NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 115

ตอนที่ 115

บทที่ 115 ตบหน้าตู้เฟย

ก่อนที่รถเบนซ์จิ๊บคันนี้ยังไม่เข้ามา นักเรียนต่างสนทนารถเบนซ์ที่ตู้เฟยเพิ่งซื้อมาใหม่ พูดถึงมูลค่าของรถคันนี้ว่าเท่าไหร่ มีคุณสมบัติเจ๋งๆ อะไรบ้าง รถแรงแค่ไหน

แต่เมื่อรถเบนซ์จิ๊บเข้ามาจอด ทุกคนก็หันไปให้ความสนใจรถเบนซ์จิ๊บเสียแล้ว

“รถคันนี้ราคาเท่าไหร่เหรอ?” คนที่ไม่รู้เรื่องรถได้ถามขึ้นมา

“รถเบนซ์จิ๊บคันนี้ อย่างน้อยต้องสองล้านหยวนขึ้นไป เมื่อเทียบกับรถเบนซ์สปอตของตู้เฟยไม่รู้ว่าแพงกว่ากี่เท่า” คนที่รู้เรื่องรถได้กล่าวขึ้น

“คนนี้คือใคร ขับรถหรูขนาดนี้ หรือว่าเขาจะรวยกว่าตู้เฟย?” มีคนสงสัย

“เดี๋ยวพอเขาลงมาก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?”

“ลงมาแล้ว ลงมาแล้ว!”

เวลานี้ ประตูรถเบนซ์จิ๊บถูกเปิดออก หลี่เสี่ยวเสี่ยวได้ลงมาจากที่นั่งข้างคนขับ

“หลี่เสี่ยวเสี่ยวเองหรอกเหรอ?”

“หลี่เสี่ยวเสี่ยวถูกใครเลี้ยงไว้เหรอ!”

นักเรียนที่อยู่รอบๆ ได้หัวเราะกันขึ้นมา พวกเขารู้สึกว่า หลี่เสี่ยวเสี่ยวต้องมีเสี่ยเลี้ยงอย่างแน่นอน

“หลี่เสี่ยวเสี่ยว นี่มันรถของใครเหรอ คงไม่ใช่รถของแฟนเธอหรอกมั้ง?”

“คงไม่ใช่อาเสี่ยคนก่อนนั้นหรอกมั้ง?”

เพื่อนนักเรียนหญิงที่ไม่ค่อยถูกกับหลี่เสี่ยวเสี่ยว ก็ได้หัวเราะพูดจาเยาะเย้ยหลี่เสี่ยวเสี่ยวต่อหน้าผู้คน

หลี่เสี่ยวเสี่ยวขี้เกียจสนใจพวกเขา เพียงแค่หันกลับไปมองหลี่ฝางแวบหนึ่ง คิดในใจ ทำไมยังไม่ลงมานะ?

และหลี่ฝางในเวลานี้ เดิมทีเขาจะดับเครื่องก่อนแล้วค่อยลงจากรถ แม่เมื่อเห็นรถของตู้เฟยจอดอยู่ตรงหน้ารถของเขา เขาเลยเกิดความลังเล

แม่ง จะชนมันดีมั้ยวะ?

ตรงนี้เป็นข้างถนน ตามกฎจราจรแล้ว เห็นได้ชัดว่าฝ่าฝืนการจอดรถ

ดังนั้น ต่อให้ชนแล้ว มากสุดก็แค่ชดใช้ค่าซ่อมครึ่งหนึ่ง

แต่ว่ารถของตัวเองสองล้านกว่าหยวน ของตู้เฟยแค่ไม่กี่แสนหยวน รถใหม่ทั้งคู่ ชนแล้วไม่ค่อยคุ้มเลยนะ!

หลังจากคิดทบทวนแล้ว หลี่ฝางตัดสินใจชน ในอินเทอร์เน็ตต่างพูดว่าเบนซ์จิ๊บคันนี้ทนทานมาก? ตัวเองจะลองทดสอบดู

โครมเสียงเดียว หลี่ฝางเหยียบคันเร่ง พุ่งชนท้ายรถของตู้เฟยอย่างจัง

“พี่เฟย รถของพี่…………” จางเสี่ยวเฟิงและเกาเสิ้งหายใจเข้าลึกๆ ล้วนตกใจไปพร้อมกัน

รถเบนซ์สปอตของตู้เฟย ท้ายรถของตู้เฟยแตกออกทันที

“แม่งเอ๊ย!”

ตู้เฟยวิ่งมาจากระยะร้อยเมตรอย่างรวดเร็ว กระโดดวิ่งออกมาจากในโรงแรม

“เขาชนเบนซ์ของตู้เฟยเหรอ? นี่มันจงใจชนนี่นา?” คนโง่ยังดูออกเลย รถเบนซ์จิ๊บจงใจที่จะชน

ตู้เฟยมาถึงหน้ารถเบนซ์จิ๊บ ก็ใช้เท้ากระทืบอย่างแรง: “แม่งเอ๊ย มึงลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

หลี่ฝางลงจากรถอย่างใจเย็น เวลานี้ ทุกคนล้วนอึ้งกันไปหมด

“หลี่ฝางหรอกเหรอ? แม่ง ไม่ใช่มั้ง หลี่ฝางซื้อรถเบนซ์จิ๊บแล้วเหรอ? เขาไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อ!”

“รู้จักร้านRecalling the pastป่ะ? มันเป็นบาร์เหล้าที่ดังทางโซเชียลและแพงมาก ได้ยินมาว่าที่ดินตรงส่วนนั้นเป็นของบ้านหลี่ฝาง หลี่ฝางได้ขายที่ตรงนั้นให้กับเถ้าแก่ของบาร์เหล้า ขายได้ตั้งหลายล้าน”

“หลายล้าน งั้นก็รวยเลยสิ มิน่าล่ะถึงกล้าซื้อรถเบนซ์จิ๊บ”

“ก็ใช่ไง ครั้งที่แล้วยังเลี้ยงข้าวพวกเราไปตั้งเจ็ดแปดหมื่นหยวนเลย”

“เขาก็กล้าใช้เงินเหมือนกันน้อ ซื้อทั้งรถเบนซ์จิ๊บ เลี้ยงข้าวอีก เป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าใช้ได้ไม่นาน เงินนี้ก็คงใช้หมดแน่เลย”

“เขาก็คงกู้ศักดิ์ศรีของตัวเอง ดูเขาชนท้ายรถของตู้เฟยสิ ท้ายรถแตกออกแล้ว ถ้าซ่อมก็ต้องใช้เงินหลายหมื่นหยวน”

ตู้เฟยเอ๋อกินไปเลย เขาชี้ไปที่รถเบนซ์จิ๊บ มองหลี่ฝางแล้วถาม: “รถคันนี้ของนายเหรอ?”

“ใช่แล้ว เพิ่งซื้อเช้านี้ ทำไมเหรอ?” หลี่ฝางพยักหน้า

“แม่งเอ๊ย นายจงใจชนรถฉัน?” สีหน้าของตู้เฟยดูเย็นชาลง หากเป็นคนอื่น อาจจะเป็นเพราะเหยียบคันเร่งโดยไม่ระวัง แต่ว่าหากเป็นหลี่ฝาง ต้องเป็นเรื่องที่จงใจอย่างแน่นอน

“ใช่ ฉันจงใจ”

หลี่ฝางพยักหน้ารับ ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ใครใช้ให้นายเอารถมาจอดตรงนี้ นายไม่รู้เหรอว่าตรงนี้จอดรถไม่ได้?

“ดูนั่น ข้างหน้าก็มีป้ายบอก ห้ามจอดรถ นายตาบอดหรือไง!” หลี่ฝางถาม

ท้ายรถของตู้เฟยพังหมดเลย แต่ว่ารถของหลี่ฝางไม่เป็นอะไรเลย เพียงแต่ถลอกเล็กน้อย

“ได้ ฉันจะโทรให้ตำรวจมาจัดการ!” ตู้เฟยกัดฟัน แล้วกล่าว

ตู้เฟยคิดในใจ หัวหน้าจราจรนั้นเป็นเพื่อนเก่าของพ่อเขา รอให้ทีมจราจรมาก่อน ฉันจะจัดการนายให้สาสม

ได้สิ หลี่ฝางที่ทำหน้าอย่างไม่แยแส มากสุดก็ชดใช้เงินเท่านั้นเอง

หลังจากที่ทั้งคู่เข้าไปในโรงแรมแล้ว หลี่ฝางก็เห็นเชี่ยลู่

“เชี่ยลู่ ทำไมสร้อยคอของเธอไปอยู่บนหัวจระเข้ได้ละ?” หลี่เสี่ยวเสี่ยวเดินผ่านบ่อน้ำ แวบเดียวก็เห็นสร้อยคอเพชรของเชี่ยลู่

เชี่ยลู่เหลือบมองไปที่ตู้เฟย ไม่ได้พูดอะไร

“ฉันเป็นคนโยนเข้าไปเอง ทำไมเหรอ?” ตู้เฟยเงยหน้าขึ้นกล่าว

หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร ได้แอบส่งข้อความให้กับพี่หมาจื่อ

ครั้งที่แล้วก่อนที่หลินชิงชิงจะไป ได้ให้เบอร์ของพี่หมาจื่อไว้ หลี่ฝางมีเรื่องอะไรก็สามารถหาพี่หมาจื่อได้ตลอดเวลา

ตอนที่กินข้าว ครูประจำชั้นไม่มาสักที

บนโต๊ะอาหาร ทุกคนต่างก็คุยกันเรื่องสอบ เวลานี้ ตู้เฟยได้ส่งสายตาให้กับเกาเสิ้ง

“พี่เฟย ผมได้ยินมาว่าพี่ได้โควตาของมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ จริงหรือเปล่าเนี่ย?” เกาเสิ้งที่เข้าใจ ก็รีบพูดขึ้นมาทันที

“ใช่ พ่อฉันได้บริจาคเงินให้กับมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ จากนั้นฉันก็เข้าได้เลย”

“จริงๆ ก็ไม่มีอะไร ในสังคมนี้ ขอเพียงมีเงิน มีมหาวิทยาลัยแห่งไหนละที่จะเข้าไม่ได้” ตู้เฟยพูดอย่างโอ้อวด

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ นักเรียนจำนวนไม่น้อยก็มองมาที่ตู้เฟยอย่างอิจฉา

“เฮ้ย ฉันพยายามไปสามปี สุดท้ายกลับสอบได้มหาวิทยาลัยระดับสอง ช่างอิจฉาตู้เฟยจริงๆ ไม่ต้องพยายามอะไรเลย ก็ได้โควตาของมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ นั่นมันเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของเมืองเราเลยนะ”

“ตู้เฟย ได้ยินว่าบ้านนายกำลังจะร่วมลงทุนทำธุรกิจกับมหาเศรษฐีผู้ลึกลับเหรอ จะร่วมกันพัฒนาเขตเมืองตะวันออกด้วยกัน ใช่เรื่องจริงหรือเปล่า?” มีคนถามขึ้น

ตู้เฟยพยักหน้า: “ตอนนี้น่าจะกำลังเซ็นสัญญากันแล้วมั้ง”

“แล้วจะพัฒนาส่วนไหนเหรอ? จะไปพัฒนาแถวบ้านฉันหรือเปล่า!”

“ได้ยินมาว่ามหาเศรษฐีผู้ลึกลับท่านนี้ได้นำเงินลงทุนมาเป็นหลายหมื่นล้าน หากพื้นที่บ้านของใครถูกเวนคืน ก็จะรวยทันทีเลย”

“ดูหลี่ฝางสิ เขาก็คือตัวอย่างที่ดี รถเบนซ์จิ๊บยังซื้อแล้วเลย ไม่ใช่เพราะอาศัยบุญบารมีของมหาเศรษฐีผู้ลึกลับเหรอ?”

“หลี่ฝางนั้นก็แค่อาศัยดวงเท่านั้น จะเทียบกับตู้เฟยได้อย่างไร การร่วมทุนครั้งนี้ เกรงว่าบ้านของตู้เฟยก็ได้เงินเป็นจำนวนมหาศาล”

ได้ยินคำพูดนี้ ตู้เฟยก็หัวเราะขึ้นมาทันที: “กำไรอย่างต่ำๆ ก็หลายพันล้านมั้ง”

“หลายพันล้าน………”

ทุกคนต่างตกใจกับตัวเลขนี้ แม้กระทั่งเชี่ยลู่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยิน สีหน้ายังเปลี่ยนไปทันทีเลย

“พี่เฟย มา เรามาดื่มกันแก้วหนึ่ง”

เพื่อนนักเรียนในห้องเริ่มประจบประแจงตู้เฟยกันแล้ว มีเพียงแต่หลี่ฝางกับโจวหยางที่เฉยๆ

หลังจากที่ดื่มกันพอเป็นพิธี ตู้เฟยก็ได้จ้องมองไปที่หลี่ฝาง: “หลี่ฝาง เรื่องที่นายคุยกับฉันเมื่อวาน นายคิดได้หรือยัง?”

เรื่องอะไร? ฉันลืมไปแล้ว หลี่ฝางแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“อายุก็ยังน้อยๆ ทำไม่ความจำไม่ดีเลย” ตู้เฟยขมวดคิ้ว พูดอย่างดูถูก: “เอาล่ะ งั้นฉันจะพูดกับนายอีกหนึ่งครั้ง” ตู้เฟยหยิบเอกสารแจ้งเข้าเรียนออกมาจากกระเป๋าที่หน้าอก วางลงบนโต๊ะ: “หลี่ฝาง นี่ก็คือเอกสารการแจ้งเข้าเรียนของมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ ขอเพียงนายยอมคุกเข่าลง แล้วเรียกฉันว่าปู่สามครั้ง เอกสารแจ้งเข้าเรียนนี้ก็จะเป็นของนาย”

“เรียกนายว่าอะไรนะ?” หลี่ฝางถาม

“ปู่” ตู้เฟยกล่าว

“เป็นหลานที่ดีจริงๆ” หลี่ฝางหัวเราะขึ้นมา

“นายกล้าแกล้งฉันเหรอ?” ฉึบดังขึ้น ตู้เฟยลุกขึ้นยืน

ตู้เฟยมองหลี่ฝางด้วยสายตาที่เย็นชา: “ฉันจะบอกนายนะ นี่มันเป็นโอกาสเดียวที่นายจะสามารถแก้ไขโชคชะตาตัวเอง”

“ตอนที่สอบเอ็นทรานซ์หลี่ฝางเกิดอุบัติเหตุ ได้ยินมาว่าสุดท้ายสอบได้แค่สี่ร้อยกว่าคะแนน แม้แต่มหาลัยระดับสองยังสอบไม่ได้เลย” เวลานี้ มีคนได้พูดขึ้นมา

“หากฉันเป็นเขา ฉันจะเรียน เมื่อเทียบกับอนาคต ศักดิ์ศรีมีประโยชน์อะไร” มีคนกระซิบคุยกัน

“แต่ว่าอยู่ต่อเพื่อนนักเรียนมากมายขนาดนี้ คุกเข่าต่อหน้าคนตั้งมากมาย ยังต้องเรียกปู่อีก นี่มันก็ลำบากใจเกินไปหรือเปล่า?” มีเพื่อนนักเรียนคนอื่นขมวดคิ้ว แสดงออกว่าไม่สามารถที่จะทำได้

“ดูว่าหลี่ฝางจะเลือกยังไง” สายตาของนักเรียนทั้งหมดได้จ้องมองไปทางหลี่ฝาง

หลี่ฝางไม่สะทกสะท้าน ตู้เฟยยังคงพูดต่อเนื่อง: “ไม่อย่างนั้นฉันจะถอยให้นายหนึ่งก้าว เอาหัวโขกพื้นก็พอ แล้วก็เรียกฉันว่าปู่สามครั้งก็พอ”

“ตู้เฟย นายมีสิทธิ์อะไรให้ฉันเรียกนายว่าปู่?” หลี่ฝางถาม

“ก็สิทธิ์ที่จะทำให้นายสามารถเข้าเรียนที่สุ่ยมู่ มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมือง!” ตู้เฟยหัวเราะอย่างเย็นชา

ในเวลานี้ หลี่ฝางก็ได้หยิบหนังสือแจ้งการรับเข้าเรียนที่เหมือนกันออกจากกระเป๋าเสื้อของเขา

“แต่ว่าฉันถูกเลือกแล้ว” หลี่ฝางยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท