NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 119

ตอนที่ 119

บทที่ 119 เรื่องสนุก

แม้ว่าเสียงของหลี่เสี่ยวเสี่ยวจะไม่ดัง แต่ว่าหลิวเฉียวเฉียวกับเชี่ยลู่ที่นั่งอยู่ด้านหลัง ทำไมถึงจะไม่ได้ยินละ?

หลิวเฉียวเฉียวเป็นคนใจเสาะ ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร แต่ว่าเชี่ยลู่นั้นพูดอย่างไม่พอใจ: “หลี่เสี่ยวเสี่ยว เธอว่าใครเป็นนางจิ้งจอกเหรอ?”

“ก็ว่าเธอไง ทำไมเหรอ?” หลี่เสี่ยวเสี่ยวที่ไม่ยอม ก็กล่าวขึ้น: “เมื่อก่อนตอนที่ตู้เฟยมีเงินเธอก็คบตู้เฟย ตอนนี้ตู้เฟยไม่มีเงิน เธอก็มีความคิดที่จะมาเกาะหลี่ฝาง ถ้าไม่ใช่นางจิ้งจอกแล้วคืออะไร?”

“หลี่เสี่ยวเสี่ยว ก้นของตัวเองเช็ดสะอาดหรือยัง ยังมีหน้ามาว่าฉันอีก โพสต์ของเธอยังมีอยู่ในโซเชียลเลย จะให้ฉันค้นหาออกมาส่งให้เธอมั้ย เชี่ยลู่พูดอย่างภาคภูมิใจ” เพราะโพสต์นั้นเป็นฝีมือของเธอ

พูดถึงโพสต์นั้น สีหน้าของหลี่เสี่ยวเสี่ยวก็มืดมนลงทันที

“อีกะหรี่ เธออย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ ว่าโพสต์นั้นมันเป็นฝีมือของเธอ กูยังไม่ได้คิดบัญชีกับมึงเลย” หลี่เสี่ยวเสี่ยวพูดอย่างเยือกเย็น

หลี่ฝางกลัวว่าพวกเธอจะตบตีกันขึ้นมา: “ก็ได้พูดขึ้น พอแล้ว ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว”

“หากจะทะเลาะนายสองคนลงไปทะเลาะเลย” ไม่ต้องมาทะเลาะกันบนรถ หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงที่รำคาญมาก

หลังจากที่หลี่ฝางพูดจบ หลี่เสี่ยวเสี่ยวกับเชี่ยลู่ก็หุบปากไป

เพียงแต่สีหน้าที่เชี่ยลู่มองหลี่ฝางนั้นแปลกๆ ราวกับว่าสงสัยหลี่ฝางจะหักหลังเธอ

ถึงอย่างไรเรื่องของหลี่เสี่ยวเสี่ยวกับอาเสี่ยที่ถูกเชี่ยลู่เปิดโปง มีเพียงหลี่ฝางกับหลิวเฉี่ยวเฉี่ยวที่รู้ หลิวเฉียวเฉียวนั้นไม่ได้สนิทกับหลี่เสี่ยวเสี่ยวอยู่แล้ว ดังนั้นเชี่ยลู่มั่นใจว่าต้องเป็นหลี่ฝางที่บอกกับหลี่เสี่ยวเสี่ยว

เวลานี้รถออดี้ A4 ได้สตาร์ทเครื่องแล้ว หลี่ฝางก็สตาร์ทรถเหมือนกัน รีบตามไป

ระหว่างทาง ในรถเงียบจนน่ากลัว ไม่มีใครคุยกับใครเลย แต่ว่าหลี่เสี่ยวเสี่ยวได้คิดไว้แล้ว เมื่อลงจากรถ เขาก็จะฉีกปากของเชี่ยลู่ให้ขาด

ตามรถออดี้A4 มาถึงGreentown villa

ที่ชุมชนประตู รายล้อมด้วยรถหรู

พวกของเสี่ยวซานจื่อก็มาถึงกันแล้ว

รถหรูได้จอดกันเป็นแถวที่หน้าประตูชุมชน แต่กลับไม่เข้าไป

หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาพ่อของตัวเอง: “พ่อ พ่อบอกจะพาผมมาดูเรื่องสนุกๆ ไง นี่ก็คือเรื่องสนุกเหรอ?”

นอกจากมีคนมุมเต็มไปหมด มีอะไรน่าดูเหรอ!

หลี่ฝางผิดหวังเล็กน้อย

เวลานี้วิลล่าหลังหนึ่งในลู่เฉิง มีชายหนึ่งหญิงหนึ่ง

ผู้ชายก็คือตู้ต้าไห่ ผู้หญิงก็คือกิ๊กของเขา ชื่อเหมยกุย เป็นผู้หญิงที่ทำงานกลางคืน

ตู้ต้าไห่ได้ซ่อนเงินก้อนหนึ่งไว้ใต้เตียงของเหมยกุย ตอนที่ตู้ต้าไห่รื้อเตียงออกนั้น เหมยกุยตกตะลึงเป็นอย่างมาก

เธอคิดไม่ถึงเลย ว่าเตียงของตัวเองจะมีเงินมากมายขนาดนี้

เท่ากับว่ามันได้นอนอยู่ที่ใต้เตียงของเขาทุกคืนไม่ใช่เหรอ?

“ยังอึ้งอยู่ทำไม รีบเอากระเป๋าเดินทางมาเดี๋ยวนี้” ตู้ต้าไห่เหลือบมองไปที่เหมยกุย พูดอย่างรังเกียจ: ทำไมถึงมองไม่เห็นนะ

เหมยกุยก็รู้ข่าวการล้มละลายของตู้ต้าไห่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าตู้ต้าไห่ยังได้ซ่อนเงินไว้มากมายขนาดนี้

เหมยกุยหากระเป๋าเดินทางมาได้ใบหนึ่ง ไม่นานนัก กระเป๋าเดินทางก็เต็มไปด้วยเงิน หลังจากที่ยัดเต็มแล้ว เหมยกุยก็ได้หากระเป๋าสะพายมาอีกหนึ่งใบ ใส่เงินเต็มกระเป๋า

ตู้ต้าไห่มองเหมยกุย ถามอย่างจริงจัง: “เหมยกุย เธอก็น่าจะรู้แล้ว ฉันตู้ต้าไห่ตอนนี้ล้มละลายแล้ว”

“ตอนนี้เธอมีแค่สองทางเลือก หนึ่งก็คือไปกับฉัน ไปตั้งรกรากในที่ที่ไม่มีคนรู้จักพวกเรา แล้วนำเงินก้อนนี้ไปใช้ในบั้นปลายชีวิต”

“สองก็คือเงินในกระเป๋าสะพายเป็นของเธอ ฉันไปเอง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เราก็ไม่มีทางจะได้พบกันอีกแล้ว” ตู้ต้าไห่มองเหมยกุยด้วยสีหน้าที่สับสน

“เราสองคนอยู่ด้วยกันมาเจ็ดปีแล้ว พูดตามตรง ฉันชอบเธอมาก หากเธอไปกับฉัน ฉันก็จะดูแลเธออย่างดี” ตู้ต้าไห่พูดด้วยสีหน้าที่จริงใจ

เหมยกุยลังเลไปสักพัก เธอคำนวณคร่าวๆ เงินในกระเป๋าเดินทาง มีประมาณสี่ล้านหยวน เงินในกระเป๋าเดินทางของตัวเอง ก็น่าจะประมาณหนึ่งล้านหยวน

ไม่ว่าจะเลือกยังไง เหมยกุยก็ไม่ขาดทุน

เหมยกุยถามขึ้น: “ตู้ต้าไห่ คำพูดที่คุณพูดเมื่อกี้ คุณจริงจังใช่มั้ย?”

“จริงสิ ถึงขนาดนี้แล้ว เธอคิดว่าฉันมีความจำเป็นที่ต้องหลอกเธออีกมั้ย?” ตู้ต้าไห่กล่าว

เหมยกุยทำงานกลางคืนมาหลายปี หลังจากที่ถูกตู้ต้าไห่รับเลี้ยงชีวิตจึงดีขึ้น ต่อให้กลับบ้านเกิด ก็คงจะหาผู้ชายที่เหมาะสมไม่ได้ ถึงอย่างไรปีนี้เหมยกุยอายุก็สามสิบกว่าปีแล้ว เธอพยักหน้า แล้วกล่าว: “ได้ ฉันจะไปกับคุณ”

ไม่ว่ายังไง ตู้ต้าไห่ก็ดีกับเธอจริงๆ

ตั้งแต่เธออยู่กับตู้ต้าไห่ เจ็ดปีมานี้ เธอก็ไม่ต้องทนให้ผู้ชายมาด่าทออีก และก็ไม่ต้องทำงาน ทุกวันก็ไปเดินช้อปปิ้งกับเพื่อนๆ เสริมสวย กลางคืนก็ไปฟิตเนสฟิตหุ่นของตัวเอง

แน่นอน เธอก็เคยเรียนทำกับข้าวด้วย ฝีมือใช้ได้ทีเดียว

และก็เป็นสาเหตุที่ตู้ต้าไห่ไม่อยากจะเสียเธอไปด้วยมั้ง

นอกจากเงินแล้ว ทั้งสองคนไม่ได้เอาอะไรไปอีกเลย ก็ได้ออกจากวิลล่าโดยตรง

บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ตู้ต้าไห่เช่าให้เหมยกุย ความสัมพันธ์ของเขากับเหมยกุยนั้นแค่รู้กันเอง ไม่มีคนอื่นรู้เรื่องนี้เลย

อีกสิ่งหนึ่งที่ตู้ต้าไห่คิดไม่ถึงก็คือ เขากับเหมยกุยเพิ่งจะเดินออกมาจากลู่เฉิง ก็ถูกล้อมเอาไว้หมดแล้ว

“พวกนายพวก……..นายหาที่ที่เจอได้ยังไงกัน?” ตู้ต้าไห่เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย สีหน้าก็ซีดลงทันที

คนเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าหนี้ของเขา!

เสี่ยวซานจื่อพุ่งเข้าไปโดยตรง กระทืบถีบตู้ต้าไห่จนล้ม: “เย็ดแม่ ติดเงินกู ยังคิดจะหนีอีกเหรอ?”

ตู้ต้าไห่ล้มลงไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง ทำให้เห็นเงินในกระเป๋าทั้งหมด

“เย็ดแม่ จะเอาเงินหนีไปด้วยจริงๆ เหรอเนี่ย!” เสี่ยวซานจื่อด่าอย่างหยาบคาย ก็รีบเก็บกระเป๋าเดินทางขึ้นมา

เสียงเงินหล่นพรึบๆ พรับๆ

เวลานี้ นอกจากเถ้าแก่แล้ว คนทั้งกลุ่ม ต่างกรูกันเข้าไปแย่งเงิน

สายลมพัดมา ท้องฟ้ากระจัดกระจายไปด้วยเงิน

เชี่ยลู่ หลิวเฉียวเฉียว ยังมีหลี่เสี่ยวเสี่ยว เคยเห็นภาพแบบนี้ที่ไหนกันละ

ภาพที่เงินหล่นลงมาจากฟ้า

หลี่เสี่ยวเสี่ยวลงรถเป็นคนแรก รีบไปแย่งเก็บเงินที่สายลมพัดมา และเชี่ยลู่กับหลิวเฉียวเฉียวก็ลงตามไปด้วย เดินแย่งตามก้นของหลี่เสี่ยวเสี่ยว

ผู้หญิงสามคนนี้ก็เข้าร่วมแยกเงิน

เวลานี้ สีหน้าของตู้ต้าไห่ซีดจนไม่เห็นเลือด หมดหวังอย่างสิ้นเชิง

มองดูเงินของตัวเองถูกแย่งไปต่อหน้าต่อตา ตู้ต้าไห่ไม่โวยวายแม้แต่นิดเดียว ถึงอย่างไรหนี้ที่เขาติดคนเหล่านี้เป็นหมื่นล้าน!

ในหมื่นล้านนี้ เงินแค่หลักล้านของเขาเทียบไม่ได้เลย?

“จับตัวตู้ต้าไห่ไป” ชายคิ้วหนาคนหนึ่งได้กล่าวขึ้น

เจ้าหนี้รายใหญ่สุดของตู้ต้าไห่ ก็คือพ่อของส้งเสียง ส้งกงหมิง เขายืมเงินให้ตู้ต้าไห่ยี่สิบกว่าล้านหยวน

“เย็ดแม่เอ๊ย แกเป็นใครกัน!”

เสี่ยวซานจื่อยกเท้าขึ้น ถีบเชี่ยลู่ล้มลงบนพื้น

“ตู้ต้าไห่ติดหนี้พวกเธอเหรอ พวกเธอถึงมาแย่ง!” เสี่ยวซานจื่อมองไปที่พวกเชี่ยลู่แล้วด่า

ตอนอยู่ในโรงแรม เสี่ยวซานจื่อก็คือเห็นพวกเชี่ยลู่แล้ว ดังนั้นจึงรู้ฐานะของพวกเธอดี

“ส่งเงินที่พวกเธอแย่งมาให้ฉัน!” เสี่ยวซานจื่อกล่าวอย่างเย็นชา ได้แย่งเงินมาจากมือของหญิงสาวทั้งสามคน

ไม่ถึงห้านาที เงินที่หล่นอยู่บนพื้นก็ถูกเก็บไปหมด

เสี่ยวซานจื่อที่มากับลูกน้องห้าหกคน แย่งมาได้ราวๆ หนึ่งล้านกว่าหยวน

เสี่ยวซานจื่อยิ้มอย่างมีความสุข เขายืมให้ตู้ต้าไห่หนึ่งล้านหยวน ตอนนี้แย่งกลับมาได้หนึ่งล้านกว่าหยวน เงินของตัวเองถือว่าได้คืนมาแล้ว

“พวกเราไป” หลังจากที่เหลือบมองตู้ต้าไห่แล้ว เสี่ยวซานจื่อก็ได้กล่าวขึ้น

“ลูกพี่ เรายังไม่ได้เก็บดอกเบี้ยเลย” ลูกน้องของเสี่ยวซานจื่อพูดขึ้นมา

“นี่มันสถานการณ์อะไร ไอ้คนนี้มันล้มละลายไปแล้ว แกยังคิดเรื่องดอกเบี้ยอีกเหรอ แกทำไมโลภแบบนี้” เสี่ยวซานจื่อมองบนใส่ลูกน้องของเขา

แต่ลูกน้องของเขานั้นหมายถึงเหมยกุย: “ลูกพี่ เห็นกระเป๋าที่ผู้หญิงคนนั้นสะพายอยู่หรือเปล่า” ผมเดาว่าข้างในน่าจะเป็นเงิน

“ไปแย่งมันมา!” เสี่ยวซานจื่อขมวดคิ้ว แล้วกล่าว

ไปแย่งมาดูแล้ว ของในกระเป๋านั้นคือเงินจริงๆ ด้วย เสี่ยวซานจื่อดีใจออกนอกหน้า รีบกล่าวขึ้น: “ครั้งนี้เราได้กำไลมหาศาลแล้ว รีบไปกันเถอะ!”

เหมยกุยก็ไม่ได้เอะอะโวยวาย เพราะเธอรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์

คนอย่างเสี่ยวซานจื่อ ตอนที่เหมยกุยทำงานกลางคืนก็รู้จักแล้ว เป็นคนใจไม้ไส้ระกำ อีกอย่างยังโรคจิตอีกด้วย

เมื่อก่อนสาวนั่งดริ๊งคนหนึ่งได้ล่วงเกินเขา เสี่ยวซานจื่อได้ถอดเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าทุกคน แล้วก็ถอดกางเกงของตัวเองออก จากนั้นก็มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าทุกคน

เสี่ยวซานจื่อคนนี้เป็นญาติของหม่าเทียน ดังนั้นต่อให้ทำผิด ก็ไม่มีใครกล้าจับเขา

เหมยกุยรู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากรู้อย่างนี้เธอก็คงไม่ออกมาพร้อมกับตู้ต้าไห่ ตอนนี้ อะไรก็ไม่เหลือแล้ว

คนของส้งกงหมิงเดินมาทางตู้ต้าไห่ อยากจะจับตัวเขา แต่ว่าในเวลานี้ รถเบนซ์สปอตคันหนึ่งได้ขับเข้ามาพุ่งชนคนของส้งกงหมิงจนล้ม

ในรถเป็นตู้เฟยก็ได้ตะโกนเรียก: “พ่อ รีบขึ้นรถ!”

“ตู้เฟย? ” หลี่ฝางขมวดคิ้วเล็กน้อย และได้สตาร์ทรถไว้แล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท