NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 276

ตอนที่ 276

บทที่ 276 มีเรื่องที่ห้องสมุด

ในตอนนั้นสีหน้าของหวางเฉินกับสวีเถิงเฟย ต่างก็ไม่ค่อยดีนัก

พวกเขานั่งอยู่ในห้องสมุด ต่างนั่งเงียบเป็นเป่าสาก

เมื่อกี้ พวกเขาไปที่บ่อน้ำพุร้อน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชุนเซิง

ห้าคน นั่นคนเป็นๆ ตั้งห้าคนเลยนะ

หายไปทั้งๆ แบบนี้เหรอ……

นี่ทำให้ในใจของหวางเฉินกับสวีเถิงเฟย เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ

“ยังโทรหาชุนเซิงไม่ติดเหรอ?” สวีเถิงเฟยเงยหน้า แล้วถามหวางเฉิน

หวางเฉินส่ายหน้า แล้วตอบ: “นายว่าพวกนั้นจะเกิดเรื่องมั้ยนะ?”

“ไม่มั้ง?” สวีเถิงเฟยขมวดคิ้ว สีหน้าจริงจังเล็กน้อย: “พวกนั้นมีกันตั้งห้าคนนะ!”

“ถ้าพวกนั้นไม่เป็นไร ทำไมถึงโทรไม่ติดล่ะ?” หวางเฉินทำสีหน้าย่ำแย่

“คนเป็นๆ ตั้งห้าคน ทำไมจู่ๆ ถึงได้หายไปนะ บ่อน้ำพุร้อนนั่น พวกเราก็หาแล้ว ทุกซอกทุกมุม ก็หาพวกชุนเซิงไม่เจอเลย พวกเขาคงไม่ถูกหลี่ฝางโยนลงเขาไปแล้วหรอกมั้ง?” จู่ๆ หวางเฉินก็ถามขึ้นอย่างหวาดกลัว

“หลี่ฝางมันกล้าขนาดนั้นซะที่ไหนกันล่ะ? อีกอย่าง ถึงจะโยนลงเขาไปแล้วจริงๆ ยังไงก็ต้องมีศพสิจริงมั้ย? พวกเราก็ลองมองลงไปข้างล่างดูแล้ว ด้านล่างไม่มีอะไรเลย”

“ฉันคิดว่าชุนเซิงและพรรคพวกมันคงหอบเงินของฉัน แล้วหนีออกจากบ้านพักตากอากาศไปแล้วแน่ๆ” สวีเถิงเฟยพูดพร้อมขมวดคิ้ว

หวางเฉินก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เขารู้ว่าชุนเซิงกับพรรคพวกไม่ใช่คนประเภทนั้น

แต่ว่า ก็คิดคำอธิบายให้เป็นอย่างอื่นไม่ออกจริงๆ

“ไม่สนแล้ว ลุงเหยโก่วของฉันใกล้จะถึงแล้ว……เมื่อพวกเรารวมตัวกับลุงเหยโก่ว ถึงแม้ไอ้หมอนั้นมันจะรู้ว่าพวกเราจะฆ่ามัน มีลุงเหยโก่วอยู่ มันก็ไม่กล้าทำอะไรเราหรอก!” หวางเฉินหัวเราะ แล้วพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ

ในตอนนั้น ส้าวส้วยก็ได้เดินมาทางหวางเฉินกับสวีเถิงเฟย

“ส้าวส้วย นายอย่าทำอะไรนะ เรื่องนี้ฉันกับพ่อคิดดีแล้ว อดทนไว้ก่อนวันสองวัน” หลี่ฝางมองสีหน้าอาฆาตแค้นของส้าวส้วยแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย

เขากลัวว่าส้าวส้วยจะก่อเรื่อง แล้วทำให้แผนที่ตนกับหลี่ต๋าคางวางไว้พัง

“ฉันไม่ได้พูดว่าไม่แก้แค้น แต่แค่ ตอนนี้ต้องอดทนไว้ก่อน รอให้สวีเถิงเฟยออกจากบ้านพักตากอากาศก่อน พวกเราค่อยแก้แค้นก็ไม่สาย”

หลี่ฝางดึงส้าวส้วยไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงซับซ้อน: “ส้าวส้วย นายต้องเข้าใจนะ ชีวิตคนเรา หนีไม่พ้นเรื่องดีและเรื่องร้าย บางครั้งเราก็ต้องอดทนไว้ ไม่เห็นเป็นไร ขอแค่ในใจเราจำความอัปยศนั้นไว้ได้ แล้วยึดมั่น ต้องมีสักวันที่เราได้เอาคืนมัน แค่นั้นก็พอแล้ว”

“ความแค้นก็เหมือนกัน” หลี่ฝางร่ายยาวความในใจ

ตอนมัธยมปลาย หลี่ฝางอดทนมาสามปี

ความดื้อรั้นและอารมณ์ของเขา มันสงบมันตั้งนานแล้ว

หากไม่ใช่เพราะว่าตลอดสามปีที่ผ่านมาหลี่ฝางอดทนกับความอัปยศอดสู ในเวลาสั้นๆ แบบนี้ คงจะอดกลั้นความโกรธแค้นที่มีต่อสวีเถิงเฟยไม่อยู่

แต่ใครจะรู้ ตัวเองอดกลั้นได้ แต่กลับทำให้ความโกรธของส้าวส้วย ปะทุขึ้นมาซะงั้น

มันทำให้หลี่ฝางรู้สึกว่ามีคนเดือดร้อนแทนเขา

ส้าวส้วยหันหน้ามา แล้วยิ้มอย่างชั่วร้าย: “เจ้านาย ที่เจ้านายพูด ผมเข้าใจทั้งหมด”

“แต่แค่ตระกูลสวีโง่ๆ สมควรให้ผมทนเหรอ?”

ตระกูลสวีของเมืองเอก ไม่ต้องพูดถึงหลี่ฝาง แม้แต่ส้าวส้วย เขาก็ไม่ได้เอามาอยู่ในสายตา

ส้าวส้วยอดทนได้ แต่อีกฝ่ายจะต้องแข็งแกร่งสิ

เมื่อตอนที่เขาอยู่เมืองนอก ส้าวส้วยไม่ใช่ว่าไม่เคยอดกลั้น แต่ว่าที่เขาอดทน เป็นคนระดับประเทศ เป็นองค์กรใหญ่ทั้งนั้น

ในตอนนี้ ไม่มีตระกูลไหน ที่จะทำให้ส้าวส้วยก้มหัวให้ได้

จนมาถึงวันนี้ แค่ตระกูลสวีเล็กๆ ตระกูลนึง……

ทำไมส้าวส้วยต้องใส่ใจ?

จะให้เขาพอใจได้ยังไง?

“ไม่ได้บอกว่าต้องอดทน ฉันแค่กลัวว่านายจะก่อเรื่องจนมีคนตาย” หลี่ฝางมองไปที่ส้าวส้วย แล้วพูดอย่างเป็นห่วง: “จะให้ดี ไม่ต้องลงมืออะไร ยังไงที่นี่ก็เป็นห้องสมุดนะ”

“แขกหลายคนอ่านหนังสืออยู่ นายอย่าทำให้พวกแขกตกใจเลย” หลี่ฝางพูดเตือนขึ้น

“วางใจเถอะครับ ผมไม่ฆ่าคนตายในห้องสมุดหรอก” ส้าวส้วยพยักหน้า คำพูดไหนอีกความหมายของเขาก็คือ ออกจากห้องสมุดแล้ว มันก็ไม่แน่

พูดจบ ก็ไม่สนใจคำห้ามของหลี่ฝาง ส้าวส้วยก็เข้าไปนั่งเบียดที่นั่งของสวีเถิงเฟย

สวีเถิงเฟยถูกส้าวส้วยเบียด จนลงไปกองกับพื้น

“แม่มึงตาบอดหรือไง ไม่เห็นเหรอว่ามีคนอ่ะ!” สวีเถิงเฟยไม่ทันได้มอง ก็เอ่ยปากด่าออกไปแล้ว

แต่เมื่อมองคนที่เข้ามาเบียดชัดๆ ว่าเป็นส้าวส้วยแล้ว

สีหน้าของสวีเถิงเฟย ก็เปลี่ยนไปทันที จากที่โมโหก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน

“ที่แท้ก็เป็นส้าวส้วยนี่เอง ฮ่าๆ ขอโทษด้วย ด่าผิดคนแล้ว” สวีเถิงเฟยรีบพูดขอโทษ: “เชิญนั่ง เชิญนั่ง”

“ต้องการนั่งตรงไหนเชิญนั่งตรงนั้นเลยครับ” สวีเถิงเฟยพูดพลางหัวเราะเหอะๆ

“อยากนั่งตรงไหนก็นั่งตรงนั้น?”

ส้าวส้วยหัวเราะเหอะๆ แล้วมองสวีเถิงเฟย: “งั้นฉันอยากนั่งบนหัวแก”

เมื่อได้ยินคำนี้ หน้าของสวีเถิงเฟย ก็ชาอยู่ครู่

“เอาน่า ส้าวส้วย อย่าไปแกล้งเขาเลย นี่คือคุณชายของตระกูลสวีนะ” ในขณะนั้นหลี่ฝางก็เดินเข้ามา พูดห้ามอย่าง ‘ใจดี’ : “นายจะขี่หัวคุณชายได้ไง แบบนี้ก็ได้เหรอ? ”

“เก้าอี้ในห้องสมุดนี้ แข็งไปหน่อย ฉันอยากจะนั่งบนอะไรนิ่มๆ”

ส้าวส้วยเลิกคิ้ว แล้วถามสวีเถิงเฟย: “ได้มั้ยห้ะ!”

สวีเถิงเฟยทำสีหน้าเข้ม แล้วขมวดคิ้ว

ถูกแย่งที่นั่ง อันนี้สวีเถิงเฟยอดทนได้

ก็แค่เปลี่ยนที่นั่งแค่นั้น

แต่ส้าวส้วยจะมานั่งบนหัวเขา อันนี้สวีเถิงเฟยจะทนได้ยังไง?

สวีเถิงเฟยส่ายหน้า

“นายดู ฉันบอกแล้วว่าคุณชายสวีคงไม่ยอม ส้าวส้วย นายอย่าไปทำให้คุณชายสวีลำบากใจเลย” หลี่ฝางพูด

เมื่อได้ยินประโยคนี้ สวีเถิงเฟยก็มองหลี่ฝางอย่างขอบคุณ

ส้าวส้วยมองหลี่ฝาง และไม่เข้าใจความหมายของหลี่ฝาง

หลี่ฝางรู้ ถ้าส้าวส้วยลงมือ ต้องใช้กำลังแน่ๆ

บนที่ของตน ถ้าใช้กำลัง ก็คงจะส่งผลกระทบต่อบ้านพักตากอากาศ

มีคนทะเลาะกันในห้องสมุด รปภ.ด้านหน้าประตู จะไม่สนใจก็คงไม่ได้?

ถ้าหากไม่สนใจ ต่อไปใครจะกล้ามาอ่านหนังสือที่นี่ล่ะ

หลี่ฝางยืดอก จู่ๆ ก็พูดขึ้นอย่างเสียงดัง: “สวัสดีครับทุกคน!”

เมื่อหลี่ฝางตะโกน ก็นำพาให้สายตาทุกคู่มองเขาทันที

ทุกคนมองไปที่หลี่ฝางด้วยสายตาแปลกๆ ในใจคิด ว่าคนนี้เป็นบ้าหรือเปล่า?

ใครรู้จักนายกัน จู่ๆ ก็พูด ‘สวัสดีครับทุกคน’

ต่อมา หลี่ฝางก็เอ่ยขึ้น: “ทุกท่านวางหนังสือในมือลง ผมจะให้ทุกท่านดูอะไรสนุกๆ”

“นี่นาย ที่นี่คือห้องสมุดนะ รบกวนอยู่ในความสงบด้วยโอเคมั้ย?”

“เจ้าหนู นายมีอะไรน่าดูกัน?”

“เอาล่ะ อย่าต่อปากต่อคำแล้ว ถ้ารบกวนพวกเราอ่านหนังสือ พวกเราจะเรียกรปภ.แล้วนะ”

เสียงของหลี่ฝางดังมาก จึงมีผลกระทบต่อทุกคนที่อ่านหนังสือ

ในตอนนี้ แม้แต่สายตาที่ส้าวส้วยมองหลี่ฝาง ก็ยังแปลกใจเล็กน้อย

ส้าวส้วยยืนขึ้น มองหลี่ฝาง แล้วพูดเสียงเบา: “เจ้านาย นายทำอะไรเหนี่ย? ฉันกำลังจะเตรียมตัวสั่งสอนไอ้หมอนี่ให้นายนะ”

“ช่างเถอะ ฉันจัดการเอง”

หลี่ฝางพูดอย่างนิ่ง: “นายแค่อยู่ด้านหลังฉัน แล้วคอยรักษาความปลอดภัยของฉันก็โอเคแล้ว”

“ไม่ให้ฉันลงมือ?”

ส้าวส้วยมองหลี่ฝางอย่างสงสัย แล้วถาม: “เจ้านาย นายมีวิธีจัดการมัน?”

หลี่ฝางพยักหน้า: “คิดได้ตั้งนานแล้ว”

ต่อมา หลี่ฝางก็พูดขึ้นเสียงดังอีกครั้ง: “มา ทุกท่านหยุดสักครู่ ผมจะสร้างกลุ่มแชทตอนนี้ ทุกท่านเข้ากลุ่มหน่อยครับ”

“กลุ่มวีแชท?”

“พวกเราไม่เข้าหรอก”

“ใช่แล้ว ทำไมพวกเราต้องเข้ากลุ่มแชทของนาย นายคงอยากจะเชิญพวกเราเข้ากลุ่มแล้วขายของใช่มั้ยล่ะ? พวกเราไม่ตกหลุมพรางนายหรอก”

“ใช่แล้ว อย่าเสียแรงเปล่าเลย พวกเราไม่เข้ากลุ่มหรอก นายรีบออกไปเถอะ”

“รปภ. รปภ.”

ท่าทีของหลี่ฝาง กลายเป็นสิ่งรบกวนคนอื่นแล้ว มีผู้หญิงคนนึงเดินไปที่ประตู แล้วเรียกรปภ.

นำรปภ.เข้ามา แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ชี้ไปที่หลี่ฝาง: “เขานี่แหละ รบกวนพวกเราอ่านหนังสือ แล้วยังบอกให้พวกเขาเข้ากลุ่มวีแชทอีก คุณรีบไล่เขาออกไปหน่อย”

รปภ.คนนี้ แค่มองก็จำหลี่ฝางได้

“แย่แล้ว ทำไมอยู่ๆ ผมก็ปวดท้อง ห้องน้ำ……ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ!” รปภ.คนนี้ รีบหนีออกไปทันที แล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป ครึ่งค่อนวันก็ไม่ออกมา

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูดขึ้น: “วางใจเถอะ ผมสร้างกลุ่มขึ้นมาไม่ขายของให้พวกคุณหรอก”

“อีกอย่าง หลังจากที่ผมสร้างกลุ่ม ผมจะแจกอั่งเปาสองหมื่น”

“ผมเริ่มสร้างแล้วนะครับ ใครแย่งได้ก็เป็นของคนนั้น แล้วก็ ผมแจกแค่หนึ่งร้อยคน”

หลี่ฝางพูดจบ ก็พูดตัวเลยสี่ตัว

ด้วยตัวเลขที่ตัวนี้ หลายคนก็เข้ากลุ่มที่หลี่ฝางสร้างขึ้น

“หลี่ฝาง นายทำบ้าอะไร?” สวีเถิงเฟยขมวดคิ้ว แล้วรู้สึกคาดไม่ถึง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท