NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 322

ตอนที่ 322

บทที่ 322 ส้าวส้วยเป็นอาจารย์ของนาย?

“นายเป็นใคร?” ลู่เชาชะงักไป ก่อนจะถามอย่างอารมณ์เสีย

“จำผมไม่ได้แล้วหรือ? ผมเป็นแฟนของลู่หลุ่ย….วันรายงานตัว คุณเป็นคนพาผมไปที่อาคารหอพัก”

หลี่ฝางเอ่ยเตือนขึ้น ลู่เชาก็จำได้ทันที “ฮ่าฮ่า ที่แท้ก็นายนี่เอง เจ้าเศรษฐี นายไม่ติดต่อฉันมาเลย ฉันก็เกือบลืมนายไปแล้ว”

หลี่ฝางไม่พูดพร่ำใดๆ เขาเปิด WeChat และโอนเงินหนึ่งพันไปยังลู่เชาทันที

“ผมโอนเงินให้คุณหนึ่งพันใน WeChat คุณรับไว้เถอะ ผมอยากถามสักหน่อย แผนกกระจายเสียงของพวกคุณมีจัดกิจกรรมอะไรหรือเปล่า?” หลี่ฝางอย่างรีบร้อน

“เจ้าเศรษฐี ล้อเล่นอะไรกัน นี่มันช่วงวันหยุด จะมามีงานกิจกรรมอะไรอีก? ถ้าจะมีก็เป็นกิจกรรมที่กลุ่มจัดกันเองไปเที่ยวปิกนิกในฤดูใบไม้ผลิ”

ในใจของหลี่ฝางจมดิ่งลงอย่างกะทันหัน

ลู่หลุ่ยเป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบเก็บตัว กิจกรรมเข้าสังคมกลางแจ้งเช่นการออกไปเที่ยวและปิกนิก อย่าว่าแต่เธอจัดกลุ่มเลย แม้แต่เข้าร่วมยังไม่มีทางเข้าร่วมแน่

เห็นชัดว่า เหมิงเหมิงโกหก

เหมิงเหมิงต้องรู้แน่ว่าลู่หลุ่ยไปไหน และไปทำอะไร อีกทั้งเรื่องนี้ ตนเองรู้เข้าจะต้องไม่พอใจแน่

ไม่อย่างนั้นลู่หลุ่ยคงจะไม่ปิดบังตน ส่วนเหมิงเหมิงเองก็ไม่จำเป็นต้องโกหกแทนลู่หลุ่ยแบบนี้

“ขอบคุณคุณแล้ว” หลี่ฝางขอบคุณเขาก่อนจะตัดสินใจวางสาย

“เจ้าเศรษฐี เรื่องแค่นี้ นายก็ให้เงินฉันหนึ่งพันหยวนแล้ว? นี่ออกจะมากไปหน่อยรึเปล่า” ลู่เชารู้สึกผิดที่ได้รับมาเพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้พูดข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใด ๆ ออกไป

หนึ่งพันได้มาง่ายขนาดนี้เชียว?

ให้ตาย คนรวยมักจะเอาแต่ใจแบบนี้หรือไงกัน?

“ฉันจะให้เงินคุณอีกหนึ่งพัน ช่วยเป็นธุระให้ผมสักหน่อย ว่าลู่หลุ่ยกลับไปที่มหาลัยแล้วหรือยัง รบกวนคุณแล้ว” หลังจากวางสาย หลี่ฝางก็โอนเงินอีกหนึ่งพันหยวนให้กับลู่เชา

ลู่เชาเห็นข้อมูลการโอนเงินก็ถึงกับกลืนน้ำลาย

เสียงเพี้ยะดังขึ้น ลู่เชาตบตัวเองเข้าฉาดหนึ่ง

“ลู่เชา นี่นายบ้าไปแล้วหรือไง? ตีตัวเองทำไม เสียงดัง!” เพื่อนร่วมห้องของลู่เชาพูดติดตลก

“ออกไปทำธุระกับฉันหน่อย วันนี้ฉันเรื่องหม้อไฟพวกนาย ร้องเพลง…” ลู่เชาได้เงินสองพันหยวนมาฟรีๆ และเปลี่ยนเป็นใจป้ำขึ้นมาทันที

“ฆ่าคนวางเพลิงเรื่องพวกนี้ฉันไม่ทำนะเว้ย”

“ฉันเองก็ไม่ไป คนขี้เหนียวอย่างนาย จะมาเลี้ยงข้าวเลี้ยงคาราโอเกะ จะต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ จะให้พวกเราไปทำอะไรก็ไม่รู้”

“ไม่ได้ฆ่าคนวางเพลิง แค่ช่วยฉันไปดูหน่อยว่าลู่หลุ่ยอยู่ในมหาลัยรึเปล่า”

“ลู่หลุ่ย ดาวคณะคนนั้น?”

“ง่ายๆ แค่นั้นเองหรือ?”

“ใช่ พี่น้องทั้งหลาย ไปกัน….”

……

“เกิดอะไรขึ้น?”

ฉินวี่เฟยมองไปที่สีหน้าผิดปกติของหลี่ฝาง เลยถามอย่างเป็นห่วง

“ลู่หลุ่ยไปแล้ว”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ในใจเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง

คำโกหกของเหมิงเหมิง ประกอบกับคำพูดของลู่หลุ่ย ทำให้หลี่ฝางมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีเกิดขึ้น

ถ้าลู่หลุ่ยเกิดเรื่องจริงๆ เธอสามารถเผชิญหน้ากับเขาบอกเขาได้ อย่างน้อยๆ ตนเองก็จะได้ไปส่งเธอ

“ทำไมถึงไปแล้วล่ะ?” ฉินวี่เฟยถามต่อ

“ฉันเองก็ไม่รู้ แถมตอนนี้ยังปิดเครื่องด้วย ส่งข้อความใน wechatไปก็ไม่ตอบกลับ… ฉินวี่เฟย สถานการณ์แบบนี้ ฉันกำลังถูกสวมเขาอยู่รึเปล่า?” หลี่ฝางกัดริมฝีปากของเขาและสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง

“ลู่หลุ่ยไม่ใช่คนแบบนั้น จุดนี้นายวางใจได้” แม้ว่าฉินวี่เฟยจะมีเวลารู้จักกับลู่หลุ่ยเพียงหนึ่งวัน แต่ก็รู้สึกว่าลู่หลุ่ยเป็นคนที่ไม่เลว

ถึงขนาดที่ เวลาอยู่ต่อหน้าลู่หลุ่ย ฉินวี่เฟยยังรู้สึกละอายใจขึ้นมาเล็กน้อย

ท้ายที่สุดแล้ว ตนเองก็คือมือที่สาม

ตนมีความสัมพันธ์กับหลี่ฝาง แถมยังแกล้งทำเป็นคู่รัก

เมื่อมองไปทางด้านที่ลู่หลุ่ย เธอกลับคิดจะเป็นเพื่อนกับตนเอง?

ฉินวี่เฟยคิดแล้วก็ไม่ค่อยสบายใจ หากลู่หลุ่ยกลายเป็นพี่น้องที่ดีของตนเองขึ้นมา วันหน้าตนเองจะเผชิญหน้ากับเธอได้อย่างไรกัน?

หลี่ฝางถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะเอ่ย “อันที่จริงฉันเองก็รู้ดี ลู่หลุ่ยไม่ใช่คนใจโลเลแบบนั้น แต่ครั้งนี้ พฤติกรรมของเธอผิดปกติเกินไป แถมเพื่อนสนิทของเธอก็ช่วยเธอโกหกฉัน พวกเธอรวมตัวกันหลอกลวงฉัน จะต้องมีอะไรอยู่ในเรื่องนี้แน่”

“ไม่ได้การ ฉันจะต้องไปถามเหมิงเหมิงให้ชัดเจน”

ขณะที่หลี่ฝางเพิ่งเดินไปได้ครึ่งทาง ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

หลี่ฝางดีใจขึ้นมาทันที เขาคิดว่าลู่หลุ่ยโทรกลับมาหาตัวเอง แต่ไม่คาดคิดว่าพอเปิดโทรศัพท์มือถือมากลับเป็นลุงเฉียนที่โทรมา

เขากดปุ่มรับสาย ลุงเฉียนเอ่ย “เสี่ยวฝาง ลูกพี่ใหญ่อยากเจอนาย นายมาที่นี่หน่อยเถอะ”

“ตอนนี้?”

หลี่ฝางลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “รอผมอีกหน่อยได้ไหม”

“ผมมีธุระส่วนตัวนิดหน่อยที่ต้องจัดการ”

“สำคัญหรือเปล่า? ถ้าไม่สำคัญ นายค่อยจัดการธุระนั่นเถอะ ลูกพี่ใหญ่ค่อนข้างยุ่ง..”

ไม่รอให้ลุงเฉียนพูดจบ หลี่ฝางขัดจังหวะเขาขึ้นมา “ได้ งั้นผมจะไปเดี๋ยวนี้”

หลี่ฝางคิด อันที่จริงหาเหมิงเหมิงไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เหมิงเหมิงเป็นพวกเดียวกับลู่หลุ่ย เมื่อครู่เธอโกหกขึ้นมาแล้ว อย่างนั้นย่อมต้องโกหกไปต่อจนถึงที่สุดแน่

เธอเป็นเพื่อนสนิทของลู่หลุ่ย หลี่ฝางเองก็ไม่สามารถทรมานเธอเพื่อบังคับให้สารภาพได้

เธอไม่อยากจะบอก ตนเองก็ทำอะไรเธอไม่ได้

ดังนั้น หลี่ฝางจึงตัดสินใจไม่ไป

การดำเนินธุรกิจยังคงเป็นสิ่งสำคัญ

มู่เสี่ยวไป๋ท้าทายเขาถึงหน้าประตูอย่างเปิดเผย ตนเองสมควรปรึกษากับพ่อของตนสักหน่อยว่าควรจะตอบสนองกลับอย่างไร

ไม่กี่อึดใจ หลี่ฝางก็มาหาหลี่ต๋าคาง

เมื่อครู่ จากปากของลุงเฉียนและส้าวส้วย ฉันได้ยินมาว่าท่านจวนผู้นั้นลึกลับมาก หลี่ฝางคิดว่าเขาจะได้เห็นท่านเทพผู้สูงส่งคนนั้นกับตาตนเอง แต่คิดไม่ถึงว่าพอถึงที่วิลล่า กลับเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยเข้าให้

มีเพียงโหจื่อและพ่อของเขาอยู่ที่นั่น

ลุงเฉียนอยู่ด้านนอกประตู จ้องมองไปที่ยังรอบด้านด้วยหางตา

หลี่ต๋าคางเงยหน้าขึ้นมองหลี่ฝางและเรียกให้เขานั่งลง “ฉันได้ยินเหล่าเฉียนเล่าว่า มู่เสี่ยวไป๋ซื้อปืนมาหลายกระบอก ใช่ไหม?”

หลี่ฝางพยักหน้า

“ข่าวมาจากไหน? แม่นยำรึเปล่า?” หลี่ต๋าคางขมวดคิ้ว

“มาจากคนฝั่งมู่เสี่ยวไป๋ ข่าวนี้แม่นยำแน่” หลี่ฝางพยักหน้า

หลี่ต๋าคางมองไปที่หลี่ฝางอย่างแปลกใจ “ทางฝั่งมู่เสี่ยวไป๋มีสายลับของนายอยู่?”

“ไม่ถือว่าเป็นสายลับ แต่เป็นพี่ชายคนหนึ่ง ชื่อจางกงหมิง พ่อ พ่อน่าจะยังจำเขาได้?” หลี่ฝางยิ้มและช่วยหลี่ต๋าคางฟื้นความจำ

หลี่ต๋าคางพยักหน้า บอกว่าจำได้ จากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ

ในเวลานั้นเอง โหจื่อก็ยิ้มและพูดขึ้นมาว่า “ลูกพี่ใหญ่ เรื่องนี้ให้ผมจัดการเถอะ”

“ได้” หลี่ต๋าคางพยักหน้า

โหจื่อแสยะยิ้มและเอ่ยถาม “ลูกพี่ใหญ่ ฆ่าได้ไหม?”

โหจื่อเลิกคิ้ว เลียริมฝีปากจองตน หลี่ฝางมองไปที่โหจื่อ รู้สึกราวกับเขาเป็นสัตว์ประหลาดกระหายเลือด

อะไรคือความสนุกที่ได้ฆ่าคน?

หากไม่เข้าตาจน ใครกันจะอยากไปฆ่าคน

แต่เมื่อฟังคำพูดของโหจื่อ อยากจะซ่าคนจริงๆ

“นอกจากมู่เสี่ยวไป๋ จะฆ่าใครก็ได้” หลี่ต๋าคางพยักหน้าอย่างเรียบๆ

“ไม่ได้ฆ่าคนมาตั้งนาน คันไม้คันมือจะตายอยู่แล้ว” สีหน้าของโหจื่อดูตื่นเต้นอยู่บ้าง

“ให้มันเพลาๆ หน่อยเถอะนาย ครั้งที่แล้วกลุ่มเด็กแว้นก็มีคนตายไปตั้งเท่าไหร่ ไม่ใช่ตายในเงื้อมมือนายหรือไง? ทำไม จะบอกว่าตนเองไม่ได้ทำ?” ส้าวส้วยส่ายหัวขึ้นมาและกลอกตาใส่โหจื่อ

“เก็บอารมณ์ของนายเอาไว้ ที่นี่ไม่ใช่ต่างประเทศ”

“โชคดีที่ครั้งที่แล้วพวกที่นายเอาจนตายล้วนเป็นพวกอาชญากรก็เลยไม่มีใครติดใจสืบสาวเอาความ ไม่อย่างนั้น…” ส้าวส้วยถอนหายใจ “นายจะสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับลูกพี่ใหญ่”

หลี่ต๋าคางไม่พูดและยังคงนิ่งเงียบ

หลี่ฝางแต่เดิมคิดว่าด้วยนิสัยของโหจื่อ ส้าวส้วยบ่นด่าเขาแบบนี้เขาจะต้องระเบิดอารมณ์ขึ้นมาอย่างแน่นอน

แต่ใครจะรู้ว่า ครั้งนี้โหจื่อกลับอ่อนโยนอย่างยิ่ง

โหจื่อแค่เบ้ปากเล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่มีการตอบโต้กลับใด ๆ

“ลูกพี่ใหญ่ คู่ต่อสู้ครั้งนี้ไม่ง่าย เกรงว่าโหจื่อจะไม่สามารถรับมือได้”

ส้าวส้วยเปิดปากอีกครั้งพูดและเอ่ยกับหลี่ต๋าคาง “ผมเคยสบตากับเขา เขาไม่กลัวผม”

“อ้อ…….”

หลี่ต๋าคางได้ยินดังนั้นสีหน้าก็สนุกขึ้นมาเล็กน้อย เขายิ้มก่อนจะหันไปมองส้าวส้วย “ความหมายของนายก็คือ ตระกูลมู่เชิญปรมาจารย์แบบนายมา?”

“อืม” ส้าวส้วยพยักหน้า สีหน้าเคร่งขรึม

หลี่ต๋าคางกลับส่ายหัวและแค่นเสียงออกมา “อาศัยแค่ความแข็งแกร่งอย่างตระกูลมู่ พวกเขาไม่สามารถจ้างปรมาจารย์มาได้แน่ ดูท่า จะมีใครบางคนช่วยตระกูลมู่รับมือกับพวกเราอยู่”

“โหจื่อ ครั้งนี้นายไม่ต้องไปแล้ว” หลี่ต๋าคางเหลือบมองไปที่โหจื่อและเอ่ยขึ้น

“อาจารย์ คุณมองพลาดไปรึเปล่า?”

โหจื่อมีท่าทางไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที เขามองที่ส้าวส้วยและเอ่ยถาม “อาศัยตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลมู่ จะไปเชิญปรมาจารย์ที่ไหนมาได้?”

“อาจารย์?”

หลี่ฝางอึ้งไปชั่วขณะ เขามองไปที่โหจื่อ “โหจื่อ นายเรียกส้าวส้วยว่าอะไรนะ?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท