NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 289

ตอนที่ 289

บทที่289 ผมคือเจ้าของของสถานตากอากาศ

ตอนนั้นหลี่ฝางได้ยินคำนี้ ก็เกือบจะหัวเราะออกมา

ไม่รู้ว่า เพราะว่าหยิ่นเหล่ยหรือเจ้าของของสถานตากอากาศ

“ผมไปหาเขาเอง”

วิลล่าของสถานตากอากาศ บอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่หรอก ไม่ใหญ่เท่าไหร่

จูอีหมิงวิ่งไปรอบหนึ่ง ใช้เวลาแค่ห้านาทีเท่านั้น

ห้านาทีถัดมา จูอีหมิงวิ่งกลับมา พูดหอบๆว่า:“คุณชายเหล่ย ผมหาไปรอบหนึ่งแล้ว ก็หาผู้ชายคนนั้นไม่เจอ”

ใบหน้าของหยิ่นเหล่ย ไม่สามารถเลี่ยงความไม่พอใจปรากฏออกมาได้

“ใช่สิ คุณทำอะไรเขา?”หลี่ฝางมองหยิ่นเหล่ย ก็อดไม่ได้ที่จะถาม

หยิ่นเหล่ยทำเสียงฮึดฮัด:“แน่นอนว่าไล่เขาออก”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว มองหยิ่นเหล่ย:“คุณมีอำนาจไล่คนของสถานตากอากาศออก?”

หยิ่นเหล่ยนี้ ดูแล้วไม่เหมือนว่าล้อเล่น

และเขาก็เป็นทายาทของต้าหัว กรุ๊ป เขาพูดคำนี้ น่าจะไม่ได้อวด

ยังไงคนีท่มีสถานะเช่นนี้ ก็ไม่ค่อยขี้โม้นัก

อีกอย่าง ใบหน้าของหยิ่นเหล่ย ก็มีความมั่นใจบางอย่าง เหมือนว่า เขาไล่คนของสถานตากอากาศคนนี้ได้

“ผมไม่มีอำนาจ แต่ ผมโทรหา ให้ไล่เขาออกได้ ……”หยิ่นเหล่ยพูดขำๆ

“โทรหา……”

ตอนเวลานี้เอง จู่ๆจูอีหมิงก็คิดอะไรขึ้นได้

สายตาจูอีหมิงมองไปที่หลี่ฝาง พูด:“ใช่สิ ไม่ใช่ว่าคุณมีเบอร์เขาเหรอ?คุณโทรหาเขา เรียกเขามาหน่อย”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ คิดในใจ จูอีหมิงโง่หรือเปล่า?ทำไมตัวเองต้องฟังเขา?

“คุณมีเบอร์คนๆนั้น?”หยิ่นเหล่ยถามหลี่ฝาง

หลี่ฝางพยักหน้า

“งั้นคุณช่วยโทรหาเขาหน่อย”หยิ่นเหล่ยพูด

“ทำไม คุณเห็นผมเป็นน้องชายคุณหรือว่าม้า?คุณพูดอะไร ผมก็ต้องทำ?”หลี่ฝางยิ้มอย่างเย็นชา พูด:“อยากให้ผมโทรหาเบอร์นี้ ได้สิ เรียกหลี่ซ่วยซ่วยว่าพี่ใหญ่ก่อน……”

“คุณ……”หยิ่นเหล่ยตอนนั้นกัดฟันแน่น มองหลี่ฝางเย็นชา

“ทำไม กัดผม?หรือทุบตีผม?”

หลี่ฝางไม่กลัวหยิ่นเหล่ยสักนิด

เวลานี้เอง ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา

เธอสวมกระโปรงสั้นสีแดง ด้านบนสีดำ ผมไม่ยาวมากนัก ถึงที่คอพอดี

เธอรีบเดินมาตรงหน้าของหยิ่นเหล่ย เรียกว่า:“ที่รัก ทำไมคุณมาอยู่นี่ล่ะ?”

“ทางนั้นมีเพื่อนๆ กำลังถามหาคุณนะ”

แฟนของหยิ่นเหล่ย ก็คือแฟนเก่าของหลี่ซ่วยซ่วย ไห่เย่นเดินเข้าไป

ไห่เย่นเพิ่งพูดจบ ก็มองไปที่หลี่ซ่วยซ่วย

ตอนนั้น สีหน้าของไห่เย่นเปลี่ยนเล็กน้อย สีหน้าดูเหมือนซับซ้อนหน่อยๆ

แต่จากนั้น ก็เงียบอีกครั้ง แล้วก็มองหลี่ซ่วยซ่วยแล้วพูด:“คิดไม่ถึงว่าคุณจะมาที่แบบนี้ ทำให้แปลกใจจริงๆ”

เด็กที่ครอบครัวเป็นเช่นนี้อย่างหลี่ซ่วยซ่วย ถ้าไม่ได้เจอหลี่ฝาง ชีวิตนี้เขาก็ไม่มีทางได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่สูงส่งเช่นนี้ได้

งานเลี้ยงนี้เต็มด้วยลูกคนรวย ดารา งั้นถ้าคนไม่ได้เป็นสมาชิกล่ะ?

จะเปิดห้องให้คนธรรมดาแบบนี้ได้ไงอีก?

“คุณมาเป็นพนักงานเสิร์ฟใช่ไหม?”คำพูดของไห่เย่น ทำให้สีหน้าของหลี่ซ่วยซ่วย รู้สึกอับอายหน่อยๆ

เดิมที หลี่ซ่วยซ่วยก็ไม่อยากมา แต่หวางเสี่ยวโก๋กับเลี่ยวข่าย ลากเขามาจนได้

ตอนนี้มาแล้ว ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอแฟนเก่าตัวเอง

มองแฟนเก่าตัวเองสวมชุดหรูหรา สวยงาม ส่วนตัวเอง ก็ยังดูเป็นคนจนธรรมดาๆเหมือนเดิม

โลกในใจของหลี่ซ่วยซ่วย ก็เหมือนกับมีครบทุกรสชาติ ซับซ้อนมาก

เขาหันหน้าไป ไม่พูดสักคำ ออกไปทันที

เลี่ยวข่ายดึงเขาไว้ แต่ดึงไม่อยู่

ยังไง หลี่ซ่วยซ่วยนั่น นอกจากส้าวส้วยแล้ว ก็มีไม่กี่คนที่ห้ามเขาได้

หลี่ฝางขมวดคิ้ว รีบวิ่งเข้าไป จับแขนของหลี่ซ่วยซ่วย

“อย่าเพิ่งไป”

หลี่ฝางวิ่งมาตรงหน้าหลี่ซ่วยซ่วย พูดว่า:“ยังจำตอนที่อยู่ห้องสมุดได้ไหม?”

“วางใจเถอะ ผมจะออกหน้าแทนคุณเอง ที่ต้องอาย จะต้องเป็นพวกเขา”

หลี่ฝางเพิ่งพูดจบ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกว่าที่แขน มีน้ำหยดลงมา

ฝนตกเหรอ?

หลี่ฝางเงยมองท้องฟ้า เต็มไปด้วยดาว ไม่มีฝนตกนี่

“คุณ……ร้องไห้?”

จู่ๆ หลี่ฝางก็เห็นในดวงตาของหลี่ซ่วยซ่วย เต็มไปด้วยน้ำตา

น้ำตาหยดมาจากดวงตาของหลี่ซ่วยซ่วย ไหลลงมา ไปที่มือของหลี่ฝาง

เวลานี้ หลี่ฝางตะลึง

เพราะว่าคำพูดของผู้หญิงคนนั้น หลี่ซ่วยซ่วย จึงร้องไห้?

หลี่ฝางไม่ค่อยอยากเชื่อนัก ผู้ชายตรงหน้าที่สูงและล่ำ เกือบจะร้อยเก้าสิบนี้ ร้องไห้เพราะคำสองคำ

ในใจของหลี่ซ่วยซ่วยอ่อนแอมาก?

หรือว่า ในใจของหลี่ซ่วยซ่วย ยังเสแสร้งใส่ผู้หญิงคนนั้น?

“ลูกผู้ชายเขาไม่บ่อน้ำตาตื้นแบบนี้นะ……ผู้หญิงแบบนี้ ไม่มีค่าให้คุณเสียน้ำตาหรอก”

“แน่นอนว่า คุณเป็นผู้ชาย ไม่ควรร้องไห้เพราะคำพูดเธอ”

หลี่ฝางโบกมือ เรียกพนักงานเสิร์ฟคนสวยมาตรงหน้าของตัวเอง จากนั้นก็หยิบทิชชูมาสองแผ่น ยื่นให้หลี่ซ่วยซ่วย:“เช็ดน้ำตาให้แห้ง แล้วกลับไป”

“ช่างเถอะ ผมไม่กลับแล้ว”

“ที่จริงแล้ว ไห่เย่นก็ไม่พูดผิด แม้กระทั่ง ผมเองยังสู้พนักงานเสิร์ฟไม่ได้ด้วยซ้ำ”หลี่ซ่วยซ่วยพูดอย่างถ่อมตน

“หลี่ซ่วยซ่วย คุณยังจำได้ไหม ผมพูดอะไรกับคุณเมื่อเที่ยงที่ห้องสมุด?”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว พูดจริงจัง:“ในเมื่อมีบุพเพสันนิวาส ทำให้พวกรำได้เป็นรูมเมทกัน งั้นพวกเรา ก็คือพี่น้องที่ถูกลิขิตมา”

“ในเมื่อคุณคือเพื่อนของผมหลี่ฝาง งั้นก็ไม่มีทางให้คุณโดนรังแกได้”

“ใครรังแกคุณ ก็เท่ากับรังแกผม”หลี่ฝางพูด

หลี่ซ่วยซ่วยลังเลเล็กน้อย พูด:“ช่างเถอะ หลี่ฝาง ผมรู้ว่าคุณเห็นผมเป็นเพื่อน ดีต่อผม แต่ผมไม่มีค่าพอให้คุณทำแบบนั้น”

“ธุรกิจที่บ้านของหยิ่นเหล่ย ใหญ่โตมาก ถือเป็นธุรกิจที่มีอิทธิพลของพวกเรา เมืองเป่ยไห่คุณไม่จำเป็นต้องไปขัดใจเขา แค่เพราะผม”หลี่ซ่วยซ่วยพูดจบ ก็จะไป

“ยังต้องสนอำนาจอิทธิพลอะไรอีกล่ะ ผมสนเรื่องนี้เหรอ?”

หลี่ฝางจ้องหลี่ซ่วยซ่วย:“ถ้าหากผมแคร์เรื่องนี้ ผมจะช่วยคุณอยู่บ่อยๆไหม?ถ้าผมเห็นแก่ลูกคนรวย ไม่กล้าไปแหย่ ผมจะไปทำร้ายสวีเถิงเฟย ทำร้ายหยูเถิงไหม?”

“เขาคือคุณชายรวยๆ แล้วผมไม่ใช่เหรอ?”

หลี่ฝางทำเสียงเย็นชา พูด:“ที่จริงแล้ว สถานตากอากาศ เป็นของที่บ้านผมเปิดเอง”

“เพื่อนคุณชายทุกคนของผม ที่จริงแล้วก็คือผมเองเนี่ยแหละ”

“แค่ผมไม่อยากเปิดเผยตัวตน ให้เกิดระยะห่างกับพวกคุณเท่านั้น”

“ที่จริงแล้ว ไม่ใช่แค่ผม แต่ตัวตนของฉินวี่เฟย ก็ไม่ธรรมดาอย่างที่พวกคุณเห็น เธอคือคุณหนูใหญ่ของตระกูลฉิน……”

หลี่ฝางโอบไหล่ของหลี่ซ่วยซ่วยไว้ พูดว่า:“ดังนั้น คุณไม่จำเป็นต้องกลัวเลย”

“ผู้หญิงคนนั้น ชายสวมแจ็กเกตคนนั้น มีหยิ่นเหล่ยคุม!”

“แต่คุณมีผมคุม!”

“หรือคุณคิดว่า ผมจะแพ้ให้หยิ่นเหล่ยเหรอ?”หลี่ฝางยิ้มอย่างดูถูก พูดว่า

หลี่ฝางพูดกับหลี่ซ่วยซ่วย:“ถ้าวันนี้คุณออกไปจากวิลล่า งั้นก็ไม่รู้จักผมหลี่ฝางเพื่อนคนนี้แล้ว”

“คุณเลือกมาอันหนึ่ง”หลี่ฝางพูด

หลี่ซ่วยซ่วยลังเลเล็กน้อย ใบหน้าพูดอย่างลำบากใจ:“หลี่ฝาง ช่างเถอะมันไม่จำเป็น?”

“เถียงกันไปเถียงกันมา มีประโยชน์อะไร?”

“เกิดเป็นคนต้องมีความเป็นตัวเอง ทะเยอทะยาน อย่าเสียศักดิ์ศรี ไม่เคยได้ยินเหรอ?ไอ้โง่นั่นว่าคนในหอเราว่าเป็นขยะ คำพูดนี้ คุณรับได้ แต่พวกเราไม่รับ”

“ถ้าคุณไป ก็หมายความว่ากลัวพวกเขา ครั้งหน้าเจอพวกเขา พวกเขาก็จะเยาะเย้ยคุณ ทำให้คุณละอาย”

“ผมบอกคุณให้นะ เอาแต่ทน ก็ไม่มีประโยชน์ เขาไม่มีทางเปลี่ยนท่าที เพราะการอดทนของคุณหรอก พวกเขากลับยิ่งทำให้คุณละอายมากขึ้น”

พูดจบ หลี่ฝางก็ดึงแขนของหลี่ซ่วยซ่วย ลากไปทางหยิ่นเหล่ย

“โห ทำไมตาแดงขนาดนี้ล่ะ?ทำไม ร้องไห้เหรอ?ว่าคุณไม่กี่คำ คุณก็ร้องไห้แล้ว?เหล่าคุณชายที่สง่างามเช่นนี้ ทำไมเหมือนกับสาวๆแบบนีล่ะ”

จูอีหมิงมองหลี่ซ่วยซ่วย ก็ดูถูกอย่างร้ายกาจขึ้นมา

“หลี่ซ่วยซ่วย ผมพูดผิดเหรอ?หรือว่า คุณมาสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟที่นี่ แต่สมัครไม่ได้ ดังนั้น จึงร้องไห้?”ไห่เย่นเพื่อเอาใจหยิ่นเหล่ย ก็จงใจพูดเหยียดหยามหลี่ซ่วยซ่วย

ฉากแบบนี้ สำหรับหลี่ฝางแล้ว กลับดูคุ้นๆเหมือนเคยเห็นมาก่อน

ตอนนั้นเซี่ยลู่เพื่อเอาใจตู้เฟย ไม่ใช่ว่าก็พูดจาเย็นชาเหยียดหยามหลี่ฝางหรอกเหรอ?

ไม่รู้ว่าทำไม หลี่ฝางถึงรู้สึกว่า บนโลกนี้มีคนหัวอกเดียวกันกับตัวเองมากมาย

แค่เสียดาย พวกเขาไม่โชคดีเท่าตัวเอง …

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท