NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 541 โหจื่อโมโห รุนแรง

บทที่ 541 โหจื่อโมโห รุนแรง

บทที่ 541 โหจื่อโมโห รุนแรง

โหจื่อลืมตาทั้งสองข้าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

เขากระโดดขึ้นมา ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า

“อาจารย์” เมื่อถังหยู่ซวนเห็นโหจื่อ ก็เรียกเขา

“ไอ้ผอมแห้งแรงน้อยนี่ ใครกัน? ทำไม เป็นบริกรอยู่ในบาร์นี้เหมือนกันหรือไง?” ป๋ายหม่ามองโหจื่อ นัยน์ตาแสดงให้เห็นถึงการดูถูก

ต่อมา เขาก็ชี้นิ้วไปที่โหจื่อ: “ไอ้หมอนี่ดื่มจนเมาแอ๋ ในมือยังถือขวดเหล้าอยู่เลย ดูก็รู้ว่าเมา คนแบบนี้ที่บาร์เก็บไว้ไม่ได้นะ”

“ไม่มีกฎเกณฑ์เอาซะเลย พนักงานคนนี้ ถึงได้ขโมยเหล้าของที่ร้านดื่ม ดูๆ เหล้าบนโต๊ะนั้น เขาดื่มมันทั้งหมดเลยใช่มั้ยนั่น? ผมบอกแล้วคุณชายหลี่ คุณเป็นเจ้าของร้านไม่ได้หรอก มีใครเขาตามใจพนักงานกันแบบนี้บ้าง?” ป๋ายหม่ามองโหจื่อ แล้วถามหลี่ฝางเสียงดัง

พอป๋ายหม่านั่นพูดจบ ดวงตาของโหจื่อ ก็หรี่ลง ต่อมา มุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มกวนๆ แสดงออกมา: “มึงเป็นใครกันวะ กูอยากทำอะไรมันก็เรื่องของกู ไม่ใช่เรื่องของมึงที่จะมาชี้นิ้วใส่หน้ากูแบบนี้ ได้ยินมั้ย?”

“ทางที่ดีใช้โอกาสตอนที่ฉันยังไม่โมโห รีบไสหัวไป ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะหักขานาย และต่อยปาก จนฟันนายร่วงหมดปาก สั่งสอนนายที่ไม่ให้เกียรติฉัน”

โหจื่อยิ้มเย็นชามุมปาก: “ฉันจะนับถึงสาม ทางที่ดีนายควรเห็นค่าสามวินาทีนี้ ฟังรู้เรื่องมั้ย?”

“ฉันละยอมใจเลย นี่ดื่มไปกี่ขวดกันเหนี่ย ไม่รู้จักว่าตัวเองชื่ออะไรซะแล้ว ทำไม นายชื่อโหจื่อใช่มั้ย? กินไปกี่ขวด ก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ไปแล้วไง? ยังจะสามนับสาม ลองดูสิว่าทำได้มั้ย ฉันจะบอกนายให้ ตั้งแต่วินาทีนี้ บาร์แห่งนี้กลับมาเป็นของฉันแล้วเว้ย”

“ฉันจะนับถึงสาม นายรีบไสหัวไป ถ้าไม่อย่างนั้น ฉัน……”

ป๋ายหม่าพูดเลียนแบบโหจื่อ ยังไม่ทันพูดจบ โหจื่อก็คว้าขวดเหล้า แล้วทุบไปทางป๋ายหม่า

เหล้าขวดนี้ เฉียดข้างหูหลี่ฝางไป ทำให้หลี่ฝางสะดุ้งเล็กน้อย

ส่วนป๋ายหม่า เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เล่นๆ เขากลับหลบได้

โหจื่อยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูด: “คิดไม่ถึง ว่าจะเป็นคนมีฝีมือ”

“นายก็ไม่เลว เห็นทีนายก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง ไม่น่าล่ะถึงได้กล้าพูดบ้าๆ แบบนั้น” ป๋ายหม่ายิ้มอ่อน พลางมองโหจื่อ: “ช่างเถอะ เมื่อกี้ถือว่าฉันผิดเอง พวกเรามาจับมือคืนดีกันเป็นไง? ถ้านายยินดีอยู่ต่อ ฉันจะยกหุ้นของร้านหนึ่งเปอร์เซ็นต์ให้ แต่ว่านายต้องคอยรับผิดชอบร้านให้ฉัน”

“บาร์นี้ดังจะตาย ไม่มีคนฝีมือดีคอยดูร้าน ฉันไม่วางใจ” ป๋ายหม่าจู่ๆ ก็เปลี่ยนคำพูด

ไม่ว่าจะเป็นหมาจื่อหรือฉางชิงหรือกระทั่งหม่าเชา ป๋ายหม่าล้วนไม่กล้าใช้ให้คุม

ถึงยังไงRecalling the pastก็มีชื่อเสียง บางทีคนพวกนี้อาจจะควบคุมนักเลง หรืออันธพาลในตงไห่ หรือที่มาจากที่อื่นได้?

พวกคนที่รับมือได้ยากในเมืองเอก และก็พวกคุณชายหลายๆ ตระกูลในประเทศ คนพวกนี้ หมาจื่อเอาไม่อยู่หรอก!

ป๋ายหม่ามีเรื่องของตนต้องจัดการ ไม่สามารถมาที่ร้านได้ทุกวัน ดังนั้นเมื่อโหจื่อลงมือ เขาก็มองออกว่าโหจื่อไม่ธรรมดา จึงอยากจะเก็บเขาไว้

“เป็นไง สิ่งที่นายได้รับมาก่อนหน้านี้ ฉันรับประกันว่าจะให้ไม่น้อยไปกว่าที่หลี่ฝางให้นายเลย เป็นยังไง?” ป๋ายหม่ามองโหจื่อ แล้วหัวเราะเหอะๆ พลางพูด

“อยากให้ฉันขายชีวิตให้นายเหรอ?”

หลังจากโหจื่อได้ยิน ก็ยิ้มอย่างดูถูกที่มุมปาก เขาเดินไปทางป๋ายหม่าหลายก้าว ทำตายิ้มหยีๆ แล้วพูด: “ได้สิ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร นายจะให้ฉันเท่าไหร่ฉันไม่สน ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนเงิน”

“นายต้องตอบรับข้อเสนอของฉันสักข้อสองข้อก็พอ” โหจื่อมองป๋ายหม่า แล้วยิ้ม

“ลองพูดมา” ป๋ายหม่ายิ้มอย่างสนุกที่มุมปาก

“ก่อนที่ฉันจะทำงาน นายต้องมาคำนับฉันสักสองที่ ถือว่าเป็นการต้อนรับ แล้วก็……”

โหจื่อเพิ่งจะพูดข้อเสนอข้อแรก ป๋ายหม่าก็โมโหแล้ว เขาขมวดคิ้ว แล้วพูดแทรกโหจื่อ: “นายล้อฉันเล่น?”

หลี่ฝางกับถังหยู่ซวนที่อยู่ด้านข้าง ก็กลั้นขำไม่ไหวจึงหัวเราะออกมา

“ฉันเปล่านะ ฉันจริงจัง แค่นายคำนับฉันก่อนทำงาน เลิกงานก็คำนับอีกสักที ฉันจะฝืนมาดูแลร้านให้นาย อีกอย่างคือ ฉันชอบดื่มเหล้า แถมยังชอบดื่มLouis XIIIด้วย มีให้ฉันดื่มทุกวันก็โอเคแล้ว ฉันคอไม่ค่อยแข็ง คืนนึงดื่มก็สิบขวดยี่สิบขวด เป็นยังไง?”

โหจื่อมองป๋ายหม่า แล้วหัวเราะฮี่ๆ : “ถ้าข้อเสนอพวกนี้นายทำให้ฉันได้ งั้นฉันก็เพิ่มอีกหน่อย”

“อย่างเช่น……นายมีเมียมั้ย? ถ้ามีก็ส่งมาให้ฉัน ตอนกลางคืนให้หล่อนมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน ถ้าหากว่าไม่มี เป็นแม่นายก็ได้นะ”

“แม่มึง……อยากตายเหรอ” คำพูดของโหจื่อ ทำให้ป๋ายหม่าโกรธมากๆ

แต่โหจื่อก็ยังคงยิ้มร่าอยู่อย่างนั้นพลางพูด: “ถ้าหากนายสามารถทำตามข้อเสนอพวกนี้ให้ฉันได้ งั้นก็ทำได้แค่ว่าฉันไม่เคยพูดแล้วกัน”

ไม่ผิด โหจื่อกำลังหยอกป๋ายหม่าอยู่จริงๆ

ไม่ว่าป๋ายหม่าจะยื่นข้อเสนอที่ดีขนาดไหนให้ โหจื่อก็ไม่ตกลง

โหจื่อมีลูกพี่แค่คนเดียว นั่นก็คือหลอซ่า

โหจื่อทำงานเพื่อแค่คนๆ เดียว นั่นก็คือหลอซ่า

โหจื่อมองป๋ายหม่า อย่างนิ่งๆ : “เมื่อกี้ฉันให้นายสามวินาที แต่ว่า นายไม่ยอมรักษามันไว้ ดังนั้น เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ นายจงเสียดายมันซะเถอะ”

“หึ คิดจริงๆ เหรอว่าตัวเองมีฝีมือเล็กน้อย แล้วจะไม่เห็นหัวใครเลยก็ได้ ใช่มั้ย?” ป๋ายหม่ายิ้มอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็ยกหมัดขึ้นมา แล้วชกไปทางโหจื่อ

มองดูโหจื่อเหมือนคนเมาแอ๋ แม้เดินยังเดินไม่ตรง แต่ว่าต่อหน้าหมัดของป๋ายหม่า เขากลับหลบมันได้หมด

ราวกับบังเอิญอย่างนั้น

“เหยดด อาจารย์เป็นหมัดเมาด้วย” ถังหยู่ซวนมองโหจื่อ พลางทำสีน่านับถือ

“หมัดเมาอะไรกัน เขาดื่มมากแล้ว” หลี่ฝางพูดอย่างนิ่งๆ

โหจื่อถอยหลังไม่หยุด ถอยมาจนถึงหน้าโต๊ะตัวนึง จู่ๆ เขาก็ล้มลงไปนอน

“เห้ย อาจารย์เป็นอะไร?” ถังหยู่ซวนพูดอย่างร้อนรน

หลี่ฝางกลืนน้ำลาย: “โหจื่อคงไม่ดื่มหนัก จนล้มพับไปแล้วหรอกนะ?”

ส่วนป๋ายหม่าก็มีรอยยิ้มชั่วๆ ที่มุมปาก เขาคิดว่าตนได้โอกาสแล้ว จึงพุ่งเข้าไป

ใครจะรู้ จู่ๆ โหจื่อก็พลิกตัว ในอ้อมแขนของเขา ล้วนแต่เป็นขวดเหล้า

โหจื่อเหวี่ยงออกไปมั่วๆ ขวดเหล้าขวดนึง ทุบไปโดนร่างของป๋ายหม่า

เสียงดังเพล้ง ขวดเหล้าขวดนั้น แตกกระจาย

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ตกใจอยู่ครู่ ขวดเหล้านี่ ในระยะใกล้ๆ แบบนี้ทุบไปที่ร่างคน ทำไมถึงแตกได้นะ? แบบนี้ไม่มีเหตุผลเลย

ต่อมา โหจื่อก็เขวี้ยงออกไปอีกหนึ่งขวด หลี่ฝางสังเกตมอง จังหวะที่โหจื่อเขวี้ยงขวดเหล้าออกไป เขาใช้แรงบีบนิดนึง ถ้าหากสังเกตจากที่ใกล้ๆ ก็จะรู้ว่า โหจื่อบีบ ทำให้ขวดเหล้าเกิดรอยร้าว

โหจื่อคว้าขวดเหล้าขึ้นกอดมาสิบกว่าขวด ก็ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีอะไรกอดมันขึ้นมา

ราวกับบนตัวเขามีเครื่องดูด เพื่อดูดขวดเหล้าโดยเฉพาะ

เพล้ง เพล้ง เพล้ง ขวดเหล้าสิบกว่าขวด ทั้งหมดถูกเขวี้ยงใส่ร่างของป๋ายหม่า สุดท้ายเสื้อสีขาวของป๋ายหม่า กลายเป็นสีแดงทั้งตัว

เศษแก้วไม่น้อย ปักไปที่ร่างของป๋ายหม่า

แม้แต่ใบหน้าของป๋ายหม่า เหมือนคนเสียโฉมเลย

“แม่มึง กูจะฆ่ามึง”

ในตอนนั้น ป๋ายหม่าโกรธจัด เขาควักปืนออกมา เล็งไปที่โหจื่อ

ส่วนโหจื่อเมื่อเห็นปืน ไม่ใช่แค่ไม่หวาดกลัว แต่กลับหัวเราะฮี่ๆ ออกมา: “เล่นปืนกับฉันเหรอ? นายเก่งจริงๆ ”

“ไปตายซะเถอะ”

ป๋ายหม่าเหนี่ยวไกออกไป อย่างไม่มีความลังเลใดๆ ถังหยู่ซวนตกใจจนร้องลั่น อยากเข้าไปบังกระสุนให้โหจื่ออย่างห้ามไม่ได้ ส่วนโหจื่อกลับทำสีหน้านิ่งๆ มือเขาล้วงปืนออกมา เล็งไปที่ป๋ายหม่า แล้วเหนี่ยวไกออกไป

เสียงปังดังสนั่น กระสุนทั้งสองนัดไปบรรจบกันอยู่ตรงกลาง ทำให้เกิดพูล และสลายไป

“อะไร? เป็นไปได้ยังไง!”

ป๋ายหม่าได้เห็นฉากนี้ ก็เบิกตากว้าง แล้วช็อก กระสุนทั้งสองนัดบรรจบเข้าหากัน มันบังเอิญมากไปมั้ย

แน่นอน ว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นี่คือฝีมือการยิงปืนขั้นสูงของโหจื่อ

สายตาของป๋ายหม่า เลิ่กลั่กอยู่ครู่ แต่ต่อมา ก็เหนี่ยวไกอีกครั้ง

เขารู้ โหจื่อมีปืนอยู่ในมือ หรือพูดได้ว่า ใครยิงเร็ว คนนั้นชนะ

แต่ขณะที่เขากำลังจะเหนี่ยวไก กระสุนหนึ่งนัด ก็ยิงมาโดนขาเขาอย่างไม่รู้เรื่อง เขาคุกเขาลงกับพื้น เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง โหจื่อกลับจ่อปืนมาที่หัวเขาแล้ว

หน้าของป๋ายหม่าแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว: “นายเป็นใครกันแน่?”

โหจื่อทำป๋ายหม่าตกใจจนหน้าซีดเผือด โหจื่อยิ้ม แล้วพูด: “ฉันก็เป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ ในร้านบาร์แค่นั้น”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท