บทที่ 168 การประนีประนอมของหลี่ฝาง
เหยนเสี่ยวน่าฟังจบก็หัวเราะ
“ผู้จัดการ คุณน่าจะรู้จักฉันนะ?”เหยนเสี่ยวน่าถาม
ผู้จัดการล็อบบี้พยักหน้ายิ้ม:“คุณหนูเหยน เครื่องดื่มของโรงแรมว่างโก๋ ต่างจัดซื้อมาจากตระกูลเหยนของคุณ คุณคือลูกหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลเหยน ผมจะไม่รู้จักได้ไง?”
คำนี้พูดไป สีหน้าของเหยนเสี่ยวน่าก็ดูเย่อหยิ่ง
ตระกูลเหยนทำธุรกิจเครื่องดื่ม แล้วยังทำขนาดใหญ่
สีหน้าของหลี่ฝางซีเรียสทันที ในเมื่อผู้จัดการรู้ตัวตนของเหยนเสี่ยวน่า แล้วยังพูดว่า‘คนๆนี้พวกคุณแตะต้องไม่ได้’
หมายความว่าไง?
หมายความว่าตัวตนอีกฝ่าย ใหญ่โตกว่าเหยนเสี่ยวน่าแน่ๆ
เหยนเสี่ยวน่าไม่ได้ตระหนักถึงจุดนี้ ได้แต่อาศัยความสูงส่งของตัวเอง พูดอย่างเยือกเย็น:“ผู้จัดการ ในเมื่อคุณจำฉันได้ งั้นก็เอาห้องวีไอพีนั่นมาให้ดีๆสิ ?”
“คุณหนูเหยน ผมไม่ได้บอกแล้วเหรอ คนที่แย่งห้องวีไอพีของพวกคุณไป ใหญ่โตมาก คุณ ผม ต่างยุ่งด้วยไม่ได้”
นิ่งไปสักพัก ผู้จัดการล็อบบี้จึงเสริม:“อย่าว่าแต่คุณกับผมเลย ถึงจะเป็นบอสของเรา ก็เกรงว่าจะไม่กล้าไปขัดใจด้วย”
“คนอะไรเจ๋งขนาดนี้?”เหยนเสี่ยวน่าขมวดคิ้ว จึงตระหนักได้ถึงความรุนแรงของเรื่อง
ก็แค่ ผู้จัดการล็อบบี้คนนี้ดูไม่รู้จักฉินวี่เฟยอย่างชัดเจน
ไม่อย่างนั้น จะคุยโอ้อวดอย่างไม่ละอายใจได้ไง?
“คุณชายสวี สวีเถิงเฟย”ผู้จัดการล็อบบี้พูดช้าๆ
“เขานี่เอง……”คิ้วของเหยนเสี่ยวน่าขมวดแน่นขึ้น
ถึงธุรกิจเครื่องดื่มบ้านเขาจะรุ่งเรือง แต่มูลค่าแล้ว แต่เทียบกับตระกูลสวีแล้ว ไม่รู้ว่ากี่เท่า
“เห้อ……”เหยนเสี่ยวน่าถอนหายใจ คนๆนี้ เธอไปยุ่งด้วยไม่ได้จริงๆ
“ไม่ใช่แค่คุณชายสวี แล้วก็ยังมีคุณชายหยู หยูถึงน่ะ”ผู้จัดการล็อบบี้พูดอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้ เหยนเสี่ยวน่าจึงเข้าใจทันที
ไม่น่าล่ะผู้จัดการล็อบบี้ถึงเอาห้องที่จองไว้ไปให้
สวีเถิงเฟยกับหยูถึง ไปยุ่งกับทั้งสองง่ายๆได้ไง?
อีกอย่าง สองคนนี้ก็มาอยู่ด้วยกันอีก
เหยนเสี่ยวน่าพูดอย่างทำอะไรไม่ได้:“งั้น……ผู้จัดการ ยังมีห้องส่วนตัวอื่นไหม?”
“อย่าว่าแต่ห้องส่วนตัวเลย แม้แต่โต๊ะอาหาร ก็ยังเต็มไปด้วยคน”ผู้จัดการล็อบบี้ชี้ไปในร้านอาหาร
“คุณดู วันนี้นักเรียนมหาวิทยาลัยมากินเลี้ยงกันไม่น้อยเลย อีกอย่างว่างโก๋ก็ยังเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในย่านนี้”ผู้จัดการล็อบบี้อธิบาย
ย่านนี้ ถือเป็นเขตสถานศึกษา
มหาวิทยาลัยไม่น้อย ต่างกินเลี้ยงกันที่นี่
แล้ววันที่เปิดเทอมลงทะเบียน ก็เยอะมากๆ
ดังนั้นโรงแรมว่างโก๋ ก็มีคนเต็มทันที
ผู้จัดการล็อบบี้คนนี้มาอธิบายกับเหยนเสี่ยวน่าและหวางเสี่ยวโก๋ได้นานขนาดนี้ ก็ถือว่าไว้หน้าพวกเขาแล้ว
ถ้าเป็นคนอื่น ผู้จัดการล็อบบี้อย่างมากก็ขอโทษ พูดจบ เขาจะไปทำอะไรก็ไป……
เวลานี้ หลี่ฝางยืนขึ้น พูด:“ผู้จัดการ ผมขอถามหน่อย ทำธุรกิจสิ่งสำคัญคืออะไรครับ?”
“แน่นอนว่าคือความซื่อสัตย์”ผู้จัดการล็อบบี้หัวเราะขึ้นมา
“ใช่ ความซื่อสัตย์ แต่ คุณคิดว่าว่างโก๋ของพวกคุณมีไหม?”หลี่ฝางยิ้มเหยียดหยาม
“ห้อง คือหวางเสี่ยวโก๋รูมเมทของผมจองไว้ล่วงหน้า แต่พวกคุณโรงแรมว่างโก๋ไม่บอกเราสักคำ ก็เอาห้องให้คนอื่นไปเลย นี่มันอะไรกันเนี่ย?”หลี่ฝางถามอย่างเย็นชา
“น้องๆ ผมเข้าใจความหมายของคุณ ตอนที่ผมอายุเท่าคุณ ก็โกรธเหมือนกัน”
ผู้จัดการล็อบบี้คนนั้นหัวเราะ:“แต่ ถ้าคุณอยู่ในสังคมนักเลงก็จะรู้ว่า บางคน คือคนที่พวกคุณแหยมด้วยไม่ได้”
“ไม่ว่าจะพูดยังไง เรื่องนี้ เป็นความผิดของพวกเรา ดังนั้นเพื่อแทนคำขอโทษ อีกเดี๋ยว แค่มีโต๊ะว่าง พวกเราจะหาที่นั่งให้พวกคุณทันที อีกอย่าง ค่าใช้จ่ายอาหารคืนนี้ของพวกคุณ พวกเราลดให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์”ผู้จัดการล็อบบี้พูด:“ท่านว่าแบบนี้ได้ไหม?”
“พวกเราไม่ต้องการลดราคา พวกเราต้องการความยุติธรรม ความเที่ยงธรรม”
หลี่ฝางขมวดคิ้วพูด:“พวกเราต้องไปกินอาหารที่ห้องที่พวกเราจองไว้”
ผู้จัดการล็อบบี้ฟังจบได้แต่หัวเราะ
หวางเสี่ยวโก๋ดึงแขนเสื้อของหลี่ฝาง พูด:“หลี่ฝาง อย่าก่อเรื่องเลยน่า คนที่แย่งห้องเรา ต่างเป็นคนที่พวกเราแตะต้องไม่ได้ทั้งนั้น”
“ใช่ สวีเถิงเฟยกับหยูถึง ล้วนแต่เป็นลูกเศรษฐีที่มีชื่อเสียงของตงไห่เรา”เหยนเสี่ยวน่าก็พูด:“ยั่วยุพวกเขา ก็ไม่สามารถอยู่ที่เมืองเอกได้”
คำนี้พูดออกไป ฉินวี่เฟยยิ้มบางๆอย่างไม่ออกเสียง เธอคิดถึงคืนนั้นที่รีสอร์ต
วันนั้นที่รีสอร์ต หลี่ฝางก็ยังตบหน้ามู่เสี่ยวไป๋
หลี่ฝางนี้ แม้แต่มู่เสี่ยวไป๋ยังกล้าทำร้าย จะกลัวสวีเถิงเฟยกับหยูถึงได้ไง?
เทียบกับมู่เสี่ยวไป๋แล้ว หยูถึงกับสวีเถิงเฟย เป็นแค่อะไร?
“ผมว่าช่างเถอะแถวนี้ก็ไม่ใช่ว่ามีแค่ร้านเดียว”เลี่ยวข่ายรีบพูดเสริมไปด้วย
หลี่ฝางคิดในใจ แบบนี้ก็ช่างมันเลย?
หลี่ฝางโกรธในใจหน่อยๆ แล้วก็รำคาญพวกคนรวยแบบนั้น ประเภทที่ทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ
“มีเงินก็ไม่ต้องอธิบายเหตุผลได้?”หลี่ฝางขมวดคิ้วพูด
ผู้จัดการล็อบบี้คนนั้นหัวเราะ:“น้องชาย มีแค่คนจนเท่านั้นที่จะร้องหาเหตุผล คนรวย ล้วนแต่พูดด้วยอำนาจ”
“อีกอย่าง พวกคุณแค่พูดจองห้อง ไม่ได้จ่ายมัดจำ พวกเราทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีสัญญา ถึงผมจะผิดสัญญาก่อนหน้านี้ก็ตาม คุณก็ทำอะไรผมไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”ผู้จัดการล็อบบี้เล่นลูกไม้อย่างหน้าด้าน
“อีกอย่าง ผมก็ชดเชยให้แล้ว แค่มีที่ว่าง ผมจะรีบจัดให้พวกคุณ นอกจากนี้ ผมยังเสนอโปรโมชั่นลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ให้พวกคุณอีก”
“โปรโมชั่นลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์นี้ ไม่ได้แม้แต่กำไรนะ”
หลี่ฝางหัวเราะ:“คนอย่างพวกคุณนี้ ไม่มีลายลักษณ์อักษร พูดไปก็เปล่าประโยชน์”
“เสี่ยวโก๋ คุณไปเอากระดาษกับปากกามา”หลี่ฝางมองหวางเสี่ยวโก๋แล้วพูด
“หลี่ฝาง คุณจะเอากระดาษกับปากกาทำไม?”หวางเสี่ยวโก๋สงสัยหน่อยๆ
“อย่าก่อกวนสิ ไปเอาก็จบแล้ว”หลี่ฝางพูด
หวางเสี่ยวโก๋วิ่งมาตรงหน้าเคาน์เตอร์ ต้องการกระดาษกับปากกา
หลี่ฝางก็เอาคำพูดของผู้จัดการล็อบบี้เมื่อกี๊ เขียนลงกระดาษทั้งหมด จากนั้นก็ยื่นไป:“รบกวนเซ็นชื่อด้วย”
“โอเค”
ผู้จัดการล็อบบี้ดูไม่ใส่ใจนัก แล้วก็ลงชื่อตัวเองไป
“เหอะเหอะ ผมจะชักดาบได้เหรอ?”ลงชื่อเสร็จ ผู้จัดการล็อบบี้ก็ส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ
เขาคิดในใจ ข้าวมื้อหนึ่งจะจ่ายแค่ไหนเชียว?
จากอำนาจของผู้จัดการล็อบบี้ ลดให้ได้มากแค่สิบเปอร์เซ็นต์
แต่เจอแขกที่สำคัญ แขกพิเศษสุดๆ ผู้จัดการล็อบบี้ลดได้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ จนห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลย
แน่นอน สถานการณ์เช่นนี้ ต้องแจ้งให้เจ้าของร้านทราบก่อน
ถ้าสถานะของลูกค้าใหญ่พอ ให้ฟรีก็ยังได้
เช่นคนอันดับหนึ่งในเมืองเอกมากินข้าว เจ้าของให้เขากินฟรีแน่นอน
แต่คนที่มีธุรกิจร่วมกันอย่างเหยนเสี่ยวน่านี้ อย่างมากก็ได้แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์
นับดูแล้ว ผู้จัดการล็อบบี้ยังต้องควักกระเป๋าเงินตัวเอง มีส่วนร่วมด้วย
เวลานี้ มีโต๊ะหนึ่งกินเสร็จแล้วลุกพอดี ผู้จัดการล็อบบี้รีบพูด:“คุณหนูเหยน ท่านรอสักครู่ ผมจะให้พนักงานเก็บโต๊ะ พวกคุณก็จะนั่งได้”
“เถียงอยู่นาน ฉันก็คิดว่าคุณจะจะมีความสามารถแค่ไหน สุดท้ายก็เลือกประนีประนอม?”ผู้หญิงอ้วนกลอกตาใส่หลี่ฝาง พูดอย่างฮึดฮัด
ทัศนคติที่แข็งแกร่งเมื่อกี๊ของหลี่ฝาง ทุกคนต่างคิดว่าเขาจะทำอะไร
ฉินวี่เฟยขมวดคิ้วหน่อยๆ เมื่อกี๊ฉินวี่เฟยเกือบจะตัดสินว่า หลี่ฝางจะต้องเปิดเผยตัวตนของตัวเอง บีบบังคับสวีเถิงเฟยกับหยูถึงให้คืนห้อง
แต่คิดไม่ถึงว่า หลี่ฝางจะไม่ทำแบบนั้น
ฉินวี่เฟยคิดในใจ หรือว่าตัวเองเดาผิด หลี่ฝางไม่ใช่หลานชายคุณท่านหลี่?
ถ้าไม่ใช่ วันนั้นที่รีสอร์ต ทำไมเพื่อหลี่ฝางแล้ว รีสอร์ตจึงไม่ลังเลที่จะเป็นปรปักษ์กับมู่เสี่ยวไป๋?
หลังจากนั่ง พนักงานก็เอาเมนูมาให้
หวางเสี่ยวโก๋เริ่มพูด:“ทุกคนอยากกินอะไร สั่งได้เลย ผมเลี้ยง”
“พอแล้ว เงินของคุณยังไม่มากไปกว่าครึ่งหนึ่งของฉันเลย ฉันเลี้ยงเอง”เหยนเสี่ยวน่าพูด
หวางเสี่ยวโก๋เบะปาก ถ้าเหยนเสี่ยวน่าไม่ใช่พี่สาวฝ่ายแม่เขา เขาโกรธไปนานแล้ว
“พี่ ต่อไปพี่พูดอะไร สนใจเกียรติของผู้ชายหน่อยได้ไหม”หวางเสี่ยวโก๋พูดเสียงทุ้มเบา พูดกับเหยนเสี่ยวน่า
“คุณมันผู้ชายอะไร?คุณก็แค่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง คุณเคยมีอะไรกับผู้หญิงยัง?”เหยนเสี่ยวน่ากลอกตาใส่หวางเสี่ยวโก๋ แล้วว่าไป
“วี่เฟยชอบกินปลา ส่งปลาต้มพริกมาตัวหนึ่ง”
“เสี่ยวโก๋กินเผ็ดไม่ได้ สั่งผัดมันฝรั่งให้เขา”
……
เหยนเสี่ยวน่าสั่งมาแปดอย่าง แล้วเอาเมนูให้พวกหลี่ฝาง
“พวกคุณชอบกินอะไร ก็สั่งเลย”
เลี่ยวข่ายพูด:“ผมชอบกินเนื้อ แต่พวกคุณสั่งอาหารที่มีเนื้อมาเยอะแล้ว ผมไม่เอาแล้ว”
หลี่ซ่วยซ่วยก็ส่ายหน้า:“พวกเราแปดคน สั่งอาหารมากมายขนาดนั้น กินหมดไหม?”
“แปดอย่าง เยอะเหรอ?”เหยนเสี่ยวน่าหัวเราะ:“ในเมื่อพวกคุณไม่สั่ง งั้นฉันสั่งอีกสองอย่าง”
เวลานี้ หลี่ฝางก็พูด:“เดี๋ยว ผมยังไม่สั่งเลย”
“ใช่ ลืมคุณไปเลย”เหยนเสี่ยวน่าเอาเมนูให้หลี่ฝาง