ถ้าบอกว่าถ้าถูกหวางเห้าหักหลัง พวกของหลี่ฝางไม่มีทางเชื่อเป็นแน่
หลี่ฝางแบ่งอาณาเขตของตัวเองออกเป็นสามส่วน แต่เขากลับยกเขตอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ที่ทั้งใหญ่ที่สุดแถมหรูหราที่สุดให้กับหวางเห้า รวมถึงที่สุ่ยหยุ่นเจียนลูกน้องของหวางเห้าที่แย่งอาณาเขตเสือมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ จางกงหมิงกับส้าวส้วย อาณาเขตที่หวางเห้าถือครองอยู่ พอมาคำนวณดูแล้วก็เกือบจะเทียบเท่ากับสัดส่วนทั้งหมดของหวางเสี่ยวหยวนกับเฉินฝูเซิงรวมกัน
ไม่ใช่แค่เรื่องสัดส่วนของอาณาจักร แต่หลี่ฝางก็ดีกับหวางเห้ามาตลอด แม้กระทั่งในด้านลูกมือ หลี่ฝางเองก็ช่วยเหลือหวางเห้ามาไม่น้อย
เมื่อหวางเห้าขาดคน หลี่ฝางก็เป็นฝ่ายเสนอส่งตัวซินปาไปหาทันที มิหนำซ้ำยังแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ช่วยคนสนิทของหวางเห้า
สิ่งที่หลี่ฝางมีต่อหวางเห้าเรียกได้ว่าเป็นความเมตตากรุณา อีกทั้งความสนิทสนมของทั้งคู่ที่มีมาแต่ไหนแต่ไร ให้ตายหลี่ฝางก็ไม่เชื่อว่าหวางเห้าจะหักหลัง
ในเมื่อหลี่ฝางไม่เชื่อ เฉิงหยุนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแสยะยิ้ม “ในเมื่อคุณชายหลี่ไม่เชื่อ เห็นทีผมคงจะดูผิดไปเอง”
หลี่ฝางเห็นท่าทีของเฉิงหยุนที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนกำลังพูดโกหก ก็ถามขึ้นคำนึง “เวลาที่แน่ชัดคือเมื่อไหร่ ยังจำได้ไหม?”
เฉิงหยุนล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา แล้วว่า “คุณชายหลี่โปรดรอสักครู่”
“นายบันทึกเอาไว้ด้วยหรอ?” หลี่ฝางอึ้งไปนิดหน่อย
“แน่นอนว่าไม่ใช่ครับ เพียงแต่ผมจำได้ว่าตอนที่เจอหวางเห้า ตอนนั้นผมกำลังคุยโทรศัพท์กับแฟน ผมขอดูบันทึกการโทรก่อน”
ไม่นาน เฉิงหยุนก็บอกเวลาที่แน่ชัดกันหลี่ฝาง
หลี่ฝางหัวเราะหึๆ “ฉันชักจะเริ่มเชื่อนิดนึงแล้วสิ”
“ถ้านายกับหวางเห้าไม่ได้มีความแค้นอะไรกันล่ะก็”หลี่ฝางมองเฉิงหยุน สายตาดุดัน
หลี่ฝางนึกไม่ออกว่าฉิงหยุนจะโกหกเขาด้วยเหตุผลอะไร นอกจากว่าเมื่อก่อนอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเฉิงหยุนกับหวางเห้า ถ้าเป็นแบบนั้นก็เป็นไปได้ว่าเฉิงหยุนตั้งใจจะใส่ร้ายหวางเห้า
“ผมไม่ได้รู้จักกับหวางเห้าเป็นการส่วนตัว เรื่องความแค้นส่วนตัวยิ่งไม่ต้องพูดถึง” เฉิงหยุนหัวเราะเหอะ
“ในเมื่อไม่รู้จัก ทำไมนายถึงมองเขาออกได้ขนาดนี้?” หลี่ฝางยิงความถามต่อ น้ำเสียงของเขาแฝงความสงสัย
“หวางเห้าเป็นเจ้านายของสุ่ยหยุ่นเจียน ก่อนหน้านี้ผมเคยนัดบอดกับผู้หญิงคนนึง เธอเป็นพนักงานฝีมือดีของสุ่ยหยุ่นเจียน ผมไปที่สุ่ยหยุ่นเจียนบ่อยแล้วก็ได้พบกับหวางเห้าอยู่หลายครั้ง ก็เลยจำเขาได้ค่อนข้างดี”เฉิงหยุนอธิบาย
หลี่ฝางยังคงไม่เชื่อเต็มร้อย “พนักงานที่ว่าชื่ออะไร? มีรูปไหม?”
ถึงแม้หลี่ฝางจะไม่ได้ไปตรวจดูสุ่ยหยุนเจียนบ่อยนัก แต่เขาก็พอจะคุ้นเคยกับพนักงานในสุ่ยหยุนเจียนอยู่ไม่น้อย ยังไงซะช่วงที่ว่างจากงาน หลี่ฝางก็มักจะไปยืดเส้นยืดสายที่นั่นบ้างเป็นบางครั้ง
เฉิงหยุนเปิดวีแชทของตัวเองขึ้น แล้วคลิปไปที่รูปโปรไฟล์ของเธอ “แฟนของผมชื่อฮวนฮวน คุณลองดูสิ สวยใช่เล่นเลยใช่ไหมล่ะ?”
ขณะที่ดูรูปโปรไฟล์อันคุ้นเคย สีหน้าของหลี่ฝางก็นิ่งไปนิดหน่อย “พี่ฮวนเป็นแฟนนายหรอ?”
“ใช่ครับ ทำไมหรอครับ หรือว่าคุณชายหลี่เองก็รู้จักเธอ? จริงสิ เจ้านายตัวจริงของสุ่ยหยุนเจียน เหมือนจะเป็นคุณชายหลี่นี่เอง”
“ผมรู้จักฮวนฮวนผ่านคนที่อยู่ใกล้ๆในแอพวีแชท หลังจากได้คุยกันก็ได้รู้ว่าเพื้นเพของเธอน่าสงสารมาก ตอนเช้าทำงานในร้านขายเครื่องสำอาง ตกเย็นเป็นหมอนวดในสุ่ยหยุนเจียน เพื่อหาเงินซื้อเรือนหอให้น้องชาย ชีวิตเธอลำบากมากทีเดียว ผมเคยจะให้เงินเธออยู่ แต่เธอไม่ยอมรับเลยสักครั้ง”
“คุณชายหลี่ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีคนนึงเลยใช่ไหม? ไม่ว่ายังไงผมก็รู้สึกว่าผู้หญิงดีๆแบบนี้มีไม่เยอะแล้ว เธอไม่คิดจะสูบเงินคุณ มีอยู่ครั้งนึงผมโอนเงินให้เธอเป็นแสน แต่เธอก็โอนคืนผมทั้งหมด ตั้งแต่นั้นมาผมก็มองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ยืนหยัดอยู่บนลำแข้งตัวเอง ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะทำงานอยู่ในสถานบันเทิงแบบนั้น แต่นั่นก็ตัดสินตัวตนเธอไม่ได้”
“มีคำพูดว่าเกิดจากตม แต่ไม่เปื้อนสกปรก ผมว่านั่นแหละฮวนฮวนล่ะ”เฉิงหยุนพูดด้วยสีหน้ามีความสุข
เห็นท่าทางของเฉิงหยุนแบบนี้แล้ว หลี่ฝางก็ทำใจแฉไม่ลง
ถึงแม้ว่าประวัติพื้นเพของฮวนฮวนจะไม่ได้ดีเด่นอะไร แต่เธอก็ไม่ได้ทำเพื่อซื้อเรือนหอให้น้องชายสักหน่อย ครอบครัวเธอยากจนก็จริงแต่ไม่ได้จนถึงขนาดไม่มีเงินซื้อข้าว
ความจริงฮวนฮวนอาศัยรูปร่างหน้าตาแบบนั้น ก็สามารถหาผู้ชายดีๆสักคนมาเป็นสามีได้
การที่เธอเลือกจากเดินบนเส้นทางนี้ อย่างแรกคือเธอขี้เกียจ สองคือนี่เป็นวิธีหาเงินง่าย ขอแค่มีเงินอยู่ในมือ เธอก็ไม่จำเป็นต้องสนสายตาใครทั้งนั้น
อดพูดไม่ได้ว่าหญิงสาวที่เข้าออกสถานที่อบายมุขแบบนี้ ทุกคนต่างก็เป็นนักแต่งเรื่องที่ดี ถ้าให้พวกเธอมาเขียนนิยาย รับประกันเลยว่าพวกเธอคงเขียนออกมาได้ซาบซึ้งประทับใจคนดูจนน้ำหูน้ำตาไหล
หลี่ฝางได้ยินว่า สาวดริ๊งค์ที่ktv มักจะหลอกเอาทิปราคาสูงๆจากลูกค้าบ่อยครั้งด้วยลูกไม้ฝีมือการแสดงกับเรื่องราวชีวิตอันน่าสังเวชที่ทำให้คนรู้สึกเห็นใจสงสาร
ยังไงซะพวกชายแก่มีตังค์ทั้งหลายพอดื่มจนเมาก็ไม่ต่างอะไรกับหมูอ้วนโง่ๆตัวนึง
‘’จริงสิ คุณชายหลี่ ถ้าฮวนฮวนตกลงปลงใจแต่งกับผม คุณคงจะไม่คัดค้านอะไรใช่ไหมครับ? ได้ยินว่าฮวนฮวนเป็นดาวเด่นประจำร้านคุณซะด้วย ลูกค้าหลายคนชอบเข้ามาซื้อตัวเธอ” เฉิงหยุนมองหลี่ฝาง ถามหยั่งเชิง
“ถ้าฮวนฮวนยินดีจะไปกับนาย ฉันก็ไม่มีอะไรจะคัดค้าน พนักงานทุกคนล้วนมีสิทธิจะเดินตามทางของตัวเอง เราไม่เข้าไปจำกัดอิสระของพวกเธอ” หลี่ฝางตบไหล่ของเฉิงหยุนเบาๆ ลึกๆอดเห็นใจเขาไม่ได้
เมื่อมองดูเฉิงหยุน จู่ๆหลี่ฝางก็รู้สึกเหมือนเห็นเขางอกขึ้นบนหัวอยู่เลือนลาง
แม่ฮวนฮวนคนนี้ไม่ได้ทำงานรับจ้างในร้านเครื่องสำอาง แต่เธอเปิดร้านเครื่องสำอางของตัวเองซึ่งตั้งอยู่ข้างๆสุ่ยหยุนเจียน แถมได้ยินว่าข้างในกว้างขวางไม่ใช่น้อย
แน่นอนว่าเงินทุนจำนวนมากที่เอามาเปิดร้าน มาจากผู้สนับสนุนทางการเงินของเจ้าหล่อน
แถมชายคนนั้น ยังเป็นที่รู้จักในแวดวงไม่น้อย
หลังจากที่ผู้สนับสนุนทางการเงินคนนี้ปรากฏตัว แน่นอนว่าฮวนฮวนก็ไม่ได้ให้บริการทางร่างกายอย่างโจ่งแจ้งเช่นเดิม ส่วนใหญ่เธอจะมีฐานะเป็นหมอนวดฝีมือดีที่โดนลูกค้าแต๊ะอั๋งบ้างบางครั้ง
ส่วนเหตุผลที่ทำไมเสี่ยใหญ่ใจป๋าคนนั้นไม่รับฮวนฮวนไปเลี้ยงดู จนกลายเป็นอาซ้อก็มีอยู่หลายข้อ แต่หนึ่งในนั้นก็คือแบบนี้มันดีต่อการปกปิดตัวตนที่แท้จริง
เสี่ยคนนั้นมีเมียอยู่แต่ไม่วายหนีออกมาเที่ยวเล่น หากเขาใช้เรื่องนวดเป็นข้ออ้างในการพบเจอกับฮวนฮวน แทนที่จะไปหาเธอในบ้านเล็กบ้านน้อยบ่อยๆ นับว่านี่เป็นวิธีที่ปลอดภัยมาก
“ครับ ฮวนฮวนบอกว่าถ้าเก็บของเรียบร้อยแล้วก็จะมาหาผม” เฉิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ
หลังจากที่เฉิงหยุนออกมา ก็ไปหาน้องสาวของจูเฟิ่งปินที่โรงเรียนมัยมโบตั๋นพร้อมกับจูหยูนและคนอื่นๆ
เวลานี้จูเฟิ่งปินก็ตื่นแล้วเช่นกัน ปากของเขาพร่ำแต่ความซึ้งใจที่มีต่อหลี่ฝางไม่หยุด ในขณะเดียวกันก็ก่นด่ามู่เสี่ยวไป๋อย่างไม่ขาดสาย
ขนาดที่เฉิงหยุนขึ้นโรงพักไปมอบตัวหลายครั้ง เพราะตั้งใจจะลากให้มู่เสี่ยวไป๋จนจมดินแบบไม่ให้ผุดให้เกิด แต่หลี่ฝางก็ห้ามไว้ได้
พูดให้หมด มู่เสี่ยวไป๋ก็แค่คนชักใยเบื้องหลัง
แผนการทั้งหมด มู่เสี่ยวไป๋เป็นคนบอกหวางต้อง แล้วหวางต้องจึงไปลงมือพร้อมกับจูเฟิ่งปิน เฉิงหยุนและคนอื่นๆ ถ้าหวางต้องอยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะทำลายมู่เสี่ยวไป๋จนย่อยยับก็เป็นได้
แต่หวางต้องตายไปแล้ว เมื่อตัดตัวละครอย่างหวางต้องออกไป หลี่ฝางรู้ดี ต่อให้จูเฟิ่งปินกับเฉิงหยุนร่วมมือกัน ก็ไม่มีทางล้มมู่เสี่ยวไป๋แบบถอนรากถอนโคนได้
ตรงกับข้าม จะมีแต่ทำให้ตัวเองซวยแทน
หลี่ฝางพยักหน้าให้จูเฟิ่งปินนิดๆ ‘’ไม่ต้อง ถ้านายมอบตัว ลู่เสี่ยวไป๋ได้ตายหรือไม่ได้ตายก็ยังไม่รู้ แต่ถ้าความผิดของนายถูกเปิดเผย นายต้องได้รับบโทษตายแน่นอน”
จูเฟิ่งปินอึ้งไปเล็กน้อย เขามองหลี่ฝางด้วยความแปลกใจ จู่ๆก็หัวเราะขึ้นมา “คุณชายหลี่เป็นคนดีจริงๆ ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังเคยทำร้ายนักข่าวช่องคุณ แต่คุณกลับยังคิดหน้าคิดหลังแทนผม”
“จริงๆผมทำเรื่องชั่วช้ามากมายขนาดนี้ มันก็สมควรแล้วที่จะต้องตาย” จูเฟิ่งปินยิ้มขมขื่น
“นายเองก็ต้องทำเพราะไม่มีทางเลือก ทำเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไม่ใช่หรือไง? หลังจากที่พ่อแม่ตาย ก็เหลือแค่นายกับน้องสาวสองคนใช้ชีวิตบนโลก น้องสาวของนายหน้าตาดีขนาดนั้น พวกขี้เมาโรคจิตมันก็เขข้ามายุ่มย่ามบ่อยๆ เพื่อปกป้องน้องสาวนายถึงต้องคว้ามีดขึ้นมาแทงท้องไอ้ลามกนั่น ตอนนั้นนายยังเด็ก แต่หลังจากนั้นนายก็หันไปรับใช้หวางต้อง จนกลายเป็นมือขวาเขา จนมีเพื่อนพี่น้องมากมาย”
หลี่ฝางมองหน้าจูเฟิ่งปิน “ถึงนายจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่นายเป็นพี่ชายที่ดี”
“ถ้านายเข้าคุก แล้วน้องสาวนายล่ะ? เคยคิดบ้างไหม?” หลี่ฝางพูดกับจูเฟิ่งปิน
หลังจากฟังจนจบ จูเฟิ่งปินก็นิ่งสงบ จากนั้นก็พูดประโยคเดียวกับที่เฉิงหยุนพูด นั่นคือหลี่ฝางเป็นคนดี อีกหน่อยจะเสียท่าให้มู่เสี่ยวไป๋
หลี่ฝางได้ยินก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ เขาว่า “ทำไมนายกับเฉิงหยุนถึงมั่นใจขนาดนั้นว่าฉันจะเสียท่าให้มัน?”
“คุณชายหลี่ คำพูดอ่อนหวานถึงจะน่าฟังแต่ผมจะไม่พูด คนแบบคุณคิดอะไรเผื่อคนอื่นมากเกินไป ช่างแตกต่างจากมู่เสี่ยวไป๋สุดๆ คนอย่างเขาคิดทุกอย่างก็แค่เพื่อตัวเอง เขาเห็นแก่ตัว แต่คุณเห็นแก่คนอื่น นี่จะเป็นจุดที่ทำให้คุณพลาดท่า”จู่เฟิ่งปินพูด