NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 426

ตอนที่ 426

บทที่426 สี่ตระกูลใหญ่มู่หรงฉางเฟิง

ตรงกลางห้องโถงของวิลล่าตระกูลฉิน มีโลงศพคริสตัล

โลงศพคริสตัล นายท่านฉินนอนอยู่ในโลงศพอย่างเงียบๆ

เขากระโดดลงแม่น้ำได้ไม่นาน ก็ได้รับการช่วยเหลือขึ้นมา

หากไม่ใช่นายท่านฉินที่ถูกแทงหลายครั้ง บางที เขาอาจจะไม่ตาย

ดังนั้นสาเหตุที่แท้จริงการตายของนายท่านฉิน คือบาดแผลจากการถูกแทง

พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ฆาตกรตัวจริง คือหลิงหลง

ทันทีที่ตระกูลฉินโทรแจ้งตำรวจ หลิงหลงก็จะถูกจับทันที

แต่ก่อนที่นายท่านฉินกำลังจะตาย เขาได้สั่งเหล่าอู๋คนขับรถของเขาซ้ำๆ สั่งเหล่าอู๋ไม่ให้พูดอะไร เพียงแต่เอาเทปบันทึกเสียงไปให้คนในตระกูลฉิน ให้ตระกูลฉินทำตามที่สั่ง

ในการบันทึกเสียง นายท่านฉินพูดว่า หลังจากที่เขาตายแล้ว ห้ามตรวจสอบสาเหตุการตายของเขา ให้จัดงานศพทันที ไม่ต้องการจัดงานศพที่ยิ่งใหญ่ ให้จัดการทุกอย่างอย่างเงียบๆ

เจ้าบ้านตระกูลฉิน มอบให้ฉินวี่เฟยรับผิดชอบ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ต่อไปทุกเรื่องในตระกูลฉิน อยู่ที่การตัดสินใจของฉินวี่เฟย

เมื่อได้ยินเทปบันทึกนี้ ทุกคนในตระกูลฉิน รวมถึงพ่อของฉินวี่เฟยฉินเพ่ยยังไม่อยากจะเชื่อ

ปฏิกิริยาแรกจากทุกคนในตอนนั้นคือ เทปบันทึกนี้เป็นของปลอมใช่ไหม?

แต่เหล่าอู๋คนขับรถของนายท่านฉินพูดว่า นี่เป็นการบันทึกเสียงจากนายท่านฉิน และบันทึกต่อหน้าเขา

ในเวลานั้นนายท่านฉินไม่มีอาการเกี่ยวกับทางจิตใดๆ

ข้างโลงศพคริสตัล มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่ยืนอยู่

คนหนึ่งคือเหล่าอู๋ และอีกคนเป็นลูกสาวของลูกชายคนที่สองของตระกูลฉิน ชื่อเสี่ยวนันนัน

แม้ว่า เสี่ยวนันนันอายุไม่ถึงสิบขวบ แต่รูปร่างก็ค่อนข้างสูง เธอยืนอยู่หน้าโลงศพคริสตัล และมองไปที่นายท่านฉินน้ำตาก็ร่วงหล่น

ส่วนอีกคนคือ คนขับรถของนายท่านฉิน เหล่าอู๋

ที่จริงเหล่าอู๋อายุยังไม่มากนัก อายุเพียงสี่สิบกว่า แต่ได้ติดตามนายท่านฉินมาสิบห้าหรือสิบหกปีแล้ว

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายท่านฉินก็ถือว่าดีต่อเหล่าอู๋มาก ครอบครัวของเหล่าอู๋ยากลำบาก แต่ตอนนี้ ด้วยความช่วยเหลือจากนายท่านฉิน ก็มีชีวิตที่ดีขึ้น

บวกกับรถที่นายท่านฉินมอบให้เขา มีมูลค่ามากกว่าสองล้าน แม้ว่าจะขายมือสอง ก็สามารถได้เงินสดมากกว่าหนึ่งล้าน

นี่เป็นของขวัญชิ้นใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย

ดังนั้นเหล่าอู๋เตรียมพร้อมที่จะส่งนายท่านฉินเป็นครั้งสุดท้าย

ขณะนี้ ทุกคนไปที่โรงพยาบาลเพื่อต้องการคำอธิบายจากฉินวี่เฟย และมีเพียงสองคนที่เหลืออยู่ในห้องโถง ดูเงียบสงบมาก

เหล่าอู๋ส่ายหัว “อย่างว่าพอหมดผลประโยชน์แล้วก็ไม่มีใครแยแส”

เหล่าอู๋ถอนหายใจ แล้วพูดอย่างหดเหี่ยวใจ นายท่านฉิน โชคดีที่ท่านไม่เห็นฉากนี้”

ก่อนหน้านี้ ตอนที่นายท่านฉินยังมีชีวิตอยู่ เหล่าอู๋รู้สึกว่าคนในตระกูลฉินไม่เลว ความสัมพันธ์นั้น ค่อนข้างเข้ากันได้ดี ความรู้สึกต่อเขา ก็ถือว่าเป็นมิตร พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาในฐานะคนรับใช้

แต่ตอนนี้ นายท่านฉินเสียชีวิตแล้ว และผลที่ตามมาคือ ธาตุแท้ของแต่ละคนก็ปรากฏออกมา

นายท่านฉินเสียชีวิตแล้ว แต่ลูกชายของเขา ลูกสาว หลานชาย และหลานสาว มีเพียงไม่กี่คนที่โศกเศร้าจริงๆ สิ่งที่พวกเขาสนใจจริงๆคือ เกี่ยวกับเทปบันทึกเสียง และพินัยกรรมมอบให้กับใคร

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาในห้องโถงตระกูลฉินอีกครั้ง

คนหนึ่งคือ ฉินหยีหรัน

อีกคนคือ มู่หรงฉางเฟิง

ขณะที่มองเห็นโลงศพคริสตัล ฉินหยีหรันก็หลั่งน้ำตาทันที

ฉินหยีหรันหมอบอยู่ข้างโลงศพคริสตัล ร้องไห้เสียใจมาก

สำหรับมู่หรงฉางเฟิงนั้น เพียงแค่ตบหลังฉินหยีหรัน และถอนหายใจเบาๆ

เขาไม่ได้พูดคำปลอบโยนใดๆ ปู่ของคนอื่นเสียชีวิตไปแล้ว และตอนนี้ พูดอะไรไป ก็เป็นเรื่องไร้สาระ

การปลอบโยนผู้อื่น ไม่ใช่ความเชี่ยวชาญของมู่หรงฉางเฟิงเลย

มู่หรงฉางเฟิงปล่อยให้ภรรยาของเขาร้องไห้น้ำตานองหน้า เขาขมวดคิ้ว มองไปที่ห้องโถง และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คนอื่นล่ะ?”

“ทำไมมีแค่พวกเธอสองคน?” มู่หรงฉางเฟิงมองไปที่คนขับเหล่าอู๋

ตอนนี้ นายท่านฉินตายไปแล้ว ศพถูกวางไว้ที่ห้องโถงของวิลล่า คนในตระกูลฉินที่สามารถตัดสินใจได้ ไม่มีใครอยู่สักคน ซึ่งมันผิดปกติเกินไป

เหล่าอู๋คนขับรถ มองไปที่มู่หรงฉางเฟิงด้วยความเคารพ ก้มศีรษะลง และพูดว่า “ขอตอบคำถามคุณมู่หรง คนตระกูลฉินทั้งหมด ไปโรงพยาบาลแล้ว”

“เมื่อกี้เพิ่งได้รับข่าวว่า คุณชายฉินประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และมีอันตรายถึงชีวิต” ท่าทีของเหล่าอู๋นั้นต่ำต้อยมาก

เหล่าอู๋รู้ว่า มู่หรงฉางเฟิงที่อยู่ตรงหน้านั้น ฐานะตัวตนนั้นสูงส่งมาก

ทุกครั้งที่มู่หรงฉางเฟิงมาที่บ้านตระกูลฉิน นายท่านฉินจะออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง และทุกครั้งที่รับประทานอาหาร จะใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ

นายท่านฉินนั่งอยู่ด้านบนสุด มู่หรงฉางเฟิงก็จะนั่งข้างๆเขา

ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นมู่หรงฉางเฟิง แม้แต่นายท่านฉิน อยู่ต่อหน้ามู่หรงฉางเฟิง ก็ดูต่ำต้อยเล็กน้อย

เหล่าอู๋ติดตามนายท่านฉินมานานกว่าสิบปีแล้ว โดยธรรมชาติเขาสามารถสังเกตได้

แม้ว่าเหล่าอู๋จะไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลมู่หรงในเมืองเอก แต่เหล่าอู๋ก็รู้ดีว่า มู่หรงฉางเฟิงคนนี้ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป

“เอ้า?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ มู่หรงฉางเฟิงยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา “ตระกูลฉินทุกคน ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เริ่มเป็นห่วงพี่ชายภรรยาฉัน”

“ฮึฮึ” มู่หรงฉางเฟิงยิ้ม รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีลับลมคมใน

แต่เหล่าอู๋ก็ไม่ได้พูดอะไร มู่หรงฉางเฟิงก็ไม่ได้ถามต่อ

มู่หรงฉางเฟิงคิดว่า เป็นเพียงคนขับรถคนหนึ่ง เขาจะรู้อะไรมากมาย แม้ว่าเขาจะรู้ ก็คงไม่กล้าพูด

เหล่าอู๋เป็นคนปกปิดความลับได้ดี ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงสามารถอยู่กับนายท่านฉินได้นานกว่าสิบปี

มู่หรงฉางเฟิงเดินวนรอบโลงศพคริสตัล ทันใดนั้น เขาก็หยุดเดิน และจ้องไปที่ท้องของนายท่านฉิน

มู่หรงฉางเฟิงขมวดคิ้ว กวักมือเรียกเหล่าอู๋มาตรงหน้า และถามเสียงเบา “นายท่านฉินตายได้อย่างไร?”

“นายท่านฉินกระโดดลงไปในแม่น้ำตาย”เหล่าอู๋ให้คำตอบกับมู่หรงฉางเฟิงซึ่งเป็นคำตอบที่ทุกคนก็รู้

ก่อนนายท่านฉินจะเสียชีวิต ได้โทรหาหูเฟย และบอกหูเฟยว่า ตัวเองได้ฆ่าตัวตาย และไม่ต้องสืบหาสาเหตุการตายของตัวเอง

แม้ว่าตระกูลฉินจะแจ้งความ ก็ไม่ต้องสอบสวน

อาการบาดเจ็บที่ร่างกายของเขา เขาเป็นคนแทงตัวเอง

เมื่อหูเฟยได้รับสายนี้ เขาก็ไม่ได้ตั้งใจฟังมากนัก เขาคิดว่านายท่านฉินกำลังล้อเล่นกับเขา

คาดไม่ถึงว่า นายท่านฉินตายไปแล้วจริงๆ

แต่หูเฟยก็ไม่กังวลมาก ขณะนี้ หูเฟยกำลังติดตามเบาะแสของเหยสง เขาต้องการจะจับกุมเหยสง และล้างแค้นให้กับตระกูลสวี

ดังนั้น หูเฟยจึงไม่อยากวุ่นวายเรื่องของตระกูลฉิน

“อย่าใช้คำตอบที่เป็นทางการแบบนี้เพื่อให้มันผ่านๆไป ถ้านายท่านฉินไม่มีปัญหาอะไร จะไปกระโดดแม่น้ำฆ่าตัวตายทำไม?”มู่หรงฉางเฟิงขมวดคิ้ว และมองไปที่เหล่าอู๋ ฉันอยากรู้ความจริง”

ตอนที่นายท่านฉินเสียชีวิต นายเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเขา อีกอย่าง นายเป็นคนส่งเขาไปที่แม่น้ำ เทปบันทึกวิดีโอที่แพร่กระจายบนอินเทอร์เน็ต มาจากโทรศัพท์มือถือของนายใช่ไหม? เหล่าอู๋ นายสามารถห้ามนายท่านฉินกระโดดลงแม่น้ำ หรือแม้แต่ช่วยเขาเอาไว้”

“แต่นายไม่ได้ช่วย”

มู่หรงฉางเฟิงเหล่ตาและยิ้ม “นายท่านฉินดีกับนายมากแค่ไหน นายเห็นคนจะตายยังไม่รีบช่วย ไม่ต่างอะไรกับฆาตกร?”

“ตระกูลฉินยังคิดไม่ทัน เมื่อมีคนตรวจสอบอย่างจริงจัง จะพบว่า นายยืนดูนายท่านฉินกระโดดลงไปในแม่น้ำ และอยู่ต่อหน้านาย……นายคิดว่า ตระกูลฉินจะยอมปล่อยนายไปหรือไม่?”

“ลูกชายของฉินซ่างเสียน มีคนหนึ่งที่อยู่ในวงการมาเฟีย เขาไม่ใช่คนดีอะไร……คนนี้นอกจากจะโหดเหี้ยมแล้ว จะไม่ค่อยฟังเหตุผลอะไร……”

ก่อนที่มู่หรงฉางเฟิงจะพูดจบ ใบหน้าเหล่าอู๋ก็มีเหงื่อไหลออก

“มู่หรงฉางเฟิง อันที่จริงนายท่านฉินถูกคนอื่นแทงจนตาย” เหล่าอู๋พูดด้วยความหวาดกลัว

“ใครแทงตาย บอกให้ชัดเจน บอกความจริงกับฉัน ฉันจะให้เงินนายก้อนหนึ่ง เพื่อจัดการให้นายและครอบครัวหนีไป”

มู่หรงฉางเฟิงถามอย่างกังวล และปล่อยสิ่งล่อใจออกไป

เหล่าอู๋ลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า “เป็นเถ้าแก่เนี้ยร้านเลิฟคอร์เนอร์คาเฟ่ ร้านคาเฟ่นั้น อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่”

“คุณชายมู่หรง เรื่องนี้ คุณรู้ก็พอแล้ว ฉันเคยสาบานกับนายท่านฉิน และสัญญาว่าจะเก็บไว้เป็นความลับ” เหล่าอู๋พูดอย่างหวาดกลัว

มู่หรงฉางเฟิงพยักหน้า และมองไปที่ศพของนายท่านฉินอีกครั้ง

จากนั้น มู่หรงฉางเฟิงก็แสดงรอยยิ้มที่มีเลศนัย และบ่นพึมพำเสียงเบา “ดูเหมือนว่า……หลอซ่าได้กลับมาแล้ว”

มู่หรงฉางเฟิงเป็นคนฉลาดมาก ด้วยสถานะในตอนนี้ของนายท่านฉินในเมืองเอก แม้จะเป็นผู้มีอำนาจขนาดไหน ก็ไม่สามารถบีบบังคับเขาให้ตายได้

มีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถบีบบังคับเขาให้ตายได้ และมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือหลอซ่า

“ใช่สิ ตอนนี้ใครเป็นผู้รับผิดชอบตระกูลฉิน?” มู่หรงฉางเฟิงถามอีกครั้ง

“คือคุณหนูใหญ่” เหล่าอู๋พูด

“ภรรยาของฉัน?” ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท