NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 341

ตอนที่ 341

บทที่341 หักหน้า

ตระกูลหลี่ไม่มีห้าร้อยล้านเหรอ?

คำตอบคือมี

สถานตากอากาศลงทุนไปหลายหมื่นล้าน เกือบจะสองหมื่นล้าน

สวนสนุกลงทุนไปแปดพันกว่าล้าน

ผับลงทุนไปสองพันกว่าล้าน

หลี่ต๋าคางก่อตั้งสร้างลานกว้างสาธารณะขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า บ้านพักคนชรา สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โรงเรียนประถมเป็นต้น ให้ตงไห่ที่เป็นบ้านเกิดฟรี ……

เงินลงทุนมากขนาดนี้ ใช้เงินตัวเองออกเองหมด ไม่ได้กู้จากธนาคารเลย

ตงไห่เป็นแค่เมืองระดับจังหวัดเล็กๆเท่านั้น ใครจะกล้าจ่ายเงินลงทุนสามหมื่นล้านไปที่เมืองระดับจังหวัด?

ทั้งประเทศนอกจากหลี่ต๋าคาง ก็ไม่มีใครแล้ว

คนแบบนี้ ต้องมีทรัพย์สมบัติมากแค่ไหน?

ไม่ต่ำกว่าแสนล้าน หรืออาจมากกว่านั้น

หลี่ต๋าคางยิ้มนิดๆ มองมู่เจิ้งถังแล้วพูด:“คุณไม่คิดว่าความน่าสงสัยของตัวเองน่าตลกมากเหรอ?”

“เทียบกับผมแล้ว อย่างมากคุณก็เป็นได้แค่คนขอข้าวกิน คุณสงสัยว่าผมปล้นเงินคุณไป ก็เท่ากับสงสัยว่าผมแย่งกล่องข้าวในมือขอทานไป ผมต้องทำขนาดนั้นเหรอ ผมแย่ขนาดนั้นเหรอ?”หลี่ต๋าคางยืนขึ้น สองมือพาดหลัง ยืดอก มองมู่เจิ้งถังจากมุมสูงลงไป

มู่เจิ้งถังกัดฟันอย่างโมโห:“คุณ!คุณเห็นผมเป็นขอทานเหรอ?”

“ผมเรียกคุณว่าท่านมู่เพราะเคารพคุณ เห็นคุณเป็นแขกสำคัญของสถานตากอากาศ แต่ถ้าคุณเอาความเคารพของผมไปวางท่าให้ได้ใจมากขึ้น คิดว่าผมกลัวคุณล่ะก็ นั่นมันผิดมหันต์เลยแหละ”

“ผมบอกคุณนะ มู่เจิ้งถัง คุณจะไปทำเรื่องดุเดือด เบ่งอำนาจในที่อื่น ผมไม่สน แต่คุณมาตบโต๊ะในที่ของผม ผมบอกได้แค่ เลือกผิดที่แล้ว”

“เบิกตาคุณแล้วคอยดูดีๆซะ นี่คือที่ที่คุณหักหน้าได้ไหม?”

หลี่ต๋าคางทำเสียงฮึดฮัด มองไปที่มู่เจิ้งถังอย่างเย็นชา:“ทำไม ไม่เชื่อ?”

“ผมจะชี้ทางคุณหน่อยละกัน ให้แสงสว่างต่อคุณ หลานชายคุณมีคุณธรรมอะไรกัน คุณไม่มีจิตใจเลยหรือไง?ถึงคุณหนูตระกูลฉินไม่ฟ้องว่าหลานชายคุณขืนใจ บุกรุกเข้าห้องชุดส่วนตัวของเธอ จู่โจมแขกของสถานตากอากาศผม ผมก็มีอำนาจปฏิบัติต่อเขาเหมือนโจร ที่กระทำผิดกฎหมาย มีอำนาจทำร้ายเขา”

ประโยคนี้หลี่ต๋าคางพูดจบ มู่เจิ้งถังก็โกรธจนตัวสั่น

มู่เจิ้งถังหยิบยาบำรุงหัวใจที่ทำขึ้นเองมาเม็ดหนึ่งจากกระเป๋าตัวเอง รีบเอาเข้าปากของตัวเอง

“น้ำ น้ำ น้ำ……”มู่เจิ้งถังตะโกนอย่างร้อนใจ

ลุงเฉียนกลอกตาใส่มู่เจิ้งถัง:“อยู่นี่ ยังเห็นตัวเองเป็นคุณชายอีก อยากดื่มน้ำก็ไปเทเอง ที่นี่ไม่มีคนปฏิบัติคุณหรอก”

เดิมทียังมีมู่เสี่ยวไป๋คนหนึ่งที่ยอมเทน้ำให้มู่เจิ้งถัง

แต่เมื่อครู่ เพื่อให้ฉินวี่เฟยหายโกรธ มู่เจิ้งถังถึงกับต้องตบตีหลานชายไปยกใหญ่

ตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋ยืนยังลำบาก อย่าว่าแต่เทน้ำให้มู่เจิ้งถังเลย

พูดถึง ในใจของมู่เสี่ยวไป๋ก็หดหู่มาก

สามารถออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดได้ ตอนที่ลงจากเตียงแล้วเดินได้ เขาดีใจกว่าใครทั้งนั้น

ตอนนี้เอง เขาจึงตระหนักได้ว่า ตัวเองดีใจเร็วไปแล้ว

ตัวเองหาเหาใส่หัวมาที่สถานตากอากาศเอง ถูกหักขา ถูกตัดหู ถูกปู่ตบตี ทั้งหมดนี้ สบายกว่านอนบนเตียงคนป่วยตรงไหน?

นิ่งไปแป๊บเดียว มู่เจิ้งถังได้แต่เทน้ำให้ตัวเองแก้วหนึ่งด้วยตัวเขาเอง

แต่ตอนที่จะดื่ม โหจื่อจู่ๆกลับวิ่งเข้ามา แย่งแก้วน้ำไป ด่าอย่างเย็นชา:“ไอ้แก่สารเลว แม่เอ๊ยอยากตายใช่ไหม ใช้แก้วน้ำผมไปดื่มน้ำ?ถามความเห็นผมยัง?”

“คุณอายุขนาดนี้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจมีโรคติดต่ออะไรหรอกนะ!”

โหจื่อพูดจบ เสียงดังปังขึ้นมาทำแก้วน้ำที่พื้น แตกกระจาย

การกระทำแบบนี้ เท่ากับกำลังดูหมิ่นมู่เจิ้งถังอย่างหนัก

หลี่ต๋าคางรังแกมู่เจิ้งถังก็ว่าไปแล้ว นี่โหจื่อบอดี้การ์ดคนหนึ่ง ทำไมไม่เห็นมู่เจิ้งถังในสายตาเลย

มู่เจิ้งถังน้อยใจหน่อยๆ ตัวเองหัวหน้าตระกูลมู่ที่สง่างาม ถูกปฏิบัติอย่างเหี้ยมโหดเช่นนี้?

แม้แต่น้ำก็ยังไม่ให้กิน!

มู่เจิ้งถังกลืนยาใส่ปากลงไป จ้องโหจื่อกับหลี่ต๋าคางและคนอื่นๆอย่างเย็นชา

“ท่านหลี่ พวกเรามาคอยดูกัน”

อยู่ใต้ชายคา จำเป็นต้องก้มหัวให้

ที่นี่คือถิ่นของหลี่ต๋าคาง ในใจของมู่เจิ้งถังรู้ดี ที่นี่ ตัวเองต่อรองไม่ได้สักครึ่งเดียว

“ทำไม ขู่ผม?”หลี่ต๋าคางขำแห้งๆออกมา มองมู่เจิ้งถัง:“คุณมีอำนาจมาสู้ผมด้วยเหรอ?ผมแนะนำให้คุณหยุดเถอะ อย่าเป็นปืนให้คนพวกนั้น อย่างแรก ปืนคุณนี้สู้ผมไม่ได้เลย อย่างที่สอง คนพวกนั้นฝีมือร้ายกาจมากกว่าที่คุณคิดไว้ ระวังเถอะแม้แต่กระดูกชิ้นสุดท้ายก็อาจถูกพวกเขาจัดการด้วย”

สีหน้ามู่เจิ้งถังเปลี่ยน มองหลี่ต๋าคางอย่างตะลึงหน่อยๆ

“ไม่จำเป็นต้องให้คุณมาห่วงใยหรอก”มู่เจิ้งถังทำเสียงฮึดฮัด หมุนตัวพูดกับมู่เสี่ยวไป๋:“เสี่ยวไป๋ พวกเราไปเถอะ”

มู่เสี่ยวไป๋ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก มาตรงหน้ามู่เจิ้งถัง ปู่หลานสองคนเดินไปหน้าประตู โหจื่อกลับพูด:“ให้พวกคุณไปหรือยัง?”

“พวกคุณจะเอาอะไรอีก?”มู่เจิ้งถังมองโหจื่ออย่างเยือกเย็น:“อย่างคุณ หรือว่าอยากเก็บผมไว้?”

“ผมกลับไม่คิดที่จะเก็บคุณไว้ แต่หลานชายคุณทำเรื่องแย่มากมายขนาดนั้น คุณบอกไปก็ไป คุณคิดว่าคุณเป็นตำรวจเหรอ?”

“ขาของหลานชายผมถูกหักไป พวกคุณคิดจะทำไง?”มู่เจิ้งถังทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ

“ขาของหลานชายคุณถูกหัก เพราะเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง สมควรแล้ว ถ้าคุณไม่พอใจ ก็ไปแจ้งความฟ้องพวกผมได้เลย ยังไงซะในมือผมก็มีหลักฐานที่หลานชายคุณกระทำผิด”โหจื่อหัวเราะหึๆ

มู่เจิ้งถังหัวเราะเหอะๆ มองฉินวี่เฟย:“สาวน้อย คุณจะช่วยพวกเขาฟ้องเสี่ยวไป๋เหรอ?”

ฉินวี่เฟยก้มหน้าลง ไม่กล้าเงยมองมู่เจิ้งถัง และก็ไม่ได้ตอบคำถามเขา

มู่เจิ้งถังเสียงหม่นลง ถามต่อ:“สาวน้อย เสี่ยวไป๋เป็นคู่หมั้นของคุณ สองวันนี้คุณสองคนก็จะหมั้นกันแล้ว คุณจะฟ้องว่าคู่หมั้นคุณขืนใจเหรอ?”

ฉินวี่เฟยยังไม่พูดสักคำ หลี่ฝางที่อยู่ข้างๆกลับหัวเราะ พูดว่า:“ท่านมู่ มีประโยคหนึ่งคุณไม่เคยได้ยินเหรอ?ไม่พูดก็หมายความว่ายอมรับ คุณรู้ไหมว่าหลานชายระยำแค่ไหน?เขาต่อยไปที่หน้าของฉินวี่เฟย ตอนนั้น เขาเห็นตัวเองเป็นคู่หมั้นของฉินวี่เฟยหรือยัง?”

“หลี่ฝาง ทำไมผมต้องทำร้ายฉินวี่เฟย คนอื่นไม่รู้ หรือว่าคุณไม่รู้เหรอไง?”

มู่เสี่ยวไป๋เอามือล้วงไปในกระเป๋า หยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา เปิดอัลบั้มของตัวเอง:“ปู่ ดูสิ……”

มู่เจิ้งถังก้มหน้ามองไป:“เสี่ยวไป๋ คุณให้ปู่มองอะไร?”

เห็นแค่ ในอัลบั้มโทรศัพท์ของมู่เสี่ยวไป๋ ว่างเปล่า ไม่มีอะไร

สีหน้ามู่เสี่ยวไป๋ตะลึงไป จากนั้น เขาเงยหน้ามองโหจื่อ

“คุณทำเหรอ?”มู่เสี่ยวไป๋มองโหจื่ออย่างเย็นชา ถามไป

เมื่อกี๊ในมือของมู่เสี่ยวไป๋ที่ชั้นใต้ดิน โทรศัพท์ของเขา ต่างอยู่ในมือของโหจื่อหมด

เวลานี้เอง โทรศัพท์ของมู่เสี่ยวไป๋ ถูกฟอร์แมตจนไม่เหลืออะไรอีก

อัลบั้ม สมุดโทรศัพท์ ……ต่างถูกโหจื่อลบหมด

โหจื่อไม่มีทางยอมรับ เขาหัวเราะเหอะๆ เดินเข้ามา:“คุณชายมู่ ผมทำอะไร?”

“คุณยังจะเสแสร้งอีก คุณลบอัลบั้มรูปโทรศัพท์ผม!”มู่เสี่ยวไป๋พูดเสียงดัง

“คุณชายมู่ คุณจะปรักปรำผมมั่วๆไม่ได้นะ ผมเคยแตะโทรศัพท์คุณ แต่ไม่เคยลบอะไรของคุณ โทรศัพท์คุณ ต้องสแกนรอยนิ้วมือ นอกจากคุณ จะมีใครเปิดได้?”

โหจื่อพูดยิ้มๆ

ทางที่พามู่เสี่ยวไป๋ไปในห้องใต้ดิน โหจื่อตีจนมู่เสี่ยวไป๋สลบ จุดประสงค์ก็เพื่อไม่ให้เขาจำเส้นทางของสถานตากอากาศได้

และก็ตอนนั้นเอง โหจื่อใช้โทรศัพท์มู่เสี่ยวไป๋ปลดล็อก จากนั้นก็ฟอร์แมตข้อความทั้งหมดของเขา

แน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นหลี่ฝางกำชับให้เขาทำแบบนั้น

“ปู่ เมื่อคืนฉินวี่เฟยตามหลี่ฝางเข้าไปในวิลล่า แล้วก็ไม่ออกมาอีกเลย ……”

มู่เสี่ยวไป๋มองฉินวี่เฟย กัดฟันพูด:“ปู่ สวะแบบนี้ คู่ควรที่จะเข้าตระกูลใหญ่ของตระกูลมู่พวกเราเหรอ?”

“โหจื่อ ตบเขา”

ได้ยินคำว่า‘สวะ’สองคำนี้ หลี่ฝางก็ไม่พอใจ

“ครับ”

โหจื่อหัวเราะหึหึ รีบเดินเข้ามา ยกแขนขึ้นตบไปที่หน้าของมู่เสี่ยวไป๋

จากนั้นก็มีเสียงดังแปะ มุมปากของมู่เสี่ยวไป๋ เลือดซิบออกมา

มู่เจิ้งถังขมวดคิ้ว ต่อหน้าเขา ไปตบหลานชายเขา นี่มันไม่เคารพตัวเองเกินไปแล้ว?

“ท่านหลี่ พวกคุณคือคนของสถานตากอากาศ นี่คือคุณธรรมที่นี่เหรอ?”มู่เจิ้งถังหันไปมองที่หลี่ต๋าคาง

และหลี่ต๋าคางตอนนี้ ก็หลับไปที่โต๊ะประชุมไปนานแล้ว หลับอย่างขี้เซา

หลายวันนี้ หลี่ต๋าคางเหนื่อยมาก เขาไม่ได้พักผ่อนนานแล้ว

“พ่อผมหลับไปแล้ว สถานตากอากาศนั่นคือที่รับผิดชอบของผม ท่านมู่ ดูแลปากหลานชายคุณดีๆ บอกว่าใครสวะเหรอ?คุณหนูฉินเป็นแขกสำคัญของสถานตากอากาศพวกเรา นี่ดูหมิ่นแขกสำคัญของสถานตากอากาศเรา ตบคุณไปทีหนึ่งก็ถือว่าน้อยไปแล้ว”

“แล้วก็นะ มู่เสี่ยวไป๋ คุณบอกว่าเมื่อคืนผมกับคุณหนูฉินเข้าไปในวิลล่าห้องหนึ่ง คุณมีหลักฐานไหม?”

“ถ้าคุณไม่มีหลักฐาน อย่าพูดมั่วซั่ว ผมยังไม่บอกเลย คุณอย่าทำลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูฉินให้มัวหมอง”หลี่ฝางมองมู่เสี่ยวไป๋ หัวเราะอย่างขี้เล่น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท