NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 591 คุณอาของโก่เอ๋อ

บทที่ 591 คุณอาของโก่เอ๋อ

ในตอนที่หลินชิงชิงพูดสามคำว่า ‘ฉันรักเขา’ มู่เสี่ยวไป๋และหลี่ฝาง ทั้งสองคนต่างก็ตกใจขึ้นมาพร้อมกัน

ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป ซีดลงในทันที

อึ้งอยู่อย่างนั้นอย่างนาน จากนั้นใบหน้าที่ซีดเผือดของเสี่ยวไป๋ ก็ค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมา “งั้นขอให้เธอมีความสุขนะ”

งั้นขอให้เธอมีความสุข ประโยคนี้ มู่เสี่ยวกัดฟันพูดออกไป

ใจของหลี่ฝางเอง ก็สั่นคลองเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าหลินชิงชิงแค่ต้องการยั่วโมโหมู่เสี่ยวไป๋ หรือเป็นเพราะสารภาพความในใจของตัวเอง

เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน คราวนี้หลี่ฝาง ก็ตื่นเต้นเป็นที่สุด

หลินชิงๆพูดต่อว่า “เพราะฉันรักเขา ต่อให้ฉันต้องเป็นเมียน้อยฉันก็ยอม”

“ต่อให้เขาจะไม่ใช่คุณชายของตระกูลหลี่ ต่อให้เขาเป็นแค่ขอทานข้างถนน ฉันก็ยินดีที่จะอยู่กับเขา เคียงข้างเขา ได้เป็นเมียของเขาก็ดี เป็นน้อยเขาก็ช่าง ขอแค่ได้อยู่กับเขาก็พอแล้ว”

ในตอนที่หลินชิงชิงกำลังพูดอยู่ ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ดุร้ายทันที “พอแล้ว ทำไม หรือว่าเธอคิดว่าแค่นี้มันยังทำร้ายฉันไม่มากพอรึไง?”

“หลินชิงชิง เธอยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? แค่เพราะว่าฉันชอบเธอ เธอจึงทำอะไรกับฉันก็ได้อย่างงั้นเหรอ จะเหยียบย่ำความรู้สึกของฉันอย่างไงก็ได้ ใช่ไหม?

“เธอรู้ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน พ่อของเธอ คงจะตายไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอเองก็อาจจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้วก็ได้”

“ฉันเอาคนที่มีฝีมือมากที่สุดของตระกูลมู่ ให้เขาอยู่เคียงข้างเธอ ให้เขาค่อยปกป้องเธอ รอจนถึงวันที่พ่อเธอกลายเป็นคนที่มีอำนาจ ฉันถึงได้เรียกตัวของเสี่ยวโจวกลับมา”

“ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวโจว เธอคิดว่าพ่อของเธอ จะอยู่มาจนถึงวันนี้ไหม? เธอคิดว่าเธอจะสามารถมีชีวิตที่ปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ไหม?”

มู่เสี่ยวไป๋กัดฟัน มองไปยังหลิงชิงชิงด้วยใบหน้าที่ดุร้าย “ทำไมทั้งๆที่ฉันทำดีกับเธอถึงขนาดนี้ แต่เธอกลับไม่มีเยื่อใยเลยซักนิด?”

“ฮ่าๆ ไม่เพียงแค่ไม่มีเยื่อใย แถมยังแว้งกัดฉันอีก ทำให้ใจของฉัน แตกสลายไม่เหลือชิ้นดี

ใบหน้าของหลินชิงชิง ไม่มีการสะทกสะท้านแต่อย่างใด

“อย่างแรก ฉันไม่ได้ขอให้แกทำดีกับฉัน ทั้งหมดเป็นความตั้งใจของแกเอง มู่เสี่ยวไป๋ ใครเป็นคนบอกแกเหรอ ที่แกทำดีกับฉัน ฉันก็ควรจะที่จะชอบแก ควรที่จะแต่งงานกับแกงั้นเหรอ?”

“สมองของแกมีปัญหารึเปล่า? ฉันจำได้ว่าฉันบอกแกไปตั้งแต่แรกแล้วว่า ฉันไม่ได้ชอบแก เรื่องระหว่างเรา เป็นข้อตกลงระหว่างแกกับพ่อของฉัน ฮ่าๆ นี่มันยุคไหนแล้ว คงจะรู้ใช่ไหมว่าสามารถแต่งงานได้อย่างอิสระ?”

“อย่าบอกนะว่าจะใช้กำลังจับฉันไป ฉันไม่ได้รักแก ยิ่งไม่เคยขอให้แกทำดีกับฉํน”

“มู่เสี่ยวไป๋ แกเอาแต่เอ่ยปากบอกว่าใส่ใจฉัน ฉันเป็นคนไม่มีหัวใจบลาบลาบลา แกลองใช้สมองของตัวเองคิดดูดีๆสิว่าตัวเองทำอะไรไว้บ้าง แกยังเป็นคนอยู่รึเปล่า? แค่ฉันต้องการที่จะหาเพื่อน แกยังเข้ามายุ่ง ฉันมีเพื่อนผู้ชายแค่ไม่กี่คน นอกจากพี่ของฉันจางกงหมิง เสี่ยวโจวที่เป็นคนของแก ส่วนคนที่เหลือแกก็ ส่งเขาเข้าโรงบาลไปหมดแล้ว”

“พวกเขาล้วนเป็นเพื่อนของฉัน แกมีสิทธิ์อะไรถึงมาทำร้ายเพื่อนของฉัน?”

“อีกอย่าง ฉันไม่ได้ชอบแก แกมีสิทธิ์อะไรถึงมาสั่งให้ฉันแต่งงานกับแก? ทำเหมือนกับฉันเป็นนักโทษ ทำให้ฉันต้องค่อยหลบซ่อมตัวไปเรื่อยๆ ราวกับเป็นนักโทษหลบหนี แกคิดว่าแบบนี้ฉันจะมีความสุขงั้นเหรอ?”

“ฮ่าๆ นี้น่ะเหรอคือสิ่งที่แกเรียกว่าชอบน่ะ? ที่แกเรียกว่าความรักน่ะ?”

“ฉันเป็นคน ไม่ใช่นกที่ถูกขังอยู่ในกรง เข้าใจไหม?”

หลินชิงชิงเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อ หันไปพูดกับมู่เสี่ยวไป๋ตรงๆ

“ฉันเป็นคนที่มีชีวิตคนหนึ่ง แต่แกกลับจับฉันขังไว้ในกรง ไม่ยอมให้ฉันไปติดต่อกับใคร แกต้องการที่จะบีบให้ฉันกลายเป็นคนบ้าใช่ไหม?”

หลินชิงชิงพูดด้วยเสียงที่เย็นชา “คิดจะให้ฉันแต่งงานกับแกงั้นเหรอ ต่อให้ต้องตายฉันก็ไม่ยอม”

ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ตอนแรกก็อึ้งไปพักนึง จากนั้นก็ยิ้มด้วยความเย็นชา “ต่อให้ตอนนี้เธอต้องการจะแต่งกับฉัน ฉันก็ไม่ต้องการเธอแล้ว”

“หลินชิงชิง ฉันชอบเธอ ชอบจากก้นบึงของหัวใจ แล้วหลี่ฝางล่ะ? เธอลองถามเขาดูยัง เขาชอบเธอรึเปล่า? ถ้าเกิดเขาชอบเธอ ทำไมตอนอยู่ที่โรงเรียนถึงยังคุยกับคนอื่นอีก? หลังจากที่ฉันออกมาจากโรงบาล ก็อยู่ที่คฤหาสน์บ้านซานมาด้วยตลอด ทุกๆวันฉันจะคอยแอบมองดูเธอ แล้วหลี่ฝางล่ะ? เขาเคยมาดูเธอสักครั้งไหม? ไม่มีใช่ไหม? ถ้าเกิดเขารักเธอจริง หัวใจของเขามีเธออยู่ เขาจะทำตัวเย็นชาแบบนี้เหรอ? ฮ่าๆ ตื่นซะทีเถอะ ในใจของหลี่ฝาง คนที่อยู่ข้างในก็คือนักเรียนหญิงคนนั้น ลู่หลุ่ย”

“นอกจากลู่หลุ่ย ยังมีคุณหนูของบ้านตระกูลฉิน ที่ทุกคนเรียกกันว่าสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองเอกฉินวี่เฟย เธอรู้ไหมเพื่อฉินวี่เฟยหลี่ฝางได้ทำอะไรไปบ้าง? เขายอมเสียธุรกิจหลายพันล้าน ให้กับคนอื่น ดูยิ่งใหญ่ซะจริง”

“โอนหุ้นที่อยู่ในมือทั้งหมด ให้กับฉินวี่เฟย”

“เดิมที คนที่ควรจะเป็นเจ้าของบ้านตระกูลฉิน ควรจะเป็นหลี่ฝาง แต่ว่าหลี่ฝางกลับมอบมันให้กับฉินวี่เฟย หลินชิงชิง เธอว่าใจของหลี่ฝางมีฉินวี่เฟยแล้วรึเปล่า ถ้าเกิดไม่คิดอะไร คิดว่าจะทำถึงขนาดนี้งั้นเหรอ?”

“แต่ว่าฉันไม่เหมือนกัน ในใจของฉัน มีเพียงแค่เธอ และจะมีแค่เธอเท่านั้น ถ้าเกิดเธอไม่ชอบอะไร สามารถบอกฉันได้ ฉันยังสามารถเปลี่ยนได้? เธอต้องการอิสระ ฉันก็จะให้ เธอไม่ชอบให้ฉันยุ่งเรื่องของเธอ งั้นฉันก็จะไม่ยุ่ง เธอต้องการคบเพื่อน งั้นก็แล้วแต่เธอเลย แต่ว่า ทำไมเธอถึงไม่ยอมบอกอะไรกับฉันเลยล่ะ?”

มู่เสี่ยวไป๋มองไปปยังหลินชิงชิง แล้วพูดว่า “ฉันทำผิดอะไรงั้นเหรอ? ฉันก็แค่หวงเธอมากเกินไปก็เท่านั้นเอง”

“เธออยู่ที่ตงไห่ ส่วนฉันอยู่ที่เมืองเอก ถึงแม้จะมีคนของฉันอยู่ใกล้ๆเธอ แต่เสี่ยวโจวก็ไม่ได้รายงานฉันทุกเรื่อง เพราะงั้นฉันจึงกังวล ฉันกลัว ฉันกลัวว่าเธอจะไปชอบผู้ชายคนอื่น กลัวว่าจะมีใครมาแย่งเธอไป เพราะงั้นฉันจึงทำอะไรบ้าๆออกไป”

“เธอโกรธ ทำไมถึงไม่ยอมบอกฉันกันล่ะ? สิ่งที่ฉันทำผิดไป เธอสามารถบอกฉันได้ ฉันยังสามารถแก้ไขมันได้? ฉันไม่ใช่เทวดาที่ไหน อีกอย่างต่อให้เป็นเทวดาก็ยังมีเวลาที่ทำผิดพลาดกันได้!”

มู่เสี่ยวไป๋พูดไป พร้อมกับเดินมาอยู่ตรงหน้าหลินชิงชิง แล้วกุมแขนของเธอเอาไว้

และในเวลานี้เอง หลี่ฝางก็เดินเข้าไป จากนั้นก็ซัดหมัดใส่หน้าของมู่เสี่ยวไป ทำให้เขาถอยหลังไปหลายก้าว

“หลี่ฝาง แกมันผู้ชายสวะ แกสามารถให้อะไรกับหลินชิงชิงได้บ้าง? สามารถแต่งงานกับเธอหรือให้จุดยืนอะไรกับเธอได้บ้าง? แกไม่สามารถให้เธอได้สักอย่าง”

“แต่ฉันไม่เหมือนกัน ไม่เพียงแค่สามารถให้จุดยืนที่ชัดเจนกับเธอ ฉันยังสามารถจัดงานแต่งให้กับเธอได้ ฉันสามารถให้เธอได้ทุกอย่างที่ฉันมี”

มองไปยังหลินชิงชิง แล้วมู่เสี่ยวไป๋ก็พูดว่า “หลินชิงชิง ขอแค่เธอเลือกฉัน ฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่โดยทันที จะไม่เป็นศัตรูกับหลี่ฝางอีก สิ่งที่หลี่ฝางทำในวันนี้ ฉันจะไม่เอาเรื่องอีก”

“ฉันขอเป็นตัวแทนของตระกูลมู่ของพวกเรา ว่าจะเป็นมิตรกับหลี่ฝางเหมือนเมื่อก่อน จะไม่เป็นศัตรูกันอีก”

“พอมาอยู่กับฉัน ไม่ว่าเธออยากจะทำอะไร ฉันก็จะให้เธอทำ เธอจะได้เป็นทั้งคุณนายมู่ และเป็นหลินชิงชิง”

“ขอแค่เธอสบายใจ จะแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น”

มู่เสี่ยวไปพูดไป พร้อมกับยื่นมือให้กับหลินชิงชิง

เขากำลังให้โอกาสตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย และก็ให้โอกาสหลินชิงชิงอีกสักครั้ง

ตอนแรกหลี่ฝางก็กะจะเข้าไปซัดหน้ามู่เสี่ยวไป๋อีกสักที แต่พอมาคิดดู หลี่ฝางก็คิดว่าให้หลินชิงๆเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเองจะดีกว่า

ในเวลานั้น หลี่ฝางก็รู้สึกว่าสิ่งที่มู่เสี่ยวไป๋พูดก็ถูก

ตัวเองเป็นสวะจริงๆนั่นแหละ ทั้งๆที่มีลู่หลุ่ยอยู่แล้ว แต่ก็ยังไปยุ่งกับฉินวี่เฟย ไปยุ่งกับหลินชิงชิงอีก

แต่ว่าตัวเอง สามารถแต่งงานกับผู้หญิงได้แค่คนเดียว

พอเป็นแบบนี้ สุดท้ายก็ต้องมีผู้หญิงสองคนที่จะต้องเจ็บปวด

ส่วนหลินชิงชิง ราวกับไม่ต้องคิดหรือลังเลแต่อย่างใด รีบส่ายหัวแล้วพูดว่า “เมื่อกี้ฉันก็บอกอย่างชัดเจนแล้ว ฉันชอบหลี่ฝาง ขอแค่ได้อยู่กับเขา จะให้ฉันทำอะไรฉันก็มีความสุข แกหูหนวกรึเปล่า? มู่เสี่ยวไป๋”

“ให้เป็นคุณนายมู่ของแกงั้นเหรอ?”

หลินชิงๆยิ้มมุมปาก “ใครอยากเป็นก็ให้เขาเป็นไป”

“หลินชิงชิง สักวันเธอจะต้องเสียใจ” มู่เสี่ยวไป๋พูด

“ฉันหลินชิงชิงตั้งแต่เล็กจนโต ยังไม่รู้เลยว่าคำว่าเสียใจมันสะกดยังไง” หลินชิงชิงพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ

มู่เสี่ยวไป๋ลุกขึ้นมา พูดราวกับยอมแพ้ไปแล้วว่า “ฉันทำใจได้แล้ว หลินชิงชิง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอที่อยู่ในใจของฉัน ได้ตายไปแล้ว ตายไปแล้วเข้าใจไหม? จากนี้ฉันจะไม่มีวันรักเธออีก และก็จะไม่หวั่นไหวเพราะเธออีก หรือเจ็บปวดเพราะเธออีกแล้ว”

มู่เสี่ยวกัดฟัน พูดออกไป “จากนี้โลกของฉัน จะไม่มีผู้หญิงที่ชื่อว่าหลินชิงชิงอีก”

ราวกับพูดกับตัวเอง และราวกับเป็นคำบอกลา

หลังจากที่มู่เสี่ยวไป๋พูดจบประโยค จากนั้นก็มองไปหาลูกน้องของตัวเอง ทันใดนั้น ก็มีศพๆนึงถูกเอาออกมาจากกระสอบ

คนที่เป็นศพไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือหวางต้องนั้นเอง

เวลานี้หวางต้อง ตายจนไม่รู้จะตายซ้ำยังไงแล้ว เขาถูกยกมาไว้ที่ห้องรับแขกของหลี่ฝาง

พอได้เห็นศพของหวางตจ้อง สตรีมเมอร์หญิงทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ ต่างก็เตือนตกใจกันหมด

ตอนเช้ายังดีๆอยู่เลย ตอนนี้ กลับกลายเป็นศพไปซะแล้ว ใครจะไม่กลัวบ้างล่ะ?

อีกอย่าง ยังเป็นตอนกลางคืนอีก เกรงว่า คืนนี้คงต้องนอนฝันร้ายแน่ๆ

มีสตรีมเมอร์หญิงไม่น้อย ที่ร้องกรี๊ดออกมา แถมยังมีคนขี้กลัวคนนึง กลัวจนเป็นลมลงไป

หลี่ฝางทำหน้าตึงเครียด ไม่ผิดจากที่ตัวเองคาดเอาไว้

หลี่ฝางมองไปยังมู่เสี่ยวไป๋ แล้วถามว่า “แกหมายความว่ายังไง คิดจะใส่ร้ายฉันรึไงกัน?”

“ไม่ใช่ แค่ต้องการให้แกเห็น สิ่งที่แกทำเอาไว้ และให้วิญญาณของหวางต้อง ดูว่า คนที่ทำให้เขาตายหน้าตาเป็นยังไง ตอนที่มาตามล้างแค้น จะได้หาตัวถูก”

มู่เสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างชั่วร้าย มองไปยังศพที่อยู่บนพื้น “หวางต้อง ดูชัดเจนรึยัง? คนๆนี้ก็คือคนที่ทำให้แกต้องตาย”

มู่เสี่ยวไป๋ชี้ไปยังหลี่ฝาง แล้วพูดกับศพของหวางต้อง “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง ถ้าเกิดแกต้องการแก้แค้น ก็ไปหาเขา”

“อย่ามาเล่นละครแถวนี้หน่อยเลย ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าซะหน่อย ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง คนนั้นย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ” หลี่ฝางมองไปยังมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดด้วยใบหน้าที่รังเกียจ

มู่เหวินตงที่นั่งอยู่บนวีลแชร์ มองไปยังน้องชายของตัวเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ

สิ่งที่มู่เสี่ยวไป๋ทำไปเมื่อกี้ มันดูน่าอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว ตอนแรกมู่เหวินตงก็กะจะส่งเสียงห้าม แต่ว่า สุดท้ายมู่เหวินตงก็ไม่พูดมันออกไป

เขารู้นิสัยของน้องตัวเองดี และก็รู้ดีว่าน้องตัวเองรักหลินชิงชิงขนาดไหน

บางที ให้ตัดใจซะตั้งแต่ตอนนี้ อาจจะดีกว่า

อย่างน้อยตอนนี้ มู่เสี่ยวไป๋ก็ตัดสินใจ ตัดใจจากเธอได้แล้ว

หลังจากนี้ มู่เสี่ยวไป๋ก็ไม่ต้องเสียสมาธิ เสียสติ เพื่อหลินชิงชิงอีกแล้ว

มู่เหวินตงมองมู่เสี่ยวไป๋แวบนึง แล้วพูดว่า “พอแล้ว รีบโทรหาหวางเฉิงหย่วนดูซิ ลองถามเขาว่าอยู่ไหนแล้ว”

“ได้ ฉันจะโทรเดี๋ยวนี้”

มุมปากของมู่เสี่ยวไป๋ เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา เขามองไปยังหลี่ฝาง แล้วพูดว่า “คุณชายหลี่ อีกเดี๋ยว ปัญหาของแกก็มาถึงแล้ว”

มู่เสี่ยวไป๋เพิ่งหยิบโทรศัพท์ออกมา ในตอนที่กำลังจะโทรไปหวางเฉิงหย่วน ข้างนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามา

หวางเฉิงหย่วนมาแล้ว!

ในตอนที่หลี่ฝางจ่ายค่าบ้าน เคยเห็นหวางเฉิงหย่วนอยู่ครั้งนึง เขาสวมแว่นขอบทอง ดูแล้วเป็นคนสง่าผ่าเผย

แต่ว่าคราวนี้ ใบหน้าของหวางเฉิงหย่วน เต็มไปด้วยใบหน้าที่มั่นใจและเยือกเย็น

ข้างหลังของหวางเฉิงหย่วน มีผู้ติดตามอยู่สองคน สองคนนี้ ก้าวเท้าพร้อมๆกัน แถมยังเดินหลังตรง พอหวางเฉิงหย่วนเดินเข้ามา แค่ส่งสัญญาณมือ สองคนนี้ก็หยุดเท้าของตัวเองทันที ยืนอยู่ตรงหน้าประตู แววตามองไปยังข้างหน้า ราวกับหุ่นยนต์

“คุณอาหวาง ท่านมาแล้วเหรอ”

“ในที่สุดท่านก็มา ท่านต้องคืนความเป็นธรรมให้กับผมนะ”

“คนที่อยู่บนพื้น เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผม เขาชื่อว่าหวางต้อง วันนี้ตอนที่ฉันกับหวางต้องกำลังดื่มเหล้ากันอยู่ จู่ๆก็มีกลุ่มคนบุกเข้ามาที่บ้านพักของเรา พวกเขาปิดบังใบหน้า พร้อมกับถือปืนมาด้วย พอมันเข้ามา ก็ไม่พูดอะไร สไลด์ไกปืน จากนั้นก็ยิงจนเพื่อนของผมเสียชีวิต”

“เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเราโทรแจ้งตำรวจ พวกมันจึงเอาโทรศัพท์ของพวกเรา ไปทั้งหมด”

มู่เสี่ยวไป๋เดินมาอยู่ตรงหน้าของหวางเฉิงหย่วน ทำท่าทางน่าสงสาร ราวกับผู้เคราะห์ร้าย จากนั้นก็ร้องขอความช่วยเหลือจากหวางเฉิงหย่วน

“คุณอาหวาง ตอนที่ผมตัดสินใจที่จะซื้อคฤหาสน์บ้านซาน เพราะว่าผมเหมาะใจในความป้องภัยของพวกคุณ คุณเคยบอกว่า พอมาอยู่ที่คฤหาสน์บ้านซาน ก็สามารถพักได้อย่างสบายใจ ในคฤหาสน์บ้านซานนี้ไม่มีทางมีขโมย หรือโจรอย่างแน่นอน”

มู่เสี่ยวไป๋มองไปยังหวางเฉิงหย่วน แล้วพูดว่า “แต่ว่าคุณอาหวาง เพื่อนของผมเขา……”

“อย่ามาเรียกฉันว่าคุณอาหวาง เรียกฉันว่าหวางเฉิงหย่วนก็พอ” หวางเฉิงหย่วนทำหน้าบึ้งตึง จู่ๆก็พูดตัดบทของมู่เสี่ยวไป๋

เห็นได้ชัดว่า ตอนที่หวางเฉิงหย่วนอยู่หน้าประตู คงจะได้ยินคำพูดของพี่น้องตระกูลมู่หมดแล้ว

หวางเฉิงหย่วนหัวเราะ น้ำเสียงดูเย็นชามาก “ทำไมถึงเรียกฉันว่าคุณอาหวาง? พวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือกสักหน่อย และตระกูลหวางของพวกฉันกับตระกูลมู่ของคุณ ก็ไม่ได้สนิทอะไรกัน เพราะงั้น ถ้าเกิดคุณต้องการให้ไว้หน้าฉัน งั้นก็ขอให้คุณเรียกฉันว่าประธานหวาง ถ้าไม่ต้องการไว้หน้าฉัน งั้นก็เรียกชื่อฉันโดยตรงว่าหวางเฉิงหย่วน เพราะฉันเองก็ค่อนข้างจะชอบชื่อของตัวเอง”

ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ เผยความอับอายอยู่แวบนึง

มู่เหวินตงจึงรีบพูดไปว่า “ประธานหวาง เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันผิดแปลกอย่างเห็นได้ชัด”

“ฉันเองก็อาศัยอยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว ความปลอดภัยของที่นี่ มีการผลัดเปลี่ยนเวรอยู่ตลอด ไม่มีช่องว่างที่จะให้พวกนักเลงเข้ามาได้”

“เจ้าพวกนักเลงนี้เข้ามาได้ยังไง? ทำไมพวกเราถึงไม่รู้สึกตัวเลย หรือว่า แม้แต่ยามของพวกคุณก็ไม่พบกลุ่มคนที่น่าสงสัยนี้งั้นเหรอ?”

มู่เหวินตงมองไปยังหวางเฉิงหย่วน ถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัย “หรือว่า ประธานหวาง ยามพวกนั้น จงใจปล่อยให้พวกเขาเข้ามา?”

หวางเฉิงหย่วนมองมู่เหวินตงแวบนึง จากนั้นก็หันไปมองหลี่ฝางแวบนึง จากนั้นก็พยักหน้า แล้วพูดว่า “ถูกแล้ว เป็นความจริงที่ยามเป็นคนปล่อยให้พวกเขาเข้ามา เรื่องในครั้งนี้ ฉันเองก็ต้องรับผิดชอบส่วนนึง”

แค่ประโยคเดียว มู่เหวินตงกับมู่เสี่ยวไป๋ ใบหน้าของทั้งสอง ก็ดูหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

ประโยคนี้ของหวางเฉิงหย่วน เป็นการยอมรับว่าตัวเองเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

จากนั้น หวางเฉิงหย่วนก็มองไปยังหลี่ฝาง แล้วพูดว่า “หลี่ฝางโทรมาพูดกับฉันว่า บ้านพักของเขา จะเปิดงานปาร์ตี้หน้ากาก เพราะงั้นทุกคนจึงต้องปกปิดหน้าเพื่อเข้างาน เขาโทรมาแจ้งกับฉัน เพื่อขอให้ทางสะดวก”

“ฉันเองก็โดนหลอก” หวางเฉิงหย่วนจ้องมองไปยังหลี่ฝาง

ประโยคนี้หวางเฉิงหย่วน ไม่เพียงแค่ทำให้ความน่าสงสัยของตัวเองหมดไป แถมยังแบ่งแยกจุดยืน ของตัวเองกับหลี่ฝางอย่างชัดเจน

สีหน้าของหลี่ฝาง หมองลงแวบนึง ส่วนมู่เสี่ยวไป๋และมู่เหวินตงในตอนนี้ก็ทำหน้าดีใจขึ้นมา

“หลี่ฝาง แกยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?” มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะอย่างเย็นชา

ส่วนหวางเฉิงหย่วนเองก็กำลังจ้องมองหลี่ฝาง จ้องมองหลี่ฝางด้วยความโกรธ ถามอย่างไม่ไว้หน้าว่า “หลี่ฝาง เมื่อกี้ที่ฉันโทรไปหาคุณ ให้คุณลองอธิบายมา เป็นไงบ้าง คิดได้รึยังว่าจะพูดยังไง?”

“คนๆนี้ คนที่ฆ่าเขา”

หวางเฉิงหย่วนพูดพร้อมกับใช้คางชี้ไปยังหวางต้องที่นอนอยู่บนพื้น มองไปยังหลี่ฝาง แล้วถามว่า “ใช่คุณรึเปล่า?”

หลี่ฝางทำหน้าตึงเครียด จู่ๆก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

“คือ……”หลี่ฝางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในตอนที่กำลังจะยอมรับ ทันใดนั้น โก่เอ๋อก็กระโดดโลกเต้นจากชั้นบนแล้วค่อยๆเดินลงมา

“คุณอาหวาง ทำไมคุณอาถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?”

โก่เอ๋อมองไปยังหวางเฉิงหย่วน วิ่งมาหาด้วยใบหน้าที่ดีใจ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท