NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 577 แกยังจำหลอซ่าได้ไหม

บทที่ 577 แกยังจำหลอซ่าได้ไหม

เมื่อเห็นจูเปิ่นและพวก ในที่สุดเจียงเหวยก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด

ทันใดนั้นเจียงเหวยก็พลันหัวเราเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา กล่าว: “คิดไม่ถึงว่า ฉันจะแพ้เพราะฝีมือของหมอฝึกหัดคนหนึ่ง”

“นี่คงนับว่าเป็นเรือล่มในคลองระบายน้ำสินะ” เจียงเหวยกล่าวอย่างแหบแห้ง

จูเปิ่นไม่ได้พูดมากอะไร เขายกปืนขึ้นมา แล้วเล็งไปที่เจียงเหวย กล่าว: “ใครเป็นคนลงมือฆ่า?”

“มีปืนอยู่ในมือแล้วแน่มากหรือไง กำลังข่มขู่ใครกัน” เฮยจื่อเดินเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย

เสียงปืนดังปัง เสี่ยวซานจื่อเล็งปืนไปที่บริเวณน่องของเฮยจื่อ แล้วยิงออกไปหนึ่งนัด

หลังจากที่เฮยจื่อโดนยิง ก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น เสี่ยวซานจื่อถือโอกาสนี้เดินเข้าไป แล้วใช้ปืนจ่อไปที่หัวของเฮยจื่อ

จูเปิ่นมองดูเจียงเหว่ย แล้วถามขึ้นอีกครั้ง: “ใครเป็นคนฆ่า?”

ริมฝีปากของเจียงเหวยขยับเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก เฮยจื่อที่อยู่บนพื้นก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน: “ฉันเป็นคนฆ่า”

จูเปิ่นจ้องมองเจียงเหวย ยังเอ่ยถามต่อไป: “ใครเป็นคนฆ่า?”

“แม่งเอ้ยหูหนวกหรือไง? ฉันบอกแล้ว ว่าฉันเป็นคนฆ่า” เฮยจื่อหันไปทางจูเปิ่น แล้วตวาดกล่าวอย่างเสียงดัง

สายตาของจูเปิ่นยังคงจ้องมองไปที่เจียงเหวย เจียงเหวยยิ้มเล็กน้อย กล่าว: “ฉันเป็นคนฆ่าเอง ฉันจะไปมอบตัวตอนนี้เลย”

จูเปิ่นหัวเราะขึ้นมาอย่างพอใจ: “เจ้านายของพวกเรามีเรื่องอยากจะถามแกหน่อย หลังจากที่ถามเสร็จ แกค่อยไปมอบตัวที่สถานีตำรวจพร้อมกับหมอคนนั้น”

กล่าวไป จูเปิ่นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหาส้าวส้วย

หลังจากที่ส้าวส้วยรับโทรศัพท์เสร็จ ก็มองไปที่หลี่ฝาง แล้วกล่าวอย่างปลาบปลื้ม: “เรื่องของเฉินฝูเซิง ได้สำเร็จไปหนึ่งขั้นแล้ว ต่อไป ก็จะเริ่มเก็บแห”

จากนั้นไม่นาน ส้าวส้วยและหลี่ฝางก็ได้มาถึงห้องทำงานที่อยู่ลับหูลับตาแห่งนี้

มองดูเจียงเหวย ส้าวส้วยก็กล่าวขึ้นมาอย่างไม่อ้อมค้อม: “ใครเป็นคนสั่งแก”

เจียงเหวยมองดูส้าวส้วย แล้วเอ่ยถาม: “แกเป็นใคร? บอสที่อยู่เบื้องหลัง?”

“เหอะ ๆ แต่ละอาชีพต่างก็มีกฎเกณฑ์ แกก็น่าจะรู้ พวกเราออกมาทำอาชีพนี้ และอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้ ก็เพราะพวกเรารักษากฎ”

“ถ้าทำผิดกฎ คนที่อยู่ท่าเรือ คงไม่มีใครกล้าให้พวกเรารับของ”

“แกอาจจะไม่รู้จักฉัน แต่แกน่าจะรู้จักหลอซ่าใช่ไหม?” ส้าวส้วยยิ้มอ่อน ๆ : “แกสามารถได้เส้นทางขนส่งทางทะเลเส้นทางนี้มาได้ ก็เพราะมีหลอซ่าในตอนนั้น”

เมื่อได้ยินชื่อหลอซ่า สีหน้าของเจียงเหวย ก็ตกตะลึงขึ้นมา

“ทำไมเหรอ จำไม่ได้แล้ว?” ส้าวส้วยเลิกคิ้วเล็กน้อย

เจียงเหวยเงียบไปสักพัก: “ดูเหมือนว่าฉันจะกำแกขึ้นมาได้แล้ว แกคือคนของหลอซ่า”

“เขายังมีชีวิตอยู่เหรอ? ฉันได้ยินว่าเขากลับมาแล้ว ไม่รู้ว่าจริงไหม” เจียงเหวยเอ่ยถาม

ส้าวส้วยพยักหน้า: “ที่แกได้ยินมา ล้วนเป็นความจริง สถานตากอากาศหลงฉวน ก็คือของหลัวซ่า”

“บอกได้ไหม?” ส้าวส้วยจ้องมองเจียงเหวย พลางเอ่ยถาม

“ในตอนที่เขาหนีไปในตอนนั้น ฉันเคยบอก ว่าฉันติดข้างเขาหนึ่งชีวิต ถ้าวันหน้าเขาสามารถมีชีวิตกลับมาได้ จะให้ฉันทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ถ้าหากแกเป็นตัวแทนของหลอซ่าได้ ฉันก็สามารถบอกแกได้” เจียงเหวยกล่าว

ส้าวส้วยมองดูจูเปิ่นเสี่ยวซานจื่อและพวก แล้วกล่าว: “พวกนายออกไปก่อน”

“ครับ” จูเปิ่นไม่ได้โต้แย้งใด ๆ แล้วส่งสายตาให้กับพวกเสี่ยวซานจื่อ

รอจนกว่าพวกเสี่ยวซานจื่อจากไปจนหมด ส้าวส้วยก็ใช้คางชี้ไปที่หลี่ฝาง แล้วกล่าว: “เขาเป็นลูกชายของหลัวซ่า”

มองดูหลี่ฝางแวบหนึ่ง เจียงเหวยดูไม่ออกเลยว่าหลี่ฝางมีความพิเศษอะไร แล้วหัวเราะเหอะ ๆ ขึ้นมา: “ช่างเถอะ ฉันจะบอกแกตรง ๆ เลยแล้วกัน”

“ถึงยังไงซะฉันก็ไม่เคยเจอหลอซ่า ไม่ได้เจอมาสามปี เสียงของหลอซ่า ก็ไม่แน่ว่าฉันจะจำได้ แต่ฉันจำได้ว่า ตอนนั้นแกได้หนีไปพร้อมกับหลอซ่า ดังนั้นฉันเชื่อแก”

“คนที่จ่ายเงินจ้างฆ่าคือ……”

ในตอนที่เจียงเหวยกำลังจะพูด โทรศัพท์ของเขา ก็พลันดังขึ้นมา

พอเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่โชว์ขึ้น เจียงเหวยก็พลันขมวดคิ้ว เขามองดูส้าวส้วย: “รอเดี๋ยวนะ ฉันขอรับโทรศัพท์ก่อน”

เจียงเหวยเดินไปอีกด้าน พึ่งกดรับโทรศัพท์ สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไป

หลังจากที่วางสายไป เจียงเหวยก็หัวเราะเหอะ ๆ เขาเดินไปที่โต๊ะทำงานจองตัวเอง แล้วเปิดลิ้นชัก พลางกล่าว: “ฉันจะเอาผลงานของเขาให้พวกแกดู ดูสิว่าพวกแกจะรู้จักเขาไหม?

วินาทีที่เปิดลิ้นชัก ทันใดนั้นเจียงเหวยก็หยิบปืนออกมา แล้วเล็งไปที่หลี่ฝาง

ส้าวส้วยตาไวมือไว ก่อนที่เจียงเหวยจะลั่นไกปืน เขาก็คว้างลูกเหล็กออกไป และโดนเข้าที่บริเวณตรงกลางช่องว่างระหว่างคิ้วของเจียงเหวยพอดี

“ลูกพี่ ลูกพี่!”

เฮยจื่อที่อยู่บนพื้นเห็นเจียงเหวยล้มลง ก็เดินกะโผลกกะเผลกเข้ามา และกอดร่างไร้วิญญาณของเจียงเหวยเอาไว้

เฮยจื่อกัดฟันกรอด แล้วหยิบปืนที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วเล็งไปที่พื้น แกร๊ก ๆ เขากดลั่นไกปืนไปสองครั้ง

ปืนกระบอกนี้เป็นปืนของเล่น ข้างในก็เป็นกระสุนพลาสติก

ส้าวส้วยขมวดคิ้วแน่น สีหน้าค่อนข้างซับซ้อน: “ใครโทรมาหาลูกพี่ของแก?”

เฮยจื่อล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าของเจียงเหวย แล้วหยิบเอาโทรศัพท์ออกมา หลังจากที่ใช้ลายนิ้วมือปลดล็อก เขาก็ขมวดคิ้ว กล่าว: “เป็นพี่สะใภ้โทรมา”

“อาชีพของพวกเรา หลอซ่าเป็นคนให้ นายเป็นคนของหลอซ่า ดังนั้น ต่อให้พวกเราตาย ก็ไม่มีทางที่จะลงมือกับพวกนาย”

เฮยจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก: “แต่ว่า ที่พวกเราติดค้างหลอซ่านั้น ได้ทดแทนไปแล้ว”

“แน่นอนว่า ถ้าหากพวกนายยังเห็นว่าไม่พอ ชีวิตของฉัน ก็สามารถมอบให้พวกนายอีกได้” เฮยจื่อจ้องมองส้าวส้วยอย่างเยือกเย็น พลางกล่าว

ส้าวส้วยใช้สายตาที่รู้สึกผิดจ้องมองเฮยจื่อ พลางกล่าว: “ปืนกระบอกนั้น เหมือนของจริงไม่มีผิด จะโทษฉันก็ไม่ได้”

“อีกอย่าง เขาเล็งปลายกระบอกปืนไปที่เจ้านายของฉัน ฉันไม่มีเวลามากมายขนาดนั้นที่จะไปแยกแยะ”

เฮยจื่อหัวเราะเหอะ ๆ และไม่ได้พูดอะไร

ส้าวส้วยมองดูเฮยจื่อ แล้วเอ่ยถาม: “ใครเป็นคนสั่งพวกแก?”

“ฉันรู้ ว่าหลายปีมานี้ พวกแกเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด จึงคอยรับสินค้าให้ลูกพี่หลินมาตลอด” ส้าวส้วยเอ่ยถาม: “ใช่ลูกพี่หลินหรือเปล่า? หรือว่าคนที่อยู่ต่างประเทศพวกนั้น?”

“ฉันรู้ ว่าคนทั้งสองกลุ่มนี้ พวกแกล้วนรู้จัก”

เฮยจื่อหัวเราะเหอะ ๆ : “สมกับที่เป็นคนของหลอซ่าจริง ๆ คิดไม่ถึงว่าจะสามารถตรวจสอบรากฐานของพวกเรา ได้ชัดเจนจ่มแจ้งขาดนี้”

“ฉันรู้ ว่าที่พวกแกทำงานนี้ เพราะพวกแกไม่มีทางเลือก ลูกพี่หลินและคนที่อยู่ต่างประเทศกลุ่มนั้นมีปากเสียงกัน ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันพวกคนที่อยู่ต่างประเทศกลุ่มนั้น เพราะรีบที่จะจ่ายของ ดังนั้นจึงได้ใช้เรือของพวกแก ขนส่งสินค้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้บังเอิญต้องเผชิญกับกรมศุลกากร เป็นลูกพี่หลินที่เล่นงานพวกแกใช่ไหม?”

ส้าวส้วยจับจุดไม่ได้แล้ว

คนที่ส้าวส้วยสงสัย คือลูกพี่หลิน แต่ว่า ลูกพี่หลินพึ่งจะลอบกัดพวกเจียงเหวยไปเมื่อไม่นาน คงไม่น่าจะใช้พวกเขาทำงานอีกหรอกใช่ไหม?

ดังนั้น คนที่ส้าวส้วยสงสัย ก็คือคนที่อยู่ต่างประเทศกลุ่มนั้น

“ดูเหมือนว่าคนที่พวกนายล่วงเกิน เยอะเหมือนกันนะนี่” เฮยจื่อหัวเราะเอิ๊กอ๊าก แล้วทำเสียงฮึดฮัดออกมาหนึ่งครั้ง: “เรื่องนี้ เบื้องหลังมีเพียงพี่ใหญ่ของฉันคนเดียวที่คอยจัดการ ฉันและพี่น้องคนอื่น ๆ แค่คอยทำงานแบ่งเงิน สำหรับตัวตนของนายจ้าง สามารถพูดได้ว่าไม่รู้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว”

ส้าวส้วยได้ยินดังนั้น ก็กำลังจำหันหลังกลับ แต่เฮยจื่อพลันเอ่ยขึ้นมา: “คนที่มาพบกับลูกพี่ เป็นชาวต่างชาติ”

“ฉันรู้เพียงแค่นี้”

“เรื่องที่ใส่ร้ายเฉินฝูเซิง ฉันจะไปมอบตัว ไปสารภาพพูดคุยกับตำรวจให้ชัดเจน ให้พวกเขาปล่อยตัวเฉินฝูเซิง” เฮยจื่อกล่าว: “แต่ว่า ให้เวลาฉันสักสองสามวันได้ไหม”

“ฉันอยากจะไปจัดการเรื่องงานศพของพี่ใหญ่ก่อน”

เฮยจื่อกล่าว: “และไปส่งเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

“ไม่ต้องแล้ว เอากุญแจรถฟอร์ดสีแดงคันนั้นมาให้ฉัน ฉันจะหาคนไปรับผิดแทน พวกแกได้รับโทษตามที่ควรจะเป็นแล้ว” ส้าวส้วยกล่าวอย่างเรียบ ๆ

“ขอโทษ ที่พวกเราไม่ได้รักษาคำพูดที่ให้ไว้ในตอนนั้น ในตอนที่พวกเรารับช่วงดูแลเส้นทางขนส่งสายนี้ต่อ พวกเราเคยรับปาก ว่าจะไม่ทำธุรกิจอะไรแบบนั้น แต่ว่า ทำธุรกิจถูกกฎหมาย ไม่มีเงิน พวกเราไม่มีทางเลือก”

“อีกอย่าง ต่อให้พวกเราไม่ทำ ก็มีคนอื่นทำอยู่ดี”

“ในเมื่อออกมาสู่สังคมแล้ว ก็อย่าไปคิดอะไรมากมาย หาเงินได้ ก็คือราชธรรม” เฮยจื่อหัวเราะเหอะ ๆ กล่าว: “ต่างแม่งก็ออกมามั่วสุมอยู่ในสังคม ยังจะสนเรื่องมโนธรรมอะไรอีกล่ะ ฉันว่าพวกนาย……”

ส้าวส้วยพลันหันหน้ากลับมา ตาทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปที่เฮยจื่อ: “ถ้ายังไม่หยุดพูด ฉันจะฆ่าแกซะ”

เฮยจื่อตกใจกลัวจนหุบปากไปทันที ส้าวส้วยก้าวเท้า ล้วเดินออกไปจากห้องอย่างรีบร้อน

“คืนนี้เวลาสองทุ่ม ฉันจะรับฝูเซิงไปอาบน้ำที่ส่วยหยุนเจียน จากนั้นค่อยไปกินข้าวที่โรงแรมว่างโก๋ พอถึงตอนนั้น ทุกคนก็ไปด้วยกัน” หลังจากที่ออกมา หลี่ฝางมองไปที่จูเปิ่น แล้วกล่าว

พูดจบ หลี่ฝางก็ก้าวเท้าออก แล้วเดินไปที่รถของตัวเอง

ในตอนที่ส้าวส้วยกำลังสตาร์ทรถ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา: “เมื่อก่อนพวกเขาต่างก็เคยติดตามลูกพี่ เพียงแต่……”

“เหอะ ๆ เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน ตอนนี้คือตอนนี้ ส้าวส้วย ฉันรู้ว่านายนึกถึงความสัมพันธ์เก่า ๆ แต่ว่านายได้ยินคำที่คนคนนั้นพูดหรือยัง ฟังน้ำเสียงของเขา ราวกับว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นถูกต้อง”

“หมายความว่ายังไงกัน ขอเพียงแค่ได้เงิน ฆ่าคนวางเพลิงล้วนไม่ผิด?” หลี่ฝางกล่าวอย่างเหยียดหยาม

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท