆ

เขาแก้แค้นแล้ว อารมณ์กลับไม่ได้รู้สึกดีเหมือนที่คิดเอาไว้ เพียงแค่คิดว่ามันมีเรื่องคาใจน้อยลงไปหนึ่งเรื่อง

“คุณอยากให้ฉันไปที่ไหน?” จางกงหมิงพิมพ์ถามขึ้น

“เมืองเอก” ลูกพี่หลินพูดว่า: “เมื่อถึงเมืองเอกแล้ว จะมีคนมารับคุณไป”

“เมืองเอกงั้นเหรอ?” จางกงหมิงขมวดคิ้ว ตัวเองตามติดลุงมาตั้งนาน ทำไมถึงรู้เลยว่าลุงมีคนอยู่ที่เมืองเอกด้วยนะ?

ขับรถไปได้ราวๆ ครึ่งชั่วโมง หมาจื่อก็หยุดรถ

“พี่หมิง ถึงแล้ว” หมาจื่อชี้ไปที่ถนนข้างหน้าก่อนจะพูดว่า: “คุณขึ้นรถเขาไปเถอะ”

จางกงหมิงขมวดคิ้ว ด้วยความไม่ค่อยเต็มใจ เขาใช้โทรศัพท์พิมพ์: “นี่มันเป็นรถของมู่เสี่ยวไป๋!

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท