หลี่ฝางเองก็รู้สึกว่าหูเฟยเปลี่ยนท่าทีเร็วเกินไป แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเพราะอะไร
หูเสี่ยวน่าว
ส้าวส้วยคุยกับคนที่อยู่ในสาย “ช่วยสืบหาข้อมูลของเด็กผู้หญิงคนนี้หน่อย ลองตรวจดูว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เธอมีพี่ชายอยู่หนึ่งคน ชื่อว่าหูเฟย”
หลังจากวางสาย ส้าวส้วยพูดอย่างมั่นใจว่า “จุดอ่อนของหูเฟยมีอยู่ไม่เยอะ เมียของเขาตอนนี้กำลังดูแลจัดการปัญหาภายในบ้านของตระกูลสวี มันดูสะดุดตาเกินไป ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา คนในเมืองคงรู้เรื่องเข้าแน่ เพราะงั้น เมียของเขาไม่น่าจะเป็นอะไร”
“ความเป็นไปได้ที่เหลือ ก็คือมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดขึ้นกับน้องสาวของเขาหูเสี่ยวน่าว
“หูเสี่ยวน่าว?” พอนึกถึงพวกหญิงคนนี้ จู่ๆหลี่ฝางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
ตัวเขากับเธอ มีความแค้นกันอยู่
ทันใดนั้น หลี่ฝางก็เหมือนจะนึกอะไรสักอย่างขึ้นมาได้ ตอนนั้นคนขายเนื้อคนนั้นที่ชื่อพี่ตื๋ออะไรสักอย่างนี่แหละ เคยบอกว่าหูเสี่ยวน่าวเคยแนะนำเรื่องนั้นให้กับเขา
จู่ๆหลี่ฝางก็เบิกตาโตด้วยความตกใจ มองไปยังส้าวส้วยแล้วถามว่า “ส้าวส้วย แกว่าเป็นไปได้ไหมที่หูเสี่ยวน่าวจะถูกจับตัวไป?”
“ครั้งก่อนคนขายเนื้อคนนั้นเคยบอกไว้ไม่ใช่เหรอ หูเสี่ยวน่าวกับเขาเคยอยู่ในคลับเดียวกันใช่ไหม?”
ส้าวส้วยหันกลับมามองหลี่ฝาง พูดด้วยความดีใจว่า “ใช่แล้ว ผมเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เจ้านาย ดูเหมือนว่าคุณเองก็จำแม่นเหมือนกันนะเนี่ย”
“อยู่ในที่แบบนั้นไม่มีทางที่จะไม่เกิดอะไรขึ้น กระทำของหูเสี่ยวน่าว คงมีคนคอยจับตาดูอยู่ตลอด เพียงแต่ว่า หูเฟยเมื่อก่อนไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร เบื้องหลังยังมีตระกูลสวีค่อยหนุนหลังอยู่ เพราะงั้นต่อให้มีคนรู้ว่าหูเสี่ยวน่าวทำธุรกิจสกปรก ก็คงจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น”
“แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดินแล้ว ตอนนี้หูเฟยมีศัตรูแล้ว แถมศัตรูยังไม่กลัวว่าจะไปมีเรื่องกับเขาและตระกูลสวี” ผ่านไปได้ราวๆสิบกว่านาที โทรศัพท์ของหูเฟยก็ดังขึ้นมา “เป็นไงบ้าง ได้ข่าวของหูเสี่ยวน่าวรึเปล่า?”
“หูเสี่ยวน่าวหายตัวไป”
คนในสายตอบอย่างรวดเร็ว “เพื่อนของเธอ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถติดต่อหาเธอได้ โทรศัพท์เองก็ปิดเครื่องเอาไว้ แถมข้างในบ้านของเธอ ที่ๆเธอควรจะอยู่ ต่างก็หาเธอไม่เจอ”
“ดูจากสถานการณ์ เธอน่าจะโดนจับตัวไป”
ส้าวส้วยพยักหน้า แล้วพูดว่า “เข้าใจแล้ว ช่วยฉันหาต่อไป ถ้าเกิดได้ข่าวอะไร ก็รีบติดต่อหาฉัน”
“ได้ ฉันจะค้นหาต่อไป” พอคนในสายพูดจบ ก็กดวางสายไป
หลี่ฝางมองไปยังส้าวส้วย ถามออกไปด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง “เกิดเรื่องขึ้นจริงๆใช่ไหม?”
ส้าวส้วยพยักหน้าเล็กน้อย “ไม่ว่าจะหาที่ไหนก็ไม่เจอตัวหูเสี่ยวน่าว ดูเหมือนจะเป็นเหมือนอย่างที่พวกเราคาดการณ์เอาไว้ หูเสี่ยวน่าวจะต้องโดนคนอื่นจับตัวไปแล้วแน่ๆ”
“งั้นเราควรจะทำอย่างไงต่อดี” หลี่ฝางถาม
ถ้าเกิดหูเสี่ยวน่าวถูกหูเฟยจับตัวจริงๆล่ะก็ งั้นเฉินฝูเซิงก็อยู่ในอันตรายแล้ว
หลี่ฝางได้ตรวจสอบตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่เล็กไอ่หูเฟยกับหูเสี่ยวน่าวก็ค่อยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน คนที่หูเฟยสนิทมากที่สุด ไม่ใช่เมียของเขาสวีจื่อเม่ย แต่เป็นน้องสาวของเขาหูเสี่ยวน่าว
หูเสี่ยวน่าวเพิ่งหายตัวไปไม่นาน หูเฟยก็เอากำไรครึ่งนึงของตระกูลสวี ส่งมอบให้กับสี่ตระกูลใหญ่
ก่อนหน้านี้ หลี่ฝางก็มองออกแล้ว ไอ่หูเฟย ลึกๆในจิตใจเขาเป็นคนที่โลภมากคนนึง แต่ว่า ตอนนี้เพื่อน้องสาวของตัวเองหูเสี่ยวน่าว หูเฟยแทบจะไม่ต้องคิดอะไร ก็เอาเม็ดเงินจำนวนขนาดนั้นส่งมอบออกไป
ที่สำคัญ ตอนนี้อีกฝ่ายคงยังไม่มีความคิดที่จะปล่อยหูเฟยไป
ไม่งั้น กระทำเมื่อกี้ของหูเฟย คงไม่เป็นอย่างนั้น
“ต่อจากนี้ก็แค่เรียกหูเฟยออกมา เพื่อบอกให้เขารู้ว่าตอนนี้คุณรู้ปัญหาของเขาแล้ว” ส้าวส้วยหันไปพูดกับหลี่ฝาง “เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ เขาคงคิดว่าพวกเราคงไม่มีประโยชน์อะไร เขาคงรู้สึกว่าถ้าทำตามแผนของพวกเรา คงจะไม่สามารถเอาชนะสี่ตระกูลใหญ่ได้ เพราะงั้นจึงล่าถอยกลับไป ตอนนี้ คุณต้องให้ความมั่นใจกับเขา”
“เช่นอะไรล่ะ? ให้คำมั่นสัญญากับเขางั้นเหรอ?”
หลี่ฝางทำหน้าบึ้งตึง ในวันนี้ ตัวเขายังไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากให้คำสัญญา เพิ่งจะให้คำสัญญากับหงหง ยังต้องมาให้คำสัญญากับหูเฟยอีกเหรอ
แถมตอนนี้ ในใจของหลี่ฝางก็ไม่เหลือความมั่นใจอยู่เลย
อีกฝ่ายเล่นตุกติกมากจนเกินไป ทำให้หลี่ฝางไม่สามารถรับมือได้ทัน
ถ้าเกิดมาเข้ามาตรงๆ หลี่ฝางก็คงไม่กลัวอะไร แต่อีกฝ่ายใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย แถมแต่ละอย่างที่ทำก็ดูสกปรกซะเหลือเกิน
“เด็กผู้หญิงที่อยู่ในคฤหาสน์บ้านซานล้วนยังไม่บรรลุนิติภาวะ แค่ให้สัญญาคำเดียว ก็สามารถหลอกพวกเธอได้แล้ว แต่คนอย่างหูเฟย เขาคงจะผ่านอะไรมาเยอะ? อาจจะมากกว่าผมด้วยซ้ำ คุณไม่จำเป็นต้องให้คำสัญญาอะไรกับเขา แค่ต้องถามเขาว่า น้องสาวของเขาถูกจับตัวไปใช่ไหม พูดแค่นี้ ก็พอแล้ว”
“จริงสิ สถานที่สุดท้ายที่เห็นตัวของหูเสี่ยวน่าว คือถนนแถวร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เฉินฝูเซิงเป็นคนคุมสถานที่นั้นอยู่”
“รู้สึกจะชื่อว่าร้านเกมโหย่วหยวน หูเสี่ยวน่าวถูกคนเรียกออกไปจากหลังร้าน คนที่เรียกเธอออกไป คือหนึ่งในเพื่อนของเธอ ชื่อว่าหวางหยวนหยวน ตอนนี้หวางหยวนหยวนเองก็หายตัวไปแล้วเหมือนกัน”
“นี่เป็นข่าวที่เพื่อนของผมเพิ่งส่งมา คุณแค่ต้องบอกข่าวนี้ให้กับเขา ก็พอแล้ว” ส้าวส้วยมองไปยังหลี่ฝาง พอพูดจบก็จุดบุหรี่ของตัวเอง ขึ้นมาสูบด้วยท่าทีที่ดูสบายๆ
หลี่ฝางมีใบหน้าที่ตื่นเต้นเล็กน้อย “พูดแค่นี้เหรอ จากนั้นก็ไม่ต้องพูดอะไรต่อเหรอ?”
“ใช่แล้ว พูดมากไป ก็ไม่มีประโยชน์” ส้าวส้วยปล่อยควันบุหรี่ออกมา จากนั้นก็หัวเราะออกมา “พูดมากเกินไป ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร ก็คงไม่เข้าหูของเขา”
“สิ่งที่ผมพูดเมื่อกี้ แม้แต่เขายังไม่สามารถหามาได้ แต่พวกเรากลับสามารถหามาได้ แบบนี้มันแปลว่ายังไง?” ส้าวส้วยทำหน้าได้ใจ
“แปลว่าพวกเราเก่งกว่าเขาไง”
ทันใดนั้นหลี่ฝางก็เข้าใจได้ในทันที หยิบโทรศัพท์ขึ้น จากนั้นก็โทรไปหาหูเฟยอีกครั้ง พอรับสาย ส้าวส้วยก็พูดใส่โทรศัพท์ว่า “คุณชายหลี่ ฉันกำลังยุ่งอยู่ ถ้าเกิดไม่มีเรื่องอะไร ก็ไม่ต้องโทรมาหาฉัน”
“ส่วนเรื่องที่ยกเลิกข้อตกลงของพวกเรา พูดตรงๆนะ ฉันต้องขอโทษด้วย แต่ว่าเรื่องบางเรื่อง เฮ้อ ต้องขอโทษด้วย”
หลี่ฝางหัวเราะ “คุณเองก็เป็นลูกผู้ชายเต็มตัว พอเกิดเรื่องขึ้น ก็พูดเป็นแค่ขอโทษรึไง?”
“คุณชายหลี่ คุณมีเรื่องอะไรรึเปล่า? ถ้าเกิดไม่มีอะไร ฉันจะวางสายแล้ว” หูเฟยพูดด้วยเสียงที่เย็นชา กำลังจะกดวางสาย แต่เวลานั้นเอง หลี่ฝางก็พูดอย่างช้าๆว่า “ฉันมีรูปอยู่ไม่กี่รูป คุณอยากจะดูสักหน่อยไหม?”
“รูปภาพอะไร? ฉันไม่อารมณ์จะดู” เสียงของหูเฟยอย่างคงแฝงความเย็นชาอยู่
หลี่ฝางหัวเราะ พูดอย่างใจเย็นว่า “พี่หู งั้นก็ช่างเถอะ เมื่อกี้ฉันเพิ่งตรวจร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ของตัวเอง เจอรูปภาพอยู่ไม่กี่รูป หนึ่งในนั้น รู้สึกจะเป็นน้องสาวของคุณ”
“พี่หู หุ่นน้องสาวของคุณดูดีมากเลยนะ มีแฟนรึยัง? ถ้าเกิดไม่มีล่ะก็ สามารถแนะนำให้ฉันรู้จักได้ไหม?”
หลี่ฝางพูดจาเยาะเย้ย พอหูเฟยได้ยินคำเยาะเย้ยแบบนี้ ไม่เพียงไม่ได้โมโห แถมยังรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “คุณชายหลี่ คุณไปแล้วรึยัง? ฉันจะออกไปหาคุณเดี๋ยวนี้แหละ”
“พวกเราเพิ่งสตาร์ทรถ ทำไมเหรอ น้องสาวของคุณไม่มีแฟนจริงๆใช่ไหม อยากจะแนะนำเธอให้ฉันรู้จักเหรอ?” หลี่ฝางพูดไปหัวเราะไป
“หยุดรถก่อน ฉันกำลังออกไป “หูเฟยพูดด้วยเสียงที่ร้อนรน
ส่วนหลี่ฝางในตอนนี้ก็หันไปพูดกับส้าวส้วย “ออกรถเลย เอาคืนเขาสักหน่อย ใครใช้ให้เมื่อกี้เขาไม่ไว้หน้าพวกเรา อยากจะเห็นท่าทีที่ร้อนรนของเขาสักหน่อย”
ส้าวส้วยรีบออกรถออกไป ระหว่างที่กำลังเลี้ยวรถ ทันใดนั้นเองหูเฟยก็วิ่งออกมา โบกมือพร้อมกับร้องตะโกนใส่ส้าวส้วย หยุดก่อน
ส้าวส้วยขับรถออกไปราวๆหนึ่งร้อยเมตร จากนั้นค่อยหยุดรถ
“มีเรื่องอะไร?” ส้าวส้วยถาม พร้อมกับมองไปยังหูเฟยด้วยความเย็นชา
หูเฟยพยักหน้าเล็กน้อย มองไปยังส้าวส้วยพร้อมกับพูดว่า “เปิดประตูรถหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณชายหลี่”
“เมื่อกี้ทำไมถึงไม่พูด? พอพวกเรากำลังจะออกไปแล้ว แกถึงมาพูด ไม่คิดว่ามันสายเกินไปงั้นเหรอ?” ส้าวส้วยพูดออกไปด้วยไม่รักษาน้ำใจพร้อมกับมองไปยังหูเฟย พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง
ใบหน้าของหูเฟยแดงก่ำไปแวบนึง แล้วพูดว่า “เมื่อกี้เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรปิดบังพวกคุณ เปิดประตูรถเถอะ อย่าแกล้งฉันอีกเลย การที่พวกคุณโทรมาหาฉัน ก็เพื่อที่จะบอกฉันว่า พวกคุณรู้เรื่องที่น้องสาวของฉันถูกจับตัวไปแล้วถูกไหม”
หลี่ฝางเพิ่งจะพยักหน้า หันไปพูดกับส้าวส้วยว่า “เปิดประตูรถเถอะ ให้โอกาสครั้งสุดท้ายกับเขา”
“ฟังให้ดีนะ นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้าย ไม่มีครั้งหน้าแล้ว”
ส้าวส้วยหัวเราะด้วยความเย็นชา จากนั้นก็เปิดประตูรถ “ถ้าเกิดยังมีครั้งหน้า ฉันจะไม่ยอมหยุดรถเด็ดขาด”
พอหูเฟยเปิดประตูรถ แล้วเดินเข้ามา สิ่งที่เขาทำก่อนก็คือขอโทษ “ต้องขอโทษด้วย คุณชายหลี่ เรื่องครั้งนี้เกี่ยวพันถึงน้องสาวของฉัน ฉันจึงทำอะไรโง่ๆออกไป”
หลี่ฝางหยักหน้าเล็กน้อย พูดด้วยใบหน้าที่ยังคงมีความโกรธแฝงอยู่ “ฉันเข้าใจคุณ แต่พวกเราก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว มีเรื่องอะไร ที่คุณไม่สามารถบอกฉันได้รึไง? ทำไม รึว่าการร่วมมือกันคือแบบนี้งั้นเหรอ? พอเจอปัญญา ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็แยะย้ายกันไป มีใครทำเหมือนคุณบ้าง?”
“ควรจะร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างหาก” หลี่ฝางพูด พร้อมกับหันไปมองหูเฟย