บทที่ 313 ตอนนี้ต้องกำจัดเหยสง
“เหมิงเหมิง หลี่ฝางไม่เหมือนกับหลิวจินหยาง เมื่อคืนเขานอนอยู่กับพี่น้องของเขา” หลี่ฝางยังไม่ได้เอ่ยปาก ลู่หลุ่ยตอบกลับเหมิงเหมิงไป
“หลุ่ยหลุ่ย เธอเชื่อเขาเหรอ ดูจากท่าทางเขาเมื่อกี้ ดวงตาหลุกหลิก ดูก็รู้ว่าร้อนใจ แม้เมื่อคืนเขาจะไม่ได้อยู่กับพวกผู้หญิงหน้าไม่อาย แต่ต้องอ่อยผู้หญิงแน่ ไม่งั้นทำไมเขาไม่ตอบข้อความเธอ ไม่รับวิดีโอคอลเธอ?” เหมิงเหมิงกลอกตาให้หลี่ฝางแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าดุร้าย
“เมื่อคืนมือถือฉันแบตหมด”
“แบตหมด แบตหมดนายไม่หาที่ชาร์จแบตล่ะ ทำให้หลุ่ยหลุ่ยของฉันนอนไม่หลับทั้งคืน” เหมิงเหมิงถลึงตาให้หลี่ฝางอย่างดุดัน ก่อนเอ่ยว่า “ฉันว่าพวกผู้ชายอย่างนาย จิตใจแข็งกระด้าง”
เหมิงเหมิงคนนี้เพิ่งอกหัก ฝีปากจึงราวกับกินดินปืนเข้าไป ทันใดนั้นมือถือของหลี่ฝางดังขึ้น หวางเสี่ยวโก๋โทรเข้ามา
เพียงกดรับสาย หวางเสี่ยวโก๋เอ่ยอย่างร้อนรนในสายขึ้น “หลี่ฝาง เกิดเรื่องกลับหลี่ซ่วยซ่วย นายรีบมาดูเถอะ”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“พูดกันทางนี้ไม่สะดวก นายรีบมาเถอะ”
เมื่อได้ยินเสียงร้อนรนของหวางเสี่ยวโก๋วางสายไป หลี่ฝางวิ่งพุ่งตรงไปที่ห้องของหลี่ซ่วยซ่วย
ลู่หลุ่ยและเหมิงเหมิงก็ไล่ตามไปติดๆ
“หลี่ฝาง เกิดอะไรขึ้น?” ลู่หลุ่ยวิ่งเข้าไปเอ่ยถามหลี่ฝาง
“เพื่อนฉันคนหนึ่งเกิดเรื่อง แต่เรื่องอะไร ยังไม่แน่ใจ” หลี่ฝางวิ่งพลางเอ่ยขึ้น
“งั้นวิ่งให้เร็วขึ้นเถอะ ไปแล้วก็คงรู้”
หลี่ฝางส่งเสียงอืมคำหนึ่ง เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ไม่นานทั้งสามคนมาถึงห้องของหลี่ฝาง
เพียงเข้ามาหลี่ฝางได้กลิ่นเหล้าอบอวล
บนพื้นเกลื่อนไปด้วยขวดเหล้า มีเหล้าขาว เหล้านอก และเบียร์อีกสองลัง
“เกิดอะไรขึ้น?” หลี่ฝางจับไหล่ของหวางเสี่ยวโก๋ พร้อมเอ่ยถามขึ้น
หลังชี้ไปหลี่ซ่วยซ่วยและเลี่ยวข่ายที่นอนอยู่บนพื้น หวางเสี่ยวโก๋เอ่ยขึ้นว่า “ฉันก็ไม่แน่ใจ พอฉันมาถึงก็เป็นแบบนี้แล้ว”
“นายดูหลี่ซ่วยซ่วย…”
หวางเสี่ยวโก๋พลิกร่างกายของหลี่ซ่วยซ่วย เวลานี้ทั่วร่างหลี่ซ่วยซ่วยแดงก่ำ และยังมีผื่นแดงขึ้นมา จนทำให้ลู่หลุ่ยและเหมิงเหมิงตกใจถอยหลังไปหลายก้าว จนแทบออกนอกประตูไป
“หลี่ฝาง เขาเป็นโรคประหลาดอะไรหรือเปล่า” หลังชี้ที่หลี่ซ่วยซ่วย เหมิงเหมิงเอ่ยถามอย่างหวาดกลัว
“แพ้แอลกอฮอลล์เท่านั้น เลี่ยวข่ายล่ะ” หลี่ฝางสีหน้าขรึมลงชั่วขณะ
“ไอ้อ้วนนี่ดื่มเยอะจนหลับไป เขาไม่เป็นอะไร ตอนฉันเพิ่งเข้ามา ไอ้อ้วนนี่ยังกรนเสียงดัง แต่เรียกยังไงก็ไม่ตื่น” หวางเสี่ยวโก๋เอ่ย
หลี่ฝางขมวดคิ้วแน่น ก่อนโทรหาหมอ หลังอธิบายสถานการณ์อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นดึงคอเสื้อของเลี่ยวข่ายขึ้น โยนเขาเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่อเปิดฝักบัว หลี่ฝางจ่อรดที่ใบหน้าของเลี่ยวข่ายอย่างหนักยกหนึ่ง
ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเลี่ยวข่ายลืมตาขึ้น เขาเงยหน้ามองหลี่ฝาง ก่อนเอ่ยเสียงดังว่า “ทำอะไรของนาย นายคิดทำให้ฉันจมน้ำตายหรือไง!”
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?” หลี่ฝางลากเลี่ยวข่ายออกมาจากห้องน้ำ
“ซ่วยซ่วยอกหักนะสิ เขาอยากดื่มเหล้า ฉันเลยดื่มเป็นเพื่อนเขา ใครจะรู้ว่าเด็กนี่จะดื่มเก่งขนาดนี้ ระหว่างมาพวกฉันสองคนซื้อเบียร์มาสองลัง แบ่งกันคนละลัง ดื่มหมดฉันก็ไม่ไหวแล้ว แต่เขากลับราวคนไม่ได้ดื่ม ยังโวยวายจะดื่มอีก ฉันจึงสั่งเหล้าทั้งหมดในโรงแรมมา ตอนนั้นฉันดื่มจนอ้วก และยังขอร้องหลี่ซ่วยซ่วย ผลสุดท้ายไอ้เด็กนี่ร้ายกาจเกินไป ลงมือกับฉัน!”
“ฉันไม่สู้มัน เลยอยู่ดื่มเป็นเพื่อนมัน สุดท้ายดื่มไปดื่มมาก็ผล็อยหลับไป”
“แค่อกหัก ดื่มราวกับขี้เมา” หลังเหมิงเหมิงอยู่ไม่ไกลได้ยิน ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“เธอไม่ต้องหัวเราะคนอื่นเขา วันนั้นที่เธอออกมาจากห้องขัง สภาพเลวร้ายกว่าเขามาก” ลู่หลุ่ยเอ่ย
เหมิงเหมิงต่อมาจึงปิดปากเงียบไม่พูดจา
หลี่ฝางขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าเรื่องเมื่อคืน จะทำให้หลี่ซ่วยซ่วยเสียใจขนาดนี้
อกหักมาสามปีแล้ว คุ้มค่าหรือไม่?
หรือเพราะเห็นผู้หญิงที่ตนรัก ใช้ปากทำสิ่งนั้นให้กับคนอื่น ดังนั้นจึงกระทบจิตใจอย่างหนัก?
ไม่นาน หมอคนนั้นก็มาถึง
หลังให้น้ำเกลือ หมอเอ่ยขึ้นว่า “นี่ดูก็รู้ว่าแพ้แอลกอฮอล์ ร่างกายของเขา ความจริงอ่อนไหวต่อแอลกอฮอล์ ดื่มน้อยยังพอทนได้ แต่หากดื่มหนัก อาจมีอันตรายต่อชีวิต”
“เฮ้อ นี่คงอกหักสินะ?” หมอคนนี้แค่มองว่าคือคนที่มีประสบการณ์ มองขวดเหล้าบนพื้น เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“เขาไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หลี่ฝางเอ่ยถามขึ้นอีกอย่างไม่วางใจ
“ไม่เป็นอะไรแล้ว แต่หลายวันนี้อาจพอได้สติ แต่ผมจะให้น้ำเกลือไว้ตลอด วางใจเถอะ ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ดูจากเหตุการณ์ เขาน่าจะบาดเจ็บมากทีเดียว แนะนำผู้หญิงให้เขาสักคนเถอะ เรื่องความรู้สึก พูดชักนำยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ใช้ของใหม่ทดแทนของเก่า นี่ถึงจะเป็นยารักษาที่ได้ผลที่สุด”
หมอเอ่ยกำชับหลายประโยค แล้วจากไป
“หลี่ซ่วยซ่วยคนโง่นี้ แค่สวะคนหนึ่ง มีค่ามากจนมันต้องทำถึงขนาดนี้เหรอ?” หวางเสี่ยวโก๋อยู่ด้านข้างด่าทอหลายประโยค
ส่วนหลี่ฝางส่ายหน้า ไม่พูดอะไร
เรื่องความรู้สึก ใครพูดไม่ได้เต็มปาก
บนโลกนี้ต่างทุกข์ทรมานเพราะความรัก สุดท้ายคนที่ทำร้ายตัวเองเพื่อความรัก มีไม่น้อยไม่ใช่หรือ?
“ฉันจะอยู่ดูแลซ่วยซ่วย พวกนายไปเที่ยวเล่นเถอะ” ทันใดนั้น เลี่ยวข่ายเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่ง จากนั้นหันกลับไปมองหลี่ซ่วยซ่วยที่นอนอยู่ด้านข้าง เปลือกตาก็เริ่มหนักอึ้ง
“ฝากซ่วยซ่วยไว้กับนาย จะให้พวกเราวางใจได้ไง?” หวางเสี่ยวโก๋ส่ายหน้า พร้อมเอ่ยอย่างไม่ยินยอม “นายง่วงขนาดนี้ รีบกลับไปนอนที่ห้องตัวเองเถอะ ฉันจะดูให้เอง”
“ช่างเถอะ ฉันจะอยู่เอง”
ทันใดนั้น เหมิงเหมิงพลันเดินเข้ามา ก่อนลากโซฟามาที่ข้างเตียง พร้อมหย่อนก้นนั่งลง
“เธอ?”
หลี่ฝางและหวางเสี่ยวโก๋ต่างตกตะลึง เพราะพบกันโดยบังเอิญ เหมิงเหมิงคนนี้ไม่ได้รู้จักหลี่ซ่วยซ่วย ทำไมจู่ๆ เธอถึงใจดี?
และเมื่อครู่ยามเห็นผื่นคันทั่วกายของหลี่ซ่วยซ่วย ตกใจจนแทบวิ่งหนี
เวลานี้กลับเอ่ยขึ้นเองว่าจะดูแลหลี่ซ่วยซ่วย นี่จึงทำให้ทุกคนต่างสงสัยขึ้นมาไม่หยุด
เมื่อนั่งอยู่ข้างหลี่ซ่วยซ่วย จู่ๆ เหมิงเหมิงยิ้มราวเสียสติ
“ฉันคิดว่าบนโลกนี้มีฉันคนเดียวที่โง่ ที่แท้ยังมีคนโง่กว่าฉัน ถึงกับดื่มจนแทบเอาชีวิตไม่รอด เอาล่ะ ฉันจะไม่ไปเดินเล่นแล้ว เห็นไอ้คนโง่นี้ จู่ๆ ฉันรู้สึกเจอสิ่งปลอบใจแล้ว” เหมิงเหมิงมองหลี่ซ่วยซ่วย กล่าวพลางหัวเราะเฮอะเฮอะ
ลู่หลุ่ยจึงดึงแขนหลี่ฝาง ก่อนลากเขาออกไป
“เพื่อนสนิทเธอสติไม่สมประกอบ จะทำได้เหรอ?” หลี่ฝางไม่วางใจ
“เหมิงเหมิงคงเห็นเงาร่างของตัวเอง ให้เธออยู่สงบสติอารมณ์ที่นี่เถอะ ความจริงหลายวันนี้ พวกเราพาเธอไปเที่ยวมาไม่น้อยแล้ว รวมทั้งสวนสนุกที่เปิดใหม่ เธอยังโดดบันจี้จัมป์ หลังโดดเสร็จพูดว่าคิดได้แล้ว ผู้ชายเลวๆ แบบนั้นไม่สมควรที่เธอจะร้องไห้ให้ แต่ตกดึกเธอยังร้องไห้จนหมอนเปียกไปหมด”
“น่าเศร้าจริงๆ” หลี่ฝางเอ่ยอย่างเห็นใจ
“ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อครู่ตอนมาฉันคล้ายเห็นหลิวจินหยางและหญิงชู้คนนั้น ห้ามให้เหมิงเหมิงเห็นพวกเขาเด็ดขาด ไม่งั้นอาจเกิดเรื่องขึ้นก็ได้ ดังนั้นให้เหมิงเหมิงอยู่ที่ห้อง ไม่ต้องออกไปไหน” ลู่หลุ่ยเอ่ย
“หมาสองตัวที่ทำให้เธอต้องโดนจับนะเหรอ พวกมันสองคนอยู่ที่ไหน?” หลี่ฝางรีบเอ่ยถามอย่างโมโห
“ช่างเถอะ อย่าก่อเรื่องอีกเลยนะ ตระกูลผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา พี่ชายเธอคล้ายชื่อหูเฟย ชาวบ้านตัวเล็กๆ อย่างพวกเรา จะไม่สู้รบกับคนพวกนั้นได้ยังไง”
“อีกอย่าง นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกเรา นายอย่ายุ่งเลย ไม่งั้นฉันคงต้องไปเยี่ยมนายที่คุก” ลู่หลุ่ยเอ่ยด้วยสีหน้าขลาดกลัว
“หูเฟย?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ หลี่ฝางขมวดคิ้วเบาๆ นั่นไม่ใช่พี่เขยของสวีเถิงเฟยเหรอ?
หลี่ฝางร้องฮึ พร้อมคิดในใจ หูเฟยคนนี้ ต้องกำจัดเขาถึงจะดี ไม่งั้นจะกลายเป็นตัวยุ่งยากในการกำจัดตระกูลสวี
เพิ่งออกมาจากห้องของหลี่ซ่วยซ่วย เจอกับส้าวส้วย
“เถ้าแก่ ผมหาคุณตั้งครึ่งวันแล้ว”
ส้าวส้วยเอ่ยจบ มองลู่หลุ่ยแวบหนึ่ง “เถ้าแก่เนี้ยก็มาด้วย ดีเลย ครั้งนี้ผมจะไม่คุ้มครองอยู่ข้างกายนะ ผมจะซ่อนตัวอยู่ห่างในระยะยี่สิบเมตร มีอันตรายอะไร ผมจะไปถึงทันที”
หลี่ฝางขมวดคิ้ว เมื่อได้ยิน ‘อันตราย’ คำนี้ สมองของหลี่ฝางพลันปรากฏเงาของเหยสงขึ้นมา
หลี่ฝางกอดคอส้าวส้วย ก่อนลากเขามาอีกด้าน “ส้าวส้วย ฉันมีเรื่องจะปรึกษานาย”
“เถ้าแก่ พูดอะไรแบบนี้ คุณคือเถ้าแก่ ผมติดตามคุณ มีเรื่องอะไรพูดมาตรงๆ คำพูดของคุณ ก็คือคำสั่ง ผมพร้อมทำตาม ระหว่างเราสองคนไม่จำเป็นต้องปรึกษา” ส้าวส้วยเอ่ย
“ตอนนี้จัดการเหยสงเลยดีไหม?” หลี่ฝางต้องการป้องกันเรื่องไม่คาดคิดภายหลัง