NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 168

ตอนที่ 168

บทที่ 168 การประนีประนอมของหลี่ฝาง

เหยนเสี่ยวน่าฟังจบก็หัวเราะ

“ผู้จัดการ คุณน่าจะรู้จักฉันนะ?”เหยนเสี่ยวน่าถาม

ผู้จัดการล็อบบี้พยักหน้ายิ้ม:“คุณหนูเหยน เครื่องดื่มของโรงแรมว่างโก๋ ต่างจัดซื้อมาจากตระกูลเหยนของคุณ คุณคือลูกหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลเหยน ผมจะไม่รู้จักได้ไง?”

คำนี้พูดไป สีหน้าของเหยนเสี่ยวน่าก็ดูเย่อหยิ่ง

ตระกูลเหยนทำธุรกิจเครื่องดื่ม แล้วยังทำขนาดใหญ่

สีหน้าของหลี่ฝางซีเรียสทันที ในเมื่อผู้จัดการรู้ตัวตนของเหยนเสี่ยวน่า แล้วยังพูดว่า‘คนๆนี้พวกคุณแตะต้องไม่ได้’

หมายความว่าไง?

หมายความว่าตัวตนอีกฝ่าย ใหญ่โตกว่าเหยนเสี่ยวน่าแน่ๆ

เหยนเสี่ยวน่าไม่ได้ตระหนักถึงจุดนี้ ได้แต่อาศัยความสูงส่งของตัวเอง พูดอย่างเยือกเย็น:“ผู้จัดการ ในเมื่อคุณจำฉันได้ งั้นก็เอาห้องวีไอพีนั่นมาให้ดีๆสิ ?”

“คุณหนูเหยน ผมไม่ได้บอกแล้วเหรอ คนที่แย่งห้องวีไอพีของพวกคุณไป ใหญ่โตมาก คุณ ผม ต่างยุ่งด้วยไม่ได้”

นิ่งไปสักพัก ผู้จัดการล็อบบี้จึงเสริม:“อย่าว่าแต่คุณกับผมเลย ถึงจะเป็นบอสของเรา ก็เกรงว่าจะไม่กล้าไปขัดใจด้วย”

“คนอะไรเจ๋งขนาดนี้?”เหยนเสี่ยวน่าขมวดคิ้ว จึงตระหนักได้ถึงความรุนแรงของเรื่อง

ก็แค่ ผู้จัดการล็อบบี้คนนี้ดูไม่รู้จักฉินวี่เฟยอย่างชัดเจน

ไม่อย่างนั้น จะคุยโอ้อวดอย่างไม่ละอายใจได้ไง?

“คุณชายสวี สวีเถิงเฟย”ผู้จัดการล็อบบี้พูดช้าๆ

“เขานี่เอง……”คิ้วของเหยนเสี่ยวน่าขมวดแน่นขึ้น

ถึงธุรกิจเครื่องดื่มบ้านเขาจะรุ่งเรือง แต่มูลค่าแล้ว แต่เทียบกับตระกูลสวีแล้ว ไม่รู้ว่ากี่เท่า

“เห้อ……”เหยนเสี่ยวน่าถอนหายใจ คนๆนี้ เธอไปยุ่งด้วยไม่ได้จริงๆ

“ไม่ใช่แค่คุณชายสวี แล้วก็ยังมีคุณชายหยู หยูถึงน่ะ”ผู้จัดการล็อบบี้พูดอีกครั้ง

ทั้งหมดนี้ เหยนเสี่ยวน่าจึงเข้าใจทันที

ไม่น่าล่ะผู้จัดการล็อบบี้ถึงเอาห้องที่จองไว้ไปให้

สวีเถิงเฟยกับหยูถึง ไปยุ่งกับทั้งสองง่ายๆได้ไง?

อีกอย่าง สองคนนี้ก็มาอยู่ด้วยกันอีก

เหยนเสี่ยวน่าพูดอย่างทำอะไรไม่ได้:“งั้น……ผู้จัดการ ยังมีห้องส่วนตัวอื่นไหม?”

“อย่าว่าแต่ห้องส่วนตัวเลย แม้แต่โต๊ะอาหาร ก็ยังเต็มไปด้วยคน”ผู้จัดการล็อบบี้ชี้ไปในร้านอาหาร

“คุณดู วันนี้นักเรียนมหาวิทยาลัยมากินเลี้ยงกันไม่น้อยเลย อีกอย่างว่างโก๋ก็ยังเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในย่านนี้”ผู้จัดการล็อบบี้อธิบาย

ย่านนี้ ถือเป็นเขตสถานศึกษา

มหาวิทยาลัยไม่น้อย ต่างกินเลี้ยงกันที่นี่

แล้ววันที่เปิดเทอมลงทะเบียน ก็เยอะมากๆ

ดังนั้นโรงแรมว่างโก๋ ก็มีคนเต็มทันที

ผู้จัดการล็อบบี้คนนี้มาอธิบายกับเหยนเสี่ยวน่าและหวางเสี่ยวโก๋ได้นานขนาดนี้ ก็ถือว่าไว้หน้าพวกเขาแล้ว

ถ้าเป็นคนอื่น ผู้จัดการล็อบบี้อย่างมากก็ขอโทษ พูดจบ เขาจะไปทำอะไรก็ไป……

เวลานี้ หลี่ฝางยืนขึ้น พูด:“ผู้จัดการ ผมขอถามหน่อย ทำธุรกิจสิ่งสำคัญคืออะไรครับ?”

“แน่นอนว่าคือความซื่อสัตย์”ผู้จัดการล็อบบี้หัวเราะขึ้นมา

“ใช่ ความซื่อสัตย์ แต่ คุณคิดว่าว่างโก๋ของพวกคุณมีไหม?”หลี่ฝางยิ้มเหยียดหยาม

“ห้อง คือหวางเสี่ยวโก๋รูมเมทของผมจองไว้ล่วงหน้า แต่พวกคุณโรงแรมว่างโก๋ไม่บอกเราสักคำ ก็เอาห้องให้คนอื่นไปเลย นี่มันอะไรกันเนี่ย?”หลี่ฝางถามอย่างเย็นชา

“น้องๆ ผมเข้าใจความหมายของคุณ ตอนที่ผมอายุเท่าคุณ ก็โกรธเหมือนกัน”

ผู้จัดการล็อบบี้คนนั้นหัวเราะ:“แต่ ถ้าคุณอยู่ในสังคมนักเลงก็จะรู้ว่า บางคน คือคนที่พวกคุณแหยมด้วยไม่ได้”

“ไม่ว่าจะพูดยังไง เรื่องนี้ เป็นความผิดของพวกเรา ดังนั้นเพื่อแทนคำขอโทษ อีกเดี๋ยว แค่มีโต๊ะว่าง พวกเราจะหาที่นั่งให้พวกคุณทันที อีกอย่าง ค่าใช้จ่ายอาหารคืนนี้ของพวกคุณ พวกเราลดให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์”ผู้จัดการล็อบบี้พูด:“ท่านว่าแบบนี้ได้ไหม?”

“พวกเราไม่ต้องการลดราคา พวกเราต้องการความยุติธรรม ความเที่ยงธรรม”

หลี่ฝางขมวดคิ้วพูด:“พวกเราต้องไปกินอาหารที่ห้องที่พวกเราจองไว้”

ผู้จัดการล็อบบี้ฟังจบได้แต่หัวเราะ

หวางเสี่ยวโก๋ดึงแขนเสื้อของหลี่ฝาง พูด:“หลี่ฝาง อย่าก่อเรื่องเลยน่า คนที่แย่งห้องเรา ต่างเป็นคนที่พวกเราแตะต้องไม่ได้ทั้งนั้น”

“ใช่ สวีเถิงเฟยกับหยูถึง ล้วนแต่เป็นลูกเศรษฐีที่มีชื่อเสียงของตงไห่เรา”เหยนเสี่ยวน่าก็พูด:“ยั่วยุพวกเขา ก็ไม่สามารถอยู่ที่เมืองเอกได้”

คำนี้พูดออกไป ฉินวี่เฟยยิ้มบางๆอย่างไม่ออกเสียง เธอคิดถึงคืนนั้นที่รีสอร์ต

วันนั้นที่รีสอร์ต หลี่ฝางก็ยังตบหน้ามู่เสี่ยวไป๋

หลี่ฝางนี้ แม้แต่มู่เสี่ยวไป๋ยังกล้าทำร้าย จะกลัวสวีเถิงเฟยกับหยูถึงได้ไง?

เทียบกับมู่เสี่ยวไป๋แล้ว หยูถึงกับสวีเถิงเฟย เป็นแค่อะไร?

“ผมว่าช่างเถอะแถวนี้ก็ไม่ใช่ว่ามีแค่ร้านเดียว”เลี่ยวข่ายรีบพูดเสริมไปด้วย

หลี่ฝางคิดในใจ แบบนี้ก็ช่างมันเลย?

หลี่ฝางโกรธในใจหน่อยๆ แล้วก็รำคาญพวกคนรวยแบบนั้น ประเภทที่ทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ

“มีเงินก็ไม่ต้องอธิบายเหตุผลได้?”หลี่ฝางขมวดคิ้วพูด

ผู้จัดการล็อบบี้คนนั้นหัวเราะ:“น้องชาย มีแค่คนจนเท่านั้นที่จะร้องหาเหตุผล คนรวย ล้วนแต่พูดด้วยอำนาจ”

“อีกอย่าง พวกคุณแค่พูดจองห้อง ไม่ได้จ่ายมัดจำ พวกเราทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีสัญญา ถึงผมจะผิดสัญญาก่อนหน้านี้ก็ตาม คุณก็ทำอะไรผมไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”ผู้จัดการล็อบบี้เล่นลูกไม้อย่างหน้าด้าน

“อีกอย่าง ผมก็ชดเชยให้แล้ว แค่มีที่ว่าง ผมจะรีบจัดให้พวกคุณ นอกจากนี้ ผมยังเสนอโปรโมชั่นลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ให้พวกคุณอีก”

“โปรโมชั่นลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์นี้ ไม่ได้แม้แต่กำไรนะ”

หลี่ฝางหัวเราะ:“คนอย่างพวกคุณนี้ ไม่มีลายลักษณ์อักษร พูดไปก็เปล่าประโยชน์”

“เสี่ยวโก๋ คุณไปเอากระดาษกับปากกามา”หลี่ฝางมองหวางเสี่ยวโก๋แล้วพูด

“หลี่ฝาง คุณจะเอากระดาษกับปากกาทำไม?”หวางเสี่ยวโก๋สงสัยหน่อยๆ

“อย่าก่อกวนสิ ไปเอาก็จบแล้ว”หลี่ฝางพูด

หวางเสี่ยวโก๋วิ่งมาตรงหน้าเคาน์เตอร์ ต้องการกระดาษกับปากกา

หลี่ฝางก็เอาคำพูดของผู้จัดการล็อบบี้เมื่อกี๊ เขียนลงกระดาษทั้งหมด จากนั้นก็ยื่นไป:“รบกวนเซ็นชื่อด้วย”

“โอเค”

ผู้จัดการล็อบบี้ดูไม่ใส่ใจนัก แล้วก็ลงชื่อตัวเองไป

“เหอะเหอะ ผมจะชักดาบได้เหรอ?”ลงชื่อเสร็จ ผู้จัดการล็อบบี้ก็ส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ

เขาคิดในใจ ข้าวมื้อหนึ่งจะจ่ายแค่ไหนเชียว?

จากอำนาจของผู้จัดการล็อบบี้ ลดให้ได้มากแค่สิบเปอร์เซ็นต์

แต่เจอแขกที่สำคัญ แขกพิเศษสุดๆ ผู้จัดการล็อบบี้ลดได้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ จนห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลย

แน่นอน สถานการณ์เช่นนี้ ต้องแจ้งให้เจ้าของร้านทราบก่อน

ถ้าสถานะของลูกค้าใหญ่พอ ให้ฟรีก็ยังได้

เช่นคนอันดับหนึ่งในเมืองเอกมากินข้าว เจ้าของให้เขากินฟรีแน่นอน

แต่คนที่มีธุรกิจร่วมกันอย่างเหยนเสี่ยวน่านี้ อย่างมากก็ได้แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์

นับดูแล้ว ผู้จัดการล็อบบี้ยังต้องควักกระเป๋าเงินตัวเอง มีส่วนร่วมด้วย

เวลานี้ มีโต๊ะหนึ่งกินเสร็จแล้วลุกพอดี ผู้จัดการล็อบบี้รีบพูด:“คุณหนูเหยน ท่านรอสักครู่ ผมจะให้พนักงานเก็บโต๊ะ พวกคุณก็จะนั่งได้”

“เถียงอยู่นาน ฉันก็คิดว่าคุณจะจะมีความสามารถแค่ไหน สุดท้ายก็เลือกประนีประนอม?”ผู้หญิงอ้วนกลอกตาใส่หลี่ฝาง พูดอย่างฮึดฮัด

ทัศนคติที่แข็งแกร่งเมื่อกี๊ของหลี่ฝาง ทุกคนต่างคิดว่าเขาจะทำอะไร

ฉินวี่เฟยขมวดคิ้วหน่อยๆ เมื่อกี๊ฉินวี่เฟยเกือบจะตัดสินว่า หลี่ฝางจะต้องเปิดเผยตัวตนของตัวเอง บีบบังคับสวีเถิงเฟยกับหยูถึงให้คืนห้อง

แต่คิดไม่ถึงว่า หลี่ฝางจะไม่ทำแบบนั้น

ฉินวี่เฟยคิดในใจ หรือว่าตัวเองเดาผิด หลี่ฝางไม่ใช่หลานชายคุณท่านหลี่?

ถ้าไม่ใช่ วันนั้นที่รีสอร์ต ทำไมเพื่อหลี่ฝางแล้ว รีสอร์ตจึงไม่ลังเลที่จะเป็นปรปักษ์กับมู่เสี่ยวไป๋?

หลังจากนั่ง พนักงานก็เอาเมนูมาให้

หวางเสี่ยวโก๋เริ่มพูด:“ทุกคนอยากกินอะไร สั่งได้เลย ผมเลี้ยง”

“พอแล้ว เงินของคุณยังไม่มากไปกว่าครึ่งหนึ่งของฉันเลย ฉันเลี้ยงเอง”เหยนเสี่ยวน่าพูด

หวางเสี่ยวโก๋เบะปาก ถ้าเหยนเสี่ยวน่าไม่ใช่พี่สาวฝ่ายแม่เขา เขาโกรธไปนานแล้ว

“พี่ ต่อไปพี่พูดอะไร สนใจเกียรติของผู้ชายหน่อยได้ไหม”หวางเสี่ยวโก๋พูดเสียงทุ้มเบา พูดกับเหยนเสี่ยวน่า

“คุณมันผู้ชายอะไร?คุณก็แค่เด็กผู้ชายคนหนึ่ง คุณเคยมีอะไรกับผู้หญิงยัง?”เหยนเสี่ยวน่ากลอกตาใส่หวางเสี่ยวโก๋ แล้วว่าไป

“วี่เฟยชอบกินปลา ส่งปลาต้มพริกมาตัวหนึ่ง”

“เสี่ยวโก๋กินเผ็ดไม่ได้ สั่งผัดมันฝรั่งให้เขา”

……

เหยนเสี่ยวน่าสั่งมาแปดอย่าง แล้วเอาเมนูให้พวกหลี่ฝาง

“พวกคุณชอบกินอะไร ก็สั่งเลย”

เลี่ยวข่ายพูด:“ผมชอบกินเนื้อ แต่พวกคุณสั่งอาหารที่มีเนื้อมาเยอะแล้ว ผมไม่เอาแล้ว”

หลี่ซ่วยซ่วยก็ส่ายหน้า:“พวกเราแปดคน สั่งอาหารมากมายขนาดนั้น กินหมดไหม?”

“แปดอย่าง เยอะเหรอ?”เหยนเสี่ยวน่าหัวเราะ:“ในเมื่อพวกคุณไม่สั่ง งั้นฉันสั่งอีกสองอย่าง”

เวลานี้ หลี่ฝางก็พูด:“เดี๋ยว ผมยังไม่สั่งเลย”

“ใช่ ลืมคุณไปเลย”เหยนเสี่ยวน่าเอาเมนูให้หลี่ฝาง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท