NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 667 จัดการทุกคนที่ไม่เชื่อฟังโดยเฉพาะ

บทที่ 667 จัดการทุกคนที่ไม่เชื่อฟังโดยเฉพาะ

“แข็งแกร่งขึ้นแล้วยังไง?เธอนอกจากจะเป็นคนของตระกูลตงฟางแล้ว ยังเป็นคนทรยศอีกด้วย”

โหจื่อพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “อีกไม่นาน ฉันจะเคลียร์เรื่องนี้ให้จบเอง”

มองไปที่โหจื่อ ลุงเฉียนส่ายหัวแล้วพูดขึ้นว่า: “เรื่องของฟีนิกซ์ พวกเราพักไว้ก่อน คำนวณเวลาดูแล้ว ลู่เฟยน่าจะถึงแล้ว”

“ลู่เฟย?” โหจื่อหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “เขาคือผู้ชายที่พูดว่าจะเป็นวันพีชเหรอ?”

“ไม่ใช่ลู่เฟยในการ์ตูน แต่เป็นลู่เฟยลูกชายของท่านลู่ เขาไม่ใช่คนธรรมดา จัดการไม่ง่ายเลย” ลุงเฉียนพูดออกมาด้วยสีหน้าหนักใจ

“ได้ยินมาว่า เขาคนนี้ เก่งทั้งบุ๋นและบู๊” ลุงเฉียนพูดออกมา

โหจื่อไม่แยแสนัก ยิ้มเหยียดออกมา: “ฉันว่าเป็นคนไร้ประโยชน์เสียมากกว่า”

“อย่าไปดูถูกเขา เขาเป็นลูกชายคนเล็กสุดของท่านลู่ แต่สามารถรับช่วงกิจการตระกูลลู่

สามารถยืนยันได้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน อย่าลืมสิ ว่าท่านลู่มีลูกชายสิบกว่าคน” ลุง

เฉียนพูดออกมา

“ท่านลู่นี่เป็นคนเจ้าชู้เหลือเกิน มีลูกชายถึงสิบกว่าคน” โหจื่อส่ายหัว แล้วพูดออกมา

ลุงเฉียนหัวเราะออกมาพร้อมกัน แล้วพูดขึ้นว่า: “ท่านลู่เป็นคนแปลกมากคนหนึ่ง เขาไม่มีลูกสาว แค่รู้ว่าลูกในท้องเป็นผู้หญิง เขาก็ให้ไปเอาออก”

“เป็นอีกคนที่เห็นผู้ชายดีกว่าผู้หญิง คนแบบนี้ สมควรตายจริง หรือว่าแม่เขาไม่ใช่ผู้หญิงหรือไง?” โหจื่อส่ายหัวอย่างดูถูก

พูดจบ ลุงเฉียนลุกขึ้นแล้วพูดขึ้นว่า: “ไปเถอะ ออกไปเดินดู เหมือนมีคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันอยู่ ที่หน้าประตู”

โห่จื่อยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยาม แล้วพูดขึ้นว่า: “มาคนหนึ่ง ฆ่าคนหนึ่ง มาสองคน ฆ่าสองคน มันก็ถึงเวลาแล้วที่จะให้คนพวกนี้ รู้ถึงความร้ายกาจของพวกเรา”

“เมื่อคืนนี้ ฉันเห็นฝีมือของซือปาจี้แล้ว”

โหจื่อหัวเราะเหะๆ ออกมา แล้วพูดขึ้นว่า: “หลังจากกลับมาจากต่างประเทศแล้ว ก็ไม่เคยเห็นพวกเขาอีกเลย คิดไม่ถึง ว่าพวกเขาจะอยู่ข้างกายเราแล้ว”

“ลุงเฉียน ฉันไม่เข้าใจจริงๆ มีคนพวกนี้อยู่ ทำไมลุงยังกลัวอีก?” โหจื่อยิ้มเบาๆ แล้วพูดออกมา

“พวกเราต้องป้องกันดีๆ ไม่เพียงแต่คนของตระกูลลู่ ยังมีสี่ตระกูลใหญ่อีก และยังมีพลังอื่นอีก” ตอนแรก สี่ตระกูลใหญ่ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่ลุงเฉียงกังวล

แต่สืบเนื่องมาจากคนของตระกูลตงฟางปรากฏตัวออกมา ทำให้ลุงเฉียนต้องให้ความสำคัญ ของสี่ตระกูลใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง

“ศัตรูของพวกเรา เยอะมาก ยิ่งถ้าพวกเราเปิดเผยไพ่ใบสุดท้ายของพวกเราออกมาก่อน ยิ่ง

ไม่ดีสำหรับพวกเรา ดังนั้นซือปาจี้ ฉันยังไม่อยากใช้ เห้อ ถ้าไม่ต้องใช้ ยิ่งดี เพราะว่า

พวกเขาเป็นทีมงานของพี่ใหญ่”

ลุงเฉียนส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันก็แค่ช่วยดูแลชั่วคราวเท่านั้นเอง”

“ไม่เป็นไร ในเมื่อซือปาจี้ไม่สะดวกออกหน้า ฉันออกหน้าเอง มันก็เหมือนกัน” โหจื่อตบหน้าอกตัวเองแล้วพูดออกมาอย่างมั่นใจ

“นายเหรอ?”

ลุงเฉียนส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “แม้แต่แม่มดยังได้รับบาดเจ็บเลย นายคิดว่า นายรับมือไวเหรอ?”

“ฉันว่าลุงเฉียน ลุงหมายความว่ายังไงกัน ลุงดูถูกฉันใช่ไหม?” โหจื่อพูดออกมาอย่างหดหู่

“ฉันก็แค่เล่าความจริงให้ฟัง” ลุงเฉียนพูดจบ เดินออกไปจากออฟฟิศทำงานของตัวเอง

และเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ลุงเฉียนก็เจอกับแม่มด

“ขาของเธอยังไม่หายดี รีบออกมาทำไม” ลุงเฉียนมองไปที่แม่มด พูดตำหนิ่ออกมา: “รีบกลับเข้าไปพักรักษาตัวเลย”

“ตอนนี้คนที่เฝ้าดูแลที่บ้านไม่ค่อยเยอะ ฉันก็อยากช่วยเหลืออีกแรง” แม่มดพูดออกมา

“กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ตอนนี้ยังไม่ต้องให้เธอช่วย”

ลุงเฉียนพูดออกมา

โหจื่อพูดเสริมออกมา : “ใช่แล้ว แม่มด เธอกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ ฉันรับปากกับอาจารย์ส้าวส้วยแล้ว จะดูแลเธอให้ดี”

“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เวลาที่อาจารย์ส้าวส้วยกลับมา ฉันจะบอกกับอาจารย์ยังไง” โหจื่อพูดออกมา

แม่มดมองด้วยสายตาดุใส่โหจื่อแล้วพูดขึ้นว่า: “หุบปากไม่เป็นมงคลของนายเลย ถึงแม้ขาของฉันจะบาดเจ็บอยู่ แต่ก็สามารถฆ่านายได้อย่างง่ายดาย”

โหจื่อไม่พูดต่ออีก แม่มดคนนี้เป็นคนอารมณ์ร้าย ตัวเขาไม่กล้ามีเรื่องด้วย

“เธอกลับไปก่อน ถ้าเวลาที่ต้องการให้เธอช่วย ฉันให้คนไปเรียกเธอเอง” ลุงเฉียนพูดขึ้น: “นี่คือคำสั่ง ห้ามฝ่าฝืน ถ้าเธอกล้าฝ่าฝืน ฉันจะไล่เธอออกไปจากตระกูลหลี่”

แม่มดเตรียมจะพูดอะไรอีก แต่เมื่อเหลือบไปเห็นสีหน้าของลุงเฉียน ที่ดิ่งลงขึ้นมาทันทีนั้น: “ทำไม ลูกพี่ใหญ่ไม่อยู่ ถือว่าคำสั่งของฉันเป็นแค่ลมตดเหรอ?”

“ไม่กล้า” แม่มดส่ายหัว เดินกลับไปห้องตัวเองอย่างช้าๆ

แม่มดในเวลานี้ อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

เพราะว่า เธอคือผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่งบนโลกนี้เลยทีเดียว

ตอนที่อยู่ต่างประเทศนั้น แม้แต่สำนักหยิ่งซาก็ทำอะไรเธอไม่ได้ แต่ว่า บุคคลที่เก่งกาจขนาดนั้น วันนี้ กลับถูกคนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ

วันนี้ แม่มดต้องหลบไปอยู่เบื้องหลังของด่านหน้า เพื่อรักษาตัว

ดังนั้น แม่มดรู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์เลย

ลุงเฉียนเดินไปประตูด้านนอกของรีสอร์ต เมื่อเดินถึงหน้าประตู สิ่งแรกที่ลุงเฉียนเห็นคือ พี่ชายของเขานั่นเอง เฉียนโตโต

เฉียนโตโตยังคงไม่กลับไป

เขายังคงคุกเข่าอยู่ตรงนั้น

เพียงแต่ด้านหลังของเฉียนโตโต เหลือคนไม่มากแล้ว

คุกเข่ามาทั้งวัน หลายคนทนไม่ได้ กลับไปแล้ว

โดยเฉพาะผู้หญิงกับเด็ก ล้วนกลับไปแล้ว

มีเพียงผู้ชายที่ร่างกายแข็งแรง ถึงแม้เมื่อคืนจะฝนตกหนัก พวกเขายังคงคุกเข่าอยู่หน้า

รีสอร์ต ไม่ยอมกลับไป

เมื่อเห็นฉากนี้ ในใจของลุงเฉียน ยังไงก็เสียใจอยู่ไม่น้อย

โหจื่อรีบพูดขึ้นว่า: “ลุงเฉียน ช้าเร็วยังไงพวกเขาก็ต้องกลับ”

“พี่ชายของฉันนิสัยดื้อรั้น เห้อ น่าเสียดาย นิสัยฉัน ดื้อรั้นยิ่งกว่า นายวางใจได้ เรื่องที่ฉันตัดสินใจแล้ว จะไม่เปลี่ยนแปลงแน่นอน อีกอย่าง ตอนนี้ฉันออกมาจากตระกูลเฉียนแล้ว ไม่ใช่คนของตระกูลเฉียนอีกต่อไป สิ่งที่ฉันทำ จะคำนึงถึงฝั่งของพวกเราก่อน สำหรับตระกูลเฉียน ปล่อยให้พวกเขาดูแลกันเองก็แล้วกัน”

ลุงเฉียนพูดเย็นชาออกมา

คำพูดนี้ของลุงเฉียน เห็นได้ชัดว่าจงใจพูดให้เฉียนโตโตและคนของตระกูลเฉียนฟัง

หลังจากที่เฉียนโตโตได้ยินแล้ว เงยหน้าขึ้น มองลุงเฉียนด้วยสายตา ที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เมื่อคืนเฉียนโตโตโดนฝนตกใส่ บวกกับคุกเข่าไปทั้งคืนทั้งวัน ร่างกายเริ่มไม่ไหว แต่เขาก็ต้องฝืนทน เพราะมันช่วยอะไรไม่ได้

นี่เป็นทางออกเดียวที่ตระกูลเฉียนจะอยู่รอดได้

ถึงแม้ลุงเฉียนจะไม่รับปากเขา เขาก็จะคุกเข่า คุกเข่าอย่างนี้ ไม่เพียงคุกเข่าให้ลุงเฉียนดู และจะคุกเข่าให้สี่ตระกูลใหญ่ดู คุกเข่าให้ตระกูลลู่ดูอีกด้วย

ตระกูลลู่และสี่ตระกูลใหญ่ถ้าเห็นเขาเสียสละมากขนาดนี้ จะยังมุ่งเป้าไปหาเรื่องตระกูลเฉียนอีกได้ยังไง?

ลุงเฉียนเดินออกไป กวาดสายตาดูหนึ่งรอบ แล้วพูดขึ้น: “มองดูแล้ว พวกเราคงคิดผิดไป”

หน้าประตูรีสอร์ต นอกจากคนของตระกูลเฉียนแล้ว ไม่มีเงาของคนอื่นอีกเลย

ลุงเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นว่า: “สงบนิ่งขนาดนี้ มันไม่ใช่เรื่องดีเลย”

หันกลับไปมองไอ้หน้าหนวด ลุงเฉียนถามขึ้นว่า: “ด้านหลังของรีสอร์ต มีเหตุการณ์ผิดปรกติอะไรหรือเปล่า?”

ลุงเฉียนสงสัย ลู่เฟยคนนี้อาจเข้ารีสอร์ตจากหลังเขา

ไอ้หน้าหนวดส่ายหัว แล้วพูดขึ้นว่า: “ปรกติดีทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่ผิดปรกติเลย”

“แต่ว่า……” ไอ้หน้าหนวดอ้ำๆ อึ้งๆ ขึ้นมา

ลุงเฉียนรีบถามออกมาว่า: “แต่ว่าอะไร?”

“แต่เมื่อคืนนี้ บาร์เหล้าของพวกเรา ถูกคนกลุ่มหนึ่งครอบครองไปแล้ว” ไอ้หน้าหนวดพูดขึ้นว่า: “ตอนเช้าของวันนี้ ฉันได้รับแจ้งว่า คนของพวกเรา ถูกผู้ชายที่แซ่ลู่ ควบคุมตัวไว้แล้ว”

“เขาอยากเจรจากับพวกเรา สถานที่นัดหมายคือ Recalling the past”

ไอ้หน้าหนวดมองไปที่ลุงเฉียนแล้วพูดขึ้นว่า: “ฉันกำลังจะไปแจ้งลุงเรื่องนี้เลย”

“เคอๆ ถึงว่าหล่ะทำไมที่นี่สงบนิ่งขนาดนี้ ที่แท้ พวกเขายื่นมือไปจัดการที่ฝั่งตงไห่แล้ว” ลุงเฉียนหัวเราะเคอๆ แล้วพูดขึ้นว่า: “ช่างมันเหอะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด หลบหน้าไม่เจอกัน ก็ไม่ใช่เรื่องดี”

“เบอร์โทรเขาหล่ะ?” มองไปที่ไอ้หน้าหนวด ลุงเฉียนถามออกมา

ได้รับเบอร์โทรมาจากไอ้หน้าหนวด ลุงเฉียนกดเบอร์โทรออก แล้วถามออกมาว่า: “คุณลู่เดินทางไกลขนาดนั้น จะไม่พักผ่อนก่อนเลยเหรอ?”

“ตอนนี้ฉันกำลังพักผ่อนอยู่เลย เคอๆ คุณก็คือเจ้ารองเฉียนเหรอ?ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณ คุณคืออัจฉริยะด้านการค้า แต่น่าเสียดาย สามปีก่อน คุณออกจากประเทศ เพื่อไปหาความก้าวหน้าที่ต่างประเทศ หลายปีมานี้ ผมสังเกตคุณตลอด สิ่งที่คุณทำให้ต่างประเทศ สามารถออกหนังสือได้เลยทีเดียว”

“ผมชื่นชมคุณมาก และฝึกฝนกับคุณมาตลอด ตอนแรก ผมอยากให้คุณเป็นครูของผม แต่ใครจะไปรู้ คุณกลับลักพาตัวผมของผม”

ในขณะที่พูดถึงตอนนี้นั้น น้ำเสียงของลู่เฟย เริ่มเย็นชาลง: “คุณน่าจะรู้ นั่นเป็นเรื่องต้องห้ามของผม ซึ่งคุณไม่ควรไปเตะต้อง”

“คุณทำผิดพลาดที่ให้อภัยไม่ได้” ลู่เฟยพูดเย็นชาออกมา

เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ โหจื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ทนฟังไม่ไหว

“แม่งเหี้ยแกพูดพร่ำอะไร นายคิดว่าเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าสังคมเหรอ?พูดพร่ำหลักการบ้าบออะไร โตขนาดนี้แล้ว ยังเล่นมุกนี้อีก จะเจรจาเหรอ?ก็มาที่รีสอร์ตสิ อย่าคิดว่าพวกเราจะไปหาแก นายคิดว่านายยิ่งใหญ่มาจากไหนเหรอ อย่าคิดว่าจะเอาคนในร้านบาร์เหล้ามาเป็นตัวประกัน บอกแกเลยนะ ไอ้เหี้ย รีบปล่อยตัวพวกเขา อีกอย่าง ขอโทษกับพวกเขาเสีย และชดเชยค่าเสียหายให้พวกเขา เข้าใจไหม ถ้ายังฟังไม่เข้าใจอีก อีกหนึ่งชั่วโมง นิ้วมือของพ่อแก ฉันจะส่งให้ถึงตรงหน้าแกเลย” หลังจากที่โหจื่อพูดจบ เสียงดังเพี๊ยะ ปิดโทรศัพท์ลง

ลุงเฉียนส่ายหัว มองไปที่โหจื่อแล้วพูดขึ้นว่า: “นายไปโกรธอะไรมา ถ้าเกิดเขาลงมือ……”

“ลุงคิดว่ามันกล้าเหรอ?ท่านลู่เป็นใคร แล้วคนที่บาร์เหล้าเป็นใคร?เป็นเพียงแค่พนักงานที่พวกเราจ้างเท่านั้นเอง เล่นกับพวกเรา ไพ่ในมือเขายังไม่ใหญ่พอ ลุงเฉียน ไพ่ที่พวกเรากำอยู่ในมือ ไม่ใช่หนึ่งสองสามสี่ห้าหกเจ็ด แต่คือไพ่คิงค์ ดังนั้น พลังของพวกเรา ต้องแข็งแกร่งหน่อย น้ำเสียง ต้องหยิ่งยโสหน่อย” หลังจากที่โหจื่อพูดจบ เขาหยิบโทรศัพท์ของลุงเฉียนมา แล้วปิดเครื่องเลย

“รอดูสิ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงไอ้หมอนั่น ก็จะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของพวกเรา” โหจื่อพูดออกมาอย่างมั่นใจ

ผ่านไปสักพักลุงเฉียนยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้นว่า: “เป็นเพราะฉันระวังมากเกินไป”

“นายพูดถูก บางครั้ง ยิ่งพวกเราแสดงไม่แคร์ออกมามากเท่าไหร่ ฝ่ายตรงข้าม ก็จะยิ่งกลัว” ลุงเฉียนส่ายหัวแล้วพูดออกมาว่า: “คืนนี้ ฉันคงกังวลมากเกินไป”

“ฉันไปนอนก่อน เดี๋ยวถ้าลู่เฟยมา นายต้อนรับเขาเองนะ”

ลุงเฉียนพูดออกมาว่า: “ฉันแก่แล้ว เวลาจัดการอะไร ไม่ค่อยเด็ดขาดแล้ว

โหจื่อมองไปที่ลุงเฉียน พูดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อว่า: “ลุงเฉียน ฉันรู้สึกว่า ลุงกำลังชมฉัน”

“ใช่แล้ว ฉันกำลังชมนายอยู่จริงๆ”

ลุงเฉียนพูดขึ้นว่า: “ฉันรู้สึก คนที่จะเจรจากับลู่เฟย ถ้าเป็นนายออกหน้าจะเหมาะสมกว่า”

หลังจากที่ลุงเฉียนพูดจบ เหลือบไปมองโหจื่อ แล้วเดินเข้าไปในรีสอร์ต โหจื่อส่ายหัวแล้วหัวเราะออกมา จากนั้นมองไปที่ลุงเฉียน พึมพำออกมาว่า: “พูดให้กระจ่าง ก็คือกลัวตระกูลเฉียนติดร่างแหไปด้วย”

ถ้าลุงเฉียงเจรจากับลู่เฟย เกิดทำให้ลู่เฟยโกรธขึ้นมา แล้วความโกรธนี้ ถ้าหากไม่สามารถระบายอารมณ์ใส่รีสอร์ตนี้ได้ ก็ต้องไปหาที่ระบายที่อื่น

และสถานที่ที่ดีที่สุด ไม่ต้องสงสัยมันคือตระกูลเฉียนแน่นอน

แต่โหจื่อไม่เหมือนกัน พ่อแม่ของเขา ปู่ของเขา ล้วนตายหมดแล้ว ดังนั้น ถ้าหากทำให้ลู่เฟยโกรธ ลู่เฟยคนนี้ ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

“เว๊ย ไอ้แก่ นายจะคุกเข่าอยู่ที่นี่ต่ออีกเหรอ?” มองไปที่เฉียนโตโต โหจื่อเดินไปถีบเขา

แต่ใครจะไปรู้ว่าเฉียนโตโตทนรับแรงถีบไม่ได้เลย โหจื่อแค่ถีบเบาๆ แต่กลับทำให้เฉียนโตโตล้มไปกองอยู่ที่พื้น แล้วเป็นลมไป

เวลานี้ เด็กหนุ่มสามสี่คนของตระกูลเฉียนลุกขึ้นหมด หนึ่งในนั้นอุ้มเฉียนโตโตขึ้นมา ส่วนที่เหลือ ร้อมรอบโหจื่อไว้ เหมือนจะเอาเรื่องกับโหจื่อ

โหจื่อหัวเราะเคอๆ ออกมา มองไปที่เด็กหนุ่มสามสี่คนของตระกูลเฉียนแล้วพูดขึ้นว่า: “ทำไม ไม่พอใจใช่ไหม?ฉันไม่มีความสามารถอะไร ความสามารถที่เก่งที่สุดของฉันก็คือจัดการจัดการทุกคนที่ไม่เชื่อฟังโดยเฉพาะ

โหจื่อพูดจบ ก็ลงมือจัดการทันที ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็จัดการเด็กหนุ่มของตระกูลเฉียน ได้รับบาดเจ็บจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ส่วนไอ้หน้าหนวดก็ให้คนพาพวกเขาไปส่งที่โรงพยาบาล

“ไอ้พวกนี้ อยู่ที่นี่ รำคาญตาจริงๆ” โหจื่อพูดบ่นออกมา จากนั้นจุดบุหรี่ ผ่านไปครึ่งชั่วโมง มีรถวิบากคันหนึ่งมาจอดที่หน้ารีสอร์ต

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท