NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 157

ตอนที่ 157

บทที่ 157 ฉันรู้จักแค่ปู่เหมาบนแบงก์

“ลูกพี่ ดูเหมือนเขาจะเป็นเด็กหนุ่มที่เปิดศูนย์อาบอบนวดนั่น” ชายผมสั้นจำหวางเห้าได้

แต่หวางเห้า ที่ถูกคนมองตัวตนออก ไม่เพียงไม่กลัว ในทางตรงกันข้ามใบหน้าของเขายังมีรอยยิ้มสมใจ “ไม่คาดคิดเลยว่าฉันเพิ่งมาเมืองเอกของจังหวัดได้ไม่กี่วัน กลับมีคนจำฉันได้แล้ว”

“พี่ชายคนนี้มีความจำไม่เลวเลยจริงๆ”

หวางเห้าพูดด้วยรอยยิ้มตาหยี จากนั้นก็เตะชายผมสั้นลงกับพื้น

ต้องบอกว่า ความสามารถในการต่อสู้ของหวางเห้านั้นค่อนข้างแข็งแกร่งไม่เลว

“แม่เจ้าโว้ย คลั่งขนาดนี้เชียว?” ไอ้หน้าบากสะดุ้ง

หวางเห้ายิ้มเย็น เขาเอามือค้ำโต๊ะ จากนั้นก็กระโดดตรงไปที่ไอ้หน้าบาก

แต่ไอ้หน้าบากก็ไม่ใช่คนถือศีลกินเจ เขาคว้าเก้าอี้ขึ้นมาและทุบลงบนแขนของหวางเห้า

จากนั้น คนในห้องก็จับกลุ่มกันเข้ามาต่อสู้กับหวางเห้า

แม้ว่าจะถูกล้อมรอบ แต่หวางเห้ากลับไม่เกรงกลัว เขาอาศัยจังหวะเข้าลงมือ พลังกำปั้นของหวางเห้าแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทุกหมัดที่ส่งออกไปล้วนสามารถเอาชนะอีกฝ่ายให้ถอยหลังไปได้หลายก้าว

ไม่เสียแรงที่เป็นคนที่มาจากสายการต่อสู้ใต้ดิน ไม่เพียงแค่ต่อสู้เป็นเท่านั้น แต่ยังต้านกลับได้อีกด้วย

ในเวลานี้เองชายผมสั้นลุกขึ้นจากพื้น เขามองไปที่หลี่ฝาง จากนั้นจึงพุ่งเข้ามา

“อย่าขยับ! ”

หลินชิงชิงคิดจะเข้าช่วยเหลือ แต่กลับถูกหลี่ฝางรั้งเอาไว้

ถ้าหลินชิงชิงช่วยหลี่ฝาง มันก็จะเป็นเรื่องง่ายที่ตัวตนจะถูกเปิดเผยตัวตน

หลี่ฝางกำไม้เสียบบาร์บีคิวทำจากเหล็กบนโต๊ะ ชายผมสั้นเข้ามาพร้อมกับหมัดกำปั้นใหญ่ ราวกับหม้อ

ตอนนี้หลี่ฝางตกใจอยู่บ้าง หากหมัดนี้โดนใบหน้าเขาเข้า อย่างนี้ตนไม่ต้องเป็นลมไปเลยหรือไง?

หลี่ฝางก้มหัวหลบ จากนั้นจึงพุ่งตัวเข้าใส่ที่ท้องของชายผมสั้น

“แกไอ้สารเลว กล้ามาใส่ร้ายฉัน…” ชายผมสั้นเอ่ยเสียงเย็น จากนั้นในขณะที่กำลังจะใช้หมัดต่อยเข้าใส่แผ่นหลังของหลี่ฝาง…

“อ๊าก! ”

หมัดของชายผมสั้นยังไม่ทันได้ตกลง ปากของเขาก็ส่งเสียงกรีดร้องราวกับหมูที่ถูกเชือด

ในตอนนี้ ไม้เสียบเหล็กหลายแท่งในมือของหลี่ฝางทั้งหมดถูกแทงเข้าใส่ท้องของชายผมสั้น

เมื่อเห็นเช่นนี้ใบหน้าของหลินชิงชิงก็ซีดลงด้วยความตกใจ

ไม้เสียบเหล็กมากกว่าสิบอัน ถูกแทงเข้าไปในท้องของชายผมสั้น แถมยังแท่งเข้าไปค่อนข้างลึกอีกด้วย

ชายที่มีผมสั้นรู้สึกเจ็บที่ท้องของตนขึ้นมาทันที เมื่อก้มหน้าลงไปดู ก็ต้องตกใจ

พุงเบียร์ของเขาเต็มไปด้วยไม้เสียบเหล็กทิ่มอยู่

หลังจากพวกไอ้หน้าบากเห็น ทั้งหมดก็หยุดลงเช่นกัน

“แม่งเอ้ย ฉันว่าแกคงเบื่อจะมีชีวิตแล้วสินะ” ไอ้หน้าบากกำไม้เสียบเหล็กขึ้นมา จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่หลี่ฝาง

หลี่ฝางตกใจกลัว เขาเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะโหดได้ขนาดนี้

อาจเป็นเพราะคนพวกนี้รังแกหลินชิงชิง ดังนั้นหลี่ฝางจึงถูกกระตุ้นขึ้นมา และลงมืออย่างไม่รู้หนักเบา

มองไปที่ไอ้หน้าบากที่กำลังพุ่งเข้ามา หลี่ฝางก็รีบหันหลังวิ่งหนีออกจากห้อง

เมื่อมองไปที่สีหน้าโหดเหี้ยมของไอ้หน้าบาก หลี่ฝางคิดในใจ หากตนถูกเขาจับได้ล่ะก็ เห็นทีคงต้องตายแน่

เขาวิ่งตรงไปที่บันไดและวิ่งลงชั้นล่างไป

เดิมทีหลี่ฝางคิดจะลงไปชั้นล่างเพื่อเรียกเจ้าหัวแบน เนื่องจากตอนนี้หวางเห้าเองก็กำลังจะรับมือไม่ไหวแล้วเช่นกัน ส่วนตนเองก็กำลังเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ แต่ใครจะรู้ว่าขณะที่ลงไปชั้นล่าง คนกลุ่มหนึ่งก็วิ่งเข้าไปในห้อง

เมื่อตอนที่อยู่ในย่านไฟแดง หลี่ฝางเคยเจอคนเหล่านี้มาก่อน

“พี่เห้ากำลังถูกจัดการอยู่ชั้นบน เร็วเข้า! ” หลี่ฝางหันหน้ามาและเตรียมวิ่งกลับไป

แต่ในเวลานี้เอง ไอ้หน้าบากก็กำลังวิ่งลงบันไดมา

“มาเลยสิ มา” หลี่ฝางกวักมือเรียกไอ้หน้าบากและเอ่ยหยอก

สีหน้าของไอ้หน้าบากยิ่งโมโหกว่าเดิม เขารีบก้าวลงบันไดมา

แต่เมื่อลงมา เขาก็ต้องนิ่งอึ้งไป

มีเจ็ดหรือแปดคนยืนอยู่หน้าหลี่ฝาง และกำลังมองเขาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“พี่ชายทั้งหลาย ช่วยจัดการให้ผมที!” หลี่ฝางชี้ไปที่ไอ้หน้าบากและเอ่ย

ไอ้หน้าบากกัดฟันและตะโกน “ฉันจะบอกพวกแกให้ ฉันเป็นคนของเสือ ถ้าพวกแกกล้าแตะต้องฉัน…”

ไอ้หน้าบากยังพูดไม่ทันจบ คนเจ็ดแปดคนนั้นก็พุ่งเข้าใส่ไปแล้ว

ไอ้หน้าบากไม่ได้ตอบโต้ได้เท่ากับหวางเห้า ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ไอ้หน้าบากก็ล้มลงกับพื้น ไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้กลับอีกต่อไป

หลี่ฝางแบกไอ้หน้าบากและพาคนเหล่านี้ขึ้นไปชั้นบน

เมื่อเขามาถึงห้องส่วนตัว หวางเห้าก็หมดแรงไปบ้างแล้ว แต่ยังคงยืนหยัดอยู่ไม่ได้ล้มลงไป

“เวรเอ่ย พวกนายมาได้ซะที”

หวางเห้าเห็นพี่น้องของตน เขากำลังนั่งยองๆ อยู่ที่พื้น

“พี่เห้า…”

ในเวลานี้ใบหน้าของหวางเห้ามีรอยฟกช้ำ รอบดวงตาเปลี่ยนเป็นสีดำ

คนกลุ่มนี้เมื่อเห็นพี่ใหญ่ของตนถูกทุบตีจนเป็นแบบนี้ ก็ไม่พูดไม่จาและวิ่งเข้าไปในห้องทันที

คนของหวางเห้าเหล่านี้ ล้วนเกิดจากสายต่อสู้ใต้ดิน เทียบกับนักเลงทั่วไปแล้วมีฝีมือเก่งกว่าหลายเท่า

พวกเขารีบเข้าไปในห้อง จากนั้นจึงจัดการทุกคนลง

ไอ้หน้าบากขมวดคิ้ว เขาเอ่ยอย่างเย็นชา “นายคือศูนย์อาบอบนวดหวางเห้าใช่ไหม?”

หวางเห้าหาที่นั่งลง จากนั้นก็มองไปที่ไอ้หน้าบากอย่างเย็นชา

“แล้วไง?” หวางเห้าไม่ได้ปฏิเสธ

“อย่างนั้นนายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?” ไอ้หน้าบากยิ้มเยาะ “ลูกพี่ฉันคือเสือ”

“จะเสือหรือเสือดาวอะไร ฉันไม่รู้จักทั้งนั้น” หวางเห้าเอ่ย “รีบชดใช้เงินมา Rolex ของน้องชายฉันมีมูลค่าตั้งหลายแสน”

“นาย….นายไม่รู้จักพี่เสือ? ” ไอ้หน้าบากไม่เชื่อ

“ไม่รู้จัก” หวางเห้าเพิ่งมาที่เมืองเอกของจังหวัดไม่นาน และไม่คุ้นเคยกับขั้วอำนาจในเมืองเอกของจังหวัดแต่อย่างใด

แต่ว่าคนอย่างหวางเห้าใจใหญ่อย่างยิ่ง ตอนแรกในเมืองตงไห่ เขาเองก็ไม่ยอมลงให้ใครทั้งนั้น

ไม่ว่าจะลูกพี่หลินหรือลูกพี่หลี่ ก็ล้วนจนปัญญากับเขา

“ฉันรู้จักแค่คนเดียว” หวางเห้าเอ่ย

“ใคร?”

“ปู่เหมาบนแบงก์” หวางเห้าหัวเราะอย่างร้ายกาจ

“ฉันไม่สนใจว่าลูกพี่ของนายเป็นใคร แต่ถ้าวันนี้นายไม่เอาเงินให้ฉัน ก็อย่าหวังเลยว่าฉันจะปล่อยนายไป” หวางเห้าเย้ยหยัน

“ฉันหวางเห้ารู้จักแค่เงินไม่รู้จักคน”

“พี่น้องของฉันเดิมทีก็ไม่ได้ขโมยนาฬิกาของพวกนาย พวกนายคิดแบล็กเมล์…” มีชายร่างสูงใหญ่เอ่ยขึ้น

“พี่เห้า ฉันอยากถามหน่อย ฉันเคยทำให้นายขุ่นเคืองมาก่อนหรือเปล่า? ” ไอ้หน้ายากรู้สึกว่าเรื่องในวันนี้แปลกอยู่หน่อย

“คิดมากไปแล้ว แต่เดิมพวกเราก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เป็นน้องชายของฉันที่โทรมา บอกว่าคนของนายขโมยนาฬิกาไป บอกให้ฉันมาช่วยเหลือหน่อย”

หวางเห้าพูดจบ “อย่ามัวแต่พูดพร่ำ เอาเงินมา”

“เสี่ยวฝาง นาฬิกาของนายราคาเท่าไหร่?” หวางเห้าเงยหน้าขึ้นมองหลี่ฝาง

หลี่ฝางเอ่ย “200000 กว่าหยวน พ่อของฉันซื้อมาให้จากต่างประเทศ ถ้าเป็นราคาบวกภาษีในจีน คงจะมีมูลค่ามากกว่า 300000 หยวน”

“อืม อย่างนั้นพวกนายจ่ายมา 400000” หวางเห้ามองไปที่ไอ้หน้าบากและพูดเสียงเรียบ

“สี่แสน!! มูลค่านาฬิกาเพิ่งจะ 200000 กว่า แต่พวกนายกลับต้องการ 400000?” ไอ้หน้าบากรู้สึกตกใจอยู่บ้าง

“นายหูหนวกหรือไง น้องชายฉันก็บอกแล้ว ว่านาฬิกาเรือนนี้ที่จีนก็น่าจะมีค่าถึง 300000 ทำไม หรือว่าตอนนี้พวกเราอยู่ต่างประเทศ?” หวางเห้าพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“อย่างนั้นก็ควรจะเป็น 300000สิ ไม่ใช่ 400000!” คนด้านหลังไอ้หน้าบากกระซิบ

หวางเห้าหยิบแก้วขึ้นมาแล้วทุบลงบนหัวของชายคนนั้นโดยตรง “ก็แค่อีกหนึ่งแสน”

“นั่นเป็นของที่ลุงฉันมอบให้กับน้องชายฉันเชียว นาฬิกาหายไปแล้ว น้องชายของฉันก็ต้องเสียใจแน่ ถ้าลุงฉันรู้ ก็คงเสียใจด้วยเช่นกัน ใช้เงิน 100000 หยวนมาปลอบใจน้องชายและคุณลุงของฉัน มากไปหรือไง?”

สีหน้าของไอ้หน้าบากเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ถึงขีดสุด หวางเห้าคนนี้ เห็นได้ชัดว่าคิดจะแบล็กเมล์พวกเขา

“ได้ ฉันจะให้นายสี่แสน”

ไอ้หน้าบากพูดไปและหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเอ่ย “ฉันจะโทรหาลูกพี่ ให้เขาเอาเงินมาให้”

ขณะที่ไอ้หน้าบากกำลังจะโทรออก หวางเห้าก็ขยิบตาให้พี่น้องของตน จากนั้นโทรศัพท์มือถือของไอ้หน้าบากก็ถูกแย่งไป

“คิดว่าฉันโง่หรือไง พี่ใหญ่นายมา เอาเงินมาหรือเอามีดมากันแน่?” หวางเห้ายิ้มเหยียด

“เงิน อาศัยอะไรให้พี่ชายนายเป็นคนออก สมควรให้ครอบครัวพวกนายจ่ายถึงจะถูก”

หวางเห้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว

หวางเห้าถึงแม้จะไม่รู้ว่าเสือคือใคร แต่เขาก็รู้ว่า เสือจะต้องไม่นำเงิน 400000มาแลกกับคนแน่

อันธพาลน้อยพวกนี้ มีมูลค่าไม่ถึง 400000แต่อย่างใด

แม้ว่าเสือจะมา ก็ต้องพาคนมาสู้แน่

“หยิบโทรศัพท์มือถือของพวกนายออกมาแล้ววางบนโต๊ะ จากนั้นหาที่อยู่ติดต่อพ่อแม่ลูกเมียในสมุดบันทึก ให้พวกเขาเอาเงินมา”

“พวกนายเจ็ดคน คนละ 60000 หยวนก็จบแล้ว” หวางเห้ากล่าว

“ทำไมถึงได้เกินมาอีก 20000” สีหน้าของไอ้หน้าบากเปลี่ยนเป็นคล้ำขึ้นกว่าเดิมอีกหลายส่วน

“พวกนายเบิกตาดูซะบ้าง มองดูว่าห้องนี้ถูกพวกนายทำจนสภาพเป็นยังไง จะไม่ให้เงินชดเชยกับร้านสักหน่อยเลยหรือไง?”

“เงิน 20000 หยวน สำหรับร้านนี้” หวางเห้ากลอกตาใส่ไอ้หน้าบากและเอ่ย

“ช่วยพาฉันไปโรงพยาบาลก่อนจะได้ไหม?” ในเวลานี้ชายผมสั้นถึงค่อยเดินออกมา ท้องของเขา ยังมีเลือดไหลหยดลงมา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท