NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่615 แว้งกัด

บทที่615 แว้งกัด

“ทำไมถึงไปไม่ได้ล่ะ?”หลี่ฝางมองอู๋เฟย แล้วขมวดคิ้ว

“ตอนนั้นที่จางกงหมิงอยู่ข้างกายของมู่เสี่ยวไป๋ ก็เพราะว่าคุณ ตอนนี้คุณออกมาแล้ว งั้นจางกงหมิงยังมีอะไรที่ต้องห่วงอีก?”หลี่ฝางมองอู๋เฟยแล้วถาม

อู๋เฟยขมวดคิ้ว พูดว่า:“คุณชายหลี่ คุณไม่เข้าใจมู่เสี่ยวไป๋มากพอ คุณต่ำช้า มากซะยิ่งกว่าที่ผมคิดไว้อีก”

“ถ้าในมือของเขา ไม่มีจุดอ่อนของผม ที่สามารถบีบพวกเราไว้ได้ล่ะก็ เขาจะให้พี่หมิงกับผม อยู่ข้างกายของเขา รับหน้าที่ตำแหน่งที่สำคัญขนาดนี้เหรอ?”

“ผมเราไม่ใช่คนที่เขาเชื่อใจอยู่แล้ว ทำไมเขาต้องมอบหมายงานที่สำคัญให้พวกเรา คุณเคยคิดไหม?คุณชายหลี่?”อู๋เฟยมองหลี่ฝาง ถามย้อน

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ถามว่า:“พูดมาสิ ในมือเขา ยังมีจุดอ่อนอะไรของพวกคุณ?”

อู๋เฟยส่ายหน้า พูดว่า:“ผมยังพูดไม่ได้ นี่เกี่ยวข้องถึงชีวิตคนจำนวนมาก”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ:“กับผมก็พูดไม่ได้เหรอ?ผมไม่ใช่คนที่จะทำร้ายพวกคุณนะ ผมคือเพื่อนของคุณ เป็นน้องชายของจางกงหมิง ผมคือคนที่ต้องช่วยพวกคุณ”

“ผมรู้ แต่เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่ครอบคลุมผมกับพี่หมิง ยังมีคนอื่นด้วย”อู๋เฟยส่ายหน้า ด้วยท่าทางที่ลำบากใจและพูดยาก

เวลานี้ โหจื่อเดินเข้ามา มองอู๋เฟย พูดว่า:“ถ้าผมเดาไม่ผิด เรื่องนี้ เกี่ยวข้องไปถึงลูกพี่หลินด้วย ใช่ไหม?”

โหจื่อพูดคำนี้จบ ใบหน้าของอู๋เฟย ก็ปรากฏความตกตะลึง

โหจื่อพูดว่า:“ผมเดาไม่ผิดสินะ?ดูท่าทางคุณแล้ว ผมก็รู้แล้วว่า ผมเดาถูก ก่อนหน้านี้ผมสงสัยมาตลอด ดูเหมือนว่า ผมจะสงสัยถูก”

“ตอนนี้บนตลาด ปรากฏสินค้าใหม่อีกแล้ว ป๋ายหม่าตายแล้ว พ่อค้าคนกลางของเมืองเอก น่าจะยังไม่ถึงไวขนาดนี้ สินค้าในมือของหมาจื่อ น่าจะไม่เยอะขนาดนั้น ผมได้ยินว่าที่ตลาด ปรากฏพ่อค้าคนใหม่อีกคนแล้ว และสินค้าที่พ่อค้าคนนี้ขาย ดูเหมือนว่าคุณภาพจะดีกว่า สินค้าที่ทางป๋ายหม่าเอามาด้วย ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ คนนั้น น่าจะเป็นลูกพี่หลิน”โหจื่อหัวเราะไปพูดไป

อู๋เฟยมองโหจื่อ พูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ:“ผมไม่เข้าใจที่คุณพูด”

“ยังจะปฏิเสธอีก?ปฏิเสธอีกก็ไม่มีความหมาย ที่จริงคุณน่าจะถามผมว่าเดาออกได้ไง ใช่ ที่มือของผมไม่มีหลักฐานเลย แต่ว่า ผมเดาได้หน่อยๆ ผู้ซื้อทั้งหมดที่เมืองเอก รายชื่อนี้ มีแค่ไม่กี่คนที่มี คนหนึ่งคือลูกพี่หลิน อีกคนคือหมาจื่อ และอีกคนหนึ่งก็คือมู่เสี่ยวไป๋ สามคนนี้ ดูเหมือนเป็นสามพวก แต่ที่จริงแล้ว พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน”

“พวกเขาสามคนรวมตัวกัน เพราะอยากต่อต้านองค์กรที่อยู่เบื้องหลังของป๋ายหม่า สกัดกั้นพวกเขาไปข้างนอก พวกเขาสามคนอยากแบ่งธุรกิจนี้ของเมืองเอกกันเอง ถูกไหม ?”

“ลูกพี่หลินทำธุรกิจนี้มาหลายปี เกรงว่าจะคิดมาตลอดว่าอยากทำคนเดียว?ยังไงแบบนี้ ก็สามารถทำเงินได้เยอะ ส่วนมู่เสี่ยวไป๋นั้น เขาในฐานะที่เป็นเจ้าถิ่นของเมืองเอก แน่นอนว่ามีความสามารถต่อต้านองค์กรที่อยู่เบื้องหลังของป๋ายหม่า อย่างน้อยที่เมืองเอก ตระกูลมู่ก็มีความแข็งแกร่งนี้”

“พูดอีกอย่างนะ มู่เสี่ยวไป๋ก็แอบทำ เขาไม่ได้ต่อต้านองค์กรที่อยู่เบื้องหลังป๋ายหม่าอย่างเปิดเผย ดังนั้น องค์กรที่อยู่เบื้องหลังของป๋ายหม่า ภายใต้การที่ไม่มีหลักฐาน ก็จัดการตระกูลมู่ไม่ได้”

คำพูดของโหจื่อ ทำให้หลี่ฝางที่ฟังแล้วรู้สึกโง่ แต่สีหน้าของอู๋เฟย กลับยิ่งดูไม่ธรรมชาติ

“คุณเดาหมดเลย?”อู๋เฟยสูดหายใจเข้า มองโหจื่อ

“แน่นอนว่าไม่ใช่ทั้งหมด หลายวันนี้ ผมแอบสืบเรื่องนี้มาตลอด ผมไม่คาดหวังว่าจะถูกคนหลอกใช้ พวกคุณจะหลอกใช้ผมให้ฆ่าป๋ายหม่า ให้ผมไปแตะต้องศัตรูที่ใหญ่ขนาดนี้ เหอะเหอะ คุณคิดว่า ผมควรจะอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเหรอ?”

โหจื่อหัวเราะอย่างเย็นชา:“ผมไม่ใช่คนที่ชอบเป็นแพะง่ายๆ”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพะรับบาป”

อู๋เฟยพูด:“คุณพูดไม่ได้ถูกทั้งหมด”

“แต่ผมบอกคุณไม่ได้ อันไหนถูก อันไหนไม่ถูก ผมต้องไปแล้ว แน่นอนว่า พวกคุณสามารถให้ผมอยู่ แล้วใช้วิธีบางอย่าง บีบบังคับให้ผมพูดทุกอย่างที่ผมรู้ ให้พวกคุณฟัง”

อู๋เฟยมองโหจื่อแวบหนึ่ง พูดว่า:“การยิงปืนของคุณดีที่สุดที่ผมเคยเห็นมา ก่อนหน้านี้ตอนที่ผมอยู่ในกองทัพ เคยเรียนปืนมาหลายปี”

“แต่ผมไม่เคยเห็นคุณยิงปืนได้ดีขนาดนี้ ถึงแม้กระสุนไม่กี่ลูกพวกนั้น คุณจะยิงไม่โดนคน แต่ คุณกลับช่วยหลอซ่า หลบการโจมตีตั้งมากมาย”

“พูดให้ถูกคือ กระสุนที่คุณยิงเมื่อกี๊ ไม่ได้คิดจะฆ่าศัตรูสองคนนั้นของคุณ แต่เพื่อคลายความกังวลให้หลอซ่า”

ตอนที่อู๋เฟยพูดคำนี้จบ สีหน้าของโหจื่อ ก็ดูผิดปกติ จากนั้น โหจื่อก็หัวเราะเหอะเหอะ พูดว่า:“คิดไม่ถึงว่า ทักษะการสังเกตของคุณจะดีมาก ถูกคุณมองออกหมดเลย”

“ผมตกใจกลัว แต่ยังไม่ถึงจุดที่ตกใจกลัวจนเสียสติ”

อู๋เฟยพูด:“ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเห็นความเป็นความตาย”

“อาการของพวกคุณเมื่อกี๊ ทำลายความรู้ความเข้าใจของผมจริงๆ”อู๋เฟยพูด

โหจื่อพยักหน้า พูดว่า:“โอเค คุณไปเถอะ”

“ส่วนคนของคุณ เอาไว้เถอะ พวกเขากลับไป ไม่มีประโยชน์ต่อคุณเลย”โหจื่อมองคนพวกนั้นที่ถูกเขายิงตั้งแต่ต้น

คนกลุ่มนี้ ล้วนแต่เป็นคนที่อู๋เฟยพามา

“ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ เจ้านายของคุณ ไม่ใช่มู่เสี่ยวไป๋เหรอ?”โหจื่อมองอู๋เฟยแวบหนึ่ง ถามอีกครั้ง

อู๋เฟยหัวเราะ:“คุณเดาผิดอีกแล้ว ผมขายชีวิตเพื่อคนๆหนึ่ง นั่นก็คือพี่หมิง จางกงหมิง”

“ที่จริง ผมรู้ไม่เยอะหรอก”

อู๋เฟยพูดจบ ก็สตาร์ทรถออก หม่าจ่ายเจ้าของของศูนย์อาบน้ำ เวลานี้ตัวกำลังสั่น

“พี่ชาย อย่าฆ่าผม อย่าฆ่าผมเลย ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น คืนนี้ผมนอนหลับอยู่ทั้งคืน”หม่าจ่ายตกใจจนตัวสั่น ขอร้องโหจื่อ

โหจื่อส่ายหน้า มองหม่าจ่าย พูดว่า:“คุณเพิ่งหักหลังเจ้านายพวกเรา คุณรู้ไหม?”

“ถ้าไม่ใช่คุณ คืนนี้ก็คงไม่มีการนองเลือด เข้าใจไหม?”โหจื่อถาม

หม่าจ่ายนี้ ทันใดนั้นก็ยิ่งดูกลัวมากขึ้น

ในมือโหจื่อถือปืน ค่อยๆเอามือตบไปที่ไหล่ของหม่าจ่าย หม่าจ่ายนั้น ตกใจจนล้มลงไปที่พื้น จากนั้นก็อ้อนวอนกับโหจื่อต่อ

เมื่อเผชิญหน้ากับชีวิต ศักดิ์ศรีก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนอย่างหม่าจ่ายนี้

หม่าจ่ายก้มหัวให้โหจื่อไม่หยุด คำขอร้องอ้อนวอนต่างๆ พูดออกมาหมด และยังไม่หยุดทำตัวอนาถ ขอความเห็นใจ

สุดท้ายโหจื่อก็หัวเราะออกมา:“คุณคิดว่าผมกำลังโทษคุณเหรอ?ผมอยากขอบคุณคุณน่ะ เพื่อนรัก”

“เห็นชายชราจำนวนมากที่ตายที่พื้นพวกนี้ไหม?ที่จริง พวกเราหาพวกเขามาตลอด แต่ที่ที่พวกเขาซ่อน พวกเราไม่รู้เลย ดังนั้นเรื่องนี้ ผมกับลูกพี่ ปวดหัวไปหมดเลย ต้องขอบคุณสายโทรศัพท์ของคุณ พวกเขาถึงได้ถูกดึงดูดให้มาได้”

โหจื่อมองหม่าจ่าย พูดอย่างจริงใจ:“ผมอยากขอบคุณคุณ”

โหจื่อถูกคำนี้จบ สีหน้าของหม่าจ่าย ก็ปรากฏรอยยิ้มทันที แต่รอยยิ้มของเขาเพิ่งเผยออกมา จู่ๆโหจื่อกลับยกปืนขึ้น จ่อไปที่หัวเขา พูดว่า:“เพื่อเป็นการขอบคุณ ดังนั้น ผมจะส่งคุณไปด้วยกระสุนทองบริสุทธิ์”

ในมือของโหจื่อ ปรากฏปืนทองกระบอกนั้น

“ตายใต้ปืนนี้ เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจที่สุด ในชีวิตคุณแล้ว”โหจื่อพูดจบ ก็เหนี่ยวไกปืน

หลี่ฝางก็แปลกใจหน่อยๆ ยังคิดว่าโหจื่อจะปล่อยหม่าจ่ายไป

โหจื่อทำอะไร ไม่มีใครคาดเดาได้

“เขารู้มากไป”

โหจื่ออธิบายให้หลี่ฝาง:“จะกำจัดเขา หรือว่าไว้ชีวิตเขา สำหรับการทำงานของพวกเรานั้น คนที่ปลิ้นปล้อนเกินไป มักจะชอบหักหลังเจ้านาย”

“เขาเป็นคนที่ปลิ้นปล้อนมาก”

หลี่ฝางยักไหล่ พูดว่า:“ก็แค่คนที่ไม่น่าแคร์คนหนึ่ง ฆ่าแล้วก็ฆ่าไปสิ ทำไมต้องอธิบายให้ผม”

“ผมก็ขี้เกียจอธิบาย แค่เวลานี้ น่าเบื่อไป”

โหจื่อมองที่นอนอยู่ที่พื้น ไม่กล้าพูด สีหน้ากลับตกใจจนซีดขาว พูดว่า:“จะเบื่อ แล้วฆ่าคนตลอดไม่ได้หรอกใช่ไหมล่ะ?นี่ถ้าอยู่ต่างประเทศ ก็ได้อยู่ แต่อยู่ในประเทศ ……ช่างมันเถอะ ลูกพี่ให้ผมทำอะไรก็ถ่อมๆตัวหน่อย”

หลี่ฝางมองศพที่นอนที่พื้น คิดในใจ นี่ถ่อมตัวแล้ว?

ผ่านไปประมาณสิบกว่านาทีได้ หลอซ่ากับส้าวส้วย ในที่สุดก็กลับมา แค่ท่าทางที่หลอซ่าเดินในตอนนี้ ดูเหมือนจะผิดปกติหน่อยๆ

“พาลูกพี่กลับไปเถอะ”ส้าวส้วยมองโหจื่อแวบหนึ่ง พูดว่า:“จำไว้ว่าตอนที่กลับไป คุณขับรถนะ”

“ลูกพี่เขา……”โหจื่อถามอย่างกังวล

“เขาไม่เป็นไร”ส้าวส้วยพูด

โหจื่อตอบรับอือ ไม่พูดต่อ แต่พยักหน้า เดินขึ้นรถ แล้วออกไป

หลี่ฝางก็มองจุดที่ผิดปกติออก ถามว่า:“พ่อผมเขาบาดเจ็บเหรอ?”

“คนพวกนี้ทำร้ายลูกพี่ไม่ได้ ก็แค่ร่างกายของลูกพี่……ลูกพี่ไม่ให้ผมบอกคุณ เขาเคยได้รับบาดเจ็บหนัก เพราะว่ากำลังภายในนี้ เป็นลมปราณอย่างหนึ่ง อยู่ในร่างกายเขา ใช้แล้วถึงแม้จะพัฒนาพลังการต่อสู้ของตัวเอง แต่ก็ทำร้ายตัวเองเหมือนกัน พูดตรงๆก็คือ เป็นการแว้งกัด”

“งั้นทำไมยังต้องใช้ล่ะ?”หลี่ฝางถามอย่างไม่เข้าใจ

“อย่างแรกอยากแก้แค้นด้วยตัวเอง อย่างที่สอง ลูกพี่อยากหาทางที่ควบคุมลมปราณภายในมาตลอด แต่ยากมาก”

ส้าวส้วยพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม:“ที่จริง ผมรู้ว่าสาเหตุที่เขาทำแบบนี้ ก็เพื่อผม”

“เพื่อคุณ?”หลี่ฝางตะลึงหน่อย

“ใช่ ทั้งโลกนี้ ไม่มีใครไปถึงขอบเขตนี้ มีแค่ลูกพี่คนเดียวที่ทำได้ ดังนั้น ทุกๆอย่าง ล้วนแต่ต้องการให้เขาไปสำรวจเอง เขารอด ผมกับโหจื่อ ก็ไม่มีใครที่มีอันตราย ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็ไม่สามารถเอาชนะลูกพี่ได้ นอกจากว่า จะใช้อาวุธที่ทรงพลัง”

“แต่พูดคำหนึ่งที่ดูไม่น่าฟังนะ ถ้าวันหนึ่ง ลูกพี่ไม่อยู่ล่ะ?เจ้าสำนักของสำนักหยิ่งซา นั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุด นอกจากลูกพี่แล้ว”

หลี่ฝางตัดบทถามไป:“สุดยอดกว่าคุณไหม?”

“ผมไม่เคยเจอเขา และก็ไม่เคยสู้กับเขา กระทั่งว่าคนในองค์กรสำนักหยิ่งซานี้ ผมก็ไม่ค่อยได้สัมผัส ลูกพี่ให้ผมอยู่ห่างพวกเขามาตลอด ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมว่า ในเมื่อเป็นเจ้าสำนัก ก็น่าจะสุดยอดกว่าผม”ส้าวส้วยพูดอย่างไม่แน่ใจ

“ช่างเถอะ อาจจะเป็นลูกพี่กับผม ที่คิดมากไป คนของสำนักหยิ่งซา บางทีอาจจะไม่มาก่อกวนพวกเราแล้ว”ส้าวส้วยหัวเราะ พูดว่า:“จัดการเรื่องในตอนนี้ก่อนดีกว่า”

“เมื่อกี๊ที่ฆ่าชายชราพวกนั้นตายทั้งหมด นอกจากเพราะว่าลูกพี่โกรธแล้ว ก็เพื่อไม่ให้ข่าวที่ลูกพี่ฝึกกำลังภายในได้รั่วไหลออกไป ไม่อย่างนั้น จะทำให้เกิดความโกลาหลอันใหญ่หลวง”

ส้าวส้วยพูดไป ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาไอ้หน้าหนวด

ไม่นานนัก ไอ้หน้าหนวดก็เอารถบรรทุกขนาดใหญ่ มาที่ลานกว้าง

“คนพวกนี้ส่งต่อให้คุณแล้ว พวกเขาเห็นสิ่งที่ไม่ควรจะเห็นมากไป ได้ยินสิ่งที่ไม่ควรจะได้ยินมากไปหน่อย”ส้าวส้วยพูดกับไอ้หน้าหนวด

ไอ้หน้าหนวดพยักหน้า แล้วก็ออกรถ

ไอ้หน้าหนวดพาคนมาสองสามคน หลี่ฝางมองเห็นร่างคนหนึ่งที่คุ้นมาก จากคนพวกนี้ หลังจากหลี่ฝางมองอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็ตาเบิกโต มองส้าวส้วยแล้วถามเบาๆ:“นี่ไม่ใช่เหยสงเหรอ?”

“ห่า ผมตาฝาดหรือเปล่า ทำไมเหยสงกลายเป็นคนของพวกเรา?”หลี่ฝางถามด้วยความแปลกใจ

ส้าวส้วยพยักหน้า พูดว่า:“ที่จริงแล้วตอนแรก เขาก็ติดตามลูกพี่อยู่แล้ว”

หลี่ฝางเม้มปาก ไม่พูด ก่อนหน้านี้หลี่ฝางยังคิดว่าเหยสงตายแล้ว

ส้าวส้วยขับรถ ตอนที่พาหลี่ฝางกลับไปที่จูเฟิ่งปิน โทรศัพท์ของมู่เสี่ยวไป๋ ก็โทรเข้ามา

หลี่ฝางลังเลไม่กี่วินาที จากนั้นจึงรับสาย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท