NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 578 ให้ตระกูลมู่ฟื้นกลับขึ้นมาไม่ได้

บทที่ 578 ให้ตระกูลมู่ฟื้นกลับขึ้นมาไม่ได้

ในขณะที่กำลังเดินอยู่บนถนน โทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ได้ดังขึ้น เป็นเบอร์ที่โทรมาจากต่างประเทศ

หลี่ฝางลังเลอยู่สักครู่ ถึงกดรับสาย จากปากของส้าวส้วย หลายวันมานี้หลี่ฝางได้ยินชื่อของกลุ่มคนต่างชาติกลุ่มนั้นอยู่หลายครั้ง ซึ่งมีลำดับขั้นอยู่ด้านหน้าของลูกพี่หลิน

ชั่วขณะ เมื่อหลี่ฝางเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่โชว์ ก็นึกถึงคนกลุ่มนั้นขึ้นมาทันที

หลังจากที่รับโทรศัพท์ หลี่ตั้งใจมองไปที่ส้าวส้วยเป็นพิเศษ ใครจะไปรู้ กลับมีเสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากอีกด้านของสาย”

“เสี่ยวฝาง นายทำอะไรอยู่น่ะ หลายวันมานี้นายยุ่งอะไรอยู่เหรอ บริษัทผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ อีกไม่นานก็จะสิ้นสุดแล้ว ถ้านายยังไม่ลงมือล่ะก็ พวกเขาก็คงแบ่งเงินกับมู่เสี่ยวไป๋และหนีไปแล้ว” อีกด้านหนึ่งของสาย กล่าวด้วยท่าทางร้อนรนจางกงหมิง

“เชรด ฉันลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงกัน เร็ว ส่งที่อยู่ของพวกเขามาให้ฉัน ฉันจะไปจักการพวกมันตอนนี้เลย” หลี่ฝางกล่าวอย่างรีบร้อน

เมื่อหลายวันก่อนในตอนที่จางกงหมิงติดต่อตัวเองมา ได้บอกกับตัวเองว่า มู่เสี่ยวไป๋และพวกนักต้มตุ๋นจากต่างเมือง กำลังทำโครงการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

ผลกำไรเยอะมาก แน่นอน ก่อนหน้านั้นตระกูลมู่ก็ได้ใช้เงินลงทุนไปไม่น้อย ทั้งหมดถูกใช้ในการทำโฆษณา

บำรุงสมองทำให้สดชื่น ยืดอายุขัยอะไรต่าง ๆ ตอนนี้ทุกซอกทุกมุมที่ของเมืองเอก ล้วนมีโฆษณาของพวกเขา เมื่อผู้คนได้มองเห็น ทำให้รู้สึกว่าผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพนี้มีความน่าเชื่อถือ ราวกับเป็นสินค้าที่มียี่ห้อ

“ได้ มีตั้งหลายที่อยู่แหนะ พวกเขาได้เริ่มเก็บงานกันแล้ว ก่อนหน้านี้มีแต่มอบให้ฟรีมาโดยตลอด วันนี้ถึงเริ่มขายเป็นวันแรก ถ้าหากนายเข้าไปสร้างความวุ่นวายล่ะก็ ตระกูลมู่นั่น จะต้องลุกเป็นไฟแน่นอน”

“อ้อใช่ ยังจำชุมชนที่เราเจอกันก่อนหน้านี้ได้ไหม? มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังจัดตั้งสังคมสงเคราะห์อะไรสักอย่างนี่แหละ พูดตรง ๆ ก็คือเพื่อหลอกนาย ให้นายทำแชร์ลูกโซ่ อะไรจ่ายสามหมื่นหยวน เพียงแค่สามปี ก็จะได้เงินสิบกว่าล้าน แม่ง เรื่องแบบนี้พวกมันยังกล้าโม้ ฉันละยอมจริง ๆ แต่ฉันนับถือพวกที่เข้าร่วมมากกว่า เป็นไปได้ยังไงที่ยังมีคนเชื่อ และไม่ใช่เพียงคนเดียว หลายคนด้วยซ้ำ”

“ได้ยินว่าภายในหนึ่งวัน พวกเขาก็สามารถหาคนใหม่เข้ามาเพิ่มได้หลายสิบคน ได้เงินไปล้านกว่าแล้ว”

“เชรด เส้นทางหาเงินของคนภาคใต้นี่ ป่าเถื่อนจริง ๆ แค่สร้างความเชื่อขึ้นมา จากนั้นก็วาดรูปให้พวกเขา แค่นี้ก็ยังมีคนเชื่อ”

“ฉันรับผิดชอบสอดแนมอยู่ทางนี้ ถ้ามีใครมาก่อเรื่อง พวกเราทำหน้าที่จัดการ ทางฝั่งฉันมีคนอยู่หลายสิบคน นายพาคนมาเยอะหน่อย พอถึงตอนนั้นลงมือขึ้นมา ฉันจะไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน”

หลังจากที่จางกงหมิงพูดจบ หลี่ฝางก็ขมวดคิ้ว: “นายพูดบ้าอะไร เรียกฉันไปจัดการนาย? นายเป็นถึงลูกพี่ของฉันเชียวนะ ไม่ไป ไม่ไป”

“ไม่มาไม่ได้ คนกลุ่มนี้น่าสงสารเกินไป ต่างก็เป็นคนจน เดิมทีก็ไม่ได้มีเงินมากมายอะไร แต่ถูกพวกนั้นหลอกลวง ต่างก็ยืมซ้ายยืมขวา ใช้กำลังสมองทั้งหมดเพื่อหาเงินมาให้พวกมัน”

“ฉันทนดูต่อไปไม่ได้จริง ๆ นายทำตัวเป็นพระเจ้าสักครั้ง ช่วยพวกเขาเถอะนะ ฉันจะบอกนายให้ ในกลุ่มคนพวกนี้ นอกจากคนหนุ่มสาวเพียงไม่กี่คนแล้ว ต่างก็มีอายุห้าสิบกว่าขึ้นไป ในนี้ยังมีคนแก่ตัวคนเดียวอยู่หลายคน เงินสามหมื่นนี่ สามารถพูดได้ว่าเป็นชีวิตของพวกเขา ถ้าหากคนพวกนี้รู้ว่าตัวเองถูกหลอก สุดท้ายแล้ว ต้องมีคนไม่น้อยที่จะฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน”

“วันนั้นตอนที่ดื่มเหล้า ฉันได้ยินอาจารย์ที่บรรยายพูด ทุกครั้งหลังจากที่พวกมันหนีไป ก็จะปรากฏข่าวฆ่าตัวตายอย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นเพราะพวกมัน แต่ว่าในตอนที่พวกมันพูดถึงเรื่องนี้ กลับไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย แต่กลับพูดกันอย่างสนุกสนาน ราวกันว่าตัวเองได้ทำเรื่องอะไรที่ยอดเยี่ยมยังไงอย่างนั้น”

“งั้นหลังจากที่พวกเราไปถึงแล้ว จะต่อยจริงหรือแสดงละครล่ะ?” หลี่ฝางกลืนน้ำลาย พลางเอ่ยถาม

“ถามมาได้ แน่นอนว่าจะต้องต่อยจริง มู่เสี่ยวไป๋มันไม่ได้โง่นะ ถ้าหากนายออมมือให้ฉัน เรื่องจบมันจะต้องมองออกแน่ว่าฉันขายมัน พอถึงตอนนั้น ฉันจะต้องแย่แน่ ๆ เลย”

จางกงหมิงกล่าว: “ให้เร็วล่ะ ถือโอกาสที่เงินของพวกมัน ยังไม่ได้โอนออกไป จัดการพวกมันให้หมดในครั้งเดียว ก็จะแย่งเงินกลับมาได้”

“นายว่าคนพวกนั้น ทำไมถึงได้ฉลาดแบบนี้ พวกเราทำแทบเป็นแทบตาย ต้องให้ชีวิตบนความเสี่ยงในแต่ละวัน วันหนึ่งก็ไม่ได้เงินมากมายอะไร แต่ดูพวกมันสิ เพียงแค่เล่นลิ้นนิดหน่อย คุยโวเล็กน้อย เชรด เงินนั่น ก็วิ่งเข้าไปในกระเป๋าพวกมันแล้ว อีกอย่างคนที่ให้เงินเหล่านั้น ราวกับยังกลัวว่าจะจ่ายช้าเกินไป”

“ฉันละยอมเลย ยอมจริง ๆ นายรีบพาคนมาจัดการกับพวกมันให้สิ้นซากซะ” จางกงหมิงกล่าวด้วยความอิจฉาริษยาเล็กน้อย

หลี่ฝางหัวเราะชอบใจ: “แล้วพวกมันให้เงินนายเท่าไหร่”

“สี่ห้าแสนมั้ง” จางกงหมิงกล่าวอย่างเรียบ ๆ

“เยอะขนาดนั้นเชียว?” หลี่ฝางตะลึง เงินเยอะขนาดนี้ มีพวกอันธพาลมากมายแค่ใน ที่ทำหนึ่งปียังได้ไม่เยอะขนาดนี้แลย

“ใช่ พวกมันใจใหญ่จะตาย ตอนเย็นของหลายวันมานี้ พาฉันไปกินไปดื่มทุกวัน กินจนฉันเบื่อแทบตายอยู่แล้ว พอกินเสร็จนะ ก็พาฉันเล่นภาพยอดแห่งอาชาทั้งแปด เฮ้อ จนระยะนี้ฉันผอมไปหมดทั้งตัวแล้ว” จางกงหมิงกล่าวพลางถอนหายใจ

“ภาพยอดแห่งอาชาทั้งแปด อะไรคือภาพยอดแห่งอาชาทั้งแปดเหรอ” หลี่ฝางถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ทึ่มเอ๊ย ก็คือสาวฝรั่งแปดคนยังไงล่ะ เข้าใจหรือยัง หาให้ฉันแปดคนในคืนหนึ่ง สองหมื่นกว่าบาทแหนะ ดูแลแบบนี้อยู่ทุกวัน” จางกงหมิงกล่าวพลางหัวเราะคิกคัก

“นายมันก็ร้ายไม่เบานี่นา คนอื่นช่วยนายขนาดนี้ นายยังลอบกัดเขา” หลี่ฝางส่ายหัวอย่างพูดไม่ออก

“วิญญูชนรักในเงินทองทรัพย์สินหากแต่ต้องหามาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต” จางกงหมิงหัวเราะคิกคัก กล่าว: “แค่นี้แหละ ฉันต้องวางแล้ว มู่เสี่ยวไป๋สั่งคนคอยจับตาดูฉันอยู่ ฉันจะคุยกับนายนานมากไม่ได้”

“นี่เป็นเบอร์ใหม่ของนายเหรอ? ฉันจะบันทึกไว้” หลี่ฝางอืมตอบรับ แล้วกล่าวถาม

“เบอร์ใหม่ห่าอะไร นี่เป็นโทรศัพท์ออนไลน์ เป็นแอปพลิเคชันที่ฉันพึ่งโหลดมาใหม่ ไม่เสียค่าโทร หมายเลขก็เป็นหมายเลขสุ่ม ถ้าเติมVIP ยังสามารถตั้งเบอร์เองได้ด้วย นายไปที่ทางเข้าซอยสิบแปดถนนหนังเฟิง แล้วมองหาร้านตัดผมที่มีชื่อว่ากั่งจ๋าย พอเข้าไปในร้าน นายก็แจ้งชื่อของนายไป เถ้าแก่ของที่นั่นจะให้ที่อยู่พวกนั้นกับนาย ที่อยู่เหล่านี้ ล้วนเป็นจุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่สำคัญ ต่างก็มีนักเลงเจ้าถิ่นคอยเป็นโล่กำบังให้พวกมัน แต่ละจุดนายจะต้องพาคนไปเยอะหน่อย อย่างน้อยต้องทีมละยี่สิบคน……”

หลี่ฝางรับคำ จากนั้นก็วางสายไป

หลี่ฝางรู้ดี ว่าจางกงหมิงถูกมู่เสี่ยวไป๋จับตาดูอย่างเคร่งครัด เบอร์โทรศัพท์ก็จะต้องถูกจับตาดูอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ เขาไม่มีทางที่จะไปโหลดแอปฯโทรศัพท์ออนไลน์อะไรนั่นแน่

“ถนนหนังเฟิง ทางเข้าซอยหมายเลขสิบแปด” หลี่ฝางหันหน้า แล้วพูดกับส้าวส้วย: “ตามหาร้านตัดผมที่มีชื่อว่ากั่งจ๋าย”

ส้าวส้วยเอ่ยถาม: “มีข่าวมาจากทางจางกงหมิง?”

“ใช่ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่กำลังเป็นที่นิยมในเมืองเอกนั่น ได้ยินว่ามีตระกูลมู่อยู่เบื้องหลัง ดังนั้นจางกงหมิงจึงโทรมาหาฉัน ต้องการให้ฉันไปขัดขวาง” หลี่ฝางกล่าว

เมื่อส้าวส้วยได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้วแน่น: “ที่โล่กำบังของพวกมัน ก็คือตระกูลมู่แห่งเมืองเอกนี่เอง”

“เหอะ ๆ ที่จริงแล้วพวกคนเหล่านี้ ลูกพี่ใหญ่ได้จับตาดูพวกมันมานานแล้ว เพียงแต่ว่า เบื้องหลังที่มาของพวกมันสลับซับซ้อน ถ้าหากทำลายลงจริง ๆ จะต้องล่วงเกินคนมากมายอย่างแน่นอน คนที่ขายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพพวกนี้ กล้ามาหลอกเงินที่เมืองเอก นั่นหมายความว่า พวกมันได้จัดการเรื่อง ๆ ไว้ดีแล้ว”

“แต่ว่าในเมื่อมีตระกูลมู่เป็นหัวหลัก งั้นก็ไม่สนว่าธุรกิจนี้จะมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องใครบ้าง ยังไงจะต้องจัดการพวกมันซะ” ส้าวส้วยทำเสียงฮึดฮัด เข้ากล่าวด้วยท่าทางเยือกเย็น

“จะให้ตระกูลมู่ฟื้นกลับขึ้นมาไม่ได้เด็ดขาด” ส้าวส้วยกล่าว

ส้าวส้วยเพิ่มความเร็วรถขึ้นอีก หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง หลี่ฝางก็ได้รับกระดาษแผ่นนั้น จากร้านตัดผมเป็นที่เรียบร้อย

บนกระดาษเขียนที่อยู่ไว้ทั้งหมดเจ็ดสิบกว่าแห่ง และสถานที่พวกนี้ ต่างเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในเมืองเอก แน่นอนว่า ยังมีเทศบาลระดับจังหวัดอย่างตงไห่ ทะเลตะวันตกและที่อื่น ๆ ต่างก็มีอยู่ในแผนการ

ในขณะที่หลี่ฝางเห็นกระดาษแผ่นนี้ เขาก็หน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาทันที

หลังจากที่ขึ้นรถ ส้าวส้วยก็มองหลี่ฝางแล้วเอ่ยถาม: “ได้ที่อยู่มาหรือยัง?”

“ทางได้น่ะได้มาแล้ว แต่ว่าจางกงหมิงบอกกับฉันว่า แต่ละที่ จะต้องส่งคนไปอย่างน้อยยี่สิบคน ถ้าคนน้อยไป จะถูกพวกนักเลงท้องถิ่นจัดการเอาง่าย ๆ ”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว และส่งกระดาษให้กับส้าวส้วย กล่าว: “นายดูสิ ทั้งหมดเจ็ดสิบกว่าแห่ง ทั้งยังล้วนเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ สถานที่พวกนี้ มีกล้องวงจรปิดอยู่เต็มไปหมด ปะทะกันอยู่ภายใต้กล้องวงจรปิด มันไม่เท่ากับหาที่ตายหรอกเหรอ?”

หลี่ฝางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกขึ้นมาทันที แต่ส้าวส้วยกลับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา และกล่าวอย่างไร้กังวล: “เดี๋ยวผมจะจัดการเอง”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท