NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 223

ตอนที่ 223

บทที่ 223 บัตรของใครสามารถรูดได้ห้าสิบล้าน

“พนัน”

จ้าวเสี่ยวตาวอึ้งไปสักพัก มองไปยังหลี่ฝางแล้วถามขึ้น “นายจะพนันอะไรกับฉัน”

“คุณรู้สึกว่าผมไม่น่าจะซื้อบ้านหมายเลขหนึ่งได้ไม่ใช่เหรอ”หลี่ฝางยิ้ม ถามกลับ

จ้าวเสี่ยวตาวจนคำพูด “บ้านหลายเลขหนึ่งอย่าว่าแต่นายเลย แม้แต่ตระกูลจ้าวของฉันก็ซื้อไม่ได้”

ทุนของตระกูลจ้าว มากสุดก็แค่สามร้อยล้าน

หากต้องซื้อบ้านหมายเลขหนึ่งจริง จ้าวเสี่ยวตาวคงตั้งใช้ทรัพย์สินทั้งตระกูลจ้าวร่วมด้วย

“ตระกูลเฉียนก็ซื้อไม่ไหว”เฉียนเป่าเอ๋อพูดตาม

ตระกูลเฉียนแม้จะขึ้นชื่อว่ามีฐานะ แต่หากจะให้พวกเขาเอาเงินสองร้อยกว่าล้านมาซื้อบ้าน

ตระกูลเฉียนคงไม่เห็นด้วยแน่นอน

ทั้งเมืองเอก คนที่กล้าใช้เงินสองร้อยกว่าล้านซื้อบ้าน ยกนิ้วขึ้นนับก็พอรู้ได้

หลี่ฝางยิ้มเรียบเฉย “ผมซื้อได้”

“หลี่ฝาง ฉันขอเตือนคุณว่าอย่าล้อเล่นดีกว่า นี่มันบ้านมูลค่ากว่าสองร้อยล้านนะ”เฉียนเป่าเอ๋อพูด

เฉียนเป่าเอ๋อคิดในใจ อย่าว่าพ่อแม่คุณเป็นชาวไร่ชาวนาเลย แม้ว่าพ่อแม่คุณจะเป็นเถ้าแก่ใหญ่ ก็ไม่แน่ว่าจะซื้อได้

จะว่าไป ถึงแม้จะเป็นเถ้าแก่ใหญ่ จะมีสักกี่คนที่สามารถควักเงินจำนวนสองร้อยล้านออกมาได้ในทันที

“เป่าเอ๋อ คุณว่านายคนนี้กำลังฝันเฟื่องอยู่หรือเปล่า มโนว่าตัวเองเป็นสามีแห่งชาติหวังซือชงหรือไง”จ้าวเสี่ยวตาวหัวเราะอย่างรู้สึกขำขัน

เขามองไปยังหลี่ฝาง สายตาราวกับมองดูตัวตลก

“ใช่แล้ว นายเพิ่งบอกว่าจะพนันกัน พนันอะไร ลองพูดสิ”จ้าวเสี่ยวตาวถามขึ้นด้วยสีหน้าอยากรู้

หลี่ฝางยิ้ม พูดขึ้น “ง่ายมาก ในเมื่อพวกคุณต่างก็รู้สึกว่าผมซื้อบ้านหลายเลขหนึ่งไม่ได้ งั้นพวกเรามาพนันกัน ”

“ถ้าเดี๋ยวผมซื้อบ้านหมายเลขหนึ่งได้ละก็ แสดงว่าผมชนะ กลับกัน แปลว่าคุณแพ้พนัน”หลี่ฝางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

หลังพูดจบ จ้าวเสี่ยวตาวก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา

“นี่ไม่เท่ากับว่านายแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยเหรอ”จ้าวเสี่ยวตาวพูดกลั้วเสียงหัวเราะ

จ้าวเสี่ยวตาวไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด ว่าหลี่ฝางจะซื้อบ้านหมายเลขหนึ่งได้จริง

เขายินดีที่จะเชื่อว่าโลกจะแตกในนาทีต่อไปซะมากกว่า

“อาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้”หลี่ฝางพูดด้วยความมั่นใจ

เฉียนเป่าเอ๋อส่ายหน้า รู้สึกว่าหลี่ฝางจะหาเรื่องพ่ายแพ้ให้ตัวเองซะแล้ว

ถิงถิงยิ่งหัวเราะหนักขึ้น รู้สึกว่าหลี่ฝางช่างกล้าหาญเกินไปแล้ว

เห็นอยู่ชัดๆว่าซื้อไม่ได้ แต่กลับมีสีหน้ามั่นใจว่าต้องซื้อได้แน่นอน

ถิงถิงขายบ้านมาหลายปี คลุกคลีอยู่กับบ้านหรูที่สุดมาแล้ว ส่วนบ้านหมายเลขหนึ่งของคฤหาสน์บ้านซาน

บ้านหลังนี้ แทบไม่มีคนถามถึงเลย

ถิงถิงเคยลองคิดเล่นๆ บ้านหมายเลขหนึ่ง ท้ายที่สุดจะตกอยู่ในมือของคนแบบไหนกันแน่

อย่างน้อยคงต้องมีอายุประมาณหนึ่ง และมีสถานะที่มั่นคง

แน่นอนว่าคงไม่ใช่คนอย่างหลี่ฝาง เพิ่งจะยี่สิบต้นๆ แต่งตัวธรรมดา

“งั้นนายรีบพูดมาเถอะ ชนะแล้วจะยังไง แพ้แล้วจะให้ทำอะไร ”ตอนนี้ สีหน้าของจ้าวเสี่ยวตาว นับว่าเบิกบานใจซะไม่มี

เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองกำชัยชนะไว้ในมือแล้ว

“ถ้าคุณชนะ ก็ทำตามที่คุณบอก ให้พ่อผมมาดูแลบ้านให้คุณ ให้แม่ผมมาเป็นแม่บ้าน คุณว่าไง”หลี่ฝางพูดยิ้มๆ

“ฮ่าฮ่า พูดอ้อมค้อมไปมา ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”

ได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง จ้าวเสี่ยวตาวก็หัวเราะเสียงดัง

เขาเข้าใจในทันที

เขารู้สึกหลี่ฝาง จงใจจะแพ้ให้ตน จากนั้นก็จะให้พ่อแม่ของเขา มาเป็นคนใช้ในบ้านของตน

“หลี่ฝาง นายคิดจะให้พ่อแม่นายมาทำงานที่บ้านฉัน ก็พูดมาตรงๆเถอะ ทำไมต้องอ้อมค้อมด้วย ยังจะออกอุบายพนันอะไรอีก”จ้าวเสี่ยวตาวพูดด้วยเสียงหัวเราะ “น่าขันจริงๆ”

จ้าวเสี่ยวตาวหัวเราะจนจะหงายหลัง หัวเราะจนท้องแข็งไปหมดแล้ว

ร.ป.ภ.หนึ่งคน แม่บ้านหนึ่งคน เงินเดือนต่อหนึ่งปีแค่ห้าหมื่น จ้าวเสี่ยวตาวคำนวณแล้วรู้สึกคุ้มมาก

ค่าแรงงาน ถูกซะจริงเชียว

อีกอย่าง เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็สามารถทำให้หลี่ฝางอับอายได้สาสมใจ

จ้าวเสี่ยวตาวพยักหน้า “ฉันตกลง”

“ถ้าคุณแพ้ ก็ทำตามที่ผมพูดเมื่อกี้ ให้พ่อแม่คุณมาดูแลบ้าน ทำความสะอาด เข้าใจมั้ย”หลี่ฝางมองจ้าวเสี่ยวตาว ยิ้มเย็น

“ไม่มีปัญหา”จ้าวเสี่ยวตาวยิ้มแล้วพยักหน้า พูดว่า “นายไม่มีทางชนะหรอก”

“วางใจได้ ผมไม่ได้ใจขี้งกเหมือนคุณ ถ้าพ่อแม่คุณมาทำงานให้ผม ผมจะให้พวกเขาปีละล้านเลย”หลี่ฝางเลิกคิ้ว “ดูสิ ผมดีกับพ่อแม่คุณมากนะ”

จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝางอย่างดูถูก ในใจหัวเราะเสียงเย็น รอดูก่อนเถอะ รอให้พ่อแม่นายมาทำงานให้ฉันก่อน ดูสิว่าฉันจะจัดการกับนายยังไง พ่อแม่นายด้วย แค่บอกไปมั่วๆว่าของหาย จากนั้นก็ไปแจ้งตำรวจ ก็สามารถทำให้พ่อแม่ของหลี่ฝางได้รับโทษแล้ว

จ้าวเสี่ยวตาวคิดในใจ ถึงตอนนั้น ต้องสั่งสอนคนบ้านนี้ให้ได้

“วางใจเถอะ รอให้พ่อแม่นายมาอยู่กับฉัน ฉันก็จะดูแลอย่างดีเช่นกัน”

มองหลี่ฝาง จ้าวเสี่ยวตาวหัวเราะมาดร้าย

เฉียนเป่าเอ๋อมองหลี่ฝาง ส่ายหน้า

เฉียนเป่าเอ๋อคาดเดาในใจ เหมือนกับจ้าวเสี่ยวตาว

เธอก็คิดว่าหลี่ฝางนั้นจงใจแกล้งแพ้ให้กับจ้าวเสี่ยวตาว เพื่อให้พ่อแม่ของตัวเองสามารถมาทำงานที่คฤหาสน์บ้านซาน เพื่อช่วยดูแลบ้าน

เพราะสภาพแววล้อมในการทำงานแบบนี้ ทั้งสบาย ทั้งง่ายดาย

แต่ว่าค่าแรงน้อยไม่หน่อยเท่านั้น

เฉียนเป่าเอ๋อคิดในใจ ถ้าพ่อแม่ของหลี่ฝางมาจริงๆ ก็ขึ้นเงินเดือนให้พวกเขาสักหน่อย อย่างน้อยก็คงต้องให้ปีละแสนกว่า

เดินไปข้างหน้าหลายก้าว ก็มาถึงบ้านหมายเลขหนึ่ง

สวนดอกไม้ของบ้านหมายเลขหนึ่ง ใหญ่มาก

และยังมีสระว่ายน้ำ ช่างเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การจัดงานปาร์ตี้สุดๆ

“พี่ พี่คิดว่าไง”มองภายนอกแวบหนึ่ง หลี่ฝางหันไปถามหลินชิงชิง

หลินชิงชิงพยักหน้า “บ้านหรูขนาดนี้ พี่ก็เพิ่งเคยเห็นจากในทีวีเท่านั้น”

จ้าวเสี่ยวตาวได้ยินคำพูดของหลินชิงชิง ทำให้เขาหัวเราะอย่างเยาะเย้ยขึ้นอีกครั้ง

“วางใจเถอะ ไม่ช้านี้หลี่ฝางก็จะซื้อบ้านหลังนี้ไว้แล้ว ถึงตอนนั้น ก็ไม่ต้องมองจากทางทีวีตาละห้อยแล้ว แต่จะได้อยู่ที่นี่ทุกวัน”จ้าวเสี่ยวตาวแกล้งพูดขึ้น

“เขาพูดถูก พี่ รอให้ผมซื้อบ้านหมายเลขหนึ่งแล้ว ผมจะเอากุญแจให้พี่หนึ่งชุด”หลี่ฝางไหลตามคำพูดของจ้าวเสี่ยวตาว

จ้าวเสี่ยวตาวขมวดคิ้ว โมโหขึ้นมาเล็กน้อย “หน้าไม่อายจริงๆ โลกนี้คงไม่มีใครเทียบได้แล้ว”

ยืนอยู่ตรงกลางของสวนดอกไม้ หลี่ฝางหัวเราะ พูดว่า “ไม่ต้องเข้าไปดูแล้ว บ้านหลังนี้ ผมซื้อ”

“เสี่ยวฝาง จะไม่เข้าไปดูหน่อยเหรอ ”หลินชิงชิงถาม

เพราะว่า บ้านหลังนี้มีมูลค่าถึงสองร้อยล้านเชียวนะ ไม่เข้าไปดูสักหน่อย ก็จะซื้อซะแล้ว

ถิงถิงหึเสียงเย็น หัวเราะขำ

ลูกค้าที่ตัดใจได้รวดเร็วขนาดนี้ ถิงถิงไม่เคยพบเจอมาก่อน

ใครบ้างจะซื้อบ้าน ทั้งที่ไม่ดูให้ละเอียดซะก่อน

จากนั้นก็ต่อรองราคา ถามว่ามีสิทธิพิเศษอะไรอีกบ้าง

แม้แต่จ้าวเสี่ยวตาวกับเฉียนเป่าเอ๋อซื้อบ้านเมื่อกี้ ก็ไม่ได้วางเงินมัดจำทันที แต่ก็ไปหาเจ้านายเพื่อต่อรองกันก่อน

“ดูไม่ดูแล้วมันจะแตกต่างกันตรงไหน ดูแล้วต้องซื้อ ไม่ดูก็ต้องซื้อ ”หลี่ฝางเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ

เมื่อครู่ หลี่ฝางดูบ้านหมายเลขแปดแล้ว การตกแต่งภายใน บรรยากาศ ตัวเองก็รู้สึกพอใจ

บ้านหมายเลขหนึ่งแพงกว่าบ้านหมายเลขแปดสามเท่า การตกแต่ง บรรยากาศต่างๆ ย่อมต้องดีกว่าบ้านหมายเลขแปดอยู่แล้ว

ฉะนั้น หลี่ฝางรู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดู

“ถ้างั้นฉันขอเข้าไปดูหน่อย”เฉียนเป่าเอ๋อพูด เดินเข้าไปในบ้าน

พอเข้าไป เฉียนเป่าเอ๋อก็รู้สึกตกตะลึงทันที

ข้างในนี้ตกแต่ง ราวกับวังของพระราชา

ใหญ่เกินไปแล้ว

“เสียดาย บ้านหลังนี้สองร้อยกว่าล้านแน่ะ”เฉียนเป่าเอ๋อพึมพำถอนหายใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียนเป่าเอ๋อรู้สึกว่าบ้านตัวเองจน

หลังจากเฉียนเป่าเอ๋อเข้าไป จ้าวเสี่ยวตาวก็เข้าไปด้วย

จ้าวเสี่ยวตาวได้ยินเฉียนเป่าเอ๋อพึมพำ ก็พูดว่า “เป่าเอ๋อ ถ้าคุณชอบ รอผมหาเงินได้แล้ว จะซื้อบ้านหลังนี้ให้คุณนะ”

ได้ยินคำนี้ เฉียนเป่าเอ๋อหัวเราะแห้งๆ “ถ้างั้นฉันคงต้องอยู่จนอายุห้าร้อยปีถึงจะมีวันนั้นละมั้ง”

“นี่คุณพูดอะไรของคุณเนี่ย ไม่เชื่อผมเหรอ”จ้าวเสี่ยวตาวขมวดคิ้ว

แล้วมันไม่ใช่หรือไง เฉียนเป่าเอ๋อไม่เชื่อว่าจ้าวเสี่ยวตาวจะหาเงินสองร้อยล้านได้

เฉียนเป่าเอ๋อเดินต่อไปข้างหน้า จ้าวเสี่ยวตาวยังคงตามติดอยู่ข้างหลัง

แต่ตอนนี้ หลี่ฝางมองไปยังถิงถิง พูดขึ้นว่า “ผมอยากถามอะไรหน่อย บ้านหลังนี้ ผมจะบัตรเครดิตจ่ายได้ไหม”

“ได้สิ แต่ฉันคิดว่า แต่ไม่มีบัตรเครดิตของใครสามารถรูดวงเงินได้เยอะขนาดนั้นนะ แค่เงินดาวน์ ก็ต้องใช้สี่ห้าสิบล้านแล้ว ”ถิงถิงส่ายหน้าเอ่ยเสียงขำ

มีบัตรของใครบ้างสามารถรูดได้สี่ห้าสิบล้าน เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

หลี่ฝางล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หยิบบัตรสีดำออกมา

ตอนที่เห็นบัตรนี้ สีหน้าของถิงถิง ก็เปลี่ยนไปทันที

เธอขายบ้านราคาหลายสิบล้านทุกวัน ได้พบกับเศรษฐีร้อยล้านอยู่บ้าง แล้วจะไม่รู้จักแบล็กการ์ดได้ยังไง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท