NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 146

ตอนที่ 146

บทที่ 146 คนที่มีGlobal black card

บอดี้การ์ดมองตู้เฟย แล้วก็หันไปมองหลี่ฝาง ยังคงพูดกับหลี่ฝางต่อ: “คุณผู้ชาย ช่วยแสดงการ์ดเชิญของคุณหน่อยครับ”

“ฉันไม่มีการ์ดเชิญ” หลี่ฝางหัวเราะอย่างเยือกเย็น

“คุณผู้ชาย หากว่าคุณไม่มีการ์ดเชิญ ก็ขอเชิญคุณออกไปจากรีสอร์ตด้วยครับ รีสอร์ตของเรายังไม่เปิดเป็นทางการ คนนอกยังเข้าไม่ได้ครับ” บอดี้การ์ดยังคงรักษาท่าทีที่สุภาพเอาไว้

“หลี่ฝาง ได้ยินหรือยัง บอกให้นายไสหัวออกไปไง” ตู้เฟยหัวเราะเสียงดัง

คนที่อยู่ในรีสอร์ต ก็ได้ถูกดึงดูดให้มองมา

“มีเรื่องสนุกให้ดูอีกแล้ว”

“เจ้าหมอนี่เข้ามาได้ไงเนี่ย?”

“ดูผู้หญิงคนนั้นสิ ใส่ชุดกีฬามาร่วมงานปาร์ตี้ ช่างตลกจริงๆ เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นผู้หญิงที่นอกคอกแบบนี้”

แต่ว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาสวยไม่เบา แค่แต่งตัวนิดหน่อย อาจจะเป็นสาวงามคนหนึ่งก็ได้

เวลานี้ บอดี้การ์ดได้เดินเข้าไปข้างกายหลี่ฝาง ได้ทำท่าทางที่เรียนเชิญ: “คุณผู้ชาย เชิญคุณออกไปด้วย”

หลี่ฝางเปิดปากพูด: “แล้วทำไมไม่ตรวจของพวกเขาละ?”

บอดี้การ์ดกวาดมองไปที่ผู้คน จากนั้นก็ยังคงพูดกับหลี่ฝาง: “คุณผู้ชาย เชิญคุณออกไปด้วย ไม่อย่างนั้น พวกเราต้องใช้มาตรการความรุนแรงแล้ว”

“อะไรคือมาตรการความรุนแรง?” หลี่ฝางถาม

“ตามชื่อก็คือการบังคับให้คุณออกไป” บอดี้การ์ดกล่าว

หลี่ฝางเป็นอันเข้าใจ บอดี้การ์ดคนนี้ ก็เป็นคนที่ดูถูกคนเหมือนกัน

ก็เพียงเพราะว่าการแต่งกายของตัวเองกับลู่หลุ่ยนั้นแย่ไปหน่อย ดังนั้นบอดี้การ์ดจึงสงสัยฐานะของพวกเขา

เพราะว่าการแต่งตัวของตู้เฟยกับหยูเถิงนั้นดูไฮโซ ดังนั้นบอดี้การ์ดไม่กล้าแม้แต่จะสงสัย เพราะกลัวว่าจะล่วงเกินพวกหยูเถิงและตู้เฟย

หลี่ฝางคิดในใจ คนที่มองคนอื่นต่ำแบบนี้ ไม่เหมาะที่จะเป็นบอดี้การ์ดในรีสอร์ต

ก็ไม่รู้ว่าเจ้าโง่อย่างถังหยู่ซวนไปไหนเสียแล้ว โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ ตอนที่หลี่ฝางกำลังจะโทรหาหลี่ต๋าคางนั้น ปรากฏว่าสวีเถิงเฟยได้ก้าวออกมา

“พวกเขาเป็นเพื่อนของผมเอง” สวีเถิงเฟยเข้ามาแล้ว ก็พูดกับบอดี้การ์ด

บอดี้การ์ดได้ยินแล้ว: “ก็กลัวทันที ขอโทษครับ คุณชายสวี พวกผมไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนของคุณ”

“เข้าใจผิด เข้าใจผิด ขอโทษด้วยครับ คุณผู้ชาย” บอดี้การ์ดก้มหน้าขอโทษหลี่ฝางกับลู่หลุ่ย

“ที่แท้ก็เป็นเพื่อนของสวีเถิงเฟยหรอกเหรอ”

“สวีเถิงเฟยนี่มันยังไงกัน ทำไมถึงได้พายาจกสองคนนี้เข้ามา ดูโลโก้บนชุดกีฬาของผู้หญิงคนนั้นสิ โลโก้ตัวอักษรที่ปั๊มผิดแล้ว ชุดกีฬายังใส่ของก็อป?”

“ฮ่าๆ จริงๆ ด้วย”

ขณะที่ผู้คนหัวเราะหลี่ฝางกับลู่หลุ่ยนั้น ก็หัวเราะเยาะสวีเถิงเฟยด้วย

หยูเถิงขมวดคิ้ว สวีเถิงเฟย: “พวกเขาเป็นเพื่อนนายจริงเหรอ?”

“แล้วนายรู้จักชื่อของพวกเขาหรือเปล่า?” หยูเถิงถาม

“ฉันก็ต้องรู้อยู่แล้ว เขาชื่อหลี่ฝาง เธอชื่อลู่หลุ่ย” สวีเถิงเฟยชี้ไปที่หลี่ฝางกับลู่หลุ่ย

สีหน้าของหยูเถิงมืดมนลงทันที

หยูเถิงหันหน้าไปมองตู้เฟย ตู้เฟยพยักหน้า กระซิบบอก: “ผู้หญิงคนนั้นชื่อลู่หลุ่ยจริง”

ถ้าพูดแบบนี้ ก็แสดงว่าสองคนนั้นเป็นเพื่อนของสวีเถิงเฟยจริงๆ?

แบบนี้แล้ว หยูเถิงก็ไม่สามารถที่จะไล่พวกเขาออกไป

หยูเถิงส่ายหัว มองไปที่ตู้เฟยแล้วกล่าว: “น้องชาย แค้นนี้วันหลังค่อยช่วยนายชำระละกัน”

ตู้เฟยก็รู้ความไม่น้อย พยักหน้ากล่าว: “ไม่เป็นไรครับ พี่ชาย ถึงอย่างไรสองสามวันนี้ก็จะเปิดเทอมแล้ว เขาก็เรียนที่มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่เหมือนกัน”

“เขาก็เรียนที่มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่?” สนุกละงานนี้ หยูเถิงยิ้มอย่างชั่วร้าย

และหลังจากที่หยูเถิงกับตู้เฟยหันหลังเดินจากไปแล้ว หลี่ฝางก็มองไปที่สวีเถิงเฟยแล้วถาม: “นายเป็นใคร?”

“เหมือนฉันจะไม่รู้จักนายนะ”

“ฉันไม่รู้แม้กระทั่งนายชื่ออะไร”

หลี่ฝางหันหน้าไปทางลู่หลุ่ย แล้วถาม: “ลู่หลุ่ย เธอรู้จักเขามั้ย?”

ลู่หลุ่ยนิ่งไปสักพัก มองหลี่ฝาง คิดในใจ คนเขากำลังช่วยพวกเราอยู่ หากเราบอกว่าไม่รู้จักเขา แบบนี้ไม่เท่ากับฉีกหน้าเขาเหรอ?

แบบนี้มันดูไม่ค่อยจะเหมาะนะ

แต่ในเมื่อหลี่ฝางบอกว่าไม่รู้จัก ลู่หลุ่ยก็ต้องพูดตามว่าไม่รู้จัก

แน่นอน ลู่หลุ่ยก็ไม่รู้จักสวีเถิงเฟยจริงๆ

ลู่หลุ่ยจึงได้พูดอย่างจำยอม: “ฉันก็ไม่รู้จักเขา”

ฉึบ ภาพที่เหมือนในละครได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว สวีเถิงเฟยโดยฉีกหน้าในงาน

คุณชายที่สูงศักดิ์ กลับถูกไอ้นอกคอกสองคนนี้ฉีกหน้า ผู้คนที่อยู่ในนี้อึ้งไปหลายวินาที จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง

โดยเฉพาะหยูเถิง เขาหัวเราอย่างมีความสุขมาก

หยูเถิงเดินย้อนกลับมา พูดต่อหน้าสวีเถิงเฟย: “สวีเถิงเฟย นี่มันเรื่องอะไร ทำไมคนเขาบอกว่าไม่รู้จักนายละ แม้แต่นายชื่ออะไรเขายังไม่รู้เลย”

“แบบนี้นับเป็นเพื่อนด้วยเหรอ?” หยูเถิงหัวเราะกล่าว

สีหน้าของสวีเถิงเฟยมืดมนลง เขาให้เขาอับอายเล็กน้อย

สวีเถิงเฟยมองหลี่ฝางอย่างเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ: ฉันอุตส่าห์มีน้ำใจช่วยนาย นายกลับทำให้ฉันอับอายต่อหน้าผู้คน?

ไม่รู้จักขอบคุณก็ไม่เป็นไร แต่นี่กลับมาฉีกหน้ากันแบบนี้เหรอ?

เย็ดแม่มันโง่หรือเปล่า?

“ฮ่าๆ ช่างสนุกจริงๆ อีกฝ่ายเหมือนจะไม่รับน้ำใจนี้นะ”

“เป็นครั้งแรกที่เห็นสวีเถิงเฟยขายหน้า!”

“เจ้าหมอนั่นชื่อหลี่ฝางใช่ป่ะ คุณชายอย่างข้าจะจำมันเอาไว้ มันเจ๋งจริงๆ ในเวลาเดียวกันสามารถต่อกรกับหยูเถิง แล้วยังทำให้สวีเถิงเฟยขายหน้าได้อีก”

“ไปจำมันทำไม เจ้าหมอนั่นตายแน่ ล่วงเกินหยูเถิง คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน”

สวีเถิงเฟยมองหยูเถิงแล้วกล่าว: “หยูเถิง ในเมื่อพวกเขาบอกว่าไม่รู้จักฉัน นายอยากทำอะไรก็ทำเถอะ”

หยูเถิงพยักหน้า แล้วกล่าว: “ได้ เดี๋ยวจะหาเวลาเลี้ยงเหล้านาย”

“ฉันเลี้ยงนายถึงจะถูก” สวีเถิงเฟยพูดจบ ก็จากไปทันที

สวีเถิงเฟยและหยูเถิง ล้วนไม่อยากที่จะล่วงเกินซึ่งกันและกัน

และพฤติกรรมเมื่อกี้ของหลี่ฝาง เหมือนกับการสร้างภาพแบบนี้ การสร้างภาพแบบนี้ก็เท่ากับสวีเถิงเฟยจงใจเป็นศัตรูกับหยูเถิง ดังนั้นจึงแกล้งทำเป็นรู้จักหลี่ฝางกับลู่หลุ่ย

แต่เมื่อกี้ก็เป็นสัญญาณที่ดี เห็นได้ชัดว่าความเข้าใจผิดได้ถูกขจัดออกไป

หลังจากที่ไม่มีสวีเถิงเฟยปกป้องแล้ว หลี่ฝางก็ตกสู่สถานการณ์ที่ถูกขับไล่อีกครั้ง

“คุณผู้ชาย ในเมื่อคุณไม่ใช่เพื่อนของคุณชายสวี งั้นก็เชิญคุณออกไปด้วยครับ” หยูเถิงส่งสายตาให้กับบอดี้การ์ด บอดี้การ์ดก็เข้ามาทันที ก็พูดต่อเนื่อง

บอดี้การ์ดมองหลี่ฝางอย่างสับสน คิดในใจ เจ้าโง่คนนี้ คุณชายสวีอุตส่าห์ลดตัวช่วยเหลือแล้ว ยังไม่รับอีก? ช่างไม่รู้สถานการณ์เลย

คนแบบนี้ ไม่เหมาะกับสังคมตรงหน้าเลย ไม่ลื่นไหลเลยแม้แต่นิดเดียว

ไม่ลื่นไหลยังไม่พอ ยังเต็มไปด้วยหนาม

หลี่ฝางมองดูบอดี้การ์ด ส่ายหัวอย่างผิดหวัง: “นายมันนี่ เปลี่ยนสีหน้าได้เร็วเหมือนพลิกหนังสือเลยนะ”

“คุณผู้ชาย เชิญคุณออกไปด้วย” บอดี้การ์ดได้ยินคำพูดนี้ น้ำเสียงเย็นเยือกขึ้นมาทันที

“ให้ฉันโทรศัพท์ก่อน” หลี่ฝางพูดจบ ก็หยิบมือถือออกมา เดินไปด้านข้าง

และด้านข้าง มีคุณชายคนหนึ่งเหมือนจะถูกใจลู่หลุ่ยเข้า เขาเดินไปทางที่ลู่หลุ่ยยืนอยู่ แล้วกล่าว: คนสวย เธอชื่อลู่หลุ่ยเหรอ?”

ลู่หลุ่ยตอบรับไปหนึ่งคำ

“ลู่หลุ่ย สวัสดี ฉันชื่อจ้าวเสี่ยวตาว พวกเราสามารถเป็นเพื่อนกันได้มั้ย?”

จ้าวเสี่ยวตาวยิ้มๆ : “หากเธอยอมตกลง ฉันสามารถให้เธออยู่ต่อได้”

“ไม่ต้อง” ลู่หลุ่ยคิดยังไม่คิด ก็ปฏิเสธไปทันที

อยู่ต่อ? ลู่หลุ่ยเพียงแค่อยากไปจากตรงนี้โดยเร็ว เธอไม่อยากอยู่แม้แต่วินาทีเดียว

“เฮ้ย ลู่หลุ่ย ที่จริงหน้าตาของเธอถือว่าใช้ได้เลย ทำไมถึงไปคบกับคนนอกคอกแบบนี้ละ? คบกับเขา ได้ใส่แค่ชุดตลาดนัด แต่หากคบกับฉันก็จะไม่เหมือนกันนะ ฉันจะซื้อกระเป๋า เสื้อผ้า ลิปสติก เครื่องสำอาง ล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์เนมให้เธอนะ” จ้าวเสี่ยวตาวพูดล่อ

“นอกจากซื้อของพวกนี้ให้เธอแล้ว ทุกเดือนจะให้เงินเดือนเธอสามหมื่นหยวน เป็นไง?” จ้าวเสี่ยวตาวพูดประโยคนี้ออกมา ลู่หลุ่ยก็เข้าใจแล้ว เจ้าหมอนี่คิดจะเลี้ยงดูตัวเอง

ลู่หลุ่ยตกใจจนลนลาน ตอนที่วิ่งนั้น เอทีเอ็มใบหนึ่งหล่นลงมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา

“คนสวย ของเธอตกน่ะ” มีคนเตือนให้เธอรู้ตัว

ลู่หลุ่ยหันกลับไป มองGlobal black cardที่หล่นอยู่บนพื้น ก็รีบเก็บขึ้นมา

และในเวลานี้ สายตาที่นับไม่ถ้วนได้จ้องมองGlobal black cardที่อยู่ในมือของลู่หลุ่ย

หยูเถิงนั้นอึ้งอยู่ตรงที่เดิม

“เสี่ยวตาว การ์ดที่หล่นออกมาจากกระเป๋าเสื้อของผู้หญิงคนนั้น ใช่Global black card?” หยูเถิงถามด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น

จ้าวเสี่ยวตาวกลืนน้ำลายลงคอ นอกจากตกใจแล้ว สิ่งที่มากกว่าก็คือสงสัย

“ผมนึกว่าผมดูผิดเสียอีก พี่เถิง พี่ก็เห็นใช่มั้ย?”

จ้าวเสี่ยวตาวกล่าว เหมือนจะเป็นGlobal black card หากใช่จริงๆ ก็เท่ากับว่า………”

สีหน้าของจ้าวเสี่ยวตาว จู่ๆ ก็ซีดลงทันที หากใช่ของจริง ไม่เท่ากับว่าก่อเรื่องใหญ่แล้วเหรอ?

บนโลกใบนี้ คนที่สามารถมี Global black card ใช่คนที่สามารถจะล่วงเกินได้ง่ายๆ ที่ไหนกันละ?

ไม่ต้องพูดถึงจ้าวเสี่ยวตาว แม้กระทั่งหยูเถิงยังกลัวเลย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท