บทที่ 319 ฮ่องเต้แห่งเมืองเอก
“ท่านจวน เขาคือใคร?” หลี่ฝางถามพร้อมขมวดคิ้ว
แม้ท่านจวนในปีนั้นจะชื่อเสียงสะท้านฟ้าในเมืองเอก แต่หลังถอนตัวไปหลายปี ไม่มีผู้คนพูดถึงอีก
ตอนนี้คนรุ่นใหม่กินดื่มเหล้าเสร็จ ก็ล้วนคือคนใหม่ที่เข้ามาในเมืองเอก หรือนั่งอยู่ข้างกายพี่ใหญ่
ล้วนพูดคุยกันถึงเรื่องราวของคนเหล่านี้
หลี่ฝางได้ยินถึงชื่อเสียงของหมีดำ เสือ ห้าวหนาน กระทั่งหวางเห้า และได้ยินจากปากของทุกคนมาหลายครั้ง แต่มีเพียงท่านจวนคนนี้ที่หลี่ฝางกลับไม่คุ้นหูอย่างมาก
ลุงเฉียนดูดบุหรี่อย่างหนัก เผยท่าทางล้ำลึกออกมา “นี่ต้องย้อนไปสามปีก่อนหน้านี้ คนแก่ชราเตรียมเข้าโลงในเมืองเอก ไปจนถึงเด็กน้อยที่เพิ่งรู้เรื่อง ไม่มีใครไม่รู้จักท่านจวน”
“ลุงเฉียน ทำไมลุงยังขี้โม้แบบคนอื่นด้วย ทำไม เขาคือฮ่องเต้เหรอ ใคร ๆ ก็รู้จักเขา?” หลี่ฝางยกมุมปากหัวเราะออกมา
ลุงเฉียนอายุปานนี้แล้ว ใครจะรู้ว่าพูดจายังไม่น่าเชื่อถือราวกับเด็กอย่างหวางเสี่ยวโก๋คนนั้น
หวางเสี่ยวโก๋ทุกครั้งที่พูดถึงคนมีอิทธิพลในเมืองเอกพวกนี้ ล้วนพูดเรื่องราวของพวกเราอย่างเกินจริง
ทุกครั้งหลังหลี่ฝางฟังจบ มักให้หวางเสี่ยวโก๋รีบไปเขียนเป็นนิยายออนไลน์ เด็กคนนี้แต่งเรื่องได้ยอดเยี่ยมเสียจริง
ใครจะรู้ ลุงเฉียนยิ่งหนักมากกว่า
ลุงเฉียนถลึงตาให้หลี่ฝางแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “เสี่ยวฝาง ลุงเคยพูดโม้กับแกเหรอ?”
“ลุงจะบอกแกให้ ท่านจวนคนนี้สามปีก่อน คือฮ่องเต้ของเมืองเอก สมัยก่อนใครไม่รู้จักฮ่องเต้ในรัชสมัยนั้น ต้องถูกตัดหัว และท่านจวนก็คือคนแบบนั้น ไม่ว่าบนดินหรือใต้ดิน หากบอกว่าไม่รู้จักท่านจวน นั่นเท่ากับต้องตาย”
หลี่ฝางยิ่งฟังยิ่งสงสัย จึงกล่าวยิ้ม ๆ ตัดบทลุงเฉียนว่า “งั้นทุกคนเห็นท่านจวน ต้องหมอบโขกหัวให้หรือเปล่า?”
“นั่นไม่จำเป็น แต่หากยั่วโมโหท่านจวนแล้ว โขกหัวไม่มีประโยชน์”
ส้าวส้วยเอ่ยคล้อยตามว่า “เถ้าแก่ ลุงเฉียนไม่ได้โม้ คุณถามใครก็ได้ ถามว่ารู้จักท่านจวนไหม พวกเขาต้องล้วนพูดว่ารู้จัก”
“เฮอะ เฮอะ ทำให้พวกลุงพูดเยินยอขนาดนี้ได้ ผมอยากเห็นว่าท่านจวน ผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์นี้เสียแล้ว”
หลี่ฝางเม้มปากยิ้ม พลันเกิดความสนใจต่อท่านจวนอย่างหนัก
คนที่ร้ายกาจขนาดนี้ หวางเสี่ยวโก๋กลับไม่เคยพูดถึงมาก่อน
นี่ทำให้หลี่ฝางรู้สึกคาดไม่ถึง
แต่ส้าวส้วยกับลุงเฉียน ไม่คล้ายล้อเล่นกับตน
“ลุงเฉียน ถ้าท่านจวนร้ายกาจขนาดที่ลุงพูดจริง ทำไมตอนนั้นเขาต้องถอนตัวด้วย ตอนนี้ทำไมจะกลับมาอีกครั้งด้วย?” หลี่ฝางถามพลางขมวดคิ้ว
“เกี่ยวกับพ่อผมใช่ไหม?” หลี่ฝางไม่ใช่คนโง่ คนยิ่งใหญ่เพียงถอนตัว น้อยมากที่จะหวนกลับมา
นอกจากมีความแค้นบัญชีเลือดต้องการจัดการ
คล้ายท่านจวนนี้ ฟังจากชื่อน่าจะอายุมากระดับหนึ่งแล้ว ยังมีความแค้นใหญ่หลวงอะไรที่ละทิ้งไม่ได้อีก
ลุงเฉียนพยักหน้า ก่อนเอ่ยว่า “เกี่ยวกับพี่ใหญ่ แต่ลุงไม่รู้ว่าคือเรื่องอะไร”
“ตอนแรกท่านจวนถอนตัว ถือว่าไร้หนทางแล้ว”
“หมดหนทาง” หลี่ฝางขมวดคิ้ว “หมายถึงอะไร คนที่ร้ายกาจขนาดนี้ ยังหมดหนทาง?”
“เสี่ยวฝาง คนเราไม่รู้จักพอ เขาลูกนี้สูงแล้วยังมีอีกลูกที่สูงกว่า แต่หากวันหนึ่ง คนคนนี้อยู่บนยอดเขาเอเวอเรสต์ ยังมีเขาที่สูงกว่าเอเวอเรสต์หรือเปล่า ไม่มีสินะ งั้นต่อจากนี้ต้องท้องฟ้าแล้ว ท่านจวนร้ายกาจยังไง สุดท้ายคือคนธรรมดา เมื่อขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่ได้ เพียงถอนตัวไป”
“ตอนนี้เขาหวนคืนกลับมา เพราะเขาน่าจะเจอเขาที่สูงกว่าแล้ว”
ลุงเฉียนลูบท้ายทอยหลี่ฝาง ก่อนเอ่ยว่า “ลุงเดาว่าพี่ใหญ่น่าจะคุยกับท่านจวนถึงเย็น เสี่ยวฝาง ไปหาที่เดินเล่นที่อื่นกับส้าวส้วยก่อนเถอะ”
เห็นชัดว่าลุงเฉียนกำลังปิดบังตน
พูดมาครึ่งวัน ล้วนไม่เอ่ยถึงความเกี่ยวข้องของท่านจวนและบิดาตน
หลี่ฝางเป็นคนอยู่เป็น เมื่อลุงเฉียนออกปากไล่ งั้นตนไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่เป็นเพื่อนเขาแล้ว
นั่งต่อไป เกรงว่าลุงเฉียนคงม่พูดข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไร
เมื่อดับบุหรี่ หลี่ฝางลุกขึ้น ก่อนกำชับลุงเฉียนประโยคหนึ่ง “ลุงเฉียน ถ้าพ่อคุยกับเทพคนนั้นเสร็จแล้ว ลุงบอกเขาด้วยล่ะ”
“ไม่ว่าผมหรือส้าวส้วย ไม่ควรเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น” หลี่ฝางเอ่ย
ส้าวส้วยได้ยินคำนี้ เอ่ยอย่างซาบซึ้งว่า “ขอบคุณเถ้าแก่ที่ห่วงใย”
“ส้าวส้วย นายอย่าคิดมากล่ะ น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่าเข้าใจไหม หากนายถูกยิงหัวไป ต่อไปใครจะคุ้มครองฉันเล่า โหจื่อเหรอ เด็กนั้นไม่ค่อยเชื่อฟังเท่าไหร่ ฉันไม่ค่อยถูกชะตากับเขา” หลี่ฝางกอดไหล่ส้าวส้วย พร้อมเอ่ยขึ้น
“เอาล่ะ ลุงจะบอกพี่ใหญ่เอง แกก็ระวังตัวด้วยถึงจะถูก หากส้าวส้วยโดนกำจัดง่ายขนาดนั้น ถือว่ามันไม่ใช่บอดี้การ์ดที่มี่ความสามารถ” ลุงเฉียนเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
ดูแล้ว ลุงเฉียนคล้ายไม่ได้กังวลเกี่ยวกับส้าวส้วย
แม้ฝีมือจะเก่งกาจ แต่ไม่อาจประมาท ยิ่งไปกว่านั้นคือปืน
ส้าวส้วยแม้จะเก่งกาจ แต่จะหลบกระสุนปืนได้หรือ?
หลี่ฝางเอียงหน้า มองส้าวส้วยอย่างจริงจัง ก่อนเอ่ยถามว่า “ส้าวส้วย ฉันถามนาย นายเร็วกว่าลูกปืนไหม?”
“ไร้สานะน่าเถ้าแก่ ผมอย่างมากแทงไม่เข้า แต่หลบลูกปืนไม่ได้”
หลังชะงัก ส้าวส้วยหัวเราะขึ้น “แต่เถ้าแก่อย่าห่วงผมเลย มู่เสี่ยวไป๋แม้หามือปืนมา ก็ฆ่าผมไม่ได้หรอก”
“เขาจะไปหามือปืนที่ไหน มือปืนมืออาชีพนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ มือปืนทั่วไปปลอมตัวไม่เนียน และอาจถูกผมมองออก ผมไม่ได้โม้ แต่บนตัวใครมีปืน ผมมองแวบเดียวก็รู้แล้ว” ส้าวส้วยเอ่ยอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม
“นี่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ถือปืน” หลี่ฝางเอ่ยหยอกเย้าขึ้น
ส้าวส้วยหัวเราะอย่างหมดคำพูด
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของส้าวส้วย หินก้อนใหญ่ในใจหลี่ฝาง ร่วงหล่นลงไป
“เถ้าแก่…”
ขณะกำลังสนทนากัน สีหน้าส้าวส้วยพลันเคร่งเครียดลง
“อะไร ดูสีหน้านายสิ เสียสติหรือไง เห็นใครพกปืนมาจริงๆ เหรอ?” หลี่ฝางถามอย่างไม่สนใจ
ใครจะรู้ ส้าวส้วยพลันพยักหน้าจริง
“แม่ง มีคนพกปืนจริง?” หลี่ฝางเพิ่งโล่งใจ พลันเครียดขึ้นมา
หลี่ฝางเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวลว่า “ตรงไหน?”
ส้าวส้วยชี้ไปที่สองเมตรด้านหน้า พร้อมเอ่ยว่า “เถ้าแก่ ดูทางนั้น”
หลี่ฝางมองตามทิศที่ส้าวส้วยชี้ไป “ไม่เห็นมีอะไร”
สายตาหลี่ฝาง มองระยะไกลไม่ได้ดีกว่าส้าวส้วย แต่ผ่านไปหลายสิบวินาที หลังคนกลุ่มนั้นเดินมาทางนี้ หลี่ฝางหรี่ตาลง ก่อนเห็นท่าทางของคนกลุ่มนั้นชัดเจน
สีหน้าหลี่ฝาง พลันเคร่งเครียดขึ้นมา
“ไหนบอกว่ามู่เสี่ยวไป๋เดาสถานะฉันออกแล้วไง ทำไมยังกล้ามาอีก?”
หลี่ฝางเอ่ยเสียงเข้มกับส้าวส้วยว่า “ส้าวส้วย นายมั่นใจว่าคนพวกนั้นมีปืน?”
“ไม่แน่ใจ แต่เป็นไปได้เจ็ดถึงแปดส่วน”
ส้าวส้วยส่ายหัว ก่อนเอ่ยว่า “คนนั้นด้านซ้ายมู่เสี่ยวไป๋ ไม่ใช่คนดี แม้ไม่ได้พกปืน ก็ยากจะจัดการ”
มู่เสี่ยวไป๋มาแล้ว
ข้างกายเขามีคนสองคนยืนขนาบซ้ายขวา
ด้านซ้ายคือเจ้าหัวแบน ด้านขวาคือชายผมยาว ทรงเดียวกับเจิ้งอีเจี้ยนราวคนเดียวกัน หลังเดินเข้าไปใกล้ หลี่ฝางเห็นหางตาเขา ยังมีรอยแผลจากคมมีด
ฝีมือมีดใครที่ร้ายกาจขนาดนี้ เฉือนบนดวงตา แต่ไม่ทำร้ายดวงตา กลับทิ้งรอยแผลไว้บนหนังตา?
ทำขึ้นเอง หรือถูกตัด?
หลี่ฝางแปลกใจ
มู่เสี่ยวไป๋เดินเข้ามาหาหลี่ฝาง สีหน้าเขาซีดเหลือง ไร้เลือดฝาด
แม้มู่เสี่ยวไป๋คนนี้จะลงจากเตียงเดินได้แล้ว แต่ร่างกายยังอ่อนแออย่างมาก
มู่เสี่ยวไป๋เดินช้าอย่างมาก เสี่ยวโจวและมือปืนคนนั้น ผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงตาม
หลี่ฝางลังเลชั่วขณะ ก่อนเดินเข้าไปต้อนรับ
มู่เสี่ยวไป๋คนนี้เห็นชัดว่ามาหาตน หากตนหมุนตัวหนีไป น่าอายมากแน่?
ไม่สู้เดินเข้าไปต้อนรับ ดูวว่าไอ้คนนี้จะทำอะไร!
หลี่ฝางเดินมาถึงด้านหน้ามู่เสี่ยวไป๋ กล่าวยิ้มๆ ว่า “มู่เสี่ยวไป๋ นายบาดเจ็บยังไม่หายดี จะรีบร้อนออกจากโรงพยาบาลทำไม ทำไม คิดถึงฉัน ต้องการพบฉันเหรอ?”
มู่เสี่ยวไป๋เลียริมฝีปาก มองสำรวจหลี่ฝาง ก่อนส่ายหน้า ดวงตาดูคล้ายสงสัย
“ฉันไม่ใช่สาวสวย นายมองฉันทำไม”
หลี่ฝางขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกไม่พอใจ
ถูกผู้ชายมองอย่างละเอียดแบบนี้ หลี่ฝางมักรู้สึกแปลกประหลาด
“เฮอะ เฮอะ ฉันแค่ไม่อยากเชื่อ”
มู่เสี่ยวไป๋ยกมุมปากขึ้น สบตาหลี่ฝางตรงๆ พร้อมเอ่ยว่า “ไม่รู้ตอนนี้ควรเรียกนาย หลี่ฝาง หรือควรเรียกนายว่าคุณชายหลี่ดี”
ประโยคเดียว ทำให้หลี่ฝางขมวดคิ้ว
ดูท่ามู่เสี่ยวไป๋คงรู้สถานะของตนแล้ว