NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 397

ตอนที่ 397

บทที่ 397 เลี้ยงข้าวเหลือๆ หลี่ฝาง

“ไม่ต้องหรอกมั้ง?”

หลี่ฝางส่ายหน้าพูดปฏิเสธ: “ฉันเป็นแค่คนยากจน ใช้ห้องวีไอพีได้เหรอ? สำหรับฉันที่ไม่มีฐานะอะไรแล้ว กินที่ไหนก็เหมือนกัน”

“ทำไม ไม่กล้า?”

หยูเถิงมองหลี่ฝาง แล้วยิ้มอ่อน: “ไม่มีส้าวส้วย หรือว่านายไม่กล้าไปนั่งกับพวกเรา?”

“พูดเป็นเล่น!” หลี่ฝางด่าไปคำนึง: “ไปก็ไป คนอย่างฉันกลัวนายที่ไหน?”

ที่จริงแล้ว ส้าวส้วยก็อยู่ที่โรงแรมว่างโก๋ แต่แค่ไม่ได้มานั่งกินด้วยเท่านั้น

ถึงยังไง ส้าวส้วยก็ไม่ใช่คนในห้องเดียวกัน ที่หยูเถิงเลี้ยงครั้งนี้ เชิญมาแต่เพื่อนร่วมห้องของหลี่ฝาง ถ้าส้าวส้วยมาด้วย ยากที่จะเลี่ยงคำพูดเรื่อยเปื่อยของหยูเถิงได้

ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นที่ของหวงว่างโก๋ ตนไม่มีทางถูกรังแกหรอก

“ได้ งั้นไปเถอะ” หลี่ฝางตบไปที่บ่าของหวางเสี่ยวโก๋ แล้วเดินออกไป

“หลี่ฝาง นายจะไปจริงๆ อ่ะ”

เมื่อหลี่ฝางไป คนในห้อง ก็ค่อนข้างไม่แฮปปี้

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “อีกแป๊บเดียวก็กลับมา รอฉันก่อน”

พูดจบ หลี่ฝางก็ตามหยูเถิงไป จนถึงห้องวีไอพี

เมื่อยืนอยู่หน้าห้องวีไอพี หลี่ฝางก็ถามขึ้น: “หัวหน้าห้อง ด้านในไม่ใช่เพื่อนร่วมห้องเราสินะ?”

หยูเถิงส่ายหน้า: “พวกเขาคือลูกเศรษฐีที่มีชื่อเสียงของเมืองเอก นายรู้จักซะหน่อย เป็นผลดีกับนาย อย่าไปทำให้พวกเขาโกรธล่ะ ไม่งั้น นายจะตายไม่รู้ตัว!”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วก็รู้ได้ทันทีว่าหยูเถิงมีเจตนาที่ไม่ดี

ทำความรู้จัก?

ลูกเศรษฐีพวกนี้ จะมาเป็นเพื่อนกับคนจนๆ เหรอ?

แน่นอนว่าไม่มีทาง

แต่ว่าหลี่ฝางก็ไม่ใช่ยาจก

ไอ้หยูเถิงคนนี้ คงจะหวังให้ตนทำให้ลูกเศรษฐีพวกนี้ไม่พอใจ แล้วก็ยืมมือคนอื่น มาจัดการตน

หยูเถิงเปิดประตู ภาพเดิมๆ ที่คุ้นเคย ก็เข้ามาในสายตาของหลี่ฝางอีกครั้ง

เพื่อหลีกเลี่ยงช่องว่าง เมื่อหลี่ฝางเข้าไปในห้อง ก็เดินไปยังคนที่อยู่ใกล้ตนที่สุดหน้าเฝิงจื่อหลิน แล้วพูด: “สวัสดี ฉันชื่อหลี่ฝาง เป็นเพื่อนร่วมห้องของหยูเถิง เจอกันครั้งแรก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”

เฝิงจื่อหลินอึ้งเล็กน้อย

เจอกันครั้งแรก? นี่คือลืมเขาไปแล้วเหรอ? ตนใช้เงินห้าล้านซื้อสูทให้เขานะ

แล้วก็ เรื่องมันผ่านไปแค่ไม่กี่วันเอง?

ในตอนนั้น หลี่ฝางก็ขยิบตาให้เฝิงจื่อหลิน เฝิงจื่อหลินจึงเข้าใจความหมายของเขา

ลูกเศรษฐีพวกนี้ วันๆ เอาแต่ตั้งวงกินเหล้า สามารถในการสังเกต ของแต่ละคนถือว่าอยู่ในระดับดีมาก

“สวัสดีๆ ฉันชื่อเฝิงจื่อหลิน เรียนออกแบบเสื้อผ้า เพิ่งกลับมาจากอิตาลี หลังจากนี้ฝากเนื้อฝากตัวกับเพื่อนหลี่ฝางด้วย”

เฝิงจื่อหลินรีบลุกขึ้น

สีหน้าของหยูเถิง ก็เข้มขึ้นทันที: “จื่อหลิน หลี่ฝางคนนี้ก็แค่นักเรียนธรรมดาคนนึงเท่านั้น ครอบครัวยากจน เขาจะไปช่วยอะไรนายได้”

เฝิงจื่อหลินยิ้มแล้วไม่ได้พูดอะไร หลี่ฝางไม่อยากเปิดเผยฐานะ งั้นเขาก็คงมีเหตุผลของเขา เฝิงจื่อหลินคงจะไม่เซ่อซ่าหลุดพูดหรอก ถ้าเป็นแบบนั้น นั่นก็ผิดต่อหลี่ฝางแล้วไม่ใช่เหรอ?

ลุงเฉียนยังไม่ได้ส่งข้อความมา หลี่ฝางยังไม่อยากหลุดเรื่องฐานะ

ต่อมา หลี่ฝางก็เดินไปด้านหน้าของส้งเคอ: “สวัสดี ฉันชื่อหลี่ฝาง……”

หลี่ฝางก็แนะนำตัวกับส้งเคออีกครั้ง หยูเถิงคิด เมื่อกี้ตนเพิ่งพูดไปว่าหลี่ฝางมีฐานะเป็นแค่นักเรียนธรรมดา ครั้งนี้ หลี่ฝางคงจะโดนแกล้งบ้างแล้วสินะ?

ใครจะรู้ ส้งเคอก็ลุกขึ้นมา แล้วจับมือพลางโค้งให้หลี่ฝาง ท่าทางนั่น อย่างกับคนเป็นทาสเลย

“เชี่ย นี่มันสถานการณ์ไหนเหนี่ย?”

หยูเถิงชะงัก อารมณ์ของส้งเคอ ก็ไม่ใช่ว่าดีนี่ คนที่ไม่รู้จักเข้ามาทักทาย น้อยมากที่เขาจะตอบกลับ แต่นี่หลี่ฝางเป็นแค่ยาจกนะ?

คนที่เหลืออย่างหวงเจ๋ จางเฉียง ก็ทำท่าทีไม่ต่างกับส้งเคอเท่าไหร่

หยูเถิงขมวดคิ้ว ในใจคิด หรือว่าเหตุผลเป็นเพราะว่าตัวเองกัน?

เพราะว่าที่หลี่ฝางแนะนำตัว ทุกครั้งจะพูดคำว่า ‘เพื่อนร่วมห้องของหยูเถิง’ ดังนั้นทุกคนถึงไว้หน้าตนเอง ไม่กล้าเล่นงานหลี่ฝาง?

ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ

คิดแบบนี้ หยูเถิงก็ยิ้มมุมปาก จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า ในใจของส้งเคอและคนอื่นๆ ตัวเองยังพอมีพื้นที่อยู่บ้าง

สุดท้ายเมื่อมาถึงลู่เชา อาหารก็มาเสิร์ฟพอดี

“เอาล่ะ ไม่ต้องยุ่งกับการแนะนำตัวแล้ว ให้โอกาสนายแสดงความสามารถ ไปช่วยเสิร์ฟอาหารไป” หยูเถิงกระแอม แล้วพูดกับหลี่ฝาง

เมื่อตอนที่หลี่ฝางจะยกอาหาร ลู่เชาก็ลุกขึ้น: “ให้ฉันทำเถอะ”

ลู่เชาก็มีสายตาดี เขาไม่ได้หลุดเรื่องฐานะของหลี่ฝาง แต่ว่าไม่อยากจะให้หลี่ฝางมาบริการตน

ถึงยังไง หลี่ฝางก็คือเจ้านายของเขานี่

“คุณชายลู่ เรื่องพวกนี้ให้พวกทาสมันทำเถอะ จะให้ท่านทำได้ยังไงกัน” ทันใดนั้นหยูเถิงก็ลนลาน หลังจากจ้องหลี่ฝางตาเขม็ง ก็แย่งถาดอาหารมาจากลู่เชา

หลี่ฝางตบไปที่บ่าของหวางเสี่ยวโก๋ แล้วพูด: “มา นั่งลงกินข้าวกัน”

หวางเสี่ยวโก๋หัวเราะฮี่ๆ แล้วพูด: “อาหารนี่ หรูหราจริงๆ ?”

“คนบ้านนอกอย่างพวกนายสองคน ชีวิตนี้คงไม่เคยกินอาหารหรูๆ แบบนี้สินะ?” หยูเถิงมองหลี่ฝางกับหวางเสี่ยวโก๋อย่างดูถูก

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “หรูหราตรงไหน เมื่อเทียบกับที่พวกเราสั่งไปเมื่อกี้ ด้อยกว่าเยอะ”

“เมื่อกี้พวกนายสั่งอะไรไป?” เมื่อได้ยินแบบนี้ ใจของหยูเถิง ก็สั่นในทันที

“ก็ไม่ได้สั่งอะไร ก็แค่ล็อบสเตอร์ออสเตรเลีย เป๋าฮื้อทะเลชั้นเยี่ยม รังนก……สั่งให้ทุกคนคนละสองที่ ถึงยังไงหัวหน้าห้องก็เป็นคนเลี้ยง ฉันบอกพวกเขา ให้พวกเขากินให้เต็มที่ อะไรแพงก็สั่งอันนั้น” หลี่ฝางพลางพูด พลางคีบกุ้งล็อบสเตอร์ ใส่จานของตัวเอง

“นาย……ใครให้นายกินล็อบสเตอร์กัน?”

หยูเถิงโมโห ไอ้หลี่ฝางนี่ จงใจให้เขาหมดตัว

หยูเถิงกำหมัด อยากจะต่อยไปที่จมูกของหลี่ฝางจนเบี้ยวจริงๆ

“นี่ถึงจะเป็นอาหารของนาย……”

หยูเถิงวางจานผัดมันฝรั่งเปรี้ยวเผ็ด และไข่เจียวผัดมะเขือเทศ ที่ลู่เชากินเหลือเมื่อครู่ลงตรงหน้าหลี่ฝางกับหวางเสี่ยวโก๋

สองจานนี้ ที่จริงถูกลู่เชากินจนใกล้จะหมดแล้ว

ให้หลี่ฝางกับหวางเสี่ยวโก๋กินอาหารเหลือ นี่มันจงใจดูถูกกันไม่ใช่เหรอ?

จากนั้น หยูเถิงก็คีบล็อบสเตอร์ ในจานของหลี่ฝาง แล้วโยนมันลงถังขยะ

ยอมทิ้งแต่ไม่ยอมให้หลี่ฝางกิน?

ในตอนนั้น ส้งเคอหวงเจ๋และคนอื่นๆ ทั้งหมดก็สูดหายใจเย็นยะเยือกเข้าลึกๆ

นี่มันคุณชายตระกูลหลี่แห่งบ้านพักตากอากาศนะ กลับกล้าปฏิบัติแบบนี้?

นี่ไม่อยากอยู่แล้วใช่มั้ย?

แต่ว่า ไม่นานพวกเขาก็เข้าใจ หยูเถิงคนนี้ น่าจะยังไม่รู้ถึงฐานะที่แท้จริงของหลี่ฝาง ถ้ารู้แล้ว……

“ใช่แล้ว พี่เชา พี่บอกว่าจะพาเพื่อนมาด้วยนี่? ยังไม่ถึงเหรอ?”

หันกลับมา หยูเถิงก็มองลู่เชาอย่างเป็นกันเอง แล้วถามขึ้น

สีหน้าของลู่เชา ลำบากใจเล็กน้อย เขาหัวเราะเหอะๆ : “เพื่อนของฉัน ก็มาถึงแล้วนี่”

“ถึงแล้วเหรอ? อยู่หน้าร้านแล้วเหรอ? ใส่ชุดอะไร หน้าตาเป็นยังไง ผมจะไปต้อนรับเขาที่หน้าประตู” หยูเถิงพูดอย่างรีบร้อน

ลู่เชามองหลี่ฝาง พลางพูด: “พวกเขาอยู่ในห้องนี้แล้ว”

“หมายความว่าไง?” ในตอนนี้หยูเถิงยังไม่รู้สึกตัว

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ ลุกขึ้น แล้วเดินไปข้างหน้าหยูเถิง จากนั้นก็ตบไปที่ไหล่ของเขาแล้วพูด: “หัวหน้าห้อง เพื่อนที่พี่เชาพูด ก็คือฉันกับหวางเสี่ยวโก๋ไง”

“พวกนายสองคน?” สีหน้าของหยูเถิง เลิ่กลั่กอยู่ครู่: “พวกนายคือเพื่อนของพี่เชา?”

“ใช่แล้ว”

หลี่ฝางหัวเราะ ต่อมา สีหน้าก็เข้มขึ้น: “ลู่เชา นายบอกว่าคืนนี้มีคนเชิญพวกเรามาเลี้ยงข้าว ก็คือเชิญฉันมากินผัดมันฝรั่งเปรี้ยวเผ็ดกับไข่เจียวผัดมะเขือเทศแบบเหลือๆ เหรอ?”

“นี่คือเชิญมากินข้าว หรือว่าจะให้พวกเรามาทำความสะอาดอาหารเหลือกัน?”

หลี่ฝางพูดอย่างเย็นชา: “เห็นที พวกฉันไปดีกว่า”

หลี่ฝางพูด พลางส่งสายตาให้ลู่เชา ลู่เชาก็รีบลุกขึ้นยืนทันที: “หยูเถิง นี่คือการต้อนรับแขกของนายเหรอ?”

“หลี่ฝางคนนี้ เป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของฉันลู่เชา นายกับปฏิบัติต่อพี่น้องฉันแบบนี้!” หลังจากลู่เชาพูดอย่างโมโหจบ ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปกับหลี่ฝางถึงหน้าประตู

“พี่เชา พี่เชา ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของพี่” หยูเถิงรีบลุกขึ้นแล้วตามไป

“หลี่ฝาง เห็นแก่หน้าฉัน อย่าไปโอเคมั้ย? เมื่อกี้เป็นความผิดฉันเอง ฉันผิดเอง” เป็นเพราะลู่เชา หยูเถิงจึงไม่กล้าล่วงเกินหลี่ฝางกับหวางเสี่ยวโก๋แล้ว

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ไม่ไปก็ได้ นายเอาอาหารสองจานนั้น กินต่อหน้าฉันสิ”

“นี่……” สีหน้าของหยูเถิงดูลำบากขึ้นมาทันที

“ไม่ยอมงั้นฉันไปและ” หลี่ฝางหัวเราะเย็นยะเยือก แล้วก้าวเท้าออกจากห้องวีไอพี

ในขณะนั้น ลุงเฉียน ก็โทรศัพท์เข้ามา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท