NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 469

ตอนที่ 469

บทที่ 469 คนที่เคยชนะส้าวส้วย

“ส้าวส้วย นี่นายหมายความว่าไง”

หลี่ฝางไม่ค่อยเข้าใจ ที่เขาถามก็ไม่ได้มีแววจะโทษส้าวส้วย เพียงแต่แปลกใจ

ถ้าจะสั่งสอนตู้เฟย หาที่ที่ไม่มีกล้องวงจรปิดก็ได้

“เจ้านาย ปลาจะหุบเหยื่อแล้ว”ส้าวส้วยยิ้มอย่างลึกลับ

ปลาจะงับเหยื่อ

หลี่ฝางไม่เข้าใจความหมายของส้าวส้วย ได้แต่มองเขาอย่างสงสัย ถามต่อว่า “นายพูดให้ชัดหน่อย ได้ไหม”

“เจ้านาย คุณอย่าเพิ่งถาม รอดูไปเถอะ”

ส้าวส้วยพูด ถึงหลี่ฝางไปข้างๆ

ตู้เฟยที่อยู่ในมือซินปา แม้แต่ช่องว่างจะโต้กลับก็ไม่มี ได้แต่เป็นฝ่ายรับอย่างเดียว

และส้าวส้วย ยังคงตะโกนอยู่หลังซินปา ให้ซินปาเพิ่มแรงขึ้นอีก

หลี่ฝางใกล้จะหมดคำพูดแล้ว ถ้าขืนยังเพิ่มแรง ตู้เฟยต้องถูกซินปาตีตายแน่

แต่หลี่ฝางก็ไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่ยืนดูอย่างเงียบๆอยู่ข้างๆ

หลี่ฝางจะรอดู ว่าส้าวส้วยคิดอะไรอยู่กันแน่

ซินปารูปร่างบึกบึน แล้วก็ดุดัน

ฉะนั้นคนที่เดินไปมามองเห็น ก็ไม่กล้าเข้าไปห้าม

ผ่านไปเดี๋ยวเดียว ตอนที่ตู้เฟยถูกต่อยจนเกือบจะไม่ไหวแล้ว มีคนใส่เสื้อดำสองคนเดินเข้ามาในโรงพยาบาล

พอคนใส่เสื้อดำสองคนเข้ามา สายตาก็มองไปที่ซินปากับตู้เฟย

“ปลางับเหยื่อแล้ว ”ส้าวส้วยมองสองคนนั้น ยิ้มขึ้น

สองคนนี้ไปตรงหน้าซินปา หนึ่งในนั้นลงมือ พลิกตัวซินปาจนล้มไปบนพื้นอีกข้าง

อีกคนเอามือไปอังที่จมูกของตู้เฟย จากนั้นก็อุ้มตู้เฟยขึ้น พุ่งเข้าไปในโรงพยาบาล

“ตาผมลงมือแล้ว”

ส้าวส้วยหัวเราะ ก้าวเท้าออกไป

ส้าวส้วยฝีเท้าเร็วมาก ไม่กี่วิก็ไปถึงหน้าของคนใส่ชุดสีดำ

เดิมที คนชุดดำกำลังคว้าคอเสื้อซินปา กำหมัดขึ้น กำลังจะต่อยไปที่หน้าซินปา

ส้าวส้วยยื่นมือไป จับข้อมือของคนชุดดำเอาไว้

“คู่ต่อสู้ของนาย คือฉัน”

คนเสื้อดำหน้าไร้ความรู้สึก เพียงแต่มองส้าวส้วยแวบหนึ่ง หมัดขวาก็พุ่งออกไปทันที

แต่ส้าวส้วยหัวเราะเบาๆ มืออีกข้าง ก็คว้าข้อมืออีกข้างของคนชุดดำ แขนสองข้างถูกจับไว้แล้ว สีหน้าของคนชุดดำ เห็นได้ชัดว่ากำลังลนลาน

เขารู้ ว่าตัวเองเจอกับยอดฝีมือเข้าแล้ว

“อะจี๋”

ชายชุดดำตะโกนเสียงดังไปยังภายในโรงพยาบาล เสียงดุจฟ้าผ่า ดังไปทั่วทั้งโรงพยาบาล

คนชุดดำคนนี้รู้ว่า ตัวเองไม่ใช้คู่ต่อสู้กับส้าวส้วย จึงได้เริ่มเรียกให้คนช่วย

คนชุดดำอีกคนที่ชื่ออะจี๋ ได้ยินเสียงเรียก ก็รีบวางตู้เฟยไว้ตรงหน้าหมอ “คุณหมอ รบกวนช่วยเด็กคนนี้ด้วย ช้าไปเกรงว่าจะไม่ทันการณ์”

พูดจบ อะจี๋ก็รีบหมุนตัว วิ่งออกไปจากโรงพยาบาลทันที

“อะหมัน”

เห็นสองมือของอะหมันถูกล็อกเอาไว้ อะจี๋ร้องเรียกหนึ่งเสียง ก็รีบพุ่งเข้าไป

ตอนที่อาจี๋พุ่งเข้ามา เขากำหมัดขึ้น ทุบลงไปสุดแรงเกิดที่หลังของส้าวส้วย

“ระวัง”หลังจากหลี่ฝางเห็นเข้า ก็รีบเตือนส้าวส้วยทันที

แต่ส้าวส้วยไม่รีบร้อน ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าหรือจังหวะ ไม่มีวี่แววร้อนรนเลยสักนิด

ขณะที่หมัดของอะจี๋จวนตัวแล้ว ส้าวส้วยหัวเราะ มุมปากของเขา มีรอยยิ้มชั่วร้ายและมีเสน่ห์ก็ผุดขึ้น

เสียงดังสวบ

ส้าวส้วยขยับเท้า สลับตำแหน่งที่ตัวเองยืนอยู่ กับอะหมัน

อะจี๋ม่านตาหดลง แม้ว่าเขาจะมองเห็นฉากนี้ แต่หมัดของเขา ก็เก็บคืนมาไม่ได้แล้ว

หมัดของอะจี๋ ทุบลงไปที่หลังของอะหมัน

หมัดเดียว หนักมาก

อะจี๋ราวกับมีหมัดเหล็ก หมัดที่ทุบลงกลางหลังอะหมัน ทำเอาอะหมันกระอักเลือดออกมาจากมุมปาก

เห็นฉากนี้ตรงหน้า ผู้คนรอบๆต่างสูดลมหายใจ

นี่มันคนอะไรกัน แค่หมัดเดียวก็ทำเอาอีกฝ่ายกระอักเลือด

หรือจะเป็นยอดฝีมือในยุทธจักรที่ร่ำลือกันมา

“อะหมัน ”อะจี๋เรียกหนึ่งเสียง แล้วมองไปยังส้าวส้วย สีหน้าเผยแววโหดเหี้ยม

“ฉันจะฆ่าแก”

อาจี๋คำราม พุ่งหมัดไปที่ส้าวส้วย

และส้าวส้วยก็ออกหมัดเช่นกัน พุ่งหมัดออกไป

หมัดชนหมัด เกิดเสียงดังปัง

จากนั้น อะจี๋ก็ถอยหลังไปหลายก้าว เขารู้สึกว่าหมัดของตัวเอง แตกไปแล้ว

ใบหน้าขออะจี๋ มีเหงื่อเย็นไหล

เขามองส้าวส้วยด้วยสีหน้าหวาดกลัว นี่มันคนอะไรกันแน่ ถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้

หมัดของอะจี๋ ฝึกฝนมาตั้งหลายปี

สู้กับคนหมัดต่อหมัด เขาแพ้แค่ไม่กี่ครั้ง

แม้จะแพ้ ก็ไม่ได้มีสภาพอนาถขนาดนี้

ขณะที่อาจี๋กำลังลนลาน ส้าวส้วยก้าวเข้าไป ชกไปอีกหมัด

อะจี๋ที่กำลังสับสน ก็ยกแขนตัวเองขึ้นป้องกันทันที แต่คิดไม่ถึง ว่าหมัดของส้าวส้วย จะทำเอาเขาต้องถอยหลังไปอีกห้าหกก้าว

ฟู่ ทนไม่ไหว อะจี๋กระอักเลือดออกมา

ส้าวส้วยยิ้มอ่อนๆ มองอะจี๋ ถามขึ้น “คนของตระกูลจูเก่อเหรอ”

สีหน้าของอะจี๋ เปลี่ยนไปทันที

เขาไม่คิดว่าสถานะของตัวเองจะถูกเปิดเผย นอกจากคนของตระกูลจูเก่อ มีไม่กี่คนที่รู้จักเขา

“เห็นสีหน้านาย ฉันว่าฉันเดาถูกนะ”

ส้าวส้วยหัวเราะขึ้นมา ใบหน้าเผยแววดีใจ

“จูเก่อชิงสบายดีไหม”

ส้าวส้วยถามขึ้นอีกครั้ง

ตอนนี้เอง อะจี๋กล้ำกลืนความเจ็บ ถามออกไป “นายรู้จักเจ้านายพวกเราด้วยเหรอ”

“ครั้งหนึ่งพวกเราเคยสู้กัน ”

ส้าวส้วยเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันแพ้”

พอพูดออกไป หลี่ฝางก็อึ้งไปทันที

เพราะส้าวส้วยเป็นคนสุดยอดขนาดนี้ แม้แต่สี่ผีที่เจอเมื่อหลายวันก่อน ก็ถูกกำจัดในไม่กี่วินาที

แต่คนอย่างนี้ กลับแพ้ให้กับคุณชายของตระกูลจูเก่อ

แต่พูดกลับกัน นี่มันก็เรื่องเมื่อสามปีที่แล้ว

หลี่ฝางเชื่อว่า ตอนนี้จูเก่อชิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของส้าวส้วยแน่

“นายน้อยของพวกเราร้ายกาจมาก ในบรรดารุ่นเดียวกันในเมืองเอก น้อยมากที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ นายแพ้ให้เขา เห็นทีจะไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกัน”

อะจี๋รู้นิสัยของเจ้านายตัวเองดี

แม้ว่าจูเก่อชิงจะมีวิชาต่อสู้อยู่เต็มตัว แต่ไม่ลงมือกับใครง่ายๆ

อีกอย่าง จูเก่อชิงน้อยมากที่จะออกจากบ้าน

คนที่สามารถสู้กับเขาได้ คนคนนั้น ต้องไม่ธรรมดา

“นายเป็นใคร ”

มองส้าวส้วย อะจี๋ถามขึ้น “เป็นศัตรูของนายน้อยเหรอ”

ส้าวส้วยพยักหน้า พูดว่า “ใช่”

ส้าวส้วยพูดจบ ก็เดินไปข้างหน้าอีกครั้ง คว้าแขนของอะจี๋ขึ้น จากนั้นก็โยนออกไป ทำให้ล้มไปกองกับพื้น

“นายชื่ออะจี๋ อีกคนชื่ออะหมัน”

“หึหึ เห็นทีพวกนายจะไม่ใช่ชาวฮั่น”

ส้าวส้วยเหยียบไปที่คอของอะจี๋ ทำเอาเขากระอักเลือด “แกสองคนน่าจะเป็นพี่น้องกันสินะ”

อะจี๋กับอะหมัน ดูก็รู้ว่าเป็นชนกลุ่มน้อย อีกอย่างพวกเขาสองคนรูปร่างหน้าตาคล้ายกัน แม้จะไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ ก็คงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน

ส้าวส้วยเหยียบอะจี๋ หันไปพูดกับอะหมัน “โทรหานายน้อยของพวกแก บอกว่าฉันกลับมาแล้ว ”

“ใช่แล้ว ฉันชื่อส้าวส้วย”

ส้าวส้วยหรี่ตาลง

อะหมันลังเลเล็กน้อย และตอนนี้เอง ส้าวส้วยเล็งไปที่หน้าอกของอะจี๋ เหยียบลงไปอย่างแรง

ฟู่ อะจี๋กระอักเลือดอีกครั้ง

“ถ้านายยังไม่โทรอีก ฉันจะเตะพี่น้องนายให้ตายไปเลย”ส้าวส้วยขู่ยิ้มๆ

“นายกล้าเหรอ”

“นายดูกล้องวงจรปิดของที่นี่ ดูคนรอบๆตัวสิ นายกล้าฆ่าคนต่อหน้าคนอื่น หรือว่านายไม่กลัว……”

อะหมันยังไม่ทันพูดจบ ส้าวส้วย ก็เตะอะจี๋อีกครั้ง

“กลัว ฉันกลัวมากเลยล่ะ แต่ว่า นายอย่าบีบฉันนะ”

“ขอเพียงนายโทรหาจูเก่อชิง ฉันจะปล่อยพี่น้องนาย ทำไม นายจะบีบให้ฉันฆ่าพี่น้องนายหรือไง”

“หรือว่า นายคิดว่าฉันไม่กล้า ”

ส้าวส้วยหัวเราะและถามขึ้น

อะหมันขมวดคิ้ว มองอะจี๋ที่กองอยู่ที่พื้น สับสนขึ้นมา

เขารู้นิสิยของจูเก่อชิงดี จูเก่อชิงไม่ชอบให้ใครรบกวน

“ทำไม่ นายกลัวจูเก่อชิงเหรอ ”

ส้าวส้วยมองออกถึงความคิดของอะหมัน เลยพูดว่า “นายคิดเอาเองนะ ว่าอยากให้พี่น้องนายตายที่นี่ หรือจะทำใจกล้าหน่อย โทรหานายน้อยของพวกแก ”

“เรื่องไหนสำคัญ นายก็ชั่งใจเอาเอง”

ส้าวส้วยพูด “แต่ว่าความอดทนชั้นมีขีดจำกัด”

“ฉันให้เวลาแกสามสิบวิ เอาล่ะ เริ่มจับเวลา”

ส้าวส้วยพูดจบ ก็ยกแขนขึ้น มองนาฬิกาข้อมือตัวเอง

“ยังเหลือยี่สิบวิ”

“ยังเหลือสิบห้าวิ”

“ยังเหลือ”

ส้าวส้วยยังไม่ทันได้พูดว่าสิบวิ อะหมันก็ควักมือถือตัวเองออกมา จากนั้นก็โทรหาเบอร์หนึ่ง

เสียงโทรศัพท์หลายครั้งจึงมีคนรับ

“มีเรื่องอะไร”

จูเก่าชิงส่งเสียงผ่านปลายสายมา

“นายน้อย เจอยอดฝีมือเข้า เขาบอกว่าเขาชื่อ……”

อะหมันยังไม่ทันได้พูดจบ ส้าวส้วยก็ยกเท้าออกจากร่างของอะจี๋

เดินมาถึงตรงหน้าของอะหมัน แย่งเอามือถือไป

“ยังจำเสียงฉันได้ไหม จูเก่อชิง”ส้าวส้วยถามยิ้มๆ

“ส้าวส้วย นายกลับมาแล้ว”

จูเก่อชิงได้ยินก็รู้ว่าเป็นเสียงของส้าวส้วย

“กล้าแตะต้องคนของตระกูลจูเก่อ ในเมืองเอกมีไม่กี่คนหรอกที่กล้า คนของหลอซ่ายังไม่กล้าเลย และคนของหลอซ่า คนเดียวที่เคยมีเรื่องกับฉัน ก็คือนาย ส้าวส้วย”

จูเก่อชิงหัวเราะ อธิบาย “ส้าวส้วย นายไม่ควรแตะต้องคนของฉัน ”

“ใช่”ส้าวส้วยพยักหน้า เห็นด้วย

“สำนึกผิดแล้วใช่ไหม”จูเก่อชิงคิดไม่ถึงว่าส้าวส้วยจะยอมง่ายขนาดนี้ รู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง

“ฉันควรจะฆ่าพวกมันซะ ถูกมั้ย”

ส้าวส้วยหัวเราะหึหึ พูดว่า “ช่างเถอะ ที่นี่คนเยอะเกินไป แล้วยังเป็นหน้าประตูโรงพยาบาล มีแต่กล้องวงจรปิด ฆ่าพวกมัน ฉันก็ต้องติดคุก”

“อีกอย่าง สวะพวกนี้ มีอะไรน่าฆ่า ”

ส้าวส้วยพูดอย่างดูถูก “ที่จริง ฉันอยากฆ่าแกมากกว่า ”

ส้าวส้วยพูดคำนี้จบ จูเก่อชิงก็นั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง

“อย่างลืมสิ สามปีก่อนนายเคยแพ้ฉันนะ”จูเก่อชิงหัวเราะเสียงเย็น

“ใช่ นั่นมันเรื่องสามปีที่แล้ว ”

ส้าวส้วยพูด “ให้โอกาสฉันอีกครั้งมั้ยล่ะ ให้ฉันได้ล้างอาย”

“ได้ ฉันก็กำลังคันไม้คันมือพอดี ในเมื่อนายชอบหาเรื่องขายหน้าให้ตัวเอง ฉันก็จะให้โอกาสนายสักครั้ง”

จูเก่อชิงพูด “ปล่อยอะจี๋กับอะหมัน เวลากับสถานที่ ฉันจะบอกนายอีกที”

“อย่าให้ฉันรอนานล่ะ”

ส้าวส้วยพูดจบ ก็กดวางทันที

จากนั้นส้าวส้วยก็เตะอะหมันหนึ่งที “เอาล่ะ รีบไสหัวไป”

“กลับไปแล้ว ก็ดีกับนายน้อยพวกนายหน่อย บอกเขาว่าอยากกินอะไร ดื่มอะไร ก็รีบกินรีบดื่มซะ เพราะต่อไป จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว”

ส้าวส้วยหัวเราะ พูดขึ้น

หลังจากที่อะจี๋กับอะหมันจากไปแล้ว หลี่ฝางก็มาอยู่ตรงหน้าส้าวส้วย

“นายเคยแพ้ด้วยเหรอ ฉันคิดตลอดว่าไม่มีใครชนะนายได้”หลี่ฝางคิดมาตลอดว่าส้าวส้วยนั้นไร้เทียมทาน

“ใครจะไม่เคยแพ้ บนโลกนี้ มีที่ไหนคนไม่เคยแพ้”

ส้าวส้วยยิ้มเรียบๆ เอ่ยอย่างสงบมาก “โลกนี้ใหญ่เกินไป มีเรื่องกับคนแปลกๆมากมาย ใช่หรือเปล่า เจ้านาย”

“แล้วนับนายด้วยมั้ย”

“ผมน่ะเหรอ ”ส้าวส้วยชี้ตัวเองแล้วหัวเราะ “ผมไม่นับ”

“แล้วนายเคยเจอคนแปลกๆพวกนั้นไหม”หลี่ฝางพลางเดินไปที่รถ พลางถามขึ้นอย่างอยากรู้

“เคยเจอไม่กี่คน คนที่เจอเยอะสุด ก็พวกพี่ใหญ่”ส้าวส้วยหัวเราะหึหึ เปิดประตูรถ นั่งบนตำแหน่งคนขับ

“นี่ก็สายแล้ว พวกเขาน่าจะถึงแล้ว”

ส้าวส้วยมองหลี่ฝางและพูดขึ้น “พวกเราก็ไปกันเถอะ”

หลี่ฝางนัดกับหวงว่างโก๋กับเฉินเจียโล่เอาไว้ และนัดหวางเห้าด้วย

ตอนนี้ หลี่ฝางมีพื้นที่เยอะมาก ทั้งพื้นที่ของเสือ พื้นที่ของเหยสง ทั้งสองพื้นที่นี้รวมกันเป็นหนึ่ง หลี่ฝางตอนนี้ นับได้ว่าเป็นฮ่องเต้ของวงการใต้ดินแล้ว

แต่ว่า พื้นที่มากมายขนาดนี้ ก็ต้องการคนช่วยดูแล

หวางเห้าคนเดียว คงดูแลได้ไม่หมด

หลี่ฝางจึงต้องการคนอย่างพวกหวงว่างโก๋ช่วยเหลือ

ส้าวส้วยสตาร์ทรถ มองหลี่ฝางและพูดว่า “เจ้านาย คุณมีเรื่องในใจเหรอ”

หลี่ฝางพยักหน้า “ฉันกำลังคิดเรื่องการแบ่งพื้นที่”

แม้ว่าระยะทางยิ่งอยู่ก็ยิ่งใกล้เข้าไปทุกที แต่ปัญหาในใจของหลี่ฝาง ยิ่งอยู่ก็ยิ่งใหญ่ขึ้น

มาถึงหน้าโรงแรมว่างโก๋ หวางเห้า หวงว่างโก๋ เฉินเจียโล่ ต่างก็รออยู่ที่หน้าประตูแล้ว

เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเหล่านี้ หลี่ฝางก็ลงจากรถ ยิ้มให้พวกเขา “เจอกันอีกแล้ว ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตผม”

“คุณชายหลี่เกรงใจมากไปแล้ว”

หัวล้านเฉินเจียโล่ยิ้ม

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท