NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 214

ตอนที่ 214

บทที่ 214 ทำไมฉันต้องยกโทษให้นาย

“ขอโทษ?”

เมื่อได้ยินคำสามคำนี้ออกมาจากปากมู่เสี่ยวไป๋ หลี่ฝางก็ถึงกับงง จางกงหมิงก็งงเช่นเดียวกัน

มู่เสี่ยวไป๋เป็นคนเย่อหยิ่ง แต่เขากลับพูดขอโทษตน?

หลี่ฝางมองมู่เสี่ยวไป๋ คิดในใจ:ไอ้หมอนี้น้ำเข้าสมองหรือไงเหนี่ย?

แต่ไม่นาน หลี่ฝางก็เข้าใจ

บางที มู่เสี่ยวไป๋อาจจะรู้ถึงฐานะที่แท้จริงของเขาแล้วก็ได้

พลางมองไปที่รถหรูแต่ละคัน หลี่ฝางคิดในใจ เจ้าของรถหรูพวกนั้น หรือว่าจะเป็นคนที่พ่อของตนพามานะ?

แน่นอน ว่าอาจจะเป็นตระกูลฉินที่พามา

แต่ไม่น่าจะเป็นตระกูลฉิน ถ้าหากเป็นตระกูลฉินละก็ ทำไมมู่เสี่ยวไป๋ต้องขอโทษเขาด้วยล่ะ!

“ขอโทษ ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย” มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยหน้าตาบึ้งตึง

มู่เสี่ยวไป๋ถูกโอ๋มาทั้งชีวิต ไม่เคยก้มหัวให้กับใคร ตอนนี้เขากลับก้มหัวให้คนอื่น?

เพราะว่าเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน มู่เสี่ยวไป๋จึงมีนิสัยยโสโอหัง ไม่เคยชินกับการก้มหัว

กลับกันหลี่ฝาง ลำบากแบบไหนก็เคยเจอมาแล้ว คำดูถูกแบบไหนก็โดนมาหมดแล้ว เป็นคนที่ยืดหยุ่น

หลี่ฝางส่ายหัวพลางยิ้ม มองไปทางมู่เสี่ยวไป๋: “มู่เสี่ยวไป๋ นายเรียกสิ่งนี้ว่าการขอโทษเหรอ?”

“ไม่มีความจริงใจเลยสักนิดจริงๆ ”

“ดูหน้านายสิ ทำหน้าอย่างกับพ่อตาย” หลี่ฝางพูดด้วยสีหน้ารังเกียจ

“นาย!” เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ก็บึ้งมากกว่าเก่าทันที

มู่เสี่ยวไป๋กำหมัดตัวเองแน่น

ในขณะนั้นหลี่ฝางก็หัวเราะเหอะๆ : “ทำไม นายยังอยากจะต่อยฉันเหรอ?”

“มาดิ ลองต่อยดูสิ” หลี่ฝางพูดยั่ว

มู่เสี่ยวไป๋ถึงกลับมาขอโทษเขา นั่นก็แสดงว่ามีความเป็นไปได้มากที่เขาจะรู้ถึงฐานะที่แท้จริงของตน

หรือว่า เกิดกลัวตนขึ้นมา

ยังไงหลี่ฝางก็รู้จักมู่เสี่ยวไป๋ดี ถ้าหากไม่ใช่เพราะโดนบีบบังคับอย่างมาก เขาคงไม่มาขอโทษตนหรอก

มู่เสี่ยวไป๋เกิดความกลัวแล้ว งั้นหลี่ฝางก็ไม่ต้องกลัวแล้ว

หลี่ฝางมองไปทางมู่เสี่ยวไป๋ด้วยสีหน้าติดตลก แล้วพูด: “ไม่กล้าใช่มั้ย? ถ้าไม่กล้านายก็อย่ากำหมัดสิ”

“กำหมัดซะแน่นขนาดนั้น นายอยากจะขู่ใครกัน!” หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

มู่เสี่ยวไป๋ที่กำหมัดแน่น จู่ๆ ก็ผ่อนแรงลง

ในหัวของเขา ก็นึกคำที่คุณปู่พูดขึ้นมาได้

มู่เสี่ยวไป๋รู้ว่า ถ้าหากตนไม่ทำตามที่คุณปู่สั่งให้ทำ ถ้าคุณปู่ไม่ฆ่าเขาตาย ก็คงถูกไล่ออกจากตระกูลมู่

มู่เสี่ยวไป๋มีคู่อริอยู่เยอะมาก ถ้าไม่มีตระกูลมู่คอยหนุน เขาคงต้องตายแน่ๆ

“หลี่ฝาง ขอโทษนะ ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย” มู่เสี่ยวไป๋ก้มหัว และงอตัวลง น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นสุขุมขึ้น เต็มไปด้วยความจริงใจ

จางกงหมิงที่เห็น ก็แอบตกใจ

ในใจของจางกงหมิง พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง

ไม่กี่วันนี้ เขาติดตามมู่เสี่ยวไป๋ และได้รู้ถึงตื้นลึกหนาบางของตระกูลมู่

ในระยะเวลาไม่ถึงเดือน เขาก็พยุงตัวเองขึ้นมาได้ ทำให้ตนเองกลายเป็นคนใหญ่คนโตได้

วิธีแบบนี้ กลัวว่าจะมีแต่ตระกูลมู่ที่สามารถทำได้

แต่มู่เสี่ยวไป๋ ในฐานะผู้ที่มีตำแหน่งสืบทอดหัวหน้าตระกูลมู่ กลับก้มหัวให้หลี่ฝาง แล้วขอโทษ

ภาพนี้ จางกงหมิงรู้สึกว่าเป็นภาพที่เห็นได้ยาก

หลินชิงชิงก็วิ่งเข้ามา เห็นมู่เสี่ยวไป๋โค้งคำนับหลี่ฝางแล้วขอโทษ ในใจคิด ผีหลอกกลางวันแสกๆ แน่เลย?

“พี่ พวกเราไปเถอะ”

หลี่ฝางไม่ได้สนใจมู่เสี่ยวไป๋ แล้วหันไปพูดกับหลินชิงชิง

หลินชิงชิงพยักหน้า แล้วหันหลังกลับเดินตามหลี่ฝางออกไป

มู่เสี่ยวไป๋ก็ร้อนรน

คำสั่งที่มู่เสี่ยวไป๋ได้รับมาจากมู่เจิ้งถังคือ ไม่ว่ายังไง ก็ต้องได้รับการให้อภัยจากหลินชิงชิงกับหลี่ฝาง

ทั้งตระกูลมู่ มีใครกล้าขัดคำสั่งของมู่เจิ้งถัง?

แม้แต่พี่ชายของมู่เสี่ยวไป๋มู่เหวินตงยังไม่กล้าขัดเลย

มู่เสี่ยวไป๋รีบเดินนำหน้าไป ขวางทางเดินของหลี่ฝางกับหลินชิงชิง

“นายจะทำอะไรเหนี่ย?”

หลินชิงชิงมองมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดอย่างโมโหเล็กน้อย: “เมื่อกี้นายบอกว่าให้ปล่อยฉันไปไม่ใช่เหรอ? เพิ่งผ่านไปกี่นาทีเอง นายก็จะกลับแล้วเหรอ?”

มู่เสี่ยวไป๋ส่ายหน้า แล้วพูด: “ฉันไม่ได้จะกลับคำ”

“งั้นนายมาขวางทางเดินพวกฉัน ทำไมกันแน่?” หลินชิงชิงพูดกับมู่เสี่ยวไป๋อย่างไม่สบอารมณ์

หลินชิงชิงคิดในใจ มู่เสี่ยวไป๋นี่ทำไมแปลกๆ ไปนะ?

ไม่ได้กินยาเหรอหรืออะไร?

มู่เสี่ยวไป๋ฝืนใจ แล้วก้มหัวให้หลี่ฝางอีกครั้ง: “หลี่ฝาง ขอโทษ หวังว่านายจะยกโทษให้ฉัน”

หลินชิงชิง คือผู้หญิงที่มู่เสี่ยวไป๋รักมากที่สุด

ไม่ว่าผู้ชายคนไหน ต่อหน้าผู้หญิงที่ตนรัก ก็อยากจะแสดงด้านที่กล้าหาญออกมา จากนั้นด้านที่อ่อนแอ ก็จะเก็บซ่อนเอาไว้

ทำให้มู่เสี่ยวไป๋ ขอโทษคู่อริต่อหน้าผู้ที่เขารัก นี่มันทรมานกว่าฆ่าเขาเสียอีก

แต่ว่า มู่เสี่ยวไป๋ก็ทำไปแล้ว

ในตอนนั้น หลินชิงชิงกับหลี่ฝางก็ถึงกับชะงัก

หลินชิงชิงกับหลี่ฝางมองหน้ากัน สุดท้าย หลินชิงชิงก็พูดขึ้น: “หลี่ฝาง นายเคลียร์เองแล้วกัน”

“ฉันกลับไปที่รถแล้ว” หลินชิงชิงพูดจบ ก็กลับไปนั่งในรถเบนซ์G-Class

เมื่อรอให้หลินชิงชิงกลับเข้าไปนั่งบนรถแล้ว หลี่ฝางก็มองไปที่มู่เสี่ยวไป๋ แล้วหัวเราะเหอะๆ : “มู่เสี่ยวไป๋ ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ นายถึงขอโทษฉัน”

“แต่ฉันคิดว่า นายน่าจะโดนกดดันหรือบีบบังคับมาสินะ?”

หลี่ฝางยิ้มอย่างเย็นชา: “ที่จริงแล้วนายไม่ได้ขอโทษฉันเลย นายแค่หมดหนทาง”

มู่เสี่ยวไป๋เลือดขึ้นหน้า หลังจากพูดหลี่ฝางพูดใส่จบ มู่เสี่ยวไป๋ก็รู้สึกว่าบนหน้าของตน ทั้งแสบทั้งร้อน

ตั้งแต่เล็กจนโต เขาไม่เคยโดนดูถูกขนาดนี้มาก่อน

จนกระทั่งตอนนี้ มู่เสี่ยวไป๋เริ่มมีความคิดอยากตายแล้ว

“หลี่ฝาง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ฉันก็ขอโทษนายแล้ว ฉันหวังว่านายจะยกโทษให้ฉัน” มู่เสี่ยวไป๋พูดอย่างดื้อดึง

“แต่ทำไมฉันต้องยกโทษให้นายล่ะ? ให้เหตุผลฉันสักข้อได้มั้ย?”

หลี่ฝางหัวเราะอย่างหมดคำพูด: “นายคิดว่า นายบอกว่าขอโทษ แล้วฉันต้องบอกว่าไม่เป็นไร?”

“เหอๆ นายทำร้ายฉันกับพี่ชิงชิง ไว้มาก นายคิดว่าแค่คำว่าขอโทษคำเดียว ก็สามารถลบล้างได้งั้นเหรอ?”

“นายแทงฉัน ทำให้ฉันต้องนอนโรงพยาบาลไปหลายวัน ทำให้ฉันเกือบไม่ได้ไปสอบโอเน็ต ทำให้ฉันสอบได้คะแนนแค่สี่ร้อยกว่าๆ ทำให้พี่ชิงชิงกับพ่อต้องผิดใจกัน แล้วออกจากบ้านมา หนีนายไปทั่ว……”

“เรื่องทั้งหมดนี้ นายพูดแค่ขอโทษคำเดียว แล้วก็จบงั้นเหรอ?”

หลี่ฝางยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เขาคิดว่ามู่เสี่ยวไป๋น่าขำสิ้นดี

เมื่อมู่เสี่ยวไป๋ฟังจบ สีหน้าก็ย่ำแย่กว่าเก่า

เขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย

เขาในฐานะที่เป็นลูกคนรวย ไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของคนอื่น

เขาเห็นแก่ตัวมาก

เขากัดฟันแน่น ราวกับหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าโมโหออกมา

เกิดเสียงเพียะดังขึ้น หลี่ฝางง้างมือตบไปที่หน้าของมู่เสี่ยวไป๋

มู่เสี่ยวไป๋เงยหน้าขึ้น มองหลี่ฝางอย่างอาฆาต

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูดหน้าตาเฉย: “ทำไม พูดไม่ออกแล้วเหรอ?”

“นายมันหน้าไม่อายจริงๆ ทำไมนายถึงกล้าบอกให้ฉันยกโทษให้นายนะ?”

หลี่ฝางชี้ไปที่จางกงหมิงแล้วพูด: “เมื่อกี้นายเกือบจะให้จางกงหมิงโยนฉันลงไป นายรู้มั้ย? มันถึงตายนะ”

มู่เสี่ยวไป๋เลียปากตน แล้วพูด: “สุดท้ายฉันก็ห้ามจางกงหมิงแล้วไม่ใช่ไง?”

“ใช่ นายห้ามจางกงหมิงแล้ว แต่เพราะอะไรนายถึงห้ามจางกงหมิง ใจนายไม่รู้เลยหรือไง?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ พลางพูด: “มู่เสี่ยวไป๋ นายไม่ต้องสะเออะแสดงละครให้ฉันดูแล้ว ที่นายขอโทษมาตอแหลทั้งนั้น ที่นายอยากฆ่าฉัน นั่นสิคือเรื่องจริง”

“อยากให้ฉันยกโทษให้นาย ใช่มั้ย?” หลี่ฝางมองมู่เสี่ยวไป๋อย่างเย็นชา แล้วถามขึ้น

“ใช่ ขอแค่ให้นายยกโทษให้ฉัน จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น” มู่เสี่ยวไป๋พยักหน้าแล้วพูด

มู่เสี่ยวไป๋รู้ ถ้าหากหลี่ฝางไม่ยกโทษให้เขา เมื่อตนกลับถึงตระกูลมู่ ก็ไม่สามารถสู้หน้าคุณปู่ได้

“งั้นฉันให้นายไปกินขี้ นายจะกินมั้ย?” หลี่ฝางพูดล้อเล่นไปหนึ่งประโยค

“นายช่วยเรียกร้องเรื่องปกติๆ หน่อยได้มั้ย?” มู่เสี่ยวไป๋เริ่มหมดคำจะพูด

หลี่ฝางยื่นมือออกไป คว้าคอเสื้อของมู่เสี่ยวไป๋ไว้

มู่เสี่ยวไป๋ชะงักอยู่ครู่ แล้วมองหลี่ฝาง: “นายทำอะไร? จะต่อยฉันใช่มั้ย? ได้ นายต่อยเลย ต่อยได้ตามใจ ฉันรับรองว่าจะไม่สวนกลับ ขอแค่นายยกโทษให้ฉันก็พอ”

มู่เสี่ยวไป๋ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว

หลี่ฝางไม่ได้ต่อยมู่เสี่ยวไป๋ แต่หัวเราะออกมาเหอะๆ แล้วพูด: “ต่อยนายยกนึง แล้วให้ฉันยกโทษให้ นายคิดง่ายไปมั้ง”

หลี่ฝางจับคอเสื้อของมู่เสี่ยวไป๋ไว้ แล้วลากเขาไปที่ขอบสะพาน

แล้วที่ลงไปในแม่น้ำที่ไหลเฉี่ยว หลี่ฝางพูด: “มู่เสี่ยวไป๋ นายอยากให้ฉันยกโทษให้นายไม่ใช่เหรอ?”

“ได้ ฉันให้โอกาสนายหนึ่งครั้ง”

“กระโดดลงไป ขอแค่นายกล้าโดด ฉันก็จะยกโทษให้นาย” หลี่ฝางพูดพลางยิ้มอย่างเย็นชา

“นายอยากให้ฉันตายเหรอ?” สองตาของมู่เสี่ยวไป๋จ้องไปที่หลี่ฝาง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท