บทที่ 139 งานเลี้ยงศึกษาต่อ
มีมากกว่าหนึ่งเสียด้วย?
หลี่ฝางพูดไม่ออก ครอบครัวของเขา มีทรัพย์สินกี่อย่างกันแน่
“ลุงเฉียนรู้ ไหมพ่อมีเงินเท่าไหร่?” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะถาม
“รายละเอียดฉันเองก็ไม่รู้แน่ชัด” ลุงเฉียนส่ายหัวและพูด
หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฝางที่กำลังจะจากไป ลุงเฉียนก็เอ่ยสมทบขึ้นมา “อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินของพ่อนายรวมกันแล้ว ก็ไม่ได้น้อยไปกว่า หวางเจี้ยนหลินและหม่าหยุน”
“อย่างนั้นพ่อของผมไม่กลายเป็นคนที่รวยที่สุดในจีนหรอกหรือไง?” หลี่ฝางตะลึงปากค้าง
“อันนี้ก็พูดยาก เพราะคนรวยหลายคน ไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยทรัพย์สินของตน อันที่จริงมีเศรษฐีซ่อนตัวอยู่มากมายในจีน ทรัพย์สินของพวกเขาล้วนสามารถเข้าไปอยู่ในรายชื่อเศรษฐีได้ แต่พวกเขาแค่ไม่ต้องการชื่อเสียง”
“คนอย่างหม่าหยุนและหวางเจี้ยนหลิน พวกเขามีองค์กรของตัวเอง พวกเขาแทบจะอยากยัดตัวเองเข้าไปอยู่ในรายชื่อเศรษฐีจนแทบทนไม่ไหว นั่นก็เพราะต้องการเผยแพร่ความนิยมให้แก่องค์กรของตน” ลุงเฉียนเอ่ย
“อืม ผมเข้าใจแล้ว”
หลังจากรู้ความลับนี้ หลี่ฝางก็กล้าที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้น
เมื่อคืนที่ผ่านมาหลี่ฝางถูกชายสกินเฮดแบล็กเมล์ไปเป็นเงินกว่า 18 ล้านหยวน แต่เดิมเขารู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่หลังจากรู้ความลับนี้แล้ว หลี่ฝางก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไป
หลี่ฝางคิดในใจ รอจนเขาไปถึงเมืองเองของจังหวัด เขาจะทำตัวเป็นลูกเศรษฐีจริงๆ ไม่แสร้งทำเป็นยากจนอีกต่อไป
หลี่ฝางเพิ่งออกจากประตูมา ก็พบกับถังหยู่ซวน
“หลี่ฝาง ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายพอดี” ถังหยู่ซวนเดินมาหาหลี่ฝาง
“มีเรื่องอะไร?” หลี่ฝางถาม
“ไม่กี่วันนี้โจวเจ๋เอาแต่นัดฉันอยู่ตลอด บอกว่าจะให้ฉันไปร่วมงานเลี้ยงของพวกลูกเศรษฐี นายว่าฉันจะไปหรือไม่ไปดี?” ถังหยู่ซวนถามด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง
ถังหยู่ซวนอยากไป แต่ในใจของเขาก็รู้สึกร้อนตัวและหวาดกลัว ในเมื่อเขานั้นไม่ใช่ลูกเศรษฐีจริงๆ ไปถึงที่งานแล้ว หากไม่ระวังแล้วถูกเปิดโปงขึ้นมาก็คงจะไม่ดี
“เมื่อไหร่?” หลี่ฝางถาม “ถ้าฉันมีเวลา ฉันจะไปเป็นเพื่อนนาย”
“คืนพรุ่งนี้” ถังหยู่ซวนเอ่ยอย่างดีใจ
“ที่อยู่ก็คือรีสอร์ทใหม่ที่พ่อนายเพิ่งเปิด” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ถังหยู่ซวนก็เอ่ยขึ้นเสริม
“ได้ พรุ่งนี้พวกเราไปด้วยกัน” หลี่ฝางเองก็อยากเห็นรีสอร์ตนั่นเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วมันก็เป็นธุรกิจของเขาเอง
พูดจบ หลี่ฝางก็ขับรถไปที่ร้านโทรศัพท์มือถือ
“คุณผู้ชาย ต้องการซื้อโทรศัพท์มือถือหรือคะ?” พนักงานขายสาวสวยถามขึ้นมา
หลี่ฝางพยักหน้า
“คุณอยากได้ราคาไหนคะ? ฉันจะแนะนำให้คุณ” พนักงานขายสาวสวยถาม
“เอาไอโฟน Xมายี่สิบเครื่องเถอะ” หลี่ฝางไม่ได้มองดูและเอ่ยออกไปทันที
“ไอโฟน x ยี่สิบเครื่อง?” พนักงานขายสาวสวยสูดลมหายใจเข้าลึก “พี่ชาย คุณล้อเล่นหรือเปล่า?”
“ใครล้อเล่นกับคุณ ผมต้องการไอโฟน Xยี่สิบเครื่อง” หลี่ฝางเดินกลับไปที่รถและหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาทันที
“ทำไม คิดว่าผมซื้อไม่ไหว?”
เมื่อหลี่ฝางหยิบถุงเงินลงไปวางที่หน้าพนักงานขายสาวสวย ร้านขายโทรศัพท์มือถือรอบๆ ก็เข้ามาล้อมรอบตัวเขาทันที
“คุณจะซื้อมันจริงๆ หรือนี่!” พนักงานขายสาวสวยถามอีกครั้ง
“พูดไร้สาระ!”
“อย่างนั้นคุณกรุณารอสักครู่ ร้านของเราไม่มีสต๊อกมากขนาดนั้น ฉันต้องติดต่อร้านโทรศัพท์มือถืออื่นๆ สักครู่” พนักงานขายสาวสวยกล่าว
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง หลี่ฝางก็ค่อยได้โทรศัพท์มือถือมา
จากนั้น หลี่ฝางก็ไปที่ร้านเครื่องใช้ในบ้านต่อ และซื้อทีวีสิบเครื่อง เครื่องซักผ้าสิบเครื่อง และตู้เย็นสิบตู้
ในที่สุด หลี่ฝางก็ไปที่ร้าน 4S และซื้อรถในราคา 200,000 หยวนมา
หลังจากเสร็จสิ้นทั้งหมดนี้ หลี่ฝางก็กลับบ้านและพูดกับเมี๋ยวชุ่ยว่า “แม่ ผมเตรียมงานเลี้ยงศึกษาต่อไว้แล้ว แม่โทรหาญาติๆ เถอะ”
“ได้ เรียกมาหมดเลยหรือ?” เมี๋ยวชุ่ยถาม
“ใช่ เรียกพวกเขาทั้งหมดมา” หลี่ฝางพยักหน้า
หลังจากวุ่นวายทั้งวัน หลี่ฝางก็เหนื่อยแล้วเช่นกัน พอกลับไปถึงห้องนอนก็หลับไปทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น หลี่ฝางไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้าน
“ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยผมประกาศหน่อยสิครับ” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้มหยี
“ประกาศ?” ผู้ใหญ่บ้านตะลึงไปชั่วขณะ แล้วพูดหยอก “เสี่ยวฝาง นายจะประกาศอะไร? พ่อแม่ของนายหายไปอีกแล้วหรือ?”
หลี่ฝางรู้สึกอายเล็กน้อย ครั้งสุดท้ายที่เขามาหาผู้ใหญ่บ้าน คือเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาร้องไห้และขอให้ผู้ใหญ่บ้านแจ้งว่าพ่อแม่ของเขาหายไป และขอให้ชาวบ้านทุกคนช่วยตามหาพวกเขา
คำว่าประกาศนี้ หมายถึงให้ช่วยใช้โทรโข่งประกาศออกไป
หลี่ฝางเอ่ย “ผู้ใหญ่บ้าน ผมไม่ใช่สอบเข้ามหาลัยได้แล้วหรือ? ผมคิดจัดงานเลี้ยงศึกษาต่อ ดังนั้น…”
“อยากได้ค่าเล่าเรียนเพิ่มล่ะสิ” ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะ และเอ่ย “ลำบากนายแล้ว กว่าจะสอบติดมหาลัยได้ก็ไม่ง่าย แม้กระทั่งเงินค่าเล่าเรียนยังไม่มี”
“ผู้ใหญ่บ้าน คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมแค่อยากเชิญชวนชาวบ้านทุกคนมาร่วมทานอาหาร ไม่คิดเงิน” หลี่ฝางเอ่ย
ผู้ใหญ่บ้านคิดว่าหลี่ฝางจะถือโอกาสรวบรวมเงินจากคนทั้งหมู่บ้านเพื่อเป็นค่าเล่าเรียน
ตอนนี้เอง ผู้ใหญ่บ้านนิ่งบื้อไปทันที “นายไม่รับเงิน แต่ยังเชิญคนทั้งหมู่บ้านมาทานอาหารด้วย?”
“ใช่” หลี่ฝางพยักหน้า
“เสี่ยวฝาง นายไม่ได้มีไข้ใช่ไหม” ผู้ใหญ่บ้านเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของหลี่ฝาง คิดว่าเขาเป็นไข้เลอะเลือนไป
“ผู้ใหญ่บ้าน ตอนที่ผมเข้าเรียนมัธยม จ่ายค่าเล่าเรียนไม่ไหว คุณให้เงินผมมา 600 หยวนใช่ไหม?” จู่ๆ หลี่ฝางก็ถามอย่างกะทันหัน
“ยังจำได้อีกหรือ เรื่องตั้งนมนานมาขนาดนั้นแล้ว” ผู้ใหญ่บ้านยิ้มฮี่ฮี่ “รีบๆ ลืมไปเถอะ”
“ไม่ได้หรอกครับ” หลี่ฝางหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมา และวางไว้บนโต๊ะทำงานของผู้ใหญ่บ้าน “ผู้ใหญ่บ้าน นี่คือเงินหมื่นหยวน ผมคืนให้คุณ”
“นอกจากนี้ ผมยังซื้อโต๊ะทำงาน ชั้นวางหนังสือ เครื่องปรับอากาศและของอื่นๆ ให้คุณ ดูห้องทำงานของคุณสิทรุดโทรมขนาดไหนแล้ว สมควรแก่เวลาจัดการมันแล้ว” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ผู้ใหญ่บ้านมองไปที่กองเงินบนโต๊ะทำงาน ใบหน้าของเขาลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที “เสี่ยวฝาง นายไปเอาเงินมาจากไหน ไม่ได้ขโมยมาใช่ไหม”
“ผู้ใหญ่บ้าน คุณเห็นผม ดูเหมือนคนที่ไปขโมยของได้หรือไง?” หลี่ฝางส่ายหัวและพูดว่า “ผมถูกล๊อตเตอรี่”
“ถูกมาห้าล้าน”
“ห้าล้าน?” ดวงตาของผู้ใหญ่บ้านเบิกกว้าง เขามองไปที่หลี่ฝาง นิ่งอึ้งไปเป็นเวลานาน
“เสี่ยวฝาง ถูกรางวัลแบบนี้อย่าได้เปิดเผยบอกใครไป มั่งคั่งต้องรู้จักเก็บไว้ หลักการนี้นายเข้าใจไหม?” ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยอธิบายด้วยความหวังดี
“ผู้ใหญ่บ้าน ผมแค่อยากจะเชิญทุกคนมาทานอาหารด้วยกันก็เท่านั้น คุณช่วยผมประกาศเถอะ ผมเตรียมงานเอาไว้แล้ว คุณบอกคุณลุงคุณป้าในหมู่บ้านให้ผมสักหน่อย ให้พวกเขาไปทานข้าวที่บ้านผม ไม่ต้องการเงิน แถมยังมีของรางวัลแจกด้วย” หลี่ฝางพูดจบ ก็ออกจากคณะกรรมการหมู่บ้านไป
“เด็กคนนี้นี่…” ผู้ใหญ่บ้านมองไปที่ด้านหลังของหลี่ฝาง และยิ้มอย่างซับซ้อน
“ฉันกำลังกังวลเกี่ยวกับค่าเล่าเรียนของลูกๆ พอดีเลย….ชั่วครู่ ก็ไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว” เมื่อมองไปที่เงินหมื่นหยวนบนโต๊ะ ผู้ใหญ่บ้านก็น้ำตาไหลพร้อมเสียงหัวเราะ คนดีย่อมมีรางวัลตอบแทน
หลี่ฝางยังไม่ทันได้กลับบ้าน ผู้ใหญ่บ้านก็เริ่มใช้โทรโข่งแจ้งให้ทุกคนทราบ
เมื่อได้ยินประกาศ ทุกคนก็หูผึ่ง
“ลูกชายของหลี่ต๋าคางนั่น ตั้งแต่เด็กก็เฉลียวฉลาด สอบได้ที่หนึ่งอยู่ตลอด ครั้งนี้คงจะสอบได้มหาลัยหลักของจังหวัดใช่ไหม?” ชายชราคนหนึ่งลุกขึ้นนั่งและพูดว่า “ฉันต้องไปยินดีด้วยสักหน่อย”
“ยินดีกะผีอะไร หลี่ต๋าคางยากจนจนแทบจะกัดก้อนเกลือกิน ปากบอกว่าไม่ต้องการเงิน แต่เป็นเพื่อนบ้านกันมานานกว่าสิบปีแบบนี้ จะไปมือเปล่าได้หรือไง?”
“ฉันว่า พวกเขายังคิดต้องการเงินนั่นแหละ” ภรรยาของชายชรากล่าว
“พวกผู้หญิงนี่น้า มองการณ์ไม่ไกล กินข้าวบ้านคนอื่น ให้เงินไปสักหน่อยแล้วจะเป็นอะไรไป ตอนที่ลูกชายเราแต่งงาน หลี่ต๋าคางก็ใส่ซองมาให้ไม่ใช่หรือ”
ชายชราลุกขึ้น และใส่เงินลงในซองกระดาษสีแดง 200 หยวน จากนั้นจึงไปที่บ้านของหลี่ฝาง
ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ลานหน้าประตูบ้านของหลี่ฝาง ก็มีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก
ในตอนนั้นเอง เซี่ยลู่ก็วิ่งออกจากห้อง เตรียมตัวจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงศึกษาต่อของหลี่ฝาง
แต่พอถึงประตู พ่อของเธอกลับออกมา “ลู่ลู่ จะไปไหน?”
“ฉันจะไปเที่ยวเล่นกับเฉียวเฉียว” เซี่ยลู่โกหก
“ไม่ให้ไป ถ้าอยากเจอเฉียวเฉียว ก็โทรหาเฉียวเฉียวแล้วให้เธอมาที่บ้านของเรา” พ่อของเซี่ยลู่แค่นเสียงอย่างเย็นชา “อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เธอกำลังจะไปร่วมงานเลี้ยงศึกษาต่อของหลี่ฝางใช่ไหม?”
เซี่ยลู่มีสีหน้ายุ่งเหยิง เธออยากจะบอกความจริงกับพ่อของเธอจริงๆ
แต่หลี่ฝางก็เตือนเธอเอาไว้ว่า ถ้าเธอกล้าบอกความลับออกไป หลี่ฝางจะอัปโหลดวิดีโอของเธอและตู้เฟยขึ้นไปบนอินเทอร์เน็ต
หลี่ฝางขู่เซี่ยลู่เอาไว้ และมีข้อมูลสำรองเก็บเอาไว้อยู่
“พ่อ หลี่ฝางไม่ได้ต้องการเงิน นี่เป็นอาหารฟรี ไปกินก็ไม่เสียอะไร ถูกไหม?” เซี่ยลู่เลิกคิ้ว “พวกเราไปสักหน่อยดีไหม?”
“ฉันดูเหมือนไม่มีข้าวกินหรือไง?”
พ่อของเซี่ยลู่ตะคอก และจับแขนของเซี่ยลู่ไว้ จากนั้นจึงลากเธอกลับไปที่ห้องนอน และขังเธอไว้สำเร็จ