NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 139

ตอนที่ 139

บทที่ 139 งานเลี้ยงศึกษาต่อ

มีมากกว่าหนึ่งเสียด้วย?

หลี่ฝางพูดไม่ออก ครอบครัวของเขา มีทรัพย์สินกี่อย่างกันแน่

“ลุงเฉียนรู้ ไหมพ่อมีเงินเท่าไหร่?” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะถาม

“รายละเอียดฉันเองก็ไม่รู้แน่ชัด” ลุงเฉียนส่ายหัวและพูด

หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฝางที่กำลังจะจากไป ลุงเฉียนก็เอ่ยสมทบขึ้นมา “อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินของพ่อนายรวมกันแล้ว ก็ไม่ได้น้อยไปกว่า หวางเจี้ยนหลินและหม่าหยุน”

“อย่างนั้นพ่อของผมไม่กลายเป็นคนที่รวยที่สุดในจีนหรอกหรือไง?” หลี่ฝางตะลึงปากค้าง

“อันนี้ก็พูดยาก เพราะคนรวยหลายคน ไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยทรัพย์สินของตน อันที่จริงมีเศรษฐีซ่อนตัวอยู่มากมายในจีน ทรัพย์สินของพวกเขาล้วนสามารถเข้าไปอยู่ในรายชื่อเศรษฐีได้ แต่พวกเขาแค่ไม่ต้องการชื่อเสียง”

“คนอย่างหม่าหยุนและหวางเจี้ยนหลิน พวกเขามีองค์กรของตัวเอง พวกเขาแทบจะอยากยัดตัวเองเข้าไปอยู่ในรายชื่อเศรษฐีจนแทบทนไม่ไหว นั่นก็เพราะต้องการเผยแพร่ความนิยมให้แก่องค์กรของตน” ลุงเฉียนเอ่ย

“อืม ผมเข้าใจแล้ว”

หลังจากรู้ความลับนี้ หลี่ฝางก็กล้าที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้น

เมื่อคืนที่ผ่านมาหลี่ฝางถูกชายสกินเฮดแบล็กเมล์ไปเป็นเงินกว่า 18 ล้านหยวน แต่เดิมเขารู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่หลังจากรู้ความลับนี้แล้ว หลี่ฝางก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไป

หลี่ฝางคิดในใจ รอจนเขาไปถึงเมืองเองของจังหวัด เขาจะทำตัวเป็นลูกเศรษฐีจริงๆ ไม่แสร้งทำเป็นยากจนอีกต่อไป

หลี่ฝางเพิ่งออกจากประตูมา ก็พบกับถังหยู่ซวน

“หลี่ฝาง ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายพอดี” ถังหยู่ซวนเดินมาหาหลี่ฝาง

“มีเรื่องอะไร?” หลี่ฝางถาม

“ไม่กี่วันนี้โจวเจ๋เอาแต่นัดฉันอยู่ตลอด บอกว่าจะให้ฉันไปร่วมงานเลี้ยงของพวกลูกเศรษฐี นายว่าฉันจะไปหรือไม่ไปดี?” ถังหยู่ซวนถามด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง

ถังหยู่ซวนอยากไป แต่ในใจของเขาก็รู้สึกร้อนตัวและหวาดกลัว ในเมื่อเขานั้นไม่ใช่ลูกเศรษฐีจริงๆ ไปถึงที่งานแล้ว หากไม่ระวังแล้วถูกเปิดโปงขึ้นมาก็คงจะไม่ดี

“เมื่อไหร่?” หลี่ฝางถาม “ถ้าฉันมีเวลา ฉันจะไปเป็นเพื่อนนาย”

“คืนพรุ่งนี้” ถังหยู่ซวนเอ่ยอย่างดีใจ

“ที่อยู่ก็คือรีสอร์ทใหม่ที่พ่อนายเพิ่งเปิด” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ถังหยู่ซวนก็เอ่ยขึ้นเสริม

“ได้ พรุ่งนี้พวกเราไปด้วยกัน” หลี่ฝางเองก็อยากเห็นรีสอร์ตนั่นเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นธุรกิจของเขาเอง

พูดจบ หลี่ฝางก็ขับรถไปที่ร้านโทรศัพท์มือถือ

“คุณผู้ชาย ต้องการซื้อโทรศัพท์มือถือหรือคะ?” พนักงานขายสาวสวยถามขึ้นมา

หลี่ฝางพยักหน้า

“คุณอยากได้ราคาไหนคะ? ฉันจะแนะนำให้คุณ” พนักงานขายสาวสวยถาม

“เอาไอโฟน Xมายี่สิบเครื่องเถอะ” หลี่ฝางไม่ได้มองดูและเอ่ยออกไปทันที

“ไอโฟน x ยี่สิบเครื่อง?” พนักงานขายสาวสวยสูดลมหายใจเข้าลึก “พี่ชาย คุณล้อเล่นหรือเปล่า?”

“ใครล้อเล่นกับคุณ ผมต้องการไอโฟน Xยี่สิบเครื่อง” หลี่ฝางเดินกลับไปที่รถและหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาทันที

“ทำไม คิดว่าผมซื้อไม่ไหว?”

เมื่อหลี่ฝางหยิบถุงเงินลงไปวางที่หน้าพนักงานขายสาวสวย ร้านขายโทรศัพท์มือถือรอบๆ ก็เข้ามาล้อมรอบตัวเขาทันที

“คุณจะซื้อมันจริงๆ หรือนี่!” พนักงานขายสาวสวยถามอีกครั้ง

“พูดไร้สาระ!”

“อย่างนั้นคุณกรุณารอสักครู่ ร้านของเราไม่มีสต๊อกมากขนาดนั้น ฉันต้องติดต่อร้านโทรศัพท์มือถืออื่นๆ สักครู่” พนักงานขายสาวสวยกล่าว

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง หลี่ฝางก็ค่อยได้โทรศัพท์มือถือมา

จากนั้น หลี่ฝางก็ไปที่ร้านเครื่องใช้ในบ้านต่อ และซื้อทีวีสิบเครื่อง เครื่องซักผ้าสิบเครื่อง และตู้เย็นสิบตู้

ในที่สุด หลี่ฝางก็ไปที่ร้าน 4S และซื้อรถในราคา 200,000 หยวนมา

หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมดนี้ หลี่ฝางก็กลับบ้านและพูดกับเมี๋ยวชุ่ยว่า “แม่ ผมเตรียมงานเลี้ยงศึกษาต่อไว้แล้ว แม่โทรหาญาติๆ เถอะ”

“ได้ เรียกมาหมดเลยหรือ?” เมี๋ยวชุ่ยถาม

“ใช่ เรียกพวกเขาทั้งหมดมา” หลี่ฝางพยักหน้า

หลังจากวุ่นวายทั้งวัน หลี่ฝางก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน พอกลับไปถึงห้องนอนก็หลับไปทันที

เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่ฝางไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน

“ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยผมประกาศหน่อยสิครับ” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้มหยี

“ประกาศ?” ผู้ใหญ่บ้านตะลึงไปชั่วขณะ แล้วพูดหยอก “เสี่ยวฝาง นายจะประกาศอะไร? พ่อแม่ของนายหายไปอีกแล้วหรือ?”

หลี่ฝางรู้สึกอายเล็กน้อย ครั้งสุดท้ายที่เขามาหาผู้ใหญ่บ้าน คือเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาร้องไห้และขอให้ผู้ใหญ่บ้านแจ้งว่าพ่อแม่ของเขาหายไป และขอให้ชาวบ้านทุกคนช่วยตามหาพวกเขา

คำว่าประกาศนี้ หมายถึงให้ช่วยใช้โทรโข่งประกาศออกไป

หลี่ฝางเอ่ย “ผู้ใหญ่บ้าน ผมไม่ใช่สอบเข้ามหาลัยได้แล้วหรือ? ผมคิดจัดงานเลี้ยงศึกษาต่อ ดังนั้น…”

“อยากได้ค่าเล่าเรียนเพิ่มล่ะสิ” ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะ และเอ่ย “ลำบากนายแล้ว กว่าจะสอบติดมหาลัยได้ก็ไม่ง่าย แม้กระทั่งเงินค่าเล่าเรียนยังไม่มี”

“ผู้ใหญ่บ้าน คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมแค่อยากเชิญชวนชาวบ้านทุกคนมาร่วมทานอาหาร ไม่คิดเงิน” หลี่ฝางเอ่ย

ผู้ใหญ่บ้านคิดว่าหลี่ฝางจะถือโอกาสรวบรวมเงินจากคนทั้งหมู่บ้านเพื่อเป็นค่าเล่าเรียน

ตอนนี้เอง ผู้ใหญ่บ้านนิ่งบื้อไปทันที “นายไม่รับเงิน แต่ยังเชิญคนทั้งหมู่บ้านมาทานอาหารด้วย?”

“ใช่” หลี่ฝางพยักหน้า

“เสี่ยวฝาง นายไม่ได้มีไข้ใช่ไหม” ผู้ใหญ่บ้านเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของหลี่ฝาง คิดว่าเขาเป็นไข้เลอะเลือนไป

“ผู้ใหญ่บ้าน ตอนที่ผมเข้าเรียนมัธยม จ่ายค่าเล่าเรียนไม่ไหว คุณให้เงินผมมา 600 หยวนใช่ไหม?” จู่ๆ หลี่ฝางก็ถามอย่างกะทันหัน

“ยังจำได้อีกหรือ เรื่องตั้งนมนานมาขนาดนั้นแล้ว” ผู้ใหญ่บ้านยิ้มฮี่ฮี่ “รีบๆ ลืมไปเถอะ”

“ไม่ได้หรอกครับ” หลี่ฝางหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมา และวางไว้บนโต๊ะทำงานของผู้ใหญ่บ้าน “ผู้ใหญ่บ้าน นี่คือเงินหมื่นหยวน ผมคืนให้คุณ”

“นอกจากนี้ ผมยังซื้อโต๊ะทำงาน ชั้นวางหนังสือ เครื่องปรับอากาศและของอื่นๆ ให้คุณ ดูห้องทำงานของคุณสิทรุดโทรมขนาดไหนแล้ว สมควรแก่เวลาจัดการมันแล้ว” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ผู้ใหญ่บ้านมองไปที่กองเงินบนโต๊ะทำงาน ใบหน้าของเขาลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที “เสี่ยวฝาง นายไปเอาเงินมาจากไหน ไม่ได้ขโมยมาใช่ไหม”

“ผู้ใหญ่บ้าน คุณเห็นผม ดูเหมือนคนที่ไปขโมยของได้หรือไง?” หลี่ฝางส่ายหัวและพูดว่า “ผมถูกล๊อตเตอรี่”

“ถูกมาห้าล้าน”

“ห้าล้าน?” ดวงตาของผู้ใหญ่บ้านเบิกกว้าง เขามองไปที่หลี่ฝาง นิ่งอึ้งไปเป็นเวลานาน

“เสี่ยวฝาง ถูกรางวัลแบบนี้อย่าได้เปิดเผยบอกใครไป มั่งคั่งต้องรู้จักเก็บไว้ หลักการนี้นายเข้าใจไหม?” ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยอธิบายด้วยความหวังดี

“ผู้ใหญ่บ้าน ผมแค่อยากจะเชิญทุกคนมาทานอาหารด้วยกันก็เท่านั้น คุณช่วยผมประกาศเถอะ ผมเตรียมงานเอาไว้แล้ว คุณบอกคุณลุงคุณป้าในหมู่บ้านให้ผมสักหน่อย ให้พวกเขาไปทานข้าวที่บ้านผม ไม่ต้องการเงิน แถมยังมีของรางวัลแจกด้วย” หลี่ฝางพูดจบ ก็ออกจากคณะกรรมการหมู่บ้านไป

“เด็กคนนี้นี่…” ผู้ใหญ่บ้านมองไปที่ด้านหลังของหลี่ฝาง และยิ้มอย่างซับซ้อน

“ฉันกำลังกังวลเกี่ยวกับค่าเล่าเรียนของลูกๆ พอดีเลย….ชั่วครู่ ก็ไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว” เมื่อมองไปที่เงินหมื่นหยวนบนโต๊ะ ผู้ใหญ่บ้านก็น้ำตาไหลพร้อมเสียงหัวเราะ คนดีย่อมมีรางวัลตอบแทน

หลี่ฝางยังไม่ทันได้กลับบ้าน ผู้ใหญ่บ้านก็เริ่มใช้โทรโข่งแจ้งให้ทุกคนทราบ

เมื่อได้ยินประกาศ ทุกคนก็หูผึ่ง

“ลูกชายของหลี่ต๋าคางนั่น ตั้งแต่เด็กก็เฉลียวฉลาด สอบได้ที่หนึ่งอยู่ตลอด ครั้งนี้คงจะสอบได้มหาลัยหลักของจังหวัดใช่ไหม?” ชายชราคนหนึ่งลุกขึ้นนั่งและพูดว่า “ฉันต้องไปยินดีด้วยสักหน่อย”

“ยินดีกะผีอะไร หลี่ต๋าคางยากจนจนแทบจะกัดก้อนเกลือกิน ปากบอกว่าไม่ต้องการเงิน แต่เป็นเพื่อนบ้านกันมานานกว่าสิบปีแบบนี้ จะไปมือเปล่าได้หรือไง?”

“ฉันว่า พวกเขายังคิดต้องการเงินนั่นแหละ” ภรรยาของชายชรากล่าว

“พวกผู้หญิงนี่น้า มองการณ์ไม่ไกล กินข้าวบ้านคนอื่น ให้เงินไปสักหน่อยแล้วจะเป็นอะไรไป ตอนที่ลูกชายเราแต่งงาน หลี่ต๋าคางก็ใส่ซองมาให้ไม่ใช่หรือ”

ชายชราลุกขึ้น และใส่เงินลงในซองกระดาษสีแดง 200 หยวน จากนั้นจึงไปที่บ้านของหลี่ฝาง

ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ลานหน้าประตูบ้านของหลี่ฝาง ก็มีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก

ในตอนนั้นเอง เซี่ยลู่ก็วิ่งออกจากห้อง เตรียมตัวจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงศึกษาต่อของหลี่ฝาง

แต่พอถึงประตู พ่อของเธอกลับออกมา “ลู่ลู่ จะไปไหน?”

“ฉันจะไปเที่ยวเล่นกับเฉียวเฉียว” เซี่ยลู่โกหก

“ไม่ให้ไป ถ้าอยากเจอเฉียวเฉียว ก็โทรหาเฉียวเฉียวแล้วให้เธอมาที่บ้านของเรา” พ่อของเซี่ยลู่แค่นเสียงอย่างเย็นชา “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เธอกำลังจะไปร่วมงานเลี้ยงศึกษาต่อของหลี่ฝางใช่ไหม?”

เซี่ยลู่มีสีหน้ายุ่งเหยิง เธออยากจะบอกความจริงกับพ่อของเธอจริงๆ

แต่หลี่ฝางก็เตือนเธอเอาไว้ว่า ถ้าเธอกล้าบอกความลับออกไป หลี่ฝางจะอัปโหลดวิดีโอของเธอและตู้เฟยขึ้นไปบนอินเทอร์เน็ต

หลี่ฝางขู่เซี่ยลู่เอาไว้ และมีข้อมูลสำรองเก็บเอาไว้อยู่

“พ่อ หลี่ฝางไม่ได้ต้องการเงิน นี่เป็นอาหารฟรี ไปกินก็ไม่เสียอะไร ถูกไหม?” เซี่ยลู่เลิกคิ้ว “พวกเราไปสักหน่อยดีไหม?”

“ฉันดูเหมือนไม่มีข้าวกินหรือไง?”

พ่อของเซี่ยลู่ตะคอก และจับแขนของเซี่ยลู่ไว้ จากนั้นจึงลากเธอกลับไปที่ห้องนอน และขังเธอไว้สำเร็จ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท