NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 313

ตอนที่ 313

บทที่ 313 ตอนนี้ต้องกำจัดเหยสง

“เหมิงเหมิง หลี่ฝางไม่เหมือนกับหลิวจินหยาง เมื่อคืนเขานอนอยู่กับพี่น้องของเขา” หลี่ฝางยังไม่ได้เอ่ยปาก ลู่หลุ่ยตอบกลับเหมิงเหมิงไป

“หลุ่ยหลุ่ย เธอเชื่อเขาเหรอ ดูจากท่าทางเขาเมื่อกี้ ดวงตาหลุกหลิก ดูก็รู้ว่าร้อนใจ แม้เมื่อคืนเขาจะไม่ได้อยู่กับพวกผู้หญิงหน้าไม่อาย แต่ต้องอ่อยผู้หญิงแน่ ไม่งั้นทำไมเขาไม่ตอบข้อความเธอ ไม่รับวิดีโอคอลเธอ?” เหมิงเหมิงกลอกตาให้หลี่ฝางแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าดุร้าย

“เมื่อคืนมือถือฉันแบตหมด”

“แบตหมด แบตหมดนายไม่หาที่ชาร์จแบตล่ะ ทำให้หลุ่ยหลุ่ยของฉันนอนไม่หลับทั้งคืน” เหมิงเหมิงถลึงตาให้หลี่ฝางอย่างดุดัน ก่อนเอ่ยว่า “ฉันว่าพวกผู้ชายอย่างนาย จิตใจแข็งกระด้าง”

เหมิงเหมิงคนนี้เพิ่งอกหัก ฝีปากจึงราวกับกินดินปืนเข้าไป ทันใดนั้นมือถือของหลี่ฝางดังขึ้น หวางเสี่ยวโก๋โทรเข้ามา

เพียงกดรับสาย หวางเสี่ยวโก๋เอ่ยอย่างร้อนรนในสายขึ้น “หลี่ฝาง เกิดเรื่องกลับหลี่ซ่วยซ่วย นายรีบมาดูเถอะ”

“เกิดอะไรขึ้น?”

“พูดกันทางนี้ไม่สะดวก นายรีบมาเถอะ”

เมื่อได้ยินเสียงร้อนรนของหวางเสี่ยวโก๋วางสายไป หลี่ฝางวิ่งพุ่งตรงไปที่ห้องของหลี่ซ่วยซ่วย

ลู่หลุ่ยและเหมิงเหมิงก็ไล่ตามไปติดๆ

“หลี่ฝาง เกิดอะไรขึ้น?” ลู่หลุ่ยวิ่งเข้าไปเอ่ยถามหลี่ฝาง

“เพื่อนฉันคนหนึ่งเกิดเรื่อง แต่เรื่องอะไร ยังไม่แน่ใจ” หลี่ฝางวิ่งพลางเอ่ยขึ้น

“งั้นวิ่งให้เร็วขึ้นเถอะ ไปแล้วก็คงรู้”

หลี่ฝางส่งเสียงอืมคำหนึ่ง เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ไม่นานทั้งสามคนมาถึงห้องของหลี่ฝาง

เพียงเข้ามาหลี่ฝางได้กลิ่นเหล้าอบอวล

บนพื้นเกลื่อนไปด้วยขวดเหล้า มีเหล้าขาว เหล้านอก และเบียร์อีกสองลัง

“เกิดอะไรขึ้น?” หลี่ฝางจับไหล่ของหวางเสี่ยวโก๋ พร้อมเอ่ยถามขึ้น

หลังชี้ไปหลี่ซ่วยซ่วยและเลี่ยวข่ายที่นอนอยู่บนพื้น หวางเสี่ยวโก๋เอ่ยขึ้นว่า “ฉันก็ไม่แน่ใจ พอฉันมาถึงก็เป็นแบบนี้แล้ว”

“นายดูหลี่ซ่วยซ่วย…”

หวางเสี่ยวโก๋พลิกร่างกายของหลี่ซ่วยซ่วย เวลานี้ทั่วร่างหลี่ซ่วยซ่วยแดงก่ำ และยังมีผื่นแดงขึ้นมา จนทำให้ลู่หลุ่ยและเหมิงเหมิงตกใจถอยหลังไปหลายก้าว จนแทบออกนอกประตูไป

“หลี่ฝาง เขาเป็นโรคประหลาดอะไรหรือเปล่า” หลังชี้ที่หลี่ซ่วยซ่วย เหมิงเหมิงเอ่ยถามอย่างหวาดกลัว

“แพ้แอลกอฮอลล์เท่านั้น เลี่ยวข่ายล่ะ” หลี่ฝางสีหน้าขรึมลงชั่วขณะ

“ไอ้อ้วนนี่ดื่มเยอะจนหลับไป เขาไม่เป็นอะไร ตอนฉันเพิ่งเข้ามา ไอ้อ้วนนี่ยังกรนเสียงดัง แต่เรียกยังไงก็ไม่ตื่น” หวางเสี่ยวโก๋เอ่ย

หลี่ฝางขมวดคิ้วแน่น ก่อนโทรหาหมอ หลังอธิบายสถานการณ์อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นดึงคอเสื้อของเลี่ยวข่ายขึ้น โยนเขาเข้าไปในห้องน้ำ

เมื่อเปิดฝักบัว หลี่ฝางจ่อรดที่ใบหน้าของเลี่ยวข่ายอย่างหนักยกหนึ่ง

ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเลี่ยวข่ายลืมตาขึ้น เขาเงยหน้ามองหลี่ฝาง ก่อนเอ่ยเสียงดังว่า “ทำอะไรของนาย นายคิดทำให้ฉันจมน้ำตายหรือไง!”

“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?” หลี่ฝางลากเลี่ยวข่ายออกมาจากห้องน้ำ

“ซ่วยซ่วยอกหักนะสิ เขาอยากดื่มเหล้า ฉันเลยดื่มเป็นเพื่อนเขา ใครจะรู้ว่าเด็กนี่จะดื่มเก่งขนาดนี้ ระหว่างมาพวกฉันสองคนซื้อเบียร์มาสองลัง แบ่งกันคนละลัง ดื่มหมดฉันก็ไม่ไหวแล้ว แต่เขากลับราวคนไม่ได้ดื่ม ยังโวยวายจะดื่มอีก ฉันจึงสั่งเหล้าทั้งหมดในโรงแรมมา ตอนนั้นฉันดื่มจนอ้วก และยังขอร้องหลี่ซ่วยซ่วย ผลสุดท้ายไอ้เด็กนี่ร้ายกาจเกินไป ลงมือกับฉัน!”

“ฉันไม่สู้มัน เลยอยู่ดื่มเป็นเพื่อนมัน สุดท้ายดื่มไปดื่มมาก็ผล็อยหลับไป”

“แค่อกหัก ดื่มราวกับขี้เมา” หลังเหมิงเหมิงอยู่ไม่ไกลได้ยิน ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา

“เธอไม่ต้องหัวเราะคนอื่นเขา วันนั้นที่เธอออกมาจากห้องขัง สภาพเลวร้ายกว่าเขามาก” ลู่หลุ่ยเอ่ย

เหมิงเหมิงต่อมาจึงปิดปากเงียบไม่พูดจา

หลี่ฝางขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าเรื่องเมื่อคืน จะทำให้หลี่ซ่วยซ่วยเสียใจขนาดนี้

อกหักมาสามปีแล้ว คุ้มค่าหรือไม่?

หรือเพราะเห็นผู้หญิงที่ตนรัก ใช้ปากทำสิ่งนั้นให้กับคนอื่น ดังนั้นจึงกระทบจิตใจอย่างหนัก?

ไม่นาน หมอคนนั้นก็มาถึง

หลังให้น้ำเกลือ หมอเอ่ยขึ้นว่า “นี่ดูก็รู้ว่าแพ้แอลกอฮอล์ ร่างกายของเขา ความจริงอ่อนไหวต่อแอลกอฮอล์ ดื่มน้อยยังพอทนได้ แต่หากดื่มหนัก อาจมีอันตรายต่อชีวิต”

“เฮ้อ นี่คงอกหักสินะ?” หมอคนนี้แค่มองว่าคือคนที่มีประสบการณ์ มองขวดเหล้าบนพื้น เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หลี่ฝางเอ่ยถามขึ้นอีกอย่างไม่วางใจ

“ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่หลายวันนี้อาจพอได้สติ แต่ผมจะให้น้ำเกลือไว้ตลอด วางใจเถอะ ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ดูจากเหตุการณ์ เขาน่าจะบาดเจ็บมากทีเดียว แนะนำผู้หญิงให้เขาสักคนเถอะ เรื่องความรู้สึก พูดชักนำยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ใช้ของใหม่ทดแทนของเก่า นี่ถึงจะเป็นยารักษาที่ได้ผลที่สุด”

หมอเอ่ยกำชับหลายประโยค แล้วจากไป

“หลี่ซ่วยซ่วยคนโง่นี้ แค่สวะคนหนึ่ง มีค่ามากจนมันต้องทำถึงขนาดนี้เหรอ?” หวางเสี่ยวโก๋อยู่ด้านข้างด่าทอหลายประโยค

ส่วนหลี่ฝางส่ายหน้า ไม่พูดอะไร

เรื่องความรู้สึก ใครพูดไม่ได้เต็มปาก

บนโลกนี้ต่างทุกข์ทรมานเพราะความรัก สุดท้ายคนที่ทำร้ายตัวเองเพื่อความรัก มีไม่น้อยไม่ใช่หรือ?

“ฉันจะอยู่ดูแลซ่วยซ่วย พวกนายไปเที่ยวเล่นเถอะ” ทันใดนั้น เลี่ยวข่ายเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่ง จากนั้นหันกลับไปมองหลี่ซ่วยซ่วยที่นอนอยู่ด้านข้าง เปลือกตาก็เริ่มหนักอึ้ง

“ฝากซ่วยซ่วยไว้กับนาย จะให้พวกเราวางใจได้ไง?” หวางเสี่ยวโก๋ส่ายหน้า พร้อมเอ่ยอย่างไม่ยินยอม “นายง่วงขนาดนี้ รีบกลับไปนอนที่ห้องตัวเองเถอะ ฉันจะดูให้เอง”

“ช่างเถอะ ฉันจะอยู่เอง”

ทันใดนั้น เหมิงเหมิงพลันเดินเข้ามา ก่อนลากโซฟามาที่ข้างเตียง พร้อมหย่อนก้นนั่งลง

“เธอ?”

หลี่ฝางและหวางเสี่ยวโก๋ต่างตกตะลึง เพราะพบกันโดยบังเอิญ เหมิงเหมิงคนนี้ไม่ได้รู้จักหลี่ซ่วยซ่วย ทำไมจู่ๆ เธอถึงใจดี?

และเมื่อครู่ยามเห็นผื่นคันทั่วกายของหลี่ซ่วยซ่วย ตกใจจนแทบวิ่งหนี

เวลานี้กลับเอ่ยขึ้นเองว่าจะดูแลหลี่ซ่วยซ่วย นี่จึงทำให้ทุกคนต่างสงสัยขึ้นมาไม่หยุด

เมื่อนั่งอยู่ข้างหลี่ซ่วยซ่วย จู่ๆ เหมิงเหมิงยิ้มราวเสียสติ

“ฉันคิดว่าบนโลกนี้มีฉันคนเดียวที่โง่ ที่แท้ยังมีคนโง่กว่าฉัน ถึงกับดื่มจนแทบเอาชีวิตไม่รอด เอาล่ะ ฉันจะไม่ไปเดินเล่นแล้ว เห็นไอ้คนโง่นี้ จู่ๆ ฉันรู้สึกเจอสิ่งปลอบใจแล้ว” เหมิงเหมิงมองหลี่ซ่วยซ่วย กล่าวพลางหัวเราะเฮอะเฮอะ

ลู่หลุ่ยจึงดึงแขนหลี่ฝาง ก่อนลากเขาออกไป

“เพื่อนสนิทเธอสติไม่สมประกอบ จะทำได้เหรอ?” หลี่ฝางไม่วางใจ

“เหมิงเหมิงคงเห็นเงาร่างของตัวเอง ให้เธออยู่สงบสติอารมณ์ที่นี่เถอะ ความจริงหลายวันนี้ พวกเราพาเธอไปเที่ยวมาไม่น้อยแล้ว รวมทั้งสวนสนุกที่เปิดใหม่ เธอยังโดดบันจี้จัมป์ หลังโดดเสร็จพูดว่าคิดได้แล้ว ผู้ชายเลวๆ แบบนั้นไม่สมควรที่เธอจะร้องไห้ให้ แต่ตกดึกเธอยังร้องไห้จนหมอนเปียกไปหมด”

“น่าเศร้าจริงๆ” หลี่ฝางเอ่ยอย่างเห็นใจ

“ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อครู่ตอนมาฉันคล้ายเห็นหลิวจินหยางและหญิงชู้คนนั้น ห้ามให้เหมิงเหมิงเห็นพวกเขาเด็ดขาด ไม่งั้นอาจเกิดเรื่องขึ้นก็ได้ ดังนั้นให้เหมิงเหมิงอยู่ที่ห้อง ไม่ต้องออกไปไหน” ลู่หลุ่ยเอ่ย

“หมาสองตัวที่ทำให้เธอต้องโดนจับนะเหรอ พวกมันสองคนอยู่ที่ไหน?” หลี่ฝางรีบเอ่ยถามอย่างโมโห

“ช่างเถอะ อย่าก่อเรื่องอีกเลยนะ ตระกูลผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา พี่ชายเธอคล้ายชื่อหูเฟย ชาวบ้านตัวเล็กๆ อย่างพวกเรา จะไม่สู้รบกับคนพวกนั้นได้ยังไง”

“อีกอย่าง นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกเรา นายอย่ายุ่งเลย ไม่งั้นฉันคงต้องไปเยี่ยมนายที่คุก” ลู่หลุ่ยเอ่ยด้วยสีหน้าขลาดกลัว

“หูเฟย?”

เมื่อได้ยินชื่อนี้ หลี่ฝางขมวดคิ้วเบาๆ นั่นไม่ใช่พี่เขยของสวีเถิงเฟยเหรอ?

หลี่ฝางร้องฮึ พร้อมคิดในใจ หูเฟยคนนี้ ต้องกำจัดเขาถึงจะดี ไม่งั้นจะกลายเป็นตัวยุ่งยากในการกำจัดตระกูลสวี

เพิ่งออกมาจากห้องของหลี่ซ่วยซ่วย เจอกับส้าวส้วย

“เถ้าแก่ ผมหาคุณตั้งครึ่งวันแล้ว”

ส้าวส้วยเอ่ยจบ มองลู่หลุ่ยแวบหนึ่ง “เถ้าแก่เนี้ยก็มาด้วย ดีเลย ครั้งนี้ผมจะไม่คุ้มครองอยู่ข้างกายนะ ผมจะซ่อนตัวอยู่ห่างในระยะยี่สิบเมตร มีอันตรายอะไร ผมจะไปถึงทันที”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว เมื่อได้ยิน ‘อันตราย’ คำนี้ สมองของหลี่ฝางพลันปรากฏเงาของเหยสงขึ้นมา

หลี่ฝางกอดคอส้าวส้วย ก่อนลากเขามาอีกด้าน “ส้าวส้วย ฉันมีเรื่องจะปรึกษานาย”

“เถ้าแก่ พูดอะไรแบบนี้ คุณคือเถ้าแก่ ผมติดตามคุณ มีเรื่องอะไรพูดมาตรงๆ คำพูดของคุณ ก็คือคำสั่ง ผมพร้อมทำตาม ระหว่างเราสองคนไม่จำเป็นต้องปรึกษา” ส้าวส้วยเอ่ย

“ตอนนี้จัดการเหยสงเลยดีไหม?” หลี่ฝางต้องการป้องกันเรื่องไม่คาดคิดภายหลัง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท