บทที่ 541 โหจื่อโมโห รุนแรง
โหจื่อลืมตาทั้งสองข้าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
เขากระโดดขึ้นมา ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า
“อาจารย์” เมื่อถังหยู่ซวนเห็นโหจื่อ ก็เรียกเขา
“ไอ้ผอมแห้งแรงน้อยนี่ ใครกัน? ทำไม เป็นบริกรอยู่ในบาร์นี้เหมือนกันหรือไง?” ป๋ายหม่ามองโหจื่อ นัยน์ตาแสดงให้เห็นถึงการดูถูก
ต่อมา เขาก็ชี้นิ้วไปที่โหจื่อ: “ไอ้หมอนี่ดื่มจนเมาแอ๋ ในมือยังถือขวดเหล้าอยู่เลย ดูก็รู้ว่าเมา คนแบบนี้ที่บาร์เก็บไว้ไม่ได้นะ”
“ไม่มีกฎเกณฑ์เอาซะเลย พนักงานคนนี้ ถึงได้ขโมยเหล้าของที่ร้านดื่ม ดูๆ เหล้าบนโต๊ะนั้น เขาดื่มมันทั้งหมดเลยใช่มั้ยนั่น? ผมบอกแล้วคุณชายหลี่ คุณเป็นเจ้าของร้านไม่ได้หรอก มีใครเขาตามใจพนักงานกันแบบนี้บ้าง?” ป๋ายหม่ามองโหจื่อ แล้วถามหลี่ฝางเสียงดัง
พอป๋ายหม่านั่นพูดจบ ดวงตาของโหจื่อ ก็หรี่ลง ต่อมา มุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มกวนๆ แสดงออกมา: “มึงเป็นใครกันวะ กูอยากทำอะไรมันก็เรื่องของกู ไม่ใช่เรื่องของมึงที่จะมาชี้นิ้วใส่หน้ากูแบบนี้ ได้ยินมั้ย?”
“ทางที่ดีใช้โอกาสตอนที่ฉันยังไม่โมโห รีบไสหัวไป ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะหักขานาย และต่อยปาก จนฟันนายร่วงหมดปาก สั่งสอนนายที่ไม่ให้เกียรติฉัน”
โหจื่อยิ้มเย็นชามุมปาก: “ฉันจะนับถึงสาม ทางที่ดีนายควรเห็นค่าสามวินาทีนี้ ฟังรู้เรื่องมั้ย?”
“ฉันละยอมใจเลย นี่ดื่มไปกี่ขวดกันเหนี่ย ไม่รู้จักว่าตัวเองชื่ออะไรซะแล้ว ทำไม นายชื่อโหจื่อใช่มั้ย? กินไปกี่ขวด ก็กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ไปแล้วไง? ยังจะสามนับสาม ลองดูสิว่าทำได้มั้ย ฉันจะบอกนายให้ ตั้งแต่วินาทีนี้ บาร์แห่งนี้กลับมาเป็นของฉันแล้วเว้ย”
“ฉันจะนับถึงสาม นายรีบไสหัวไป ถ้าไม่อย่างนั้น ฉัน……”
ป๋ายหม่าพูดเลียนแบบโหจื่อ ยังไม่ทันพูดจบ โหจื่อก็คว้าขวดเหล้า แล้วทุบไปทางป๋ายหม่า
เหล้าขวดนี้ เฉียดข้างหูหลี่ฝางไป ทำให้หลี่ฝางสะดุ้งเล็กน้อย
ส่วนป๋ายหม่า เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เล่นๆ เขากลับหลบได้
โหจื่อยิ้มอย่างเย็นชา แล้วพูด: “คิดไม่ถึง ว่าจะเป็นคนมีฝีมือ”
“นายก็ไม่เลว เห็นทีนายก็พอมีความสามารถอยู่บ้าง ไม่น่าล่ะถึงได้กล้าพูดบ้าๆ แบบนั้น” ป๋ายหม่ายิ้มอ่อน พลางมองโหจื่อ: “ช่างเถอะ เมื่อกี้ถือว่าฉันผิดเอง พวกเรามาจับมือคืนดีกันเป็นไง? ถ้านายยินดีอยู่ต่อ ฉันจะยกหุ้นของร้านหนึ่งเปอร์เซ็นต์ให้ แต่ว่านายต้องคอยรับผิดชอบร้านให้ฉัน”
“บาร์นี้ดังจะตาย ไม่มีคนฝีมือดีคอยดูร้าน ฉันไม่วางใจ” ป๋ายหม่าจู่ๆ ก็เปลี่ยนคำพูด
ไม่ว่าจะเป็นหมาจื่อหรือฉางชิงหรือกระทั่งหม่าเชา ป๋ายหม่าล้วนไม่กล้าใช้ให้คุม
ถึงยังไงRecalling the pastก็มีชื่อเสียง บางทีคนพวกนี้อาจจะควบคุมนักเลง หรืออันธพาลในตงไห่ หรือที่มาจากที่อื่นได้?
พวกคนที่รับมือได้ยากในเมืองเอก และก็พวกคุณชายหลายๆ ตระกูลในประเทศ คนพวกนี้ หมาจื่อเอาไม่อยู่หรอก!
ป๋ายหม่ามีเรื่องของตนต้องจัดการ ไม่สามารถมาที่ร้านได้ทุกวัน ดังนั้นเมื่อโหจื่อลงมือ เขาก็มองออกว่าโหจื่อไม่ธรรมดา จึงอยากจะเก็บเขาไว้
“เป็นไง สิ่งที่นายได้รับมาก่อนหน้านี้ ฉันรับประกันว่าจะให้ไม่น้อยไปกว่าที่หลี่ฝางให้นายเลย เป็นยังไง?” ป๋ายหม่ามองโหจื่อ แล้วหัวเราะเหอะๆ พลางพูด
“อยากให้ฉันขายชีวิตให้นายเหรอ?”
หลังจากโหจื่อได้ยิน ก็ยิ้มอย่างดูถูกที่มุมปาก เขาเดินไปทางป๋ายหม่าหลายก้าว ทำตายิ้มหยีๆ แล้วพูด: “ได้สิ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร นายจะให้ฉันเท่าไหร่ฉันไม่สน ถึงยังไงฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนเงิน”
“นายต้องตอบรับข้อเสนอของฉันสักข้อสองข้อก็พอ” โหจื่อมองป๋ายหม่า แล้วยิ้ม
“ลองพูดมา” ป๋ายหม่ายิ้มอย่างสนุกที่มุมปาก
“ก่อนที่ฉันจะทำงาน นายต้องมาคำนับฉันสักสองที่ ถือว่าเป็นการต้อนรับ แล้วก็……”
โหจื่อเพิ่งจะพูดข้อเสนอข้อแรก ป๋ายหม่าก็โมโหแล้ว เขาขมวดคิ้ว แล้วพูดแทรกโหจื่อ: “นายล้อฉันเล่น?”
หลี่ฝางกับถังหยู่ซวนที่อยู่ด้านข้าง ก็กลั้นขำไม่ไหวจึงหัวเราะออกมา
“ฉันเปล่านะ ฉันจริงจัง แค่นายคำนับฉันก่อนทำงาน เลิกงานก็คำนับอีกสักที ฉันจะฝืนมาดูแลร้านให้นาย อีกอย่างคือ ฉันชอบดื่มเหล้า แถมยังชอบดื่มLouis XIIIด้วย มีให้ฉันดื่มทุกวันก็โอเคแล้ว ฉันคอไม่ค่อยแข็ง คืนนึงดื่มก็สิบขวดยี่สิบขวด เป็นยังไง?”
โหจื่อมองป๋ายหม่า แล้วหัวเราะฮี่ๆ : “ถ้าข้อเสนอพวกนี้นายทำให้ฉันได้ งั้นฉันก็เพิ่มอีกหน่อย”
“อย่างเช่น……นายมีเมียมั้ย? ถ้ามีก็ส่งมาให้ฉัน ตอนกลางคืนให้หล่อนมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน ถ้าหากว่าไม่มี เป็นแม่นายก็ได้นะ”
“แม่มึง……อยากตายเหรอ” คำพูดของโหจื่อ ทำให้ป๋ายหม่าโกรธมากๆ
แต่โหจื่อก็ยังคงยิ้มร่าอยู่อย่างนั้นพลางพูด: “ถ้าหากนายสามารถทำตามข้อเสนอพวกนี้ให้ฉันได้ งั้นก็ทำได้แค่ว่าฉันไม่เคยพูดแล้วกัน”
ไม่ผิด โหจื่อกำลังหยอกป๋ายหม่าอยู่จริงๆ
ไม่ว่าป๋ายหม่าจะยื่นข้อเสนอที่ดีขนาดไหนให้ โหจื่อก็ไม่ตกลง
โหจื่อมีลูกพี่แค่คนเดียว นั่นก็คือหลอซ่า
โหจื่อทำงานเพื่อแค่คนๆ เดียว นั่นก็คือหลอซ่า
โหจื่อมองป๋ายหม่า อย่างนิ่งๆ : “เมื่อกี้ฉันให้นายสามวินาที แต่ว่า นายไม่ยอมรักษามันไว้ ดังนั้น เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ นายจงเสียดายมันซะเถอะ”
“หึ คิดจริงๆ เหรอว่าตัวเองมีฝีมือเล็กน้อย แล้วจะไม่เห็นหัวใครเลยก็ได้ ใช่มั้ย?” ป๋ายหม่ายิ้มอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็ยกหมัดขึ้นมา แล้วชกไปทางโหจื่อ
มองดูโหจื่อเหมือนคนเมาแอ๋ แม้เดินยังเดินไม่ตรง แต่ว่าต่อหน้าหมัดของป๋ายหม่า เขากลับหลบมันได้หมด
ราวกับบังเอิญอย่างนั้น
“เหยดด อาจารย์เป็นหมัดเมาด้วย” ถังหยู่ซวนมองโหจื่อ พลางทำสีน่านับถือ
“หมัดเมาอะไรกัน เขาดื่มมากแล้ว” หลี่ฝางพูดอย่างนิ่งๆ
โหจื่อถอยหลังไม่หยุด ถอยมาจนถึงหน้าโต๊ะตัวนึง จู่ๆ เขาก็ล้มลงไปนอน
“เห้ย อาจารย์เป็นอะไร?” ถังหยู่ซวนพูดอย่างร้อนรน
หลี่ฝางกลืนน้ำลาย: “โหจื่อคงไม่ดื่มหนัก จนล้มพับไปแล้วหรอกนะ?”
ส่วนป๋ายหม่าก็มีรอยยิ้มชั่วๆ ที่มุมปาก เขาคิดว่าตนได้โอกาสแล้ว จึงพุ่งเข้าไป
ใครจะรู้ จู่ๆ โหจื่อก็พลิกตัว ในอ้อมแขนของเขา ล้วนแต่เป็นขวดเหล้า
โหจื่อเหวี่ยงออกไปมั่วๆ ขวดเหล้าขวดนึง ทุบไปโดนร่างของป๋ายหม่า
เสียงดังเพล้ง ขวดเหล้าขวดนั้น แตกกระจาย
หลี่ฝางขมวดคิ้ว ตกใจอยู่ครู่ ขวดเหล้านี่ ในระยะใกล้ๆ แบบนี้ทุบไปที่ร่างคน ทำไมถึงแตกได้นะ? แบบนี้ไม่มีเหตุผลเลย
ต่อมา โหจื่อก็เขวี้ยงออกไปอีกหนึ่งขวด หลี่ฝางสังเกตมอง จังหวะที่โหจื่อเขวี้ยงขวดเหล้าออกไป เขาใช้แรงบีบนิดนึง ถ้าหากสังเกตจากที่ใกล้ๆ ก็จะรู้ว่า โหจื่อบีบ ทำให้ขวดเหล้าเกิดรอยร้าว
โหจื่อคว้าขวดเหล้าขึ้นกอดมาสิบกว่าขวด ก็ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีอะไรกอดมันขึ้นมา
ราวกับบนตัวเขามีเครื่องดูด เพื่อดูดขวดเหล้าโดยเฉพาะ
เพล้ง เพล้ง เพล้ง ขวดเหล้าสิบกว่าขวด ทั้งหมดถูกเขวี้ยงใส่ร่างของป๋ายหม่า สุดท้ายเสื้อสีขาวของป๋ายหม่า กลายเป็นสีแดงทั้งตัว
เศษแก้วไม่น้อย ปักไปที่ร่างของป๋ายหม่า
แม้แต่ใบหน้าของป๋ายหม่า เหมือนคนเสียโฉมเลย
“แม่มึง กูจะฆ่ามึง”
ในตอนนั้น ป๋ายหม่าโกรธจัด เขาควักปืนออกมา เล็งไปที่โหจื่อ
ส่วนโหจื่อเมื่อเห็นปืน ไม่ใช่แค่ไม่หวาดกลัว แต่กลับหัวเราะฮี่ๆ ออกมา: “เล่นปืนกับฉันเหรอ? นายเก่งจริงๆ ”
“ไปตายซะเถอะ”
ป๋ายหม่าเหนี่ยวไกออกไป อย่างไม่มีความลังเลใดๆ ถังหยู่ซวนตกใจจนร้องลั่น อยากเข้าไปบังกระสุนให้โหจื่ออย่างห้ามไม่ได้ ส่วนโหจื่อกลับทำสีหน้านิ่งๆ มือเขาล้วงปืนออกมา เล็งไปที่ป๋ายหม่า แล้วเหนี่ยวไกออกไป
เสียงปังดังสนั่น กระสุนทั้งสองนัดไปบรรจบกันอยู่ตรงกลาง ทำให้เกิดพูล และสลายไป
“อะไร? เป็นไปได้ยังไง!”
ป๋ายหม่าได้เห็นฉากนี้ ก็เบิกตากว้าง แล้วช็อก กระสุนทั้งสองนัดบรรจบเข้าหากัน มันบังเอิญมากไปมั้ย
แน่นอน ว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นี่คือฝีมือการยิงปืนขั้นสูงของโหจื่อ
สายตาของป๋ายหม่า เลิ่กลั่กอยู่ครู่ แต่ต่อมา ก็เหนี่ยวไกอีกครั้ง
เขารู้ โหจื่อมีปืนอยู่ในมือ หรือพูดได้ว่า ใครยิงเร็ว คนนั้นชนะ
แต่ขณะที่เขากำลังจะเหนี่ยวไก กระสุนหนึ่งนัด ก็ยิงมาโดนขาเขาอย่างไม่รู้เรื่อง เขาคุกเขาลงกับพื้น เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง โหจื่อกลับจ่อปืนมาที่หัวเขาแล้ว
หน้าของป๋ายหม่าแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัว: “นายเป็นใครกันแน่?”
โหจื่อทำป๋ายหม่าตกใจจนหน้าซีดเผือด โหจื่อยิ้ม แล้วพูด: “ฉันก็เป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ ในร้านบาร์แค่นั้น”