NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 297

ตอนที่ 297

บทที่ 297 ชุดสูทหนึ่งชิ้นมูลค่าห้าล้าน

โทรศัพท์ยังโทรไม่ติด ก็เห็น เศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆส้งเคอ เดินหนึ่งก้าวเพื่อมาหาหลี่ฝาง

เศรษฐีหนุ่มผู้นี้มองหลี่ฝาง จ้องมองอยู่สองสามวินาที ทันใดนั้นก็ถามด้วยความเคารพ “สวัสดีท่าน ขอเสียมารยาทถามสักคำ ชุดสูทของท่านนี้ ปรมาจารย์Tomsเป็นคนตัดเย็บสำหรับท่านโดยเฉพาะใช่ไหม?”

“อะไรนะ?” หลี่ฝางตะลึงไปชั่วขณะ ฟังไม่เข้าใจ

ต่อจากนั้น เศรษฐีหนุ่มก้มตัวสิบห้าองศา แล้วถามว่า “ผมขอดูชุดสูทของท่านได้ไหม… …”

“ดูชุดของฉัน?”

หลี่ฝางหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นว่าท่าทางของเศรษฐีหนุ่ม ถือว่าไม่เลว หลี่ฝางกะจะถอดเสื้อสูท ให้เขาดู

“ไม่จำเป็นต้องถอด ผมแค่ต้องการดูลายเซ็นก็พอ”

“คุณชายเฝิง คุณทำอะไร?” ส้งเคอและคนอื่นๆเห็นพฤติกรรมของเศรษฐีหนุ่มคนนี้ ทุกคนต่างขมวดคิ้ว

เศรษฐีหนุ่มผู้นี้ชื่อเฝิงจื่อหลิน เพิ่งกลับมาจากอิตาลีไม่นาน

เขาอยู่ในประเทศอิตาลี เรียนเกี่ยวกับการออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้า ด้วยพรสวรรค์และความพยายาม เฝิงจื่อหลินได้รับความชื่นชอบจากนักออกแบบชื่อดังมากมาย

ประเทศฝรั่งเศส อิตาลีและประเทศอื่นๆนักออกแบบหลายคน ต้องการรับเฝิงจื่อหลินเป็นศิษย์ของตัวเอง

และมีแบรนด์ที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ต้องการเฝิงจื่อหลินมาเป็นผู้ออกแบบแบรนด์สินค้าของตนเอง

แต่เฝิงจือหลินก็ปฏิเสธไปทุกที่

เหตุที่ปฏิเสธคำเชิญของแบรนด์ใหญ่เหล่านั้น เป็นเพราะเฝิงจื่อหลินไม่ได้ขาดแคลนเงิน

และที่ปฏิเสธคำชักชวนของนักออกแบบชื่อดังเหล่านั้น เพราะเฝิงจื่อหลินดูถูกเหยียดหยาม ไม่ถูกใจพวกเขา

ปรมาจารย์ที่เฝิงจื่อหลินถูกใจ ก็คือปรมาจารย์Toms

น่าเสียดาย เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปรมาจารย์Tomsได้เดินทางออกจากยุโรป และไปที่อื่น

หลังจากสืบถามแล้ว เฝิงจื่หลินจึงรู้ว่า ราชวงศ์ได้เชิญTomsไป

ตอนนี้Toms ออกแบบเสื้อผ้าสำหรับราชวงศ์เท่านั้น

เฝิงจื่อหลินเคยเห็นชุดสูทที่Tomsเคยออกแบบ แต่ละชิ้น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

“คุณชายเฝิง นายทำบ้าอะไร?”

เฝิงจื่อหลินไม่สนใจส้งเคอและคนอื่นๆ เขาเดินมาข้างๆหลี่ฝาง ค่อยๆยื่นมือออกไป และเปิดคอเสื้อของหลี่ฝางอย่างระมัดระวัง

“แน่นอนว่ามันเป็นผลงานของปรมาจารย์Toms และมีเพียงเขาเท่านั้น ลายเซ็นของตัวเอง เย็บไว้ที่ด้านในของคอเสื้อ” เฝิงจื่อหลินพูดด้วยความตื่นเต้น

หลี่ฝางขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่า ผู้ออกแบบชุดสูทนี้ มีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่?

ถ้าไม่ใช่เพราะมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่ มันจะไม่ทำให้เศรษฐีหนุ่มคนหนึ่ง ตื่นเต้นขนาดนี้เหรอ?

เฝิงจื่อหลินแสดงใบหน้าที่ตื่นเต้นมาก จ้องมองไปที่ชุดสูทของหลี่ฝาง ซึ่งมีแต่ความหลงใหล

“เป็นฝีมือพื้นฐานที่ดีมาก แต่ละเข็มที่ลง ด้ายแต่ละเส้นที่เย็บ สวยงามและสมบูรณ์แบบมาก” เฝิงจื่อหลินอุทานด้วยเสียงเบา

“คุณชายเฝิง มารเข้าสิงหรือเปล่า? เป็นแค่เสื้อผ้าชิ้นหนึ่ง มันทำให้นายต้องเอะอะโวยวายขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ใช่สิ นายอยู่ต่างประเทศเคยเห็นงานแฟชั่นโชว์เสื้อผ้ามากมาย ยังดูไม่พออีกหรือ?”

เมื่อเผชิญหน้ากับการดูถูกเหยียดหยามจากส้งเคอและคนอื่นๆ เฝิงจื่อหลินก็แค่ส่ายหัว และถอนหายใจ “ชุดที่ปรมาจารย์Tomsออกแบบ หาดูได้ยากมาก”

“ไม่คาดคิดเลย ครั้งแรกที่กลับมาเที่ยวงานภายในประเทศ ฉันก็ได้เห็นการออกแบบของปรมาจารย์Toms!”

ใบหน้าของเฝิงจื่อหลิน มีความตื่นเต้นและดีใจมาก

เขามองหลี่ฝาง อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย “คุณเป็นเจ้าชายหรือเปล่า?”

“ผมไม่ใช่เจ้าชาย” หลี่ฝางส่ายหัว

“คุณไม่ใช่เจ้าชาย ทำไมสวมใส่ผลงานของปรมาจารย์Tomsได้อย่างไร?” เฝิงจื่อหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย และดูประหลาดใจมาก

“ตอนนี้ ปรมาจารย์Toms ออกแบบเสื้อผ้าสำหรับราชวงศ์เท่านั้น อีกอย่าง เสื้อผ้าทุกชิ้นของปรมาจารย์ จะต้องลงมือทำด้วยตัวเอง และทุกครั้งต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองเดือน หนึ่งปี ปรมาจารย์Toms จะมีผลงานออกมาเพียงห้าชิ้นเท่านั้น”

“และผลงานทุกชิ้น ในโลกแห่งวงการแฟชั่นเสื้อผ้า เป็นสมบัติอันล้ำค่า เฝิงจื่อหลินพูด

“คุณชายเฝิง ตามที่คุณบอก ชุดที่ไอ้หนุ่มคนนี้ใส่ เป็นสมบัติล้ำค่าหรือ?” ส้งเคอหัวเราะ เสียงหัวเราะที่เยาะเย้ย

“สำหรับพวกเรา มันเป็นของสะสมล้ำค่าที่เปรียบราคาไม่ได้ สำหรับความรู้สึกของคนนอกวงการอย่างพวกนาย มันก็ดูไม่มีราคามากนัก”

มองไปที่หลี่ฝาง เฝิงจื่อหลินพูดอย่างจริงจัง “คุณชายหลี่ถ้ายินยอม ผมยินดีจ่ายในราคาห้าล้าน เพื่อซื้อชุดสูทที่ท่านใส่อยู่”

“แน่นอน ผมรู้ว่าคุณชายหลี่ไม่ใช่คนขาดแคลนเงิน เพียงแต่ว่า ผมอยู่ที่อิตาลี ปารีส เรียนด้านการออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้ามาหลายปี ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการได้เคารพและชื่นชมสไตล์ผลงานของปรมาจารย์Toms”

“ยังหวังว่าคุณชายหลี่จะช่วยเติมเต็มความปรารถนานี้” เฝิงจื่อหลินเผชิญหน้าหลี่ฝาง ก้มหัวให้หลี่ฝางอย่างซาบซึ้ง

หลี่ฝางรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แค่เสื้อผ้าชิ้นหนึ่ง มีราคาถึงห้าล้าน?

ล้อเล่นกันหรือเปล่า

เงินห้าล้านนี้ ต้องเปิดร้านเสื้อผ้ากี่แห่ง

หลี่ฝางไม่คิดทบทวน พยักหน้าทันทีและพูดกับว่าเฝิงจื่อหลินว่า “โอเค แต่นายอย่าล้อผมเล่นนะ!”

“คุณยินยอมใช้เงินห้าล้าน เพื่อซื้อเสื้อชิ้นนี้ของผมเหรอ?”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว มองเฝิงจื่อหลินอย่างไม่กล้าเชื่อ

เฝิงจื่อหลินพยักหน้าและพูดว่า “ถ้าคุณชายหลี่เห็นด้วย ผมจะจ่ายเงินตอนนี้เลย”

“จริงเหรอ? คุณไม่รังเกียจที่ผมเคยใส่แล้วเหรอ?” หลี่ฝางถาม

“ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจ”เฝิงจื่อหลินรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว

หลี่ฝางเม้มริมฝีปากอย่างจนปัญญา และพูดว่า “ถ้างั้นก็ได้ ผมยังคิดว่าถ้าคุณรังเกียจ ผมจะเอาชิ้นใหม่ให้คุณ”

“ในตู้เสื้อผ้าของผม ยังมีอีกหลายชุด” หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฝางคิดในใจ ในเมื่อคุณชายเฝิงคนนี้ชอบขนาดนี้ หรือขายให้เขาหมดเลย?

ชุดหนึ่งขายได้ห้าล้าน

แต่พอย้อนคิดอีกที ตัวเองก็ไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงิน ช่างมันเถอะ

“คุณชายหลี่ คุณพูดเล่นหรือเปล่า นี่เป็นชุดที่ออกแบบโดยปรมาจารย์Toms แม้แต่เจ้าหญิงในราชวงศ์ และเจ้าชาย ก็ไม่ใช่ว่าแต่ละคนจะแบ่งได้สองชิ้น

“ท่านบอกว่ามีหลายชุด ล้อผมเล่นหรือเปล่า” เฝิงจื่อหลินยิ้มอย่างลำบากใจ พูดด้วยความไม่เชื่อ

“คุณไม่เชื่อ?”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว พอดีเห็นส้าวส้วยอยู่ไม่ไกล ถือแฮมเบอร์เกอร์ไว้ในมือ และกำลังกินอย่างเมามัน

“ส้าวส้วย!” หลี่ฝางหันไปทางส้าวส้วย และตระโกนหนึ่งครั้ง

ส้าวส้วยได้ยินเสียงตะโกนเรียกของหลี่ฝาง ขณะที่กินแฮมเบอร์เกอร์ไปด้วย และก็เดินมาหา

ขณะที่ส้าวส้วยเดินมาถึง แฮมเบอร์เกอร์ในมือ ก็กินจนหมด

ส้าวส้วยกินอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวว่าหลี่ฝางจะแย่งแฮมเบอร์เกอร์ของเขาไปกิน

“เจ้านาย เรียกผมเรื่องอะไร?” ส้าวส้วยถามหลี่ฝาง

จากนั้น สายตาของส้าวส้วย ก็กวาดมองส้งเคอและคนอื่นๆอย่างเย็นชา

“เจ้านาย ไอ้หนุ่มพวกนี้ไม่ระวังรังแกท่านอีกแล้วเหรอ?”

“หรือว่า ให้ผมโยนพวกเขาออกไปหรือไม่?” ขณะที่ส้าวส้วยพูด เอามือ จับที่เสื้อผ้าตัวเอง แล้วเช็ด

ใบหน้าของเฝิงจื่อหลิน กลายเป็นกังวลทันที

“นาย!”

มองไปที่ส้าวส้วย ใบหน้าของเฝิงจื่อหลิน ค่อยๆแสดงความโกรธ

“นายใช้เสื้อผ้าที่ออกแบบโดยปรมาจารย์Toms นำมาเช็ดมือ? ?” เฝิงจื่อหลินโกรธจนตัวสั่น

“นายรู้จักตาเฒ่า Toms หรือ?”

ส้าวส้วยหัวเราะ และมองเฝิงจื่อหลิน “ผมเอาเสื้อผ้าที่ตาเฒ่าออกแบบมาเช็ดมือแล้วทำไม? ตาเฒ่าคนนั้นยังไม่กล้าพูดอะไรเลย นายเป็นใครมาจากไหน!”

“ไสหัวไปให้พ้น” ส้าวส้วยพูดด้วยความโกรธ

ในตอนนี้ สีหน้าของเฝิงจื่อหลิน ก็ตกใจอีกครั้ง “ตาเฒ่า Toms คนนั้น? นายเคยพบกับปรมาจารย์Toms หรือ? ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ในพระราชวังไม่ใช่หรือ? นายเคยเข้าไปในพระราชวังเหรอ”

“เคยไปแล้วทำไม? เอะอะโวยวายอะไรหนักหนา”

“นาย… …” เฝิงจื่อหลินมองส้าวส้วย ตกตะลึงจนพูดไม่ออก

ชุดที่ออกแบบด้วยปรมาจารย์ Toms ทั่วทั้งประเทศอิตาลี หาได้ไม่กี่ชิ้น

แต่ตอนนี้ บนร่างกายของหลี่ฝางและส้าวส้วย ต่างสวมใส่คนละชิ้น

สิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือ ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ไม่เพียงแต่เรียกปรมาจารย์ Tomsว่าตาเฒ่าเท่านั้น ในชุดที่Tomsออกแบบ ยังนำมาเช็ดมือ!

“นาย นายทำเกินไปแล้ว” เฝิงจื่อหลินพูดอย่างหมดปัญญา

ส้าวส้วยยังคงมองไปที่หลี่ฝาง และถามว่า “เจ้านาย พูดมาเลย ใครล่วงเกินคุณอีก ผมจะจัดการให้เอง เมื่อกี้ผมเพิ่งกินแฮมเบอร์เกอร์ไปสองชิ้น รู้สึกร่างกายเต็มไปด้วยพลัง”

“นาย… …นายคือจอมยุทธ์รองเท้าคนนั้นใช่ไหม!”

ส้งเคอมองไปที่ส้าวส้วย และถามด้วยความหวาดกลัว

เมื่อกี้ แม้ว่าจะไม่ได้เห็นฝีมือของส้าวส้วยกับตา แต่ชื่อชื่อเสียงของส้าวส้วยก็ดังไปทั่วแล้ว

ทุกคน ชี้ไปที่ส้าวส้วย พินิจพิจารณาในตัวเขา

สำหรับส้งเคอ ยังเคยได้ยินคนอื่นพูด เกี่ยวกับเรื่องราวของส้าวส้วย

“จอมยุทธ์รองเท้าอะไร เรียกมั่วทำไม? ถ้าเรียกอีกกูจะตบปากฉีกเลย!” ส้าวส้วยจ้องมองส้งเคออย่างเย็นชา และพูด

ในเวลานี้ ลุงเฉียนก็มาถึง

“คุณชาย ท่านเรียกผมมามีคำสั่งอะไร?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท