บทที่ 146 คนที่มีGlobal black card
บอดี้การ์ดมองตู้เฟย แล้วก็หันไปมองหลี่ฝาง ยังคงพูดกับหลี่ฝางต่อ: “คุณผู้ชาย ช่วยแสดงการ์ดเชิญของคุณหน่อยครับ”
“ฉันไม่มีการ์ดเชิญ” หลี่ฝางหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“คุณผู้ชาย หากว่าคุณไม่มีการ์ดเชิญ ก็ขอเชิญคุณออกไปจากรีสอร์ตด้วยครับ รีสอร์ตของเรายังไม่เปิดเป็นทางการ คนนอกยังเข้าไม่ได้ครับ” บอดี้การ์ดยังคงรักษาท่าทีที่สุภาพเอาไว้
“หลี่ฝาง ได้ยินหรือยัง บอกให้นายไสหัวออกไปไง” ตู้เฟยหัวเราะเสียงดัง
คนที่อยู่ในรีสอร์ต ก็ได้ถูกดึงดูดให้มองมา
“มีเรื่องสนุกให้ดูอีกแล้ว”
“เจ้าหมอนี่เข้ามาได้ไงเนี่ย?”
“ดูผู้หญิงคนนั้นสิ ใส่ชุดกีฬามาร่วมงานปาร์ตี้ ช่างตลกจริงๆ เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นผู้หญิงที่นอกคอกแบบนี้”
แต่ว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวยไม่เบา แค่แต่งตัวนิดหน่อย อาจจะเป็นสาวงามคนหนึ่งก็ได้
เวลานี้ บอดี้การ์ดได้เดินเข้าไปข้างกายหลี่ฝาง ได้ทำท่าทางที่เรียนเชิญ: “คุณผู้ชาย เชิญคุณออกไปด้วย”
หลี่ฝางเปิดปากพูด: “แล้วทำไมไม่ตรวจของพวกเขาละ?”
บอดี้การ์ดกวาดมองไปที่ผู้คน จากนั้นก็ยังคงพูดกับหลี่ฝาง: “คุณผู้ชาย เชิญคุณออกไปด้วย ไม่อย่างนั้น พวกเราต้องใช้มาตรการความรุนแรงแล้ว”
“อะไรคือมาตรการความรุนแรง?” หลี่ฝางถาม
“ตามชื่อก็คือการบังคับให้คุณออกไป” บอดี้การ์ดกล่าว
หลี่ฝางเป็นอันเข้าใจ บอดี้การ์ดคนนี้ ก็เป็นคนที่ดูถูกคนเหมือนกัน
ก็เพียงเพราะว่าการแต่งกายของตัวเองกับลู่หลุ่ยนั้นแย่ไปหน่อย ดังนั้นบอดี้การ์ดจึงสงสัยฐานะของพวกเขา
เพราะว่าการแต่งตัวของตู้เฟยกับหยูเถิงนั้นดูไฮโซ ดังนั้นบอดี้การ์ดไม่กล้าแม้แต่จะสงสัย เพราะกลัวว่าจะล่วงเกินพวกหยูเถิงและตู้เฟย
หลี่ฝางคิดในใจ คนที่มองคนอื่นต่ำแบบนี้ ไม่เหมาะที่จะเป็นบอดี้การ์ดในรีสอร์ต
ก็ไม่รู้ว่าเจ้าโง่อย่างถังหยู่ซวนไปไหนเสียแล้ว โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ ตอนที่หลี่ฝางกำลังจะโทรหาหลี่ต๋าคางนั้น ปรากฏว่าสวีเถิงเฟยได้ก้าวออกมา
“พวกเขาเป็นเพื่อนของผมเอง” สวีเถิงเฟยเข้ามาแล้ว ก็พูดกับบอดี้การ์ด
บอดี้การ์ดได้ยินแล้ว: “ก็กลัวทันที ขอโทษครับ คุณชายสวี พวกผมไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนของคุณ”
“เข้าใจผิด เข้าใจผิด ขอโทษด้วยครับ คุณผู้ชาย” บอดี้การ์ดก้มหน้าขอโทษหลี่ฝางกับลู่หลุ่ย
“ที่แท้ก็เป็นเพื่อนของสวีเถิงเฟยหรอกเหรอ”
“สวีเถิงเฟยนี่มันยังไงกัน ทำไมถึงได้พายาจกสองคนนี้เข้ามา ดูโลโก้บนชุดกีฬาของผู้หญิงคนนั้นสิ โลโก้ตัวอักษรที่ปั๊มผิดแล้ว ชุดกีฬายังใส่ของก็อป?”
“ฮ่าๆ จริงๆ ด้วย”
ขณะที่ผู้คนหัวเราะหลี่ฝางกับลู่หลุ่ยนั้น ก็หัวเราะเยาะสวีเถิงเฟยด้วย
หยูเถิงขมวดคิ้ว สวีเถิงเฟย: “พวกเขาเป็นเพื่อนนายจริงเหรอ?”
“แล้วนายรู้จักชื่อของพวกเขาหรือเปล่า?” หยูเถิงถาม
“ฉันก็ต้องรู้อยู่แล้ว เขาชื่อหลี่ฝาง เธอชื่อลู่หลุ่ย” สวีเถิงเฟยชี้ไปที่หลี่ฝางกับลู่หลุ่ย
สีหน้าของหยูเถิงมืดมนลงทันที
หยูเถิงหันหน้าไปมองตู้เฟย ตู้เฟยพยักหน้า กระซิบบอก: “ผู้หญิงคนนั้นชื่อลู่หลุ่ยจริง”
ถ้าพูดแบบนี้ ก็แสดงว่าสองคนนั้นเป็นเพื่อนของสวีเถิงเฟยจริงๆ?
แบบนี้แล้ว หยูเถิงก็ไม่สามารถที่จะไล่พวกเขาออกไป
หยูเถิงส่ายหัว มองไปที่ตู้เฟยแล้วกล่าว: “น้องชาย แค้นนี้วันหลังค่อยช่วยนายชำระละกัน”
ตู้เฟยก็รู้ความไม่น้อย พยักหน้ากล่าว: “ไม่เป็นไรครับ พี่ชาย ถึงอย่างไรสองสามวันนี้ก็จะเปิดเทอมแล้ว เขาก็เรียนที่มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่เหมือนกัน”
“เขาก็เรียนที่มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่?” สนุกละงานนี้ หยูเถิงยิ้มอย่างชั่วร้าย
และหลังจากที่หยูเถิงกับตู้เฟยหันหลังเดินจากไปแล้ว หลี่ฝางก็มองไปที่สวีเถิงเฟยแล้วถาม: “นายเป็นใคร?”
“เหมือนฉันจะไม่รู้จักนายนะ”
“ฉันไม่รู้แม้กระทั่งนายชื่ออะไร”
หลี่ฝางหันหน้าไปทางลู่หลุ่ย แล้วถาม: “ลู่หลุ่ย เธอรู้จักเขามั้ย?”
ลู่หลุ่ยนิ่งไปสักพัก มองหลี่ฝาง คิดในใจ คนเขากำลังช่วยพวกเราอยู่ หากเราบอกว่าไม่รู้จักเขา แบบนี้ไม่เท่ากับฉีกหน้าเขาเหรอ?
แบบนี้มันดูไม่ค่อยจะเหมาะนะ
แต่ในเมื่อหลี่ฝางบอกว่าไม่รู้จัก ลู่หลุ่ยก็ต้องพูดตามว่าไม่รู้จัก
แน่นอน ลู่หลุ่ยก็ไม่รู้จักสวีเถิงเฟยจริงๆ
ลู่หลุ่ยจึงได้พูดอย่างจำยอม: “ฉันก็ไม่รู้จักเขา”
ฉึบ ภาพที่เหมือนในละครได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว สวีเถิงเฟยโดยฉีกหน้าในงาน
คุณชายที่สูงศักดิ์ กลับถูกไอ้นอกคอกสองคนนี้ฉีกหน้า ผู้คนที่อยู่ในนี้อึ้งไปหลายวินาที จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง
โดยเฉพาะหยูเถิง เขาหัวเราอย่างมีความสุขมาก
หยูเถิงเดินย้อนกลับมา พูดต่อหน้าสวีเถิงเฟย: “สวีเถิงเฟย นี่มันเรื่องอะไร ทำไมคนเขาบอกว่าไม่รู้จักนายละ แม้แต่นายชื่ออะไรเขายังไม่รู้เลย”
“แบบนี้นับเป็นเพื่อนด้วยเหรอ?” หยูเถิงหัวเราะกล่าว
สีหน้าของสวีเถิงเฟยมืดมนลง เขาให้เขาอับอายเล็กน้อย
สวีเถิงเฟยมองหลี่ฝางอย่างเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ: ฉันอุตส่าห์มีน้ำใจช่วยนาย นายกลับทำให้ฉันอับอายต่อหน้าผู้คน?
ไม่รู้จักขอบคุณก็ไม่เป็นไร แต่นี่กลับมาฉีกหน้ากันแบบนี้เหรอ?
เย็ดแม่มันโง่หรือเปล่า?
“ฮ่าๆ ช่างสนุกจริงๆ อีกฝ่ายเหมือนจะไม่รับน้ำใจนี้นะ”
“เป็นครั้งแรกที่เห็นสวีเถิงเฟยขายหน้า!”
“เจ้าหมอนั่นชื่อหลี่ฝางใช่ป่ะ คุณชายอย่างข้าจะจำมันเอาไว้ มันเจ๋งจริงๆ ในเวลาเดียวกันสามารถต่อกรกับหยูเถิง แล้วยังทำให้สวีเถิงเฟยขายหน้าได้อีก”
“ไปจำมันทำไม เจ้าหมอนั่นตายแน่ ล่วงเกินหยูเถิง คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน”
สวีเถิงเฟยมองหยูเถิงแล้วกล่าว: “หยูเถิง ในเมื่อพวกเขาบอกว่าไม่รู้จักฉัน นายอยากทำอะไรก็ทำเถอะ”
หยูเถิงพยักหน้า แล้วกล่าว: “ได้ เดี๋ยวจะหาเวลาเลี้ยงเหล้านาย”
“ฉันเลี้ยงนายถึงจะถูก” สวีเถิงเฟยพูดจบ ก็จากไปทันที
สวีเถิงเฟยและหยูเถิง ล้วนไม่อยากที่จะล่วงเกินซึ่งกันและกัน
และพฤติกรรมเมื่อกี้ของหลี่ฝาง เหมือนกับการสร้างภาพแบบนี้ การสร้างภาพแบบนี้ก็เท่ากับสวีเถิงเฟยจงใจเป็นศัตรูกับหยูเถิง ดังนั้นจึงแกล้งทำเป็นรู้จักหลี่ฝางกับลู่หลุ่ย
แต่เมื่อกี้ก็เป็นสัญญาณที่ดี เห็นได้ชัดว่าความเข้าใจผิดได้ถูกขจัดออกไป
หลังจากที่ไม่มีสวีเถิงเฟยปกป้องแล้ว หลี่ฝางก็ตกสู่สถานการณ์ที่ถูกขับไล่อีกครั้ง
“คุณผู้ชาย ในเมื่อคุณไม่ใช่เพื่อนของคุณชายสวี งั้นก็เชิญคุณออกไปด้วยครับ” หยูเถิงส่งสายตาให้กับบอดี้การ์ด บอดี้การ์ดก็เข้ามาทันที ก็พูดต่อเนื่อง
บอดี้การ์ดมองหลี่ฝางอย่างสับสน คิดในใจ เจ้าโง่คนนี้ คุณชายสวีอุตส่าห์ลดตัวช่วยเหลือแล้ว ยังไม่รับอีก? ช่างไม่รู้สถานการณ์เลย
คนแบบนี้ ไม่เหมาะกับสังคมตรงหน้าเลย ไม่ลื่นไหลเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่ลื่นไหลยังไม่พอ ยังเต็มไปด้วยหนาม
หลี่ฝางมองดูบอดี้การ์ด ส่ายหัวอย่างผิดหวัง: “นายมันนี่ เปลี่ยนสีหน้าได้เร็วเหมือนพลิกหนังสือเลยนะ”
“คุณผู้ชาย เชิญคุณออกไปด้วย” บอดี้การ์ดได้ยินคำพูดนี้ น้ำเสียงเย็นเยือกขึ้นมาทันที
“ให้ฉันโทรศัพท์ก่อน” หลี่ฝางพูดจบ ก็หยิบมือถือออกมา เดินไปด้านข้าง
และด้านข้าง มีคุณชายคนหนึ่งเหมือนจะถูกใจลู่หลุ่ยเข้า เขาเดินไปทางที่ลู่หลุ่ยยืนอยู่ แล้วกล่าว: คนสวย เธอชื่อลู่หลุ่ยเหรอ?”
ลู่หลุ่ยตอบรับไปหนึ่งคำ
“ลู่หลุ่ย สวัสดี ฉันชื่อจ้าวเสี่ยวตาว พวกเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้มั้ย?”
จ้าวเสี่ยวตาวยิ้มๆ : “หากเธอยอมตกลง ฉันสามารถให้เธออยู่ต่อได้”
“ไม่ต้อง” ลู่หลุ่ยคิดยังไม่คิด ก็ปฏิเสธไปทันที
อยู่ต่อ? ลู่หลุ่ยเพียงแค่อยากไปจากตรงนี้โดยเร็ว เธอไม่อยากอยู่แม้แต่วินาทีเดียว
“เฮ้ย ลู่หลุ่ย ที่จริงหน้าตาของเธอถือว่าใช้ได้เลย ทำไมถึงไปคบกับคนนอกคอกแบบนี้ละ? คบกับเขา ได้ใส่แค่ชุดตลาดนัด แต่หากคบกับฉันก็จะไม่เหมือนกันนะ ฉันจะซื้อกระเป๋า เสื้อผ้า ลิปสติก เครื่องสำอาง ล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์เนมให้เธอนะ” จ้าวเสี่ยวตาวพูดล่อ
“นอกจากซื้อของพวกนี้ให้เธอแล้ว ทุกเดือนจะให้เงินเดือนเธอสามหมื่นหยวน เป็นไง?” จ้าวเสี่ยวตาวพูดประโยคนี้ออกมา ลู่หลุ่ยก็เข้าใจแล้ว เจ้าหมอนี่คิดจะเลี้ยงดูตัวเอง
ลู่หลุ่ยตกใจจนลนลาน ตอนที่วิ่งนั้น เอทีเอ็มใบหนึ่งหล่นลงมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา
“คนสวย ของเธอตกน่ะ” มีคนเตือนให้เธอรู้ตัว
ลู่หลุ่ยหันกลับไป มองGlobal black cardที่หล่นอยู่บนพื้น ก็รีบเก็บขึ้นมา
และในเวลานี้ สายตาที่นับไม่ถ้วนได้จ้องมองGlobal black cardที่อยู่ในมือของลู่หลุ่ย
หยูเถิงนั้นอึ้งอยู่ตรงที่เดิม
“เสี่ยวตาว การ์ดที่หล่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อของผู้หญิงคนนั้น ใช่Global black card?” หยูเถิงถามด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น
จ้าวเสี่ยวตาวกลืนน้ำลายลงคอ นอกจากตกใจแล้ว สิ่งที่มากกว่าก็คือสงสัย
“ผมนึกว่าผมดูผิดเสียอีก พี่เถิง พี่ก็เห็นใช่มั้ย?”
จ้าวเสี่ยวตาวกล่าว เหมือนจะเป็นGlobal black card หากใช่จริงๆ ก็เท่ากับว่า………”
สีหน้าของจ้าวเสี่ยวตาว จู่ๆ ก็ซีดลงทันที หากใช่ของจริง ไม่เท่ากับว่าก่อเรื่องใหญ่แล้วเหรอ?
บนโลกใบนี้ คนที่สามารถมี Global black card ใช่คนที่สามารถจะล่วงเกินได้ง่ายๆ ที่ไหนกันละ?
ไม่ต้องพูดถึงจ้าวเสี่ยวตาว แม้กระทั่งหยูเถิงยังกลัวเลย