NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 396

ตอนที่ 396

บทที่ 396 คนใหญ่คนโต

ในตอนนั้น ส้งเคอและคนอื่นๆ ก็เริ่มมีความรู้สึกละอายใจเล็กน้อย

“เมื่อคืนได้ยินมาว่าที่สโมสรเจียงหนานมีคุณชายหลี่ท่านนึงปรากฏตัว แล้วจ่ายบิลให้ทั้งร้าน กินไปเต็มๆ สิบสามล้าน พวกนายเดาดู คุณชายหลี่คนนั้นจะใช่คุณชายตระกูลหลี่มั้ย?” หวงเจ๋พูดแบบคาดเดา

“นั่นยังต้องถามอีกเหรอ? นอกจากคุณชายตระกูลหลี่ ยังมีใครที่จะอู้ฟู่แบบนี้อีก?” ส้งเคอหัวเราะ พลางพูด

ที่จริงคำตอบนั้นชัดเจนอยู่แล้ว

นอกจากคุณชายตระกูลหลี่ที่บ้านพักตากอากาศแล้ว เกรงว่าจะไม่มีคนที่สองแล้ว

“คุณชายหลี่คนนี้ฟุ่มเฟือยจริงๆ ปีๆนึงฉันกินดื่มเที่ยวเล่น บวกกับซื้อรถ ก็ใช้เงินแค่ไม่กี่ล้าน เขาถือว่าดี แค่คืนเดียวก็ใช้เงินทิ้งไปสิบสามล้าน” ส้งเคอถอนหายใจ รู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างมากระหว่างตนกับหลี่ฝาง

“คนตระกูลหลี่ร่ำรวยหลายแสนล้าน ตระกูลนายมีเงินเท่าไหร่เอง มีไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของเขาด้วยซ้ำ ยังจะไปเทียบกับคุณชายหลี่? ไปเอาความกล้ามาจากไหนหะ” หวงเจ๋พูดล้อเลียนส้งเคอไปหนึ่งที แล้วเดินขึ้นไป

“ใช่แล้ว หยูเถิงบอกว่าจะแนะนำเพื่อนใหม่ให้พวกเรารู้จัก พวกนายรู้มั้ยว่าเป็นใคร?”

“ไม่รู้สิ ไอ้หยูเถิงคนนี้ ยังจะมาเล่นลับลมคมในกับพวกเราอีก ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร ก็เรียกพวกเรามาแล้ว แต่ว่าเท่าที่ฟัง เหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตนะ!”

“หรือว่าจะเป็นสี่คุณชายแห่งเมืองหลวงเซี่ยจือชิว? ฉันได้ยินมาว่าเซี่ยจือชิวกับหยูเถิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน คราวที่แล้วรถที่โผล่มาบนภูเขาหมาป่า ขับลัมโบร์กีนีคันนั้น ก็คือเซี่ยจือชิว”

“เหอะๆ เดินทางมาไกลจนถึงเมืองเอก ขับลัมโบร์กีนี แต่กลับแพ้ให้รถMustang? น่าขายหน้าจริงๆ ” จางเฉียงหัวเราะเยาะเย้ย

“หุบปากเถอะ จางเฉียง ฉันจะบอกนายให้ คนฝั่งเมืองหลวง พวกเรายุ่งไม่ไหวนะ พูดลับหลังเขา เข้าใจมั้ย?” หวงเจ๋มองจางเฉียง แล้วพูดตักเตือน

“ปากอย่างนายนี่นะ ต้องเกิดเรื่องเข้าสักวัน” ส้งเคอตำหนิจางเฉียง

จางเฉียงปากพล่อยจนชิน หลังจากถูกด่าไปสองคำ ก็หน้าแดง

เขารู้ว่าส้งเคอกับหวงเจ๋หวังดีต่อเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ถือสา

ถึงยังไง ถ้าคำพูดนี้ไปเข้าหูของเซี่ยจือชิวละก็ งั้นตนก็คง ตายแน่ๆ

ขณะที่พูดกัน คนพวกนี้ก็เดินมาถึงหน้าห้องวีไอพี

ส้งเคอล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาหยูเถิง: “หยูเถิง นายถึงไหนแล้ว? พวกเราถึงกันหมดแล้ว”

“รอฉันหน้าห้องแป๊บ สองนาที”

“งั้นนายก็รีบหน่อย” ส้งเคอเริ่มหมดความอดทน

ส้งเคอและคนอื่นๆ ไม่ได้สนใจเรื่องทานอาหารเลย พวกเขาโตกว่าหยูเถิงหลายปี จบมหาลัยมานานแล้ว และเริ่มเข้ามารับช่วงธุรกิจของครอบครัว

ในวันนี้ พวกเขาสนใจแค่เรื่องธุรกิจกับหาเงิน

แทนที่จะมามัวเสียเวลาทานอาหารอยู่ที่นี่ พวกเขาไปหาสาวฝรั่งสวยๆหุ่นดีหรือว่านางแบบ แล้วหาบ้านซักหลัง ไปมั่วเซ็กส์ยังจะดีกว่า

ปังปังปัง!

หลังจากนั้นห้านาที หยูเถิงก็ปรากฏตัวต่อหน้าส้งเคอและคนอื่นๆ

ที่จริงแล้วระหว่างหยูเถิงกับส้งเคอและคนอื่นๆ ความสัมพันธ์ไม่ค่อยได้ลึกซึ้งอะไรมากนัก อย่างมากก็ถือว่าเป็นคนในสังคมเดียวกัน ถือว่าเป็นคนรู้จักกันแค่นั้น

แต่หยูเถิงอยากจะเกี่ยวดองกับพวกเขา และสนิทกับพวกเขามากขึ้น

ถึงยังไง สำหรับพวกเขา มีเพื่อนเพิ่มก็ถือว่ามีลู่ทางเพิ่มขึ้นใช่มั้ย?

“สองนาทีไม่ใช่เหรอ? นี่มันห้านาทีแล้ว ไม่รู้จักเวลาเหรอ?” เฝิงจื่อหลินขมวดคิ้ว และพูดอย่างไม่ค่อยแฮปปี้

นี่มันคุณชายเฝิงไม่ใช่เหรอ ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศนี่เป็นครั้งที่ได้เจอเลย ทำไม ยังจำน้องชายคนนี้ได้มั้ย?”

“พวกเราไม่ใช่ว่าไม่ได้เป็นเพื่อนกันในวีแชท วันๆ นายเอาแต่โพสต์อวด จะลืมได้ยังไง?” เฝิงจื่อหลินประชดไปหนึ่งคำ

“เหอะๆ ไป ฉันจะพาพวกนายไปรู้จักคนใหญ่คนโต”

“บอกมาก่อน ว่าใคร ให้พวกเราได้เตรียมตัวเตรียมใจก่อน จะได้ไม่หน้ามืด ทำเขาไม่พอใจ” ส้งเคอพูดอย่างระวัง

“เหอๆ พูดตามตรง ฉันก็รู้เรื่องเขาไม่ค่อยดีนักหรอก……”

เมื่อได้ยินแบบนี้ หวงเจ๋ก็เริ่มไม่พอใจแล้ว: “แม้แต่ที่มาของเขานายยังไม่ค่อยรู้ แล้วยังจะมาแนะนำให้พวกฉันรู้จัก? นายล้อพวกฉันเล่นหรือไงเหนี่ย?”

“จะกล้าได้ยังไง เขามีรถปอร์เช่ 918 รถคันนี้ยี่สิบกว่าล้าน พูดไปพูดมา ก็ไม่ใช่อะไรพิเศษ แต่ว่าป้ายทะเบียนรถของเขา คือเก้าห้าตัว” หยูเถิงพูด พลางยักคิ้ว

“เก้าห้าตัว?”

ในตอนนั้น ใบหน้าของหวงเจ๋ส้งเคอและคนอื่นๆ ทั้งหมดก็แสดงให้เห็นถึงความตกใจ

เก้าห้าตัว นั่นมีความหมายว่าเลขของจักรพรรดิ

ทั้งเมืองเอก ในตอนนี้คนที่เคยใช้ป้ายทะเบียนนี้ มีแค่คนเดียว นั่นก็คือท่านจวน

ท่านจวนเป็นคนใหญ่คนโตแบบไหน ส้งเคอและคนอื่นๆ ก็รู้ดีกว่าใคร

แม้ว่าท่านจวนจะปลีกวิเวกไปหลายปีแล้ว แต่ตำนานของเขา ยังคงเป็นที่เล่าขานกันในเมืองเอก

เขาคือคนที่สามารถครอบคลุมท้องฟ้าครึ่งนึงของเมืองเอกได้ ด้วยพลังของตัวเองคนเดียว

มีแค่คนประเภทนี้ ถึงจะมีค่าพอที่จะใช้ป้ายทะเบียนเก้าห้าตัวของจักรพรรดิได้

แต่ในวันนี้ ป้ายทะเบียนรถนั่นกลับมาอยู่ที่รถของคนหนุ่มคนนึง?

เลขป้ายทะเบียนรถนี้ทำเอาส้งเคอและคนอื่นๆ ตกตะลึง กว่ารถปอร์เช่ 918 มาก

“เป็นรถของท่านจวนในตอนนั้นใช่มั้ย?” ส้งเคอทำสีหน้าสงสัย และถามหยูเถิงเสียงเบา

“ใช่แล้ว” หยูเถิงพยักหน้า

“ดังนั้นฉันถึงบอกว่า ฉันเดาพื้นเพของเขาไม่ถูก……ฮี่ฮี่ ฉันได้ยินมาบ้างว่า คนนั้นชื่อว่าลู่เชา จากที่ฉันคาดเดา มันน่าจะเป็นนามแฝง เขาเกิดที่เมืองเล็กๆ ใกล้ๆ เมืองเอก พ่อเป็นคนงานเหมือง ปัจจุบันเป็นคนงาน อยู่ในโรงงาน แล้วก็อีกไม่กี่เดือนก็จะปลดเกษียณแล้ว”

“พวกนายก็เคยได้ยิน ลูกชายของสี่ตระกูลใหญ่ ถูกส่งออกมาฝึกประสบการณ์ตั้งแต่เกิด เมื่อไหร่ที่ผ่านการทดสอบของตระกูล จึงจะสามารถมีสิทธิ์ควบคุมเงินทองที่มหาศาลและอำนาจของตระกูลได้ ฉันคิดว่า ลู่เชาคนนี้มีลักษณะแบบนั้นนะ” หยูเถิงพูดคาดเดา

ส้งเคอกับหวงเจ๋และคนอื่นๆ มองกันไป มองกันมา จนเริ่มขี้ขลาด

ถึงแม้พวกเขาจะเป็นลูกคนรวย แต่เมื่อเทียบกับลูกมหาเศรษฐีพวกนั้น พวกเขานั้นดูอ่อนไปเลย

“ไปเถอะ ฉันคิดว่าลู่เชาคนนี้ เข้าถึงได้ง่ายอยู่นะ” หยูเถิงเปิดประตู แล้วเดินเข้าไป

ในตอนนั้นลู่เชา ก็รออยู่นานแล้ว

และก็เริ่มหิวแล้ว จึงสั่งไข่เจียวผัดมะเขือเทศ แล้วก็มันฝรั่งเส้นเปรี้ยวเผ็ด มากินเองก่อน

“เอ่อ……คุณชายหยู ท่านมาแล้วเหรอ”

ลู่เชาเป็นแค่คนขี้แพ้ ต่อหน้าหยูเถิง ก็ต้องนอบน้อมเป็นธรรมดา

“พี่เชา ขอโทษด้วย เรามาช้าแล้ว นี่……ท่านหิวแล้วใช่มั้ย?”

หยูเถิงเรียกพนักงานมาทันที แล้วเริ่มสั่งอาหาร หอยเป๋าฮื้อ กุ้งล็อบสเตอร์ อาหารหรูหราต่างๆ หยูเถิงก็สั่งมาอย่างละชุด

ส้งเคอและคนอื่นๆ ก็กินของพวกนี้จนชิน แต่ลู่เชาแค่ได้ยินชื่อพวกนี้ ก็น้ำลายไหลแล้ว

ลู่เชาลุกขึ้น แล้วรินชาให้ส้งเคอหวงเจ๋และคนอื่นๆ นี่ทำให้ส้งเคอและคนอื่นๆ ตกใจหมด ตกใจจนลุกขึ้นพรวด แล้วรีบห้ามลู่เชา

“พี่เชา ท่านรีบนั่งก่อน ท่านรินชาให้ พวกเราก็ไม่กล้าดื่มหรอกครับ”

ส้งเคอและคนอื่นๆ ทำสีหน้าทั้งกระอักกระอ่วนและกลัวพลางพูด: “ท่านนั่งเถอะ ผมรินให้”

“เอ่อ?”

ลู่เชาชะงักอยู่ครู่ คนพวกนี้ เป็นคนของตระกูลที่ร่ำรวยในเมืองเอก ให้พวกเขารินน้ำให้ตนแบบนี้ ลู่เชาก็ตื่นเต้นนะ

ที่จริง โรงแรมว่างโก๋ ทุกห้องวีไอพีจะมีพนักงานเฉพาะคอยดูแลอยู่ แต่เมื่อครู่ หยูเถิงไปหล่อนออกไปก่อน

ในตอนนี้ หยูเถิงลุกขึ้นแล้วพูด: “หน้าที่รินชารินน้ำ ฉันหาคนไว้แล้ว”

“พวกนายรอก่อนนะ ฉันจะไปเรียกมาเดี๋ยวนี้”

หยูเถิงก็คิดถึงหวางเสี่ยวโก๋กับหลี่ฝางทันที

เรียกหวางเสี่ยวโก๋กับหลี่ฝางมา นั่นไม่ใช่ดูถูกพวกเขาหรอกเหรอ?

วันนี้ โอกาสมาถึงแล้ว

หยูเถิงลงไปข้างล่าง มาที่ห้องธรรมดา ตอนที่เจอหลี่ฝาง หลี่ฝางกำลังเปิดขวดเหล้า

ในมือของหลี่ฝาง กำลังถือLafiteขวดนึงอยู่ ส่วนในมือของหวางเสี่ยวโก๋ ก็กำลังถือขวดเหมาไถอยู่

“พวกนาย……พวกนายบ้าไปแล้วเหรอ เปิดเหล้าแพงขนาดนั้น?”

เมื่อเห็นฉากนี้ หยูเถิงในตอนนั้นก็แทบกระอักเลือด

Lafiteขวดนี้สองหมื่นกว่าเหรียญ ส่วนเหมาไถขวดนั้นก็ขวดละสองพันกว่าเหรียญ และบนโต๊ะนี้ มีเหมาไถและLafite วางไว้อยู่แล้วอย่างละสามขวด ทั้งหมดเปิดไว้หมดแล้ว

บวกกับสองขวดในมือของหลี่ฝางกับหวางเสี่ยวโก๋ นับรวมกัน แค่เงินค่าเหล้าก็เกือบแสนเหรียญแล้ว

หยูเถิงขมวดคิ้ว พลางมองหวางเสี่ยวโก๋กับหลี่ฝาง: “พวกนายจงใจใช่มั้ย?”

“ปกติแล้วพวกเราก็ดื่มเหล้าแพงแบบนี้อยู่แล้วนี่” หวางเสี่ยวโก๋ยิ้มนิ่งๆ พลางมองหยูเถิงอย่างติดตลก

“ทำไม หัวหน้าห้องเลี้ยงไม่ไหวเหรอ?”

“หัวหน้าห้อง กินข้าว มีที่ไหนจะไม่ดื่มเหล้ากัน ดื่มขวดสองขวดจะเป็นอะไรไป?”

หลี่ฝางกับหวางเสี่ยวโก๋พูดผสมโรง

หยูเถิงหน้าซีด และมีความรู้สึกว่าถอยไม่ได้เล็กน้อย

“ช่างเถอะ ดื่มก็ดื่มไปเถอะ” หยูเถิงพูดแบบฝืนๆ พูดไปแล้ว ก็คืนคำไม่ได้ใช่มั้ย?

“พวกนายสองคนมากับฉัน ฉันพาพวกนายขึ้นไปนั่งกินที่ห้องวีไอพี” หยูเถิงกวักมือเรียกหลี่ฝางกับหวางเสี่ยวโก๋พลางพูด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท