บทที่ 396 คนใหญ่คนโต
ในตอนนั้น ส้งเคอและคนอื่นๆ ก็เริ่มมีความรู้สึกละอายใจเล็กน้อย
“เมื่อคืนได้ยินมาว่าที่สโมสรเจียงหนานมีคุณชายหลี่ท่านนึงปรากฏตัว แล้วจ่ายบิลให้ทั้งร้าน กินไปเต็มๆ สิบสามล้าน พวกนายเดาดู คุณชายหลี่คนนั้นจะใช่คุณชายตระกูลหลี่มั้ย?” หวงเจ๋พูดแบบคาดเดา
“นั่นยังต้องถามอีกเหรอ? นอกจากคุณชายตระกูลหลี่ ยังมีใครที่จะอู้ฟู่แบบนี้อีก?” ส้งเคอหัวเราะ พลางพูด
ที่จริงคำตอบนั้นชัดเจนอยู่แล้ว
นอกจากคุณชายตระกูลหลี่ที่บ้านพักตากอากาศแล้ว เกรงว่าจะไม่มีคนที่สองแล้ว
“คุณชายหลี่คนนี้ฟุ่มเฟือยจริงๆ ปีๆนึงฉันกินดื่มเที่ยวเล่น บวกกับซื้อรถ ก็ใช้เงินแค่ไม่กี่ล้าน เขาถือว่าดี แค่คืนเดียวก็ใช้เงินทิ้งไปสิบสามล้าน” ส้งเคอถอนหายใจ รู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างมากระหว่างตนกับหลี่ฝาง
“คนตระกูลหลี่ร่ำรวยหลายแสนล้าน ตระกูลนายมีเงินเท่าไหร่เอง มีไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ของเขาด้วยซ้ำ ยังจะไปเทียบกับคุณชายหลี่? ไปเอาความกล้ามาจากไหนหะ” หวงเจ๋พูดล้อเลียนส้งเคอไปหนึ่งที แล้วเดินขึ้นไป
“ใช่แล้ว หยูเถิงบอกว่าจะแนะนำเพื่อนใหม่ให้พวกเรารู้จัก พวกนายรู้มั้ยว่าเป็นใคร?”
“ไม่รู้สิ ไอ้หยูเถิงคนนี้ ยังจะมาเล่นลับลมคมในกับพวกเราอีก ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร ก็เรียกพวกเรามาแล้ว แต่ว่าเท่าที่ฟัง เหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตนะ!”
“หรือว่าจะเป็นสี่คุณชายแห่งเมืองหลวงเซี่ยจือชิว? ฉันได้ยินมาว่าเซี่ยจือชิวกับหยูเถิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน คราวที่แล้วรถที่โผล่มาบนภูเขาหมาป่า ขับลัมโบร์กีนีคันนั้น ก็คือเซี่ยจือชิว”
“เหอะๆ เดินทางมาไกลจนถึงเมืองเอก ขับลัมโบร์กีนี แต่กลับแพ้ให้รถMustang? น่าขายหน้าจริงๆ ” จางเฉียงหัวเราะเยาะเย้ย
“หุบปากเถอะ จางเฉียง ฉันจะบอกนายให้ คนฝั่งเมืองหลวง พวกเรายุ่งไม่ไหวนะ พูดลับหลังเขา เข้าใจมั้ย?” หวงเจ๋มองจางเฉียง แล้วพูดตักเตือน
“ปากอย่างนายนี่นะ ต้องเกิดเรื่องเข้าสักวัน” ส้งเคอตำหนิจางเฉียง
จางเฉียงปากพล่อยจนชิน หลังจากถูกด่าไปสองคำ ก็หน้าแดง
เขารู้ว่าส้งเคอกับหวงเจ๋หวังดีต่อเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ถือสา
ถึงยังไง ถ้าคำพูดนี้ไปเข้าหูของเซี่ยจือชิวละก็ งั้นตนก็คง ตายแน่ๆ
ขณะที่พูดกัน คนพวกนี้ก็เดินมาถึงหน้าห้องวีไอพี
ส้งเคอล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาหยูเถิง: “หยูเถิง นายถึงไหนแล้ว? พวกเราถึงกันหมดแล้ว”
“รอฉันหน้าห้องแป๊บ สองนาที”
“งั้นนายก็รีบหน่อย” ส้งเคอเริ่มหมดความอดทน
ส้งเคอและคนอื่นๆ ไม่ได้สนใจเรื่องทานอาหารเลย พวกเขาโตกว่าหยูเถิงหลายปี จบมหาลัยมานานแล้ว และเริ่มเข้ามารับช่วงธุรกิจของครอบครัว
ในวันนี้ พวกเขาสนใจแค่เรื่องธุรกิจกับหาเงิน
แทนที่จะมามัวเสียเวลาทานอาหารอยู่ที่นี่ พวกเขาไปหาสาวฝรั่งสวยๆหุ่นดีหรือว่านางแบบ แล้วหาบ้านซักหลัง ไปมั่วเซ็กส์ยังจะดีกว่า
ปังปังปัง!
หลังจากนั้นห้านาที หยูเถิงก็ปรากฏตัวต่อหน้าส้งเคอและคนอื่นๆ
ที่จริงแล้วระหว่างหยูเถิงกับส้งเคอและคนอื่นๆ ความสัมพันธ์ไม่ค่อยได้ลึกซึ้งอะไรมากนัก อย่างมากก็ถือว่าเป็นคนในสังคมเดียวกัน ถือว่าเป็นคนรู้จักกันแค่นั้น
แต่หยูเถิงอยากจะเกี่ยวดองกับพวกเขา และสนิทกับพวกเขามากขึ้น
ถึงยังไง สำหรับพวกเขา มีเพื่อนเพิ่มก็ถือว่ามีลู่ทางเพิ่มขึ้นใช่มั้ย?
“สองนาทีไม่ใช่เหรอ? นี่มันห้านาทีแล้ว ไม่รู้จักเวลาเหรอ?” เฝิงจื่อหลินขมวดคิ้ว และพูดอย่างไม่ค่อยแฮปปี้
นี่มันคุณชายเฝิงไม่ใช่เหรอ ตั้งแต่กลับมาจากต่างประเทศนี่เป็นครั้งที่ได้เจอเลย ทำไม ยังจำน้องชายคนนี้ได้มั้ย?”
“พวกเราไม่ใช่ว่าไม่ได้เป็นเพื่อนกันในวีแชท วันๆ นายเอาแต่โพสต์อวด จะลืมได้ยังไง?” เฝิงจื่อหลินประชดไปหนึ่งคำ
“เหอะๆ ไป ฉันจะพาพวกนายไปรู้จักคนใหญ่คนโต”
“บอกมาก่อน ว่าใคร ให้พวกเราได้เตรียมตัวเตรียมใจก่อน จะได้ไม่หน้ามืด ทำเขาไม่พอใจ” ส้งเคอพูดอย่างระวัง
“เหอๆ พูดตามตรง ฉันก็รู้เรื่องเขาไม่ค่อยดีนักหรอก……”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หวงเจ๋ก็เริ่มไม่พอใจแล้ว: “แม้แต่ที่มาของเขานายยังไม่ค่อยรู้ แล้วยังจะมาแนะนำให้พวกฉันรู้จัก? นายล้อพวกฉันเล่นหรือไงเหนี่ย?”
“จะกล้าได้ยังไง เขามีรถปอร์เช่ 918 รถคันนี้ยี่สิบกว่าล้าน พูดไปพูดมา ก็ไม่ใช่อะไรพิเศษ แต่ว่าป้ายทะเบียนรถของเขา คือเก้าห้าตัว” หยูเถิงพูด พลางยักคิ้ว
“เก้าห้าตัว?”
ในตอนนั้น ใบหน้าของหวงเจ๋ส้งเคอและคนอื่นๆ ทั้งหมดก็แสดงให้เห็นถึงความตกใจ
เก้าห้าตัว นั่นมีความหมายว่าเลขของจักรพรรดิ
ทั้งเมืองเอก ในตอนนี้คนที่เคยใช้ป้ายทะเบียนนี้ มีแค่คนเดียว นั่นก็คือท่านจวน
ท่านจวนเป็นคนใหญ่คนโตแบบไหน ส้งเคอและคนอื่นๆ ก็รู้ดีกว่าใคร
แม้ว่าท่านจวนจะปลีกวิเวกไปหลายปีแล้ว แต่ตำนานของเขา ยังคงเป็นที่เล่าขานกันในเมืองเอก
เขาคือคนที่สามารถครอบคลุมท้องฟ้าครึ่งนึงของเมืองเอกได้ ด้วยพลังของตัวเองคนเดียว
มีแค่คนประเภทนี้ ถึงจะมีค่าพอที่จะใช้ป้ายทะเบียนเก้าห้าตัวของจักรพรรดิได้
แต่ในวันนี้ ป้ายทะเบียนรถนั่นกลับมาอยู่ที่รถของคนหนุ่มคนนึง?
เลขป้ายทะเบียนรถนี้ทำเอาส้งเคอและคนอื่นๆ ตกตะลึง กว่ารถปอร์เช่ 918 มาก
“เป็นรถของท่านจวนในตอนนั้นใช่มั้ย?” ส้งเคอทำสีหน้าสงสัย และถามหยูเถิงเสียงเบา
“ใช่แล้ว” หยูเถิงพยักหน้า
“ดังนั้นฉันถึงบอกว่า ฉันเดาพื้นเพของเขาไม่ถูก……ฮี่ฮี่ ฉันได้ยินมาบ้างว่า คนนั้นชื่อว่าลู่เชา จากที่ฉันคาดเดา มันน่าจะเป็นนามแฝง เขาเกิดที่เมืองเล็กๆ ใกล้ๆ เมืองเอก พ่อเป็นคนงานเหมือง ปัจจุบันเป็นคนงาน อยู่ในโรงงาน แล้วก็อีกไม่กี่เดือนก็จะปลดเกษียณแล้ว”
“พวกนายก็เคยได้ยิน ลูกชายของสี่ตระกูลใหญ่ ถูกส่งออกมาฝึกประสบการณ์ตั้งแต่เกิด เมื่อไหร่ที่ผ่านการทดสอบของตระกูล จึงจะสามารถมีสิทธิ์ควบคุมเงินทองที่มหาศาลและอำนาจของตระกูลได้ ฉันคิดว่า ลู่เชาคนนี้มีลักษณะแบบนั้นนะ” หยูเถิงพูดคาดเดา
ส้งเคอกับหวงเจ๋และคนอื่นๆ มองกันไป มองกันมา จนเริ่มขี้ขลาด
ถึงแม้พวกเขาจะเป็นลูกคนรวย แต่เมื่อเทียบกับลูกมหาเศรษฐีพวกนั้น พวกเขานั้นดูอ่อนไปเลย
“ไปเถอะ ฉันคิดว่าลู่เชาคนนี้ เข้าถึงได้ง่ายอยู่นะ” หยูเถิงเปิดประตู แล้วเดินเข้าไป
ในตอนนั้นลู่เชา ก็รออยู่นานแล้ว
และก็เริ่มหิวแล้ว จึงสั่งไข่เจียวผัดมะเขือเทศ แล้วก็มันฝรั่งเส้นเปรี้ยวเผ็ด มากินเองก่อน
“เอ่อ……คุณชายหยู ท่านมาแล้วเหรอ”
ลู่เชาเป็นแค่คนขี้แพ้ ต่อหน้าหยูเถิง ก็ต้องนอบน้อมเป็นธรรมดา
“พี่เชา ขอโทษด้วย เรามาช้าแล้ว นี่……ท่านหิวแล้วใช่มั้ย?”
หยูเถิงเรียกพนักงานมาทันที แล้วเริ่มสั่งอาหาร หอยเป๋าฮื้อ กุ้งล็อบสเตอร์ อาหารหรูหราต่างๆ หยูเถิงก็สั่งมาอย่างละชุด
ส้งเคอและคนอื่นๆ ก็กินของพวกนี้จนชิน แต่ลู่เชาแค่ได้ยินชื่อพวกนี้ ก็น้ำลายไหลแล้ว
ลู่เชาลุกขึ้น แล้วรินชาให้ส้งเคอหวงเจ๋และคนอื่นๆ นี่ทำให้ส้งเคอและคนอื่นๆ ตกใจหมด ตกใจจนลุกขึ้นพรวด แล้วรีบห้ามลู่เชา
“พี่เชา ท่านรีบนั่งก่อน ท่านรินชาให้ พวกเราก็ไม่กล้าดื่มหรอกครับ”
ส้งเคอและคนอื่นๆ ทำสีหน้าทั้งกระอักกระอ่วนและกลัวพลางพูด: “ท่านนั่งเถอะ ผมรินให้”
“เอ่อ?”
ลู่เชาชะงักอยู่ครู่ คนพวกนี้ เป็นคนของตระกูลที่ร่ำรวยในเมืองเอก ให้พวกเขารินน้ำให้ตนแบบนี้ ลู่เชาก็ตื่นเต้นนะ
ที่จริง โรงแรมว่างโก๋ ทุกห้องวีไอพีจะมีพนักงานเฉพาะคอยดูแลอยู่ แต่เมื่อครู่ หยูเถิงไปหล่อนออกไปก่อน
ในตอนนี้ หยูเถิงลุกขึ้นแล้วพูด: “หน้าที่รินชารินน้ำ ฉันหาคนไว้แล้ว”
“พวกนายรอก่อนนะ ฉันจะไปเรียกมาเดี๋ยวนี้”
หยูเถิงก็คิดถึงหวางเสี่ยวโก๋กับหลี่ฝางทันที
เรียกหวางเสี่ยวโก๋กับหลี่ฝางมา นั่นไม่ใช่ดูถูกพวกเขาหรอกเหรอ?
วันนี้ โอกาสมาถึงแล้ว
หยูเถิงลงไปข้างล่าง มาที่ห้องธรรมดา ตอนที่เจอหลี่ฝาง หลี่ฝางกำลังเปิดขวดเหล้า
ในมือของหลี่ฝาง กำลังถือLafiteขวดนึงอยู่ ส่วนในมือของหวางเสี่ยวโก๋ ก็กำลังถือขวดเหมาไถอยู่
“พวกนาย……พวกนายบ้าไปแล้วเหรอ เปิดเหล้าแพงขนาดนั้น?”
เมื่อเห็นฉากนี้ หยูเถิงในตอนนั้นก็แทบกระอักเลือด
Lafiteขวดนี้สองหมื่นกว่าเหรียญ ส่วนเหมาไถขวดนั้นก็ขวดละสองพันกว่าเหรียญ และบนโต๊ะนี้ มีเหมาไถและLafite วางไว้อยู่แล้วอย่างละสามขวด ทั้งหมดเปิดไว้หมดแล้ว
บวกกับสองขวดในมือของหลี่ฝางกับหวางเสี่ยวโก๋ นับรวมกัน แค่เงินค่าเหล้าก็เกือบแสนเหรียญแล้ว
หยูเถิงขมวดคิ้ว พลางมองหวางเสี่ยวโก๋กับหลี่ฝาง: “พวกนายจงใจใช่มั้ย?”
“ปกติแล้วพวกเราก็ดื่มเหล้าแพงแบบนี้อยู่แล้วนี่” หวางเสี่ยวโก๋ยิ้มนิ่งๆ พลางมองหยูเถิงอย่างติดตลก
“ทำไม หัวหน้าห้องเลี้ยงไม่ไหวเหรอ?”
“หัวหน้าห้อง กินข้าว มีที่ไหนจะไม่ดื่มเหล้ากัน ดื่มขวดสองขวดจะเป็นอะไรไป?”
หลี่ฝางกับหวางเสี่ยวโก๋พูดผสมโรง
หยูเถิงหน้าซีด และมีความรู้สึกว่าถอยไม่ได้เล็กน้อย
“ช่างเถอะ ดื่มก็ดื่มไปเถอะ” หยูเถิงพูดแบบฝืนๆ พูดไปแล้ว ก็คืนคำไม่ได้ใช่มั้ย?
“พวกนายสองคนมากับฉัน ฉันพาพวกนายขึ้นไปนั่งกินที่ห้องวีไอพี” หยูเถิงกวักมือเรียกหลี่ฝางกับหวางเสี่ยวโก๋พลางพูด