NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 327

ตอนที่ 327

บทที่ 327 อัดมู่เสี่ยวไป๋

ก่อนหน้านี้หลี่ฝางคิดว่ามู่เสี่ยวไป๋เป็นพวกหนุ่มรักเดียวใจเดียว ภักดีต่อหลินชิงชิงไม่ว่อกแว่ก

แต่เมื่อครู่ มู่เสี่ยวไป๋ไม่เพียงแต่ตบก้นของเหยนเสี่ยวน่าต่อหน้าตน แต่ยังคิดจะครอบครองเธอด้วย ในตอนนั้นหลี่ฝางก็เปลี่ยนความคิดของเขาทันที

“มู่เสี่ยวไป๋ นายทำให้ฉันผิดหวังอย่างมาก” หลี่ฝางเดินไปที่ด้านข้างของมู่เสี่ยวไป๋ ในมือถือเข็มขัดเอาไว้ ก่อนจะพูดกับมู่เสี่ยวไป๋อย่างเย็นชา

มู่เสี่ยวไป๋กลืนน้ำลาย ทั้งร่างตัวสั่นไปหมดด้วยความกลัว

มู่เสี่ยวไป๋รู้อย่างแจ่มแจ้งจนถึงก้นบึ้งในใจ หลี่ฝางไม่กลัวเขาเลยสักนิด

ครั้งที่แล้ว หลี่ฝางก็เกือบจะแทงมู่เสี่ยวไป๋ตายแล้วไม่ใช่หรือไง?

มู่เสี่ยวไป๋ก้าวถอยและนั่งลงไปบนเตียง ก่อนจะพยายามลุกขึ้นหนี

“ไอ้ลามกนี่ เมื่อกี้กีบเท้าของแกไปตบโดนอะไร?” หลี่ฝางกระโดดขึ้นไปบนเตียงและเหยียบลงบนมือของมู่เสี่ยวไป๋

พูดไป หลี่ฝางก็ฟาดเข็มขัดลงบนใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ทันที ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋เกิดเป็นรอยแดงขึ้นมาแถบหนึ่ง

มู่เสี่ยวไป๋เอามือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดหน้าไว้ เขาขมวดคิ้ว “หลี่ฝาง แกอย่าให้มันมากเกินไป ถึงยังไง ฉันก็เป็นถึงคุณชายใหญ่ของตระกูลมู่”

“คุณชายใหญ่ตระกูลมู่ นายนี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”

“เก่งกาจ เก่งกาจ!”

หลี่ฝางพูดพร้อมถอนหายใจ ก่อนจะยกแขนขึ้น ก่อนจะฟาดใส่มู่เสี่ยวไป๋อีกสองที

“ฉันก็เป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลหลี่!” หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เอาสถานะพังๆ นั่นมาขู่ฉันให้มันน้อยๆ หน่อย นายคิดว่าฉันจะกลัวนายหรือไง?” หลี่ฝางรู้สึกว่านี่น่าขันอยู่บ้าง

มู่เสี่ยวไป๋อันที่จริงทำพลาดไปแล้ว

เขาคิดว่าตนเองฉลาดอย่างยิ่ง เรียกหมาทิเบตันให้หลอกทำให้ตนและส้าวส้วยสับสน ก่อนจะให้เจ้าหัวแบนไปจับตัวฉินวี่เฟยเอาไว้

“ฉันถามนาย นายจับตัวฉินวี่เฟยเอาไว้ทำไม? นายจะทำอะไรกับเธอ?” หลี่ฝางถามอย่างเย็นชา

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เอ่ยพูด ทันใดนั้นหลี่ฝางก็ฟาดเข็มขัดลงที่ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ “มาตอนนี้นายยังจะมาทำสีหน้าอะไรใส่ฉันอีก นายมองไม่เห็นว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงใช่ไหม? ฉันจะบอกนายให้ หมาทิเบตันและเสี่ยวโจว ไม่มีใครมาสนใจนายแล้ว ถ้านายทำให้ฉันโกรธสุดๆ ขึ้นมา วันนี้ฉันจะให้นายตายอยู่ที่นี่!”

“หมาทิเบตัน?”

สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋เปลี่ยนไป เขาถามอย่างประหลาดใจ “แกรู้ได้อย่างไรว่าเขามีชื่อเรียกว่าหมาทิเบตัน?”

“ไอ้เชี่ยเอ๊ย ดูถูกอำนาจตระกูลหลี่มากเกินไปหน่อยมั้ง? ก็แค่ขยะชิ้นหนึ่ง นายคิดว่าพวกฉันจะสืบหาไม่เจอหรือไง?” หลี่ฝางแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “ฉันจะบอกให้ หมาทิเบตันนั่นถ้าเทียบกับฝั่งฉัน แม้กระทั่งพวกลูกน้องตัวน้อยๆ ของฉันเขายังจัดการไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้านายไม่เชื่อ ก็ลองไปดูให้ดีๆ ได้”

“นายคิดว่าอาศัยแค่หมาทิเบตันก็สามารถฆ่าส้าวส้วยได้? คิดอะไรอยู่น่ะ?” หลี่ฝางหัวเราะขึ้นมา

เสียงเพี้ยะดังขึ้น หลี่ฝางฟาดเข็มขัดลงที่ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ “รีบตอบคำถามของฉันมา จับฉินวี่เฟยไปทำไม?”

“ทำไมแกต้องฟาดหน้าอยู่ได้? เมื่อกี้ฉันฟาดใส่แขนของเหยนเสี่ยวน่า ถ้าแกแก้แค้นแทนเธอ แกก็ควรปาดใส่แขนฉันถึงจะถูก” มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วพูดอย่างอับจนหนทาง

“ฉันเห็นหน้านายแล้วหงุดหงิด รู้ไหม ฉันเกลียดผู้ชายที่ดูหล่อกว่าฉัน เข้าใจรึเปล่า?” หลี่ฝางหัวเราะเยาะ จากนั้นจึงสะบัดเข็มขัดลงที่ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋อีกสองที

มู่เสี่ยวไป๋หมดคำพูดใด ๆ เกิดมาหล่อ ก็เป็นความผิดหรือไงกัน?

หลี่ฝางโมโหอยู่บ้าง “ฉันถามนาย นายหูหนวกหรือไง? ฉันจะถามนายครั้งสุดท้าย นายจับฉินวี่เฟยไปทำไม ถ้ายังไม่พูด ฉันจะทำลายหน้าแกซะ”

หลังจากถูกฟาดมาหลายครั้ง มู่เสี่ยวไป๋ก็เริ่มเจ็บแล้วจำขึ้นมาเช่นกัน

มู่เสี่ยวไป๋เก่งในการเล่นกับจิตใจและเล่นลูกไม้ แต่เทียบกับคนที่หน้าด้าน ไร้ยางอายอย่างหลี่ฝางแล้ว ความเคยชินพวกนี้กลับทำให้เกิดเป็นเรื่องยากที่จะโจมตีทางจิตวิทยาได้…ดังนั้นมู่เสี่ยวไป๋จึงไม่มีผลเลยสักนิด

อันที่จริง หลี่ฝางหน้าด้านอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือยากแค่ไหน เขาก็ล้วนสามารถทำให้อีกฝ่ายอับจนปัญญาขึ้นมาได้

บางที นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของหลี่ฝาง

ในช่วงสามปีของโรงเรียนมัธยมปลาย หลี่ฝางถูกคนมากมายรังแกและได้รับความลำบากอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเกิดเป็นวิธีของเขาขึ้นมา

นั่นคือการใช้ความทรมานขัดเกลาคุณจากเบาไปหนัก

มู่เสี่ยวไป๋มองไปที่หลี่ฝางและพูดว่า “บอกกับแกตามตรง พอได้ยินว่าฉินวี่เฟยและแกกลับไปที่วิลล่าตอนดึกดื่น ฉันไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่ยังดีใจอีกด้วย ผู้หญิงอย่างฉินวี่เฟย วันๆ เอาแต่แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ฉันคิดจะหาธาตุแท้ของเธอมาตั้งนานแล้วแต่ก็แค่ยังหาไม่เจอ”

“ใครจะไปรู้ เมื่อเช้านี้มีปาปารัสซี่มาติดต่อฉัน บอกว่ามีหลักฐานว่าฉินวี่เฟยนอกใจ ตอนนี้ฉันก็ยังไม่เชื่อ คิดว่าผู้หญิงอย่างฉินวี่เฟย เกิดในครอบครัวตระกูลฉินแบบนั้น อีกทั้งยังใกล้จะถึงงานหมั้นแล้วด้วย ทำไมถึงได้นอกใจ?”

“อย่างไรก็ตาม ฉันก็ยังคิดจะลองดูท่าที ก็เลยตอบรับเจอหน้ากับพวกเขา ฉันพิสูจน์แล้ว รูปภาพที่เขาถ่าย ไม่ได้มีการตัดต่อ ฉินวี่เฟยนอกใจจริงๆ แถมยังเป็นกับแกด้วย”

“เมื่อกี้ตอนที่ฉันไปหาฉินวี่เฟย ฉันก็เข้าใจแล้วว่า แต่เดิม เธอเองก็ไม่อยากแต่งงานกับฉัน ดังนั้นก็เลยไปอยู่กับแก หลี่ฝาง แกตื่นเถอะ แกคิดว่าฉินวี่เฟยรักแกจริงๆ หรือไง เธอก็แค่เห็นแก่ตัวตนของแก และต้องการใช้เพื่อกำจัดฉันก็เท่านั้น”

หลี่ฝางพยักหน้าและพูดเรียบๆ “ฉันรู้ ฉินวี่เฟยก็บอกกับฉันแล้ว ว่าเธอแค่ใช้ประโยชน์จากฉัน”

“แกรู้?” มู่เสี่ยวไป๋มีสีหน้าไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง “นี่แกถึงขนาดเต็มใจที่จะให้ผู้หญิงสารเลวนั่นหลอกใช้?”

“แม่งเอ้ย แกต่างหากที่สารเลว”

หลี่ฝางฟาดเข็มขัดเข้าอย่างแรงลงบนศีรษะของมู่เสี่ยวไป๋ มู่เสี่ยวไป๋กัดฟันด้วยความเจ็บ

หลี่ฝางเข้าใจขึ้นมาในทันทีว่า มู่เสี่ยวไป๋คิดไปว่าหลี่ฝางชอบฉินวี่เฟยจริงๆ ดังนั้นถึงได้คิดจะพาตัวฉินวี่เฟยไปเพื่อให้หลี่ฝางเสียใจ

แต่ความจริงแล้ว ต่อให้หลี่ฝางจะไม่ได้รู้สึกเสียใจ แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้มู่เสี่ยวไป๋ไปฉินวี่เฟยไปได้

“กลับไปบอกปู่ของนาย ให้เขารีบไปขอตระกูลฉินถอนหมั้น ได้ยินไหม?” หลี่ฝางเอ่ยเตือนพร้อมชี้ไปที่จมูกของมู่เสี่ยวไป๋

“แม่เจ้าโว้ย ยังไม่รีบรับปากอีก?”

หลี่ฝางเห็นว่ามู่เสี่ยวไป๋ไม่ตอบสนอง ดังนั้นจึงยกเข็มขัดในมือขึ้นทันที

“รับปากแล้ว ฉันรับปาก!” มู่เสี่ยวไป๋รีบขอความเมตตาทันที หากยังโดนฟาดต่อไปอีก ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเห็นทีคงเสียโฉมแน่

“มา สาบานให้ฉันฟัง”

หลี่ฝางเริ่มบีบบังคับให้มู่เสี่ยวไป๋เอ่ยสาบานหลังจากที่มู่เสี่ยวไป๋สาบานเสร็จ หลี่ฝางถึงค่อยลุกขึ้น

เมื่อเดินออกมาจากห้อง ก็เห็นว่าเหยนเสี่ยวน่ากำลังยืนอยู่ข้างนอก

“หลี่ฝาง นายไม่ได้ทำอะไรกับเขาใช่ไหม?” เหยนเสี่ยวน่าถามอย่างกังวล

“ทำไม เธอเป็นอะไรถึงได้เป็นห่วงเขานัก? ชอบไอ้สุนัขตัวนี้หรือไง” หลี่ฝางถามอย่างไม่สบอารมณ์

“ไม่ใช่ โรงกลั่นเหล้าของพ่อฉัน ทุกปีจะต้องได้รับการตรวจสอบจากสำนักตรวจสอบคุณภาพ ส่วนผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบคุณภาพก็มีความสัมพันธ์กับตระกูลมู่อย่างมาก หากฉันไปทำให้มู่เสี่ยวไป๋ขุ่นเคืองเข้า เขาเอ่ยแค่ประโยคเดียว โรงกลั่นเหล้าของเราก็จะถูกปิดทันที” เหยนเสี่ยวน่ากัดริมฝีปากของเธอและพูดอย่างลนลาน

“นั่นเป็นแหล่งรายได้เดียวของตระกูลเรา หากโรงกลั่นเหล้าเจ๊งขึ้นมา ตระกูลของเราก็จะจบเห่ พ่อของฉันยังเป็นหนี้เงินกู้ธนาคารอีกตั้งเยอะ”

หลี่ฝางตบไหล่เหยนเสี่ยวน่า เขาเอ่ย “เอาเถอะ เธอกลัวอะไรกัน มีฉันอยู่ไม่ใช่หรือไง? ถ้าโรงกลั่นเหล้าของบ้านเธอมีเรื่องอะไร ฉันจะรับผิดชอบเอง พอใจไหม?”

ก็แค่โรงกลั่นเหล้าพังๆ ไม่ใช่หรือไง ต่อให้หลี่ฝางต้องซื้อโรงกลั่นเหล้าของตระกูลเหยน ก็ยังไม่เป็นปัญหาเลยสักนิด!

“ไป ไปดูพวกวี่เฟย”

เดินไปไม่กี่ก้าว พวกเขาก็มาถึงห้องชุดของฉินวี่เฟย

ในเวลานี้ฉินวี่เฟยถูกมัดมือมัดเท้าติดอยู่กับเตียง ในปากมีรอยเลือดแห้งกรัง บนใบหน้า เต็มไปด้วยรอยฝ่ามือทั้งห้านิ้วอย่างชัดเจน

ส่วนกระโปรงสีขาวหิมะของเธอก็เต็มไปด้วยรอยเท้า

หลี่ฝางเห็นฉากนี้เข้า ใบหน้าของเขาก็เหี้ยมเกรียมขึ้นมาทันที หวางเสี่ยวโก๋และเลี่ยวข่ายล้วนนอนอยู่ที่พื้น ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”

“เสี่ยวโจวเป็นคนทำ?”

หลี่ฝางขมวดคิ้วอย่างไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง

เสี่ยวโจวลงมือโหดร้ายขนาดนี้ได้ยังไงกัน

หลี่ฝางรีบช่วยฉินวี่เฟยปลดเชือกออกก่อน และถามอย่างปวดใจ “เป็นมู่เสี่ยวไป๋ที่ตบตีเธอหรือ?”

ฉินวี่เฟยพยักหน้าเล็กน้อยและกระซิบเสียงอืมตอบรับ

“ไอ้เวรนี่ ฉันจะฆ่ามัน!” หลี่ฝางพูดพลางกัดฟัน

“อย่าไป…ช่างเถอะ”

ฉินวี่เฟยดึงแขนของหลี่ฝางไว้และเอ่ย “เขารู้เรื่องของพวกเราแล้ว เขาตีฉันก็ถูก”

“ถูกอะไรกัน ฉินวี่เฟย เธออย่าลืม เธอยังไม่ได้หมั้นกับเขา ตอนนี้พวกเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน ต่อให้พวกเราคบกันอย่างเปิดเผยขึ้นมา เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาโมโห ต่อให้เขาโมโห ฉันก็จะฟาดเขาให้ตาย ไม่ได้การ ฉันจะต้องไปฟาดเขาให้ตายซะตั้งแต่ตอนนี้เลย”

หลี่ฝางไม่สนใจต่อการขัดขวางของฉินวี่เฟย และหันหลังเดินกลับไปหามู่เสี่ยวไป๋

แม้ว่าฉินวี่เฟยจะไม่ต้องการให้หลี่ฝางไปหามู่เสี่ยวไป๋เพื่อแก้แค้น แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เขาปกป้องตน ในใจของเธอก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่ง

ในขณะนี้ ในใจของฉินวี่เฟยรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

หลี่ฝางวิ่งกลับไป ในขณะที่กำลังจะไปคิดบัญชีกับมู่เสี่ยวไป๋ ก็เห็นว่ามู่เสี่ยวไป๋กำลังหลบหนีไปพอดี

มู่เสี่ยวไป๋ดูเหมือนจะคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว ว่าเมื่อหลี่ฝางเห็นสภาพของฉินวี่เฟยเข้า จะต้องกลับมาแก้แค้นตัวเองอย่างแน่นอน ดังนั้น หลี่ฝางเพิ่งจะลุกจากไป มู่เสี่ยวไป๋ก็เริ่มหนีทันที

หลี่ฝางไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังจะไล่ตามมู่เสี่ยวไป๋ไป เขากลับเห็นการต่อสู้ของเจ้าหัวแบนและโหจื่อพอดี

ไม่คิดเลยว่านานขนาดนี้แล้ว โหจื่อและเจ้าหัวแบนยังสู้กันอยู่อีก อีกทั้งยังไม่ได้มีใครแพ้ชนะ

ในเวลานี้ ทั้งโหจื่อและเจ้าหัวแบนล้วนมีบาดแผลบนตัว

หลังจากมู่เสี่ยวไป๋วิ่งเข้ามา เขาก็ด่าเจ้าหัวแบนอย่างโมโห “ไอ้เอ่ย คิดจะให้แม่เฒ่านั่นตายใช่ไหม?”

“มาจัดการให้ฉันเดี๋ยวนี้!”

หลี่ฝางเข้าไปและใช้เท้าเตะมู่เสี่ยวไป๋จนพลิกคว่ำลงไปบนพื้น “หุบปาก ได้ยินไหม?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท