บทที่448 การดวลกันของส้าวส้วยกับหมาทิเบตัน
ดวลไป ก็ต้องหลบการเหนี่ยวไกของโหจื่อไปอย่างอกสั่นขวัญแขวนด้วยเนี่ยนะ?
แบบนั้น ตัวเองได้แพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
หมาทิเบตันรู้สึกอึดอัดใจสุดๆ จึงพูดคำขอไป“ส้าวส้วย คุณก็อยากดวลกับผมสักครั้งอย่างสง่าผ่าเผยสินะ?”
“เอ่อ……”
ส้าวส้วยลังเลเล็กน้อยแล้วจึงพูด“ผมไม่ให้ความสำคัญกับกระบวนการนัก”
“ผมสนใจผลลัพธ์มากกว่า”ส้าวส้วยหัวเราะออกมา
“พูดอีกอย่างนะ ผมที่ขาไม่ยาว เขาอยากตามมาด้วย แล้วผมจะทำไงได้?”
หมาทิเบตันที่เพิ่งเข้าไปในป่า สีหน้าก็เปลี่ยนทันที
หมาทิเบตันโมโหมาก คำพูดของส้าวส้วยนี้กำลังบอกว่า โหจื่อลงมือก็ไม่มีปัญหาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“คุณไม่ใช่อาจารย์เขาเหรอ?”
หมาทิเบตันขมวดคิ้ว เขาคิดว่าส้าวส้วยกำลังหลอกเขาอย่างเห็นได้ชัด
“โหจื่อ เอาปืนของคุณ เก็บไปก่อนไป”
ตอนนี้ส้าวส้วยจึงพูด
โหจื่อพูดอย่างไม่เต็มใจนัก“ก็ได้”
โหจื่อพูดจบ ก็เปิดประตูรถ
สีหน้าของหมาทิเบตัน เปลี่ยนไปอีกครั้ง
กุญแจถูกเขาบดขยี้ไปแล้วชัดๆ แล้วโหจื่อเปิดประตูรถได้ไง?
โหจื่อหัวเราะ มองความตะลึงของหมาทิเบตันออก จึงพูด“เมื่อก่อนผมคือขโมย”
ทักษะขโมยรถของส้าวส้วย ยังต้องเรียนจากโหจื่อ
พอเปิดประตูรถ โหจื่อก็เอาปืนทองในมือ ทิ้งไปที่นั่งคนขับในรถ
“แบบนี้ได้แล้วใช่ไหม?”
โหจื่อกางมือออกแล้วพูด
“บนตัวถานเหิน ไม่เคยพกปืนแค่กระบอกเดียว อย่ามองว่าผมหมาทิเบตันนั้นโง่”หมาทิเบตันพูดด้วยเสียงฮึดฮัด
โหจื่อส่ายหน้า ถอนหายใจ แล้วพูด“เห้อ ดูเหมือนมีชื่อเสียงมากไปไม่ใช่เรื่องดี”
“แม้แต่ปืนก็ยังซ่อนไม่อยู่”
โหจื่อหัวเราะอย่างขมขื่น หยิบออกมาอีกสองกระบอกจากตัวของตัวเอง
แต่ หมาทิเบตันยังไม่เชื่อเขา
“ผมจะค้นตัว”
หมาทิเบตันเดินไปทางโหจื่อ ใบหน้าเขาดูระวังตัว ตอนที่เดินไปก็ระมัดระวัง กลัวจู่ๆโหจื่อจะยิงใส่เขา
“ห่า คุณสงสัยในตัวผมน่ะสิ”
โหจื่อพูดอย่างโกรธๆเล็กน้อย“ผมบอกคุณให้ คนอย่างผมซื่อสัตย์มาก”
โหจื่อเพิ่งพูดจบ ในแขนเสื้อเขา ก็มีปืนกระบอกหนึ่งตกลงมา
“เหอะเหอะ ลืมไป ลืมไป”
โหจื่อหัวเราะด้วยใบหน้าอึดอัด
สีหน้าหมาทิเบตันหม่นลง มาตรงหน้าโหจื่อ“ผมไม่ได้สงสัยในตัวคุณ ผมแค่ห่วงความปลอดภัยของตัวเอง”
หมาทิเบตันตบๆไปที่ตัวของโหจื่อสองสามปี แล้วก็ตบเจอปืนหนึ่งกระบอก
หมาทิเบตันขมวดคิ้ว“ที่ตัวคุณมีปืนซ่อนไว้กี่กระบอกกันแน่?”
“เหอะเหอะ นี่คือปืนฉีดน้ำ ทำไม คุณลืมแล้วเหรอ?”
โหจื่อหยิบออกมา หัวเราะไปก็พูดไป“ไม่งั้น คุณลองไหมล่ะ?”
โหจื่อพูดไป ก็เอาปากกระบอกปืนไปจ่อที่หมาทิเบตัน หมาทิเบตันดูเกร็ง เกือบจะลงมือกับโหจื่อ
ดีที่โหจื่อเอาปากกระบอกปืนเล็งไปที่หัวของตัวเองทันที“ดูสิทำคุณตกใจหมด คุณเป็นถึงคนของสำนักหยิ่งซาเชียว!”
“คนของสำนักหยิ่งซานี้ ขี้ขลาดขนาดนี้เลยเหรอ?”
โหจื่อหัวเราะอย่างเหยียดหยาม ถือปืนเล็งมาที่หัวของตัวเอง เหนี่ยวไกยิงใส่
สายน้ำ ก็ยิงเข้าใส่เส้นผมของโหจื่อโดยตรง
“เห็นไหม?นี่มันปืนฉีดน้ำ!”โหจื่อพูดเบาๆ
หมาทิเบตันมองสำรวจโหจื่อหัวจรดเท้าอยู่นาน โหจื่อเริ่มทนไม่ไหวแล้ว“ห่า คุณจ้องน้องชายผมทำห่าไร ผมจะเอาปืนไปซ่อนในนั้นได้เหรอไง?”
“ช่างเถอะ เดี๋ยวผมถอดกางเกง ให้คุณดูเอง!”
โหจื่อพูดจบอย่างหมดคำพูด ก็แกะเข็มขัดของตัวเองออกโดยตรง
หมาทิเบตันจ้องโหจื่อ และก็ไม่ได้ห้าม
เป็นไปไม่ได้ที่โหจื่อจะหยุดครึ่งทาง ดูท่าทางแล้ว หมาทิเบตันคงสงสัยจริงๆว่าเขากำลังเอาปืนซ่อนไว้ในกางเกง
“ถอดสิ”
มองโหจื่อไม่ยอมถอดต่อ หมาทิเบตันก็สงสัยมากขึ้น
“แม่เอ๊ย ผมจะถอดก็ถอดให้สาวๆดู ทำไมต้องถอดให้พวกคุณชายอย่างคุณดูด้วย”โหจื่อดึงกางเกงขึ้น
และในตอนนี้ส้าวส้วยกลับเดินเข้ามา“โหจื่อ เอาปืนในกางเกงออกมาเถอะ”
หมาทิเบตันขมวดคิ้ว“ซ่อนปืนไว้จริงๆเหรอ?”
โหจื่อจึงเอามือใส่เข้าไปในกางเกงอย่างเซ็งๆ แล้วเอาปืนเล็กๆออกมา
ปืนที่ตัวโหจื่อ ล้วนแต่เป็นสั่งทำโดยเฉพาะ เป็นปืนที่ไม่เห็นบนท้องตลาด
“อาจารย์ ตอนนี้ผมช่วยคุณไม่ได้แล้ว”
โหจื่อมองส้าวส้วยอย่างทำอะไรไม่ได้ พูดว่า“เดี๋ยวต้องพึ่งตัวคุณเองแล้ว”
“อือ”
ส้าวส้วยตอบรับไปหนึ่งคำ แล้วพูด“วางใจเถอะ ผมไม่แพ้หรอก”
“ก็ไม่แน่หรอก”
หมาทิเบตันหัวเราะอย่างร้ายกาจ มองเห็นปืนของโหจื่อต่างเอาออกมาหมดแล้ว ความกังวลในใจของหมาทิเบตัน ก็ไม่มีแล้ว
ไม่มีอะไรให้ต้องห่วง หมาทิเบตันสามารถดวลกับส้าวส้วยได้ทั้งตัวและจิตใจแล้ว
“ไปเถอะ”ส้าวส้วยมองหมาทิเบตันแวบหนึ่งแล้วพูด
หมาทิเบตันพยักหน้า เริ่มลุกขึ้น
ส่วนโหจื่อก็ตามมาด้วยกัน
“ปืนในมือคุณนี้ก็เอาวางลงด้วยเถอะ”หมาทิเบตันพูดกับโหจื่อ
“แม่เอ๊ย นี่มันปืนฉีดน้ำ ปืนฉีดน้ำ?ปืนฉีดน้ำคุณก็กลัวเหรอ!”พูดไป โหจื่อก็ยิงใส่พื้น แล้วก็จริงๆด้วย ที่ออกมาคือน้ำ
“ผมเดินอยู่ในยุทธภพนี้มีกฎอยู่หนึ่งอย่าง ก็คือไม่ว่าเมื่อไหร่ ที่ตัวต้องพกปืนอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะเป็นปืนฉีดน้ำก็ตาม”
“ผมจะทำลายกฎของตัวเองไม่ได้”โหจื่อพูดยืนหยัด
“แม่เอ๊ยถ้าคุณไม่พอใจ ตอนนี้ผมจะกลับไปแล้วเอาปืนของผมเก็บขึ้นมา ยิงใส่คุณ”โหจื่อมองหมาทิเบตันอย่างไม่พอใจ พูดอย่างโกรธๆ
“โอเค”
หมาทิเบตันพูดอย่างดูถูก“ดูสิว่าคุณอายุมากเท่าไหร่แล้ว ทำไมยังเล่นปืนฉีดน้ำอยู่อีก!”
“เกี่ยวอะไรกับคุณ!”
ไม่นานนัก พวกเขาต่างก็มาที่กลางป่า
ค่ำคืนอันมืดสลัว ในป่านอกจากจะมีแสงจันทร์ส่องแล้ว ส่วนมากก็มืดสนิท
หลี่ฝางก็อยากไปดูการดวลกันของสุดยอดฝีมือดีในครั้งนี้ แต่หูเฟยได้รับบาดเจ็บ หลี่ฝางไม่สามารถปล่อยและไม่สนใจเขาได้
ยังไงหูเฟยก็ได้รับบาดเจ็บเพราะว่าช่วยตัวเอง
“หูเฟย ผมส่งคุณไปโรงพยาบาลละกัน”
หลี่ฝางพูดกับหูเฟยอย่างใส่ใจ“เหมือนข้อมือคุณจะหัก”
หูเฟยส่ายหน้า“ไปเถอะ พวกเราก็ไปดูกันเถอะ”
หูเฟยพูดอย่างตกใจ“ตอนที่ผมเข้าร่วมฝึกอบรมตำรวจ ก็เคยเห็นการแข่งขันประลองกันมาไม่น้อย และก็เคยเข้าร่วมด้วย แต่ผมรู้สึกว่า เหมือนผมจะเป็นกบในกะลา”
“ฝีมือของหมาทิเบตันนี้ สูงกว่าผมเยอะเลย”
“แล้วก็ส้าวส้วยที่อยู่ข้างกายคุณนั่น เขาก็ยิ่งลึกระดับก้นสมุทรเข้าไปอีก”หูเฟยสูดหายใจลึกๆ“ข้อมือของผมไม่เป็นไร รอพวกเขาสู้กันเสร็จ ค่อยไปโรงพยาบาลก็ไม่สาย”
หูเฟยก็คือคนโหด อดทนความเจ็บไว้ จะไปดูการดวลนัดนี้
หมาทิเบตันเพิ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่า จู่ๆก็หันหน้าไป จากนั้นก็กำหมัด แล้วปล่อยไปที่ส้าวส้วย
“คุณแอบโจมตีอีกแล้ว”
ส้าวส้วยตระหนักได้นานแล้ว เขายื่นมือออกไป รวบหมัดของหมาทิเบตันนี้ไว้
สีหน้าหมาทิเบตันเกร็ง เขาคิดไม่ถึงว่าส้าวส้วยจะสามารถรับหมัดของตัวเองได้อย่างง่ายดาย
หมายความว่า กำลังของส้าวส้วย อยู่เหนือกว่าเขา
แต่ว่า หมาทิเบตันไม่กลัวเท่าไหร่
การดวล พละกำลังเป็นด้านหนึ่ง ทักษะก็เป็นอีกด้านหนึ่ง
ส้าวส้วยแค่มีประวัติเป็นทหารรับจ้างสามปี ส่วนหมาทิเบตัน เขาเป็นถึงคนเก่าแก่ของแวดวงทหารรับจ้าง มีผลการรบยาวนานกว่าสิบปี
อาศัยประสบการณ์การฆ่ามามากกว่าสิบปี หมาทิเบตันคิดว่าตัวเองไม่แพ้แน่
จากนั้น เท้าทั้งสองของหมาทิเบตันขยับ ออกแรงใช้หันใต้เท้า บีบใส่ส้าวส้วยจนถอยหลังไปหลายก้าว
ปล่อยหมัดดังปัง หมาทิเบตันปล่อยออกไปอีกหมัด
ส่วนส้าวส้วย ก็กำหมัดแน่น ลุยเข้าไป
ฝ่ามือทั้งสองชนเข้ากันอย่างหนัก กระดูกของทั้งสอง ต่างส่งเสียงดังกึก
ไม่ว่าจะเป็นส้าวส้วยหรือว่าหมาทิเบตัน พวกเขาต่างไม่ออมมือ
กำปั้นนี้ ต่างออกแรงอย่างหนัก
หมาทิเบตันกลับสูดลมหายใจอันเยือกเย็น ถอยหลังออกไปทันที กำปั้นของเขา แม้กระทั่งทั้งแขน ก็เริ่มสั่นขึ้นมา
แต่ส้าวส้วย กลับเหมือนคนไม่เป็นไร
ส้าวส้วยได้แต่ยิ้ม แล้วปล่อยหมัดออกไปอีก
“คุณมันบ้า!”
หมาทิเบตันด่าออกไป แล้วชักดาบออกมา จากช่วงเอวของตัวเอง
นี่คือดาบนุ่มหนึ่งเล่ม ปกติหมาทิเบตันเอามาเป็นเข็มขัด คาดไว้ที่เอวของตัวเอง
หมาทิเบตันชักดาบนุ่มออกมา ชี้ไปที่ท้องฟ้า
ทันใดนั้น ส้าวส้วยถูกบีบจนถอยหลังไปหลายก้าว
จนกระทั่งเสื้อผ้าที่ตัวส้าวส้วย หลายๆจุดต่างถูกบาดจนขาด
“นานแล้วที่ไม่มีคนบีบให้ผมต้องใช้ดาบ”หมาทิเบตันถอนหายใจ แล้วพูด“นี่เป็นถึงดาบอันเลื่องลือชื่อ ตายใต้ดาบนี้ ก็ถือว่าเป็นเกียรติของคุณ”
“เกียรตินี้ผมรับไว้ไม่ได้หรอก เก็บไว้ให้ตัวคุณเองเถอะ”
สีหน้าส้าวส้วยได้แต่ปรากฏความเคร่งขรึมอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลุยเข้าไปอีกครั้ง
“อยากตายสินะ!”
หมาทิเบตันขมวดคิ้ว ดาบแทงเข้าไป