บทที่ 504 ระเบิดสโมสรเจียงหนานซะ
โหจื่อพูดด้วยสีหน้าจริงจัง: “คุณชายซือถู ยอมรับตามตรง จักรยานไฟฟ้าคันนี้มันเก่าไปหน่อย แต่ว่ามันก็มีข้อด้อยอยู่อย่าง งั้นก็คือประหยัดเงินดี”
“คุณชายซือถูมีงานการยุ่งวุ่นวายทุกวัน แต่ละวันต้องขับBugatti Veyronไปๆ มาๆ รอบเมือง ทุกๆ วันจะต้องเสียเงินค่าน้ำมันรถไปหลายพันเลยใช่มั้ยล่ะ?”
“แต่ว่าจักรยานไฟฟ้าคันนี้ไม่เหมือนกัน ขอแค่ชาร์จแบตให้เต็ม ก็สามารถขี่ไปรอบเมืองได้ไม่มีปัญหาเลย”
โหจื่อเลิกคิ้ว พลางมองซือถูเฟย ปากบอกว่าเป็นการแลกเปลี่ยน ซือถูเฟยเสียเปรียบมากกว่าชัดๆ
ซือถูเฟยได้ยินประโยคนี้ กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็กระตุกทันที
เขาไม่ใช่คนเห่ยมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้เขาเป็นถึงคุณชายของสี่ตระกูลใหญ่ จะให้คุณชายคนนึง ไปขี่จักรยานไฟฟ้า แถมยังเป็นจักรยานไฟฟ้าเก่าๆ คันนึงอีก?
“นี่นายล้อฉันเล่นหรือไง!”
“เงินห้าเหรียญ บวกกับจักรยานไฟฟ้าโง่ๆ นั่นคันนึง แลกกับBugatti Veyronของฉัน? นายเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?” ซือถูเฟยขมวดคิ้ว ทำหน้าดุดันพลางมองโหจื่อ
“สมองนายมีปัญหาใช่มั้ย?” ซือถูเฟยด่าอย่างไม่สบอารมณ์
โหจื่อแค่ยิ้มอยู่นิ่งๆ ไม่พูดอะไรสักคำ
“ห้าสิบล้าน ห้ามขาดสักเหรียญเดียว” ซือถูเฟยทำหน้าแน่วแน่ น้ำเสียงหนักแน่น
“ห้าเหรียญ ไม่เพิ่มให้สักเหรียญเดียว” โหจื่อก็ไม่ยอมถอย แล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง
“นาย……” ซือถูเฟยกัดฟันแน่นพลางมองโหจื่อ ขณะที่ปากเพิ่งจะพูดออกมาแค่หนึ่งคำ โหจื่อก็ใช้นิ้วโป้งกดไปที่หน้าจอโทรศัพท์ของตน
“คุณชายซือถู โทรไปหาที่สโมสรเจียงหนานหน่อยเถอะ ผมได้ยินว่าที่นั่นมีระเบิดอีกแล้ว” โหจื่อยิ้มแบบเม้มปาก แล้วพูด
ซือถูเฟยรีบล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรไปที่สโมสรเจียงหนาน
โทรอยู่นานถึงจะมีคนรับ
“คุณชายซือถู แย่แล้ว โรงจอดรถระเบิดแล้ว ไม่ใช่แค่ระเบิดรถไปหลายคัน แถมยังทำให้ไฟลุกใหญ่เลยด้วย…..”
ซือถูเฟยขัดบทสนทนาของอีกฝ่าย แล้วพูด: “รีบดับไฟก่อน”
พูดจบ ซือถูเฟยก็กดวางสาย
“คุณชายซือถู ผมรู้ว่าคุณชายเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น”
“ยังไงคุณชายไม่ยอมขายในราคาห้าเหรียญ ห้าสิบล้านผมก็ซื้อไม่ไหว งั้นผมก็ทำได้แค่เล่นเป็นเพื่อนคุณชายแล้ว”
โหจื่อหัวเราะ ‘ฮี่’ มาคำนึง: “น่าเสียดาย คุณชายหนุ่มๆ ในเมืองเอกนี้ จะต้องมีที่เที่ยวลดไปที่นึงแล้ว”
ขณะที่โหจื่อพูด นิ้วก็กดลงไปที่โทรศัพท์
“อย่า อย่า!”
ซือถูเฟยลนลาน เขาร้องห้ามทันที เรียกให้โหจื่อหยุด
ขณะเดียวกันใบหน้าของซือถูเฟยก็มีรอยยิ้มอย่างฝืนๆ แล้วพูด: “พี่ชาย พวกเรามีอะไรคุยกันดีๆ พี่ว่ามีเรื่องอะไรที่คุยกันไม่ได้จริงมั้ย”
“เอาแบบนี้แล้วกัน รถBugatti Veyronคันนี้ ผมให้พี่เลย ดีมั้ย?”
“ขอร้องพี่ยกนิ้วขึ้น ปล่อยผมไปสักครั้ง”
ท่าทีของซือถูเฟย ดูต่ำเตี้ยมาก
วินาทีที่โรงรถโดนระเบิด ซือถูเฟยถึงได้เข้าใจ ที่โหจื่อพูดมาเมื่อครู่ ทั้งหมดเป็นความจริง ไม่ใช่แค่พูดข่มขู่ และยิ่งไม่ใช่คำพูดล้อเล่น
สโมสรเจียงหนาน เป็นธุรกิจที่ตระกูลซือถูมอบให้ซือถูเฟยดูแล
ถึงแม้ว่าสโมสรเล็กๆ ที่นึงไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับตระกูลซือถู แต่ว่าสโมสรเจียงหนานอยู่ในความดูแลของซือถูเฟย แบบนั้น ภายหน้าฐานะในตระกูลซือถูของซือถูเฟย คงจะลดลงอย่างมาก
คนในตระกูล คงจะคิดว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างดีแต่ทำให้ขายขี้หน้า
พูดอย่างง่ายๆ ถ้าสโมสรเจียงหนานพังไป ก็ความหมายว่าซือถูเฟยก็พังด้วยเช่นกัน
“ให้ฉัน? โห ซือถูเฟย นี่นายหมายความว่าไง ดูถูกเงินห้าเหรียญของฉันเหรอ?” โหจื่อหันหน้ามา ตาสองข้างจ้องซือถูเฟยตาเขม็ง
“ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แต่แค่……”
ซือถูเฟยมองโหจื่ออย่างเลิ่กลั่ก: “โอเค งั้นก็ห้าเหรียญ”
“ฮี่ฮี่ แบบนี้ค่อยดีหน่อย”
โหจื่อทำหน้ามุ่ย แล้วยัดเงินห้าเหรียญใส่มือซือถูเฟย จากนั้นก็แย่งกุญแจรถ จากมือเขามา
แล้วเข้าไปในรถ โหจื่อลิ้มรสเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ ทันใดนั้นก็แสดงให้เห็นถึงความหลงใหล
“ซือถูเฟย จักรยานไฟฟ้าเก่าๆ คันนั้น เป็นของนายแล้ว”
“นายสามารถขี่มันแล้วไสหัวไปได้แล้ว”
ผ่านไปไม่นาน โหจื่อก็ลงมาจากBugatti Veyronคันนั้น แล้วโยนกุญแจรถจักรยานไฟฟ้าให้ซือถูเฟย
หน้าของซือถูเฟยดูย่ำแย่สุดๆ มันแค่รถจักรยานไฟฟ้าเก่าๆ คันนึง นั่งลงไป ยังรู้สึกว่าเลอะตูดตัวเองเลย เขาก็ขี่ไม่ค่อยเป็นอีก
“ทำไม ดูถูกมันเหรอ? นายดูให้ดีๆ จักรยานไฟฟ้าคันนี้คุ้นๆ มั้ย?”
“นี่มันของคนข้างบ้านฉันนี่!” ซือถูเฟยมองอย่างละเอียด จู่ๆ ก็นึกออก
“ใช่แล้ว ฉันซื้อมาจากคนข้างบ้านเมื่อก่อนของนาย ได้ยินมาว่านายอยากได้มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงซื้อมาให้นาย”
โหจื่อพูดพลางยิ้ม: “ซือถูเฟย นายควรจะขอบคุณฉันมั้ย?”
ขอบคุณนาย?
ในส่วนลึกของจิตใจของซือถูเฟย เขาล่ะอยากจะถลกหนังโหจื่อออกมาจริงๆ
โหจื่อหัวเราะฮี่ฮี่: “เอาล่ะ รีบขี่ม้าไฟฟ้าของนาย แล้วพาคนของนาย รีบไสหัวออกไปเถอะ”
“รีบใช้โอกาสตอนที่ฉันยังอารมณ์ดีๆ อยู่ ทางที่ดีนายรีบพาคนของนายกลับไปเถอะ ไม่อย่างนั้น……ฮี่ฮี่ ถึงแม้รถพวกนี้สำหรับฉันแล้วล้วนแต่เป็นขยะ แต่ว่า ถ้าขายรถกากๆ ก็ควรจะแลกค่าน้ำมันรถหน่อยใช่มั้ย?” โหจื่อยิ้มพลางข่มขู่ ดึงความสนใจจากรถที่เหลือ
เมื่อซือถูเฟยได้ยินก็ตัวสั่นเทา ทันใดนั้นก็บอกกับคนของตน: “รีบขับรถออกไป เร็วๆ”
หลังจากรถคันอื่นขับออกไปแล้ว ซือถูเฟยก็กำกุญแจรถจักรยานไฟฟ้า ไว้อย่างแน่น
“พี่ชาย ผมถามชื่อของพี่หน่อย ผมอยากรู้ว่าวันนี้ตนอยู่ในกำมือของใคร” ซือถูเฟยมองโหจื่อ แล้วถาม
ซือถูเฟยทำใจไม่ได้สุดๆ เขาไม่อยากจะปล่อยไปแบบนี้
โหจื่อมองความคิดของซือถูเฟยออก: “ทำไม หลังจากวันนี้จะตามมาล้างแค้นฉันเหรอ?”
“อย่าวุ่นวายเลย รีบไสหัวไป พวกเราสองคนไม่ใช่คนระดับเดียวกัน นายไม่มีค่าพอรู้ชื่อของฉันหรอก ถ้าอยากจะรู้ ก็เรียกให้ปู่ของนายมาถาม เขาถึงจะมีค่าพอที่จะรู้”
โหจื่อยิ้มอย่างดูถูก พลางมองซือถูเฟย นั่งลงบนจักรยานไฟฟ้าคันเก่าๆ
“กลับไปฝากทักทายคุณปู่นายหน่อย จำไว้ว่าบอกเขาหน่อยนะ ว่าหลังจากนี้ตอนที่นอน ให้เปิดตาไว้ข้างนึง บอกกับเขา ว่าคนที่จะทำให้เขาร้องขอชีวิตมาแล้ว ให้เขาระวังตัวให้ดี”
โหจื่อพูดกับซือถูเฟย และไม่ลืมที่จะพูดให้เขากลัว
ซือถูเฟยจ้องโหจื่อ มองอยู่หลายวินาที
โก่เอ๋อช็อกไปแล้ว แล้วมองโหจื่ออย่างเคารพ: “โห พี่ชาย พี่ใช้เงินห้าเหรียญซื้อรถBugatti Veyronมาได้คันนึง?”
“ห้าเหรียญอะไรกัน? ยังให้รถจักรยานไฟฟ้าเขาไปคันนึงนะ” โหจื่อยู่ปาก แล้วพูดเสริม
“เงินห้าเหรียญ จักรยานไฟฟ้าคันนึง แลกกับรถBugatti Veyron การซื้อขายนี้ทำได้ดี”
โก่เอ๋อมองโหจื่อ แล้วพูดฮี่ๆ : “พี่ชาย ครั้งต่อไปที่เจอซือถูเฟย ฉันเอาเงินห้าเหรียญ กับจักรยานไฟฟ้าคันนึง ไปแลกรถมาให้ฉันสักคันได้มั้ย?”
โหจื่อไม่ได้สนใจโก่เอ๋อ เขาแค่หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วกดอยู่ครู่
“อาจารย์……จะปล่อยเขาไปแบบนี้จริงๆ เหรอ?” โหจื่อเดินมาข้างหน้าส้าวส้วย แล้วถามด้วยเสียงไม่ดัง
ส้าวส้วยยืนพิงรถเบนซ์G-Class พลางสูบบุหรี่อย่างไม่ค่อยแฮปปี้: “ฉันเคยสัญญากับชิงฮัวไว้ ว่าจะไม่ทำร้ายมัน”
“แต่มันรังแกชิงฮัว”
โหจื่อส่ายหน้า: “อาจารย์ นี่ไม่ใช่อาจารย์เลย ถ้าเป็นเมื่อก่อน อาจารย์คงไม่สนใจอะไร แล้วเตะไอ้ซือถูเฟยนั่นจนเดี้ยงไปแล้ว”
“ฉันก็เคยคิดจะทำแบบนั้น”
ส้าวส้วยหัวเราะเหอะๆ : “แต่ว่าชิงฮัวไม่อยากเห็นแบบนั้น”
“ทำไมถึงต้องสนใจความรู้สึกของชิงฮัวมากขนาดนั้น? ทำไมไม่คิดถึงตัวเองบ้าง?” โหจื่อมองส้าวส้วยอย่างปวดใจ
ส้าวส้วยไม่ได้พูดอะไร และจุดบุหรี่ให้ตัวเองอีกมวน
“ผมระเบิดสโมสรเจียงหนานแล้ว ถือว่าเป็นการสั่งสอนซือถูเฟยอย่างนึง” โหจื่อพูด
ส้าวส้วยมองโหจื่อ ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่โหจื่อทำนั้นผิด เขาแค่พูดอย่างนิ่งๆ : “บอกลูกพี่ใหญ่หรือยัง?”
“ยังครับ” โหจื่อส่ายหัว
“รีบบอกลูกพี่ใหญ่เถอะ พวกเราฆ่าจูเก่อเจิ้งไปแล้ว ตระกูลจูเก่อต้องมาล้างแค้นพวกเราแน่ๆ ตอนนี้นายยังไประเบิดสโมสรเจียงหนานอีก ยังไงตระกูลซือถูก็ต้องสวนกลับ……นายบอกลูกพี่ใหญ่ ให้เขาเตรียมรับมือฉุกเฉิน”
ส้าวส้วยเม้มปาก แล้วยิ้มออกมา: “ขอบใจนะ โหจื่อ”
“ขอบใจที่นายช่วยให้ฉันระบายความโกรธ”
โหจื่อพลางโทรหาหลี่ต๋าคาง พลางยิ้มแล้วพูด: “อาจารย์ อาจารย์ขอบใจเร็วไปหน่อยแล้ว”
“อาจารย์ดูสินั่นใคร?”
โหจื่อใช้คางชี้ ไปทางผู้หญิงสวมชุดเดรสยาวสีแดงคนนึง กำลังมองมาทางส้าวส้วย