บทที่ 455 ส้าวส้วย ไม่ได้พบกันนาน
มือปืนก็ตายไปทั้งๆ อย่างนั้น
ครั้งนี้ หลี่ฝางถือว่าเฉยๆ อยู่
ยังไงในคืนนี้ หลี่ฝางได้เห็นหลายชีวิตต้องตายไป
หลังจากที่มู่หรงฉางเฟิงเห็นภาพนี้ ใจของเขาก็เย็นวาบ
ไม่ว่าจะยังไงเขาก็คาดไม่ถึง ว่าคนของตนในมือถือปืนไว้อยู่ ยังตายด้วยน้ำมือของส้าวส้วย……
ใจของมู่หรงฉางเฟิง ก็ร้อนรนขึ้นมาทันที
มือปืนก็ถูกฆ่าไปแล้ว งั้นเขาล่ะ?
มู่หรงฉางเฟิงรู้ว่า ต่อมาชีวิตของเขา ก็คงไปดีได้ไม่เท่าไหร่
มู่หรงฉางเฟิงใจลนลาน สายตามองไปถามหลี่ฝาง
หลี่ฝาง เป็นความหวังเดียวของมู่หรงฉางเฟิงแล้ว
ตอนที่ส้าวส้วยกระโดดลงจากรถ เขาไม่ได้ปิดประตูรถ
และหลี่ฝางก็ไม่ได้ปิดมัน
มู่หรงฉางเฟิงฉวยโอกาสนี้ กระโดดเข้าไป
เมื่อเห็นเงาร่างของมู่หรงฉางเฟิง หลี่ฝางก็ตกใจ
“เชี่ยแม่ง!” เมื่อเห็นสองมือของมู่หรงฉางเฟิงเกาะประตูรถไว้ หลี่ฝางก็ตกใจจนเผลอสบถออกมา
พอดีกับที่เขาสบถ ส้าวส้วยก็หันมามอง
มู่หรงฉางเฟิงจ้องหลี่ฝาง ด้วยสายตาอันแรงกล้า
เขาพุ่งเข้าไปในรถ โดยไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ในมือของมู่หรงฉางเฟิง มีมีดอยู่หนึ่งเล่ม เป้าหมายของเขา ไม่ใช่การฆ่าหลี่ฝาง เขาเป็นอยากเอาตัวหลี่ฝางมาเป็นตัวประกัน
ถ้าฆ่าหลี่ฝางทิ้ง ตัวเขาก็จะโดนส้าวส้วยฆ่าทิ้ง
หลี่ฝาง ถือว่าเป็นทางรอดเส้นสุดท้ายของเขาแล้ว
หลี่ฝางถีบ เข้าไปที่หัวของมู่หรงฉางเฟิง
มู่หรงฉางเฟิงถูกเตะ ใบหน้าก็แสดงให้เห็นถึงความเหี้ยม
เขาใช้มีดของเขา ตัดขากางเกงของหลี่ฝางทันที
ถึงแม้จะไม่ได้เฉือนถูกเนื้อของหลี่ฝาง แต่หลี่ฝางก็ตกใจมาก
“ฮาโหล”
และในตอนนั้น ส้าวส้วยก็มาแล้ว
ส้าวส้วยคว้าเท้าของมู่หรงฉางเฟิงไว้ จากนั้นก็กระชาก กระชากทีเดียวทำเอาเขาออกไปอยู่นอกรถ
มู่หรงฉางเฟิงหันกลับมา มองส้าวส้วย นัยน์ตาเขา แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังทันที
“นาย……”
มู่หรงฉางเฟิงมองส้าวส้วย: “นายฆ่าฉันไม่ได้นะ ฉันเป็นคนของสี่ตระกูลใหญ่นะ”
“ก็ใช่ไง เป้าหมายที่กลับมาในครั้งนี้ ก็เพื่อมาชำระแค้นสี่ตระกูลใหญ่ไง” ส้าวส้วยหัวเราะอย่างสนุกสนาน: “ทำไม หรือว่านายลืมไปแล้วเหรอ?”
ริมฝีปากของมู่หรงฉางเฟิงสั่นเทา พูดอะไรไม่ออก
ตามเดิม ทั้งสองตระกูลนี้ก็มีความแค้นต่อกัน
แล้วก็เมื่อกี้เขาก็พามือปืนมาฆ่าส้าวส้วย
มู่หรงฉางเฟิงยกแขนขึ้น มีดเล่มที่อยู่ในมือนั้น เหวี่ยงไปทางส้าวส้วย
แต่ฝีมือของมู่หรงฉางเฟิง สำหรับคนอื่นแล้วถือว่าใช้ได้ แต่สำหรับส้าวส้วยนั้น ก็เหมือนกับเด็กสู้กับยอดมนุษย์
เปรียบได้ว่าใช้ไข่มาทุบหิน
ส้าวส้วยคว้าแขนของมู่หรงฉางเฟิงไว้: “เจ็บแล้วไม่จำจริงๆ !”
สีหน้าของส้าวส้วยเย็นชา อยู่ๆ ก็เพิ่มแรงที่มือ
มู่หรงฉางเฟิงเจ็บ จนปล่อยมีดหลุดออกจากมือ
เสียงร้องโอดครวญ ดังออกมาจากปากของมู่หรงฉางเฟิง
สุดท้ายมู่หรงฉางเฟิงเจ็บจนคุกเข่าลงไปกองกับพื้น
ส่วนส้าวส้วย ก็กำหมัดแน่น แล้วเล็งไปที่แขนของมู่หรงฉางเฟิง และต่อยลงไป
กร๊อบ!
แขนข้างนึงของมู่หรงฉางเฟิง หักจนไม่รู้จะหักยังไงแล้ว
“ทำแขนนายหักหนึ่งข้าง ถือซะว่าเป็นการเตือนนาย” ส้าวส้วยพูดอย่างเย็นชา
“ส่งข่าวไปให้ตระกูลมู่หรงของนาย ว่าหลอซ่ากลับมาแล้ว บอกพวกเขาว่าหลังจากนี้เวลานอนหลับ ให้เปิดตาไว้” ส้าวส้วยพูดจบ ก็ปล่อยมู่หรงฉางเฟิง
มู่หรงฉางเฟิงกัดฟันกรอด แขนของเขา ยกไม่ขึ้น
กระดูกแขนของเขา ถูกส้าวส้วยทุบซะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“นายมันร้ายกาจ”
มู่หรงฉางเฟิงมองส้าวส้วย แล้วพูดอย่างเย็นชา
นัยน์ตาของมู่หรงฉางเฟิง เต็มไปด้วยความเคียดแค้น
ส้าวส้วยหันกลับมา มองมู่หรงฉางเฟิง: “ฉันไม่ชอบให้คนอื่นมองฉันด้วยสายตาแบบนี้”
“นายไม่อยากเก็บดวงตาทั้งสองข้างของนายไว้แล้ว ใช่มั้ย?” ส้าวส้วยข่มขู่ ด้วยสีหน้าเย็นชา
มู่หรงฉางเฟิงตกใจจนไม่กล้าพูดอะไร
“ไสหัวไป”
ส้าวส้วยไล่ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
มู่หรงฉางเฟิงได้ยินคำว่าไป ราวกับถูกนิรโทษกรรม เขารีบลุกแล้ววิ่งหนีทันที
“ปล่อยเขาไปแบบนี้เลยเหรอ?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยสะใจ
“มือปืนของเขาเมื่อกี้เกือบจะฆ่าพวกเราเลยนะ” หลี่ฝางพูดขึ้น
“เจ้านายอยากได้ชีวิตของมู่หรงฉางเฟิง?”
มู่หรงฉางเฟิงไปได้ไม่ไกล ถ้าหากหลี่ฝางสั่ง ส้าวส้วยสามารถตามไป ฆ่าเขาได้
“ช่างเถอะ นายก็ปล่อยไปแล้วนี่ นั่นแสดงว่านายก็มีเหตุผลของนาย”
หลี่ฝางรู้ว่าส้าวส้วยเป็นคนที่ไม่มีความเมตตา สำหรับศัตรูแล้วยิ่งไม่มี
แต่หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะถาม: “ทำไมนายถึงปล่อยเขาไป?”
ส้าวส้วยหัวเราะ แล้วพูด: “ปล่อยเบ็ดไป ตกปลาตัวใหญ่ มู่หรงฉางเฟิงคนนี้เป็นคนที่อาฆาตแค้น ฉันหักแขนมันไปข้างนึง เมื่อมันกลับไปที่ตระกูล มันจะต้องพาคนฝีมือดีมาล้างแค้นฉันแน่”
ส้าวส้วยพูด พลางยิ้ม อย่างมีเลศนัย
“ซือถูเฟยรอพวกเราอยู่”
หลี่ฝางเห็นข้อความของซือถูเฟย
ระหว่างนี้ ซือถูเฟยโทรมาหาหลายสาย แต่หลี่ฝางไม่ได้รับ
“หน้าซื่อใจคด” ส้าวส้วยมองข้อความ แล้วพูดอย่างเหยียดหยาม
หลี่ฝางก็แสดงว่าเห็นด้วย
ถ้าหากซือถูเฟยเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของหลี่ฝางจริงๆ ละก็ โดยปกติแล้ว เขาก็ควรจะเลี้ยวรถ กลับมาดูหน่อยไม่ใช่เหรอ?
“โทรหาหูเฟยเถอะ”
ส้าวส้วยพูด: “ให้เขามาเคลียร์”
“ให้เขามาเคลียร์?” หลี่ฝางสับสนเล็กน้อย: “เขาเป็นตำรวจนะ ที่นี่มีคนตาย ให้เขามา นั่นจะพาปัญหามาด้วยไม่ใช่เหรอ?”
หลี่ฝางรู้ ว่าฝั่งตระกูลหลี่ ก็มีเส้นสายไม่น้อย
ถ้าไม่งั้น หลังจากที่ลูกน้องของเหยสงตั้งมากมาย บุกถล่มบ้านตระกูลสวี จะถูกจับได้ยังไง?
หลี่ฝางเดาออก ว่าพ่อของตนนั้น ก็พอมีเส้นสายไม่น้อย
“ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ต้องหาหนีคดี หูเฟยอยากจะจับมันมานานแล้ว อีกอย่างเมื่อไม่นานมานี้ มันฆ่าคนไปครอบครัวนึง กองบัญชาการตำรวจเลยต้องปวดหัวกับการไล่ล่าตัวมัน”
ส้าวส้วยหัวเราะ แล้วพูด: “พอดีเลยไม่ใช่เหรอ ช่วยเขาปิดคดี”
“หูเฟยอยากจะร่วมมือกับตระกูลหลี่ของพวกเราไม่ใช่เหรอ? ถึงกับอยากจะร่วมมือ งั้นก็ให้ของขวัญเขาสักชิ้น ให้เขาเลื่อนขั้น” ส้าวส้วยก็ยังคงหัวเราะอยู่
หลี่ฝางมองส้าวส้วย แล้วถามขึ้น: “นี่เป็นความต้องการของพ่อฉัน หรือว่าของนาย?”
“แน่นอนว่าเป็นความต้องการของลูกพี่ใหญ่ ฉันมีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องใหญ่ๆ แบบนี้ที่ไหน” ส้าวส้วยยักไหล่พลางพูด
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วก็โทรหาหูเฟย
เมื่อหูเฟยได้ยินว่าจับผู้ร้ายหนีคดีได้ เขาก็ตื่นเต้น
ที่จริง หูเฟยอยู่ที่โรงพยาบาล แต่เมื่อได้ยินข่าวนี้ เขาก็รีบเรียกลูกน้องของตนทันที แล้วก็วิ่งออกมาจากโรงพยาบาล
เรื่องตำแหน่งสำคัญกว่า
สามารถ เลื่อนตำแหน่งได้
“พวกเราจะไปเลย? หรือว่ารอหูเฟยมาก่อน” หลังจากวางสาย หลี่ฝางก็ถามขึ้น
ส้าวส้วยหยิบบุหรี่ขึ้นมาซองนึง แล้วยื่นให้หลี่ฝางหนึ่งมวน: “รอก่อนเถอะ ให้ซือถูเฟยนั่น รออีกหน่อย”
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วสูบบุหรี่
เวลาผ่านไปประมาณสิบนาที ก็มีรถตำรวจขับมาสองคัน
และในตอนนี้ ส้าวส้วยก็เริ่มเคลื่อนรถ ตามซือถูเฟยไป
ซือถูเฟยเห็นหลี่ฝาง จึงถาม: “คุณชายหลี่ ทำไมถึงเพิ่งมาล่ะ เกิดอุบัติเหตุเหรอ? เมื่อกี้เหมือนกับเห็นว่ามีรถตำรวจขับผ่านไป”
“นายไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย ซือถูเฟย นายให้มู่หรงฉางเฟิงพามือปืนมาเล่นงานพวกเราใช่มั้ย” หลี่ฝางถามอย่างสงสัย
“มู่หรงฉางเฟิง? เขามาวุ่นวายกับพวกนายเหรอ?”
ซือถูเฟยส่ายหน้า แล้วพูด: “เรื่องนี้ฉันไม่รู้จริงๆ ”
“รีบนำไปเถอะ” ส้าวส้วยไม่ได้พูดอะไร
“นายจะพาพวกเราไปบ้านนายไม่ใช่เหรอ?” ส้าวส้วยมองบนใส่ซือถูเฟย
ซือถูเฟยพยักหน้า แล้วออกรถไป: “ฉันรู้ว่าพวกนายไม่เชื่อฉัน แต่อีกเดี๋ยว พวกนายก็จะเชื่อ”
ก่อนจะออกรถ ซือถูเฟยก็ทิ้งคำพูดไว้หนหนึ่งประโยค
หลี่ฝางหันไปมองส้าวส้วย: “เรื่องที่มู่หรงฉางเฟิงลอบทำร้ายเรา นายว่าซือถูเฟยรู้อยู่ก่อนหน้าแล้วมั้ย?”
“เมื่อกี้ที่หน้าบ้านตระกูลฉิน พวกเขาสองคนพูดไปหัวเราะไป คุยกันอยู่นาน” หลี่ฝางถาม
ส้าวส้วยส่ายหน้า: “สัมผัสที่หกของฉันบอกฉันว่า ซือถูเฟยไม่เหมือนคนที่ต้องการทำร้ายเรา”
“ไปเถอะ ไปดูว่าสรุปแล้วเขาจะมาไม้ไหนกันแน่ ที่เขาพูดเมื่อกี้ ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ” ส้าวส้วยเร่งความเร็ว
ตอนนี้ ก็สายมากแล้ว
ซือถูเฟยขับรถ เข้าไปในหมู่บ้านธรรมดาที่นึง
หลังจากลงจากรถ ส้าวส้วยก็มองซือถูเฟย แล้วพูด: “อย่าบอกนะ ว่าที่นี่คือแหล่งกบดานของพวกนายสี่ตระกูลใหญ่”
สีหน้าของส้าวส้วย เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“ส้าวส้วย ไม่ได้เจอกันนานนะ”
ในตอนนั้น ก็มีเสียงที่คมชัด ดังมาจากด้านหลังของส้าวส้วย