บทที่ 115 ตบหน้าตู้เฟย
ก่อนที่รถเบนซ์จิ๊บคันนี้ยังไม่เข้ามา นักเรียนต่างสนทนารถเบนซ์ที่ตู้เฟยเพิ่งซื้อมาใหม่ พูดถึงมูลค่าของรถคันนี้ว่าเท่าไหร่ มีคุณสมบัติเจ๋งๆ อะไรบ้าง รถแรงแค่ไหน
แต่เมื่อรถเบนซ์จิ๊บเข้ามาจอด ทุกคนก็หันไปให้ความสนใจรถเบนซ์จิ๊บเสียแล้ว
“รถคันนี้ราคาเท่าไหร่เหรอ?” คนที่ไม่รู้เรื่องรถได้ถามขึ้นมา
“รถเบนซ์จิ๊บคันนี้ อย่างน้อยต้องสองล้านหยวนขึ้นไป เมื่อเทียบกับรถเบนซ์สปอตของตู้เฟยไม่รู้ว่าแพงกว่ากี่เท่า” คนที่รู้เรื่องรถได้กล่าวขึ้น
“คนนี้คือใคร ขับรถหรูขนาดนี้ หรือว่าเขาจะรวยกว่าตู้เฟย?” มีคนสงสัย
“เดี๋ยวพอเขาลงมาก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ลงมาแล้ว ลงมาแล้ว!”
เวลานี้ ประตูรถเบนซ์จิ๊บถูกเปิดออก หลี่เสี่ยวเสี่ยวได้ลงมาจากที่นั่งข้างคนขับ
“หลี่เสี่ยวเสี่ยวเองหรอกเหรอ?”
“หลี่เสี่ยวเสี่ยวถูกใครเลี้ยงไว้เหรอ!”
นักเรียนที่อยู่รอบๆ ได้หัวเราะกันขึ้นมา พวกเขารู้สึกว่า หลี่เสี่ยวเสี่ยวต้องมีเสี่ยเลี้ยงอย่างแน่นอน
“หลี่เสี่ยวเสี่ยว นี่มันรถของใครเหรอ คงไม่ใช่รถของแฟนเธอหรอกมั้ง?”
“คงไม่ใช่อาเสี่ยคนก่อนนั้นหรอกมั้ง?”
เพื่อนนักเรียนหญิงที่ไม่ค่อยถูกกับหลี่เสี่ยวเสี่ยว ก็ได้หัวเราะพูดจาเยาะเย้ยหลี่เสี่ยวเสี่ยวต่อหน้าผู้คน
หลี่เสี่ยวเสี่ยวขี้เกียจสนใจพวกเขา เพียงแค่หันกลับไปมองหลี่ฝางแวบหนึ่ง คิดในใจ ทำไมยังไม่ลงมานะ?
และหลี่ฝางในเวลานี้ เดิมทีเขาจะดับเครื่องก่อนแล้วค่อยลงจากรถ แม่เมื่อเห็นรถของตู้เฟยจอดอยู่ตรงหน้ารถของเขา เขาเลยเกิดความลังเล
แม่ง จะชนมันดีมั้ยวะ?
ตรงนี้เป็นข้างถนน ตามกฎจราจรแล้ว เห็นได้ชัดว่าฝ่าฝืนการจอดรถ
ดังนั้น ต่อให้ชนแล้ว มากสุดก็แค่ชดใช้ค่าซ่อมครึ่งหนึ่ง
แต่ว่ารถของตัวเองสองล้านกว่าหยวน ของตู้เฟยแค่ไม่กี่แสนหยวน รถใหม่ทั้งคู่ ชนแล้วไม่ค่อยคุ้มเลยนะ!
หลังจากคิดทบทวนแล้ว หลี่ฝางตัดสินใจชน ในอินเทอร์เน็ตต่างพูดว่าเบนซ์จิ๊บคันนี้ทนทานมาก? ตัวเองจะลองทดสอบดู
โครมเสียงเดียว หลี่ฝางเหยียบคันเร่ง พุ่งชนท้ายรถของตู้เฟยอย่างจัง
“พี่เฟย รถของพี่…………” จางเสี่ยวเฟิงและเกาเสิ้งหายใจเข้าลึกๆ ล้วนตกใจไปพร้อมกัน
รถเบนซ์สปอตของตู้เฟย ท้ายรถของตู้เฟยแตกออกทันที
“แม่งเอ๊ย!”
ตู้เฟยวิ่งมาจากระยะร้อยเมตรอย่างรวดเร็ว กระโดดวิ่งออกมาจากในโรงแรม
“เขาชนเบนซ์ของตู้เฟยเหรอ? นี่มันจงใจชนนี่นา?” คนโง่ยังดูออกเลย รถเบนซ์จิ๊บจงใจที่จะชน
ตู้เฟยมาถึงหน้ารถเบนซ์จิ๊บ ก็ใช้เท้ากระทืบอย่างแรง: “แม่งเอ๊ย มึงลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
หลี่ฝางลงจากรถอย่างใจเย็น เวลานี้ ทุกคนล้วนอึ้งกันไปหมด
“หลี่ฝางหรอกเหรอ? แม่ง ไม่ใช่มั้ง หลี่ฝางซื้อรถเบนซ์จิ๊บแล้วเหรอ? เขาไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อ!”
“รู้จักร้านRecalling the pastป่ะ? มันเป็นบาร์เหล้าที่ดังทางโซเชียลและแพงมาก ได้ยินมาว่าที่ดินตรงส่วนนั้นเป็นของบ้านหลี่ฝาง หลี่ฝางได้ขายที่ตรงนั้นให้กับเถ้าแก่ของบาร์เหล้า ขายได้ตั้งหลายล้าน”
“หลายล้าน งั้นก็รวยเลยสิ มิน่าล่ะถึงกล้าซื้อรถเบนซ์จิ๊บ”
“ก็ใช่ไง ครั้งที่แล้วยังเลี้ยงข้าวพวกเราไปตั้งเจ็ดแปดหมื่นหยวนเลย”
“เขาก็กล้าใช้เงินเหมือนกันน้อ ซื้อทั้งรถเบนซ์จิ๊บ เลี้ยงข้าวอีก เป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าใช้ได้ไม่นาน เงินนี้ก็คงใช้หมดแน่เลย”
“เขาก็คงกู้ศักดิ์ศรีของตัวเอง ดูเขาชนท้ายรถของตู้เฟยสิ ท้ายรถแตกออกแล้ว ถ้าซ่อมก็ต้องใช้เงินหลายหมื่นหยวน”
ตู้เฟยเอ๋อกินไปเลย เขาชี้ไปที่รถเบนซ์จิ๊บ มองหลี่ฝางแล้วถาม: “รถคันนี้ของนายเหรอ?”
“ใช่แล้ว เพิ่งซื้อเช้านี้ ทำไมเหรอ?” หลี่ฝางพยักหน้า
“แม่งเอ๊ย นายจงใจชนรถฉัน?” สีหน้าของตู้เฟยดูเย็นชาลง หากเป็นคนอื่น อาจจะเป็นเพราะเหยียบคันเร่งโดยไม่ระวัง แต่ว่าหากเป็นหลี่ฝาง ต้องเป็นเรื่องที่จงใจอย่างแน่นอน
“ใช่ ฉันจงใจ”
หลี่ฝางพยักหน้ารับ ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ใครใช้ให้นายเอารถมาจอดตรงนี้ นายไม่รู้เหรอว่าตรงนี้จอดรถไม่ได้?
“ดูนั่น ข้างหน้าก็มีป้ายบอก ห้ามจอดรถ นายตาบอดหรือไง!” หลี่ฝางถาม
ท้ายรถของตู้เฟยพังหมดเลย แต่ว่ารถของหลี่ฝางไม่เป็นอะไรเลย เพียงแต่ถลอกเล็กน้อย
“ได้ ฉันจะโทรให้ตำรวจมาจัดการ!” ตู้เฟยกัดฟัน แล้วกล่าว
ตู้เฟยคิดในใจ หัวหน้าจราจรนั้นเป็นเพื่อนเก่าของพ่อเขา รอให้ทีมจราจรมาก่อน ฉันจะจัดการนายให้สาสม
ได้สิ หลี่ฝางที่ทำหน้าอย่างไม่แยแส มากสุดก็ชดใช้เงินเท่านั้นเอง
หลังจากที่ทั้งคู่เข้าไปในโรงแรมแล้ว หลี่ฝางก็เห็นเชี่ยลู่
“เชี่ยลู่ ทำไมสร้อยคอของเธอไปอยู่บนหัวจระเข้ได้ละ?” หลี่เสี่ยวเสี่ยวเดินผ่านบ่อน้ำ แวบเดียวก็เห็นสร้อยคอเพชรของเชี่ยลู่
เชี่ยลู่เหลือบมองไปที่ตู้เฟย ไม่ได้พูดอะไร
“ฉันเป็นคนโยนเข้าไปเอง ทำไมเหรอ?” ตู้เฟยเงยหน้าขึ้นกล่าว
หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร ได้แอบส่งข้อความให้กับพี่หมาจื่อ
ครั้งที่แล้วก่อนที่หลินชิงชิงจะไป ได้ให้เบอร์ของพี่หมาจื่อไว้ หลี่ฝางมีเรื่องอะไรก็สามารถหาพี่หมาจื่อได้ตลอดเวลา
ตอนที่กินข้าว ครูประจำชั้นไม่มาสักที
บนโต๊ะอาหาร ทุกคนต่างก็คุยกันเรื่องสอบ เวลานี้ ตู้เฟยได้ส่งสายตาให้กับเกาเสิ้ง
“พี่เฟย ผมได้ยินมาว่าพี่ได้โควตาของมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ จริงหรือเปล่าเนี่ย?” เกาเสิ้งที่เข้าใจ ก็รีบพูดขึ้นมาทันที
“ใช่ พ่อฉันได้บริจาคเงินให้กับมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ จากนั้นฉันก็เข้าได้เลย”
“จริงๆ ก็ไม่มีอะไร ในสังคมนี้ ขอเพียงมีเงิน มีมหาวิทยาลัยแห่งไหนละที่จะเข้าไม่ได้” ตู้เฟยพูดอย่างโอ้อวด
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ นักเรียนจำนวนไม่น้อยก็มองมาที่ตู้เฟยอย่างอิจฉา
“เฮ้ย ฉันพยายามไปสามปี สุดท้ายกลับสอบได้มหาวิทยาลัยระดับสอง ช่างอิจฉาตู้เฟยจริงๆ ไม่ต้องพยายามอะไรเลย ก็ได้โควตาของมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ นั่นมันเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของเมืองเราเลยนะ”
“ตู้เฟย ได้ยินว่าบ้านนายกำลังจะร่วมลงทุนทำธุรกิจกับมหาเศรษฐีผู้ลึกลับเหรอ จะร่วมกันพัฒนาเขตเมืองตะวันออกด้วยกัน ใช่เรื่องจริงหรือเปล่า?” มีคนถามขึ้น
ตู้เฟยพยักหน้า: “ตอนนี้น่าจะกำลังเซ็นสัญญากันแล้วมั้ง”
“แล้วจะพัฒนาส่วนไหนเหรอ? จะไปพัฒนาแถวบ้านฉันหรือเปล่า!”
“ได้ยินมาว่ามหาเศรษฐีผู้ลึกลับท่านนี้ได้นำเงินลงทุนมาเป็นหลายหมื่นล้าน หากพื้นที่บ้านของใครถูกเวนคืน ก็จะรวยทันทีเลย”
“ดูหลี่ฝางสิ เขาก็คือตัวอย่างที่ดี รถเบนซ์จิ๊บยังซื้อแล้วเลย ไม่ใช่เพราะอาศัยบุญบารมีของมหาเศรษฐีผู้ลึกลับเหรอ?”
“หลี่ฝางนั้นก็แค่อาศัยดวงเท่านั้น จะเทียบกับตู้เฟยได้อย่างไร การร่วมทุนครั้งนี้ เกรงว่าบ้านของตู้เฟยก็ได้เงินเป็นจำนวนมหาศาล”
ได้ยินคำพูดนี้ ตู้เฟยก็หัวเราะขึ้นมาทันที: “กำไรอย่างต่ำๆ ก็หลายพันล้านมั้ง”
“หลายพันล้าน………”
ทุกคนต่างตกใจกับตัวเลขนี้ แม้กระทั่งเชี่ยลู่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยิน สีหน้ายังเปลี่ยนไปทันทีเลย
“พี่เฟย มา เรามาดื่มกันแก้วหนึ่ง”
เพื่อนนักเรียนในห้องเริ่มประจบประแจงตู้เฟยกันแล้ว มีเพียงแต่หลี่ฝางกับโจวหยางที่เฉยๆ
หลังจากที่ดื่มกันพอเป็นพิธี ตู้เฟยก็ได้จ้องมองไปที่หลี่ฝาง: “หลี่ฝาง เรื่องที่นายคุยกับฉันเมื่อวาน นายคิดได้หรือยัง?”
เรื่องอะไร? ฉันลืมไปแล้ว หลี่ฝางแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“อายุก็ยังน้อยๆ ทำไม่ความจำไม่ดีเลย” ตู้เฟยขมวดคิ้ว พูดอย่างดูถูก: “เอาล่ะ งั้นฉันจะพูดกับนายอีกหนึ่งครั้ง” ตู้เฟยหยิบเอกสารแจ้งเข้าเรียนออกมาจากกระเป๋าที่หน้าอก วางลงบนโต๊ะ: “หลี่ฝาง นี่ก็คือเอกสารการแจ้งเข้าเรียนของมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ ขอเพียงนายยอมคุกเข่าลง แล้วเรียกฉันว่าปู่สามครั้ง เอกสารแจ้งเข้าเรียนนี้ก็จะเป็นของนาย”
“เรียกนายว่าอะไรนะ?” หลี่ฝางถาม
“ปู่” ตู้เฟยกล่าว
“เป็นหลานที่ดีจริงๆ” หลี่ฝางหัวเราะขึ้นมา
“นายกล้าแกล้งฉันเหรอ?” ฉึบดังขึ้น ตู้เฟยลุกขึ้นยืน
ตู้เฟยมองหลี่ฝางด้วยสายตาที่เย็นชา: “ฉันจะบอกนายนะ นี่มันเป็นโอกาสเดียวที่นายจะสามารถแก้ไขโชคชะตาตัวเอง”
“ตอนที่สอบเอ็นทรานซ์หลี่ฝางเกิดอุบัติเหตุ ได้ยินมาว่าสุดท้ายสอบได้แค่สี่ร้อยกว่าคะแนน แม้แต่มหาลัยระดับสองยังสอบไม่ได้เลย” เวลานี้ มีคนได้พูดขึ้นมา
“หากฉันเป็นเขา ฉันจะเรียน เมื่อเทียบกับอนาคต ศักดิ์ศรีมีประโยชน์อะไร” มีคนกระซิบคุยกัน
“แต่ว่าอยู่ต่อเพื่อนนักเรียนมากมายขนาดนี้ คุกเข่าต่อหน้าคนตั้งมากมาย ยังต้องเรียกปู่อีก นี่มันก็ลำบากใจเกินไปหรือเปล่า?” มีเพื่อนนักเรียนคนอื่นขมวดคิ้ว แสดงออกว่าไม่สามารถที่จะทำได้
“ดูว่าหลี่ฝางจะเลือกยังไง” สายตาของนักเรียนทั้งหมดได้จ้องมองไปทางหลี่ฝาง
หลี่ฝางไม่สะทกสะท้าน ตู้เฟยยังคงพูดต่อเนื่อง: “ไม่อย่างนั้นฉันจะถอยให้นายหนึ่งก้าว เอาหัวโขกพื้นก็พอ แล้วก็เรียกฉันว่าปู่สามครั้งก็พอ”
“ตู้เฟย นายมีสิทธิ์อะไรให้ฉันเรียกนายว่าปู่?” หลี่ฝางถาม
“ก็สิทธิ์ที่จะทำให้นายสามารถเข้าเรียนที่สุ่ยมู่ มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมือง!” ตู้เฟยหัวเราะอย่างเย็นชา
ในเวลานี้ หลี่ฝางก็ได้หยิบหนังสือแจ้งการรับเข้าเรียนที่เหมือนกันออกจากกระเป๋าเสื้อของเขา
“แต่ว่าฉันถูกเลือกแล้ว” หลี่ฝางยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว