NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 706 หลี่ฝางถูกคนดูถูก

บทที่ 706 หลี่ฝางถูกคนดูถูก

รอคุณพ่อกลับมา คนพวกนั้น ก็จะถูกกำจัดให้พ้นไป……

คำพูดประโยคนี้ของลุงเฉียน หลี่ฝางเชื่อแน่นอนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า คุณพ่อของตัวเอง จะกลับมาเมื่อไหร่ จะกลับมาได้ไหม นี่ถึงจะเป็นจุดสำคัญ

ไม่นานนัก หลี่ฝางก็วางโทรศัพท์ หยุดการติดต่อกับลุงเฉียน

ในเมื่อแมงป่องไม่ใช่ตระกูลหยิ่นส่งมา งั้นก็จะต้องมีคนอื่น เพียงแต่ว่าคนคนนั้นเป็นใคร หลี่ฝางก็ยังไม่รู้

ที่สามารถตัดออกไปก่อนได้ นั่นก็คือสี่ตระกูลใหญ่ เพราะว่าถ้าหากเป็นพวกเขา พวกเขาไม่จำเป็นต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ

ความสัมพันธ์ของตระกูลหลี่และสี่ตระกูลใหญ่ ถึงขั้นไม่ตายไม่วางมือไปนานแล้ว

ส่วนมู่เสี่ยวไป๋ เมื่อก่อนหลี่ฝางคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเขา แต่พอคิดไปคิดมา ในเมื่อเขากับมู่หรงฉางเฟิงเป็นพวกกันแล้ว งั้นก็ไม่จำเป็นต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ

โดยเฉพาะตามที่หวางซีกางกล่าว คนที่บงการอยู่เบื้องหลัง ปิดใบหน้าเอาไว้ และเมื่อแมงป่องเห็นเขา ก็จะเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง ราวกับเป็นผู้ติดตามไม่มีผิด

นี่ทำให้หลี่ฝางอดที่จะสงสัยขึ้นมาไม่ได้ ใครกันแน่ที่มีความสามารถมากขนาดนั้น

พอกลับมาถึงโฮสเทลของตาแก่นั่น เหยนเสี่ยวน่าและหวางเสี่ยวโก๋จัดการเก็บของอยู่สักพัก จากนั้นก็เดินออกมา

“ในที่สุดก็กลับมาสักที”

เหยนเสี่ยวน่ามองหลี่ฝางอย่างไม่พอใจ กล่าว: “รถของนายยังไม่เอามาส่งอีกเหรอ?”

หลี่ฝางพยักหน้าอย่างเก้อเขิน: “ใช่แล้ว”

“งั้นฉันเตรียมจะออกไปช็อปปิ้ง นายจะให้ฉันเรียกแท็กซี่ไปเหรอ?” เหยนเสี่ยวน่ากล่าวอย่างกับว่ากำลังล้อเล่น

หลี่ฝางรีบกล่าวขึ้นมาทันที: “ในเมื่อฉันก็ไม่มีธุระอะไร เดี๋ยวฉันไปกับพวกเธอด้วยแล้วกัน เพื่อเป็นการชดเชยคำขอโทษ ฉันจะเป็นคนขับรถให้เอง”

“ไม่เพียงต้องเป็นคนขับรถให้ฉัน ยังต้องเป็นคนจ่ายเงินให้พวกเราด้วย” เหยนเสี่ยวน่ากล่าว: “มาอย่างรีบร้อนเกินไป ไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วย ชุดนั่นของฉันใส่มาหลายวัน จนเริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว ดังนั้นก็เลยยืมเสื้อผ้าของเหมิงเหมิงชุดหนึ่ง ใส่แก้ขัดไปก่อน นี่ก็ว่าจะไปซื้อที่ในเมืองสักสองสามชุด”

หลี่ฝางพยักหน้า กล่าว: “ได้ พอดีฉันก็จะต้องซื้อเหมือนกัน”

หลี่ฝางมองดูเสื้อผ้าบนตัวของตัวเอง ยังมีรอยเลือดอยู่ด้วยแน่ะ

ตอนที่มา หลี่ฝางเองก็ตัดสินใจอย่างฉุกละหุก ไม่ได้เตรียมเสื้อผ้า ดังนั้น เขาก็เลยจะต้องซื้อเหมือนกัน

หลี่ฝางขับรถ พาเหยนเสี่ยวน่าและหวางเสี่ยวโก๋ไปที่ในตัวเมือง

มาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

หลี่ฝางจอดรถเสร็จแล้วกล่าว: “ฉันได้ค้นหาจากไป่ตู้แล้ว ที่นี่เป็นถนนที่คึกคักที่สุดของอำเภอหลิน และเสื้อผ้าของที่นี่ก็แพงที่สุด เข้าไปดูกัน?”

“ได้สิ ยังไงซะนายก็เป็นคนจ่ายเงิน ยิ่งแพงยิ่งดี” เหยนเสี่ยวน่ากล่าวอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด

ไม่นาน พวกหลี่ฝาง ก็มาถึงร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง

“คนเยอะจริง ๆ เลย”

ในห้างสรรพสินค้ามีลูกค้าเยอะมาก แต่ในร้านเสื้อนี้มีเพียงไม่กี่คน แต่พนักงานบริการก็มีเพียงแค่สองคน หนึ่งในนั้นกำลังต้อนรับลูกค้า ส่วนอีกคน เตรียมที่จะลุกขึ้นมาต้อนรับพวกหลี่ฝาง สุดท้ายพอเห็นท่าทางไม่มีเงินของพวกหลี่ฝาง ก็นั่งกลับลงอีกครั้ง แล้วนั่งไขว่ห้างกล่าว: “เลือกดูตามสบาย ด้านซ้ายเป็นพวกลดราคาตามฤดูกาล ลดสูงสุดห้าสิบเปอร์เซ็นต์”

เหยนเสี่ยวน่าเบ้ปาก และกล่าวอย่างไม่เกรงใจ: “ใครจะซื้อพวกลดราคาเปลี่ยนซีซั่นกัน”

ฐานะทางครอบครัวของเหยนเสี่ยวน่าไม่เลว ต่อให้ไม่ให้หลี่ฝางเป็นคนจ่าย เธอเองก็สามารถซื้อพวกของแบรนด์เนมเองได้เหมือนกัน

เด็กสาวคนหนึ่ง มีรถออดี้ เอ4 นั่นก็สามารถอธิบายได้ว่าเงินค่าขนมของเธอไม่ใช่น้อย ๆ เลย

แต่ว่า วันนี้ทั้งตัวของเหยนเสี่ยวน่าเป็นเสื้อผ้าที่ซื้อจากตลาด ถูกพนักงานที่อยู่ตรงหน้ามองออกได้ทันที พนักงานคนนั้นแอบหัวเราะ จากนั้นก็ชี้ไปที่โลโก้บนเสื้อผ้าของเหยนเสี่ยวน่าแล้วกล่าว: “โลโก้นี้ของเธอ คุ้นตาจังเลยนะ เหมือนจะเป็นอาดิดาส?”

“แต่ว่า ตัวอักษรเหมือนจะผิดไปตัวหนึ่งนะ”

เหยนเสี่ยวน่าก้มลงมอง ทันใดนั้นสีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูมากขึ้นกว่าเดิม

เธอเพิ่งสังเกตเห็น ตัวอักษรบนเสื้อ ได้พิมพ์ผิดจริง ๆ

ทันใดนั้นเองหลี่ฝางก็นึกขึ้นมาได้ เสื้อตัวนี้ เหมือนว่าลู่หลุ่ยจะเคยใส่

ลู่หลุ่ยมาครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางมาด้วย ดังนั้นเสื้อผ้าส่วนมาก เลยเอาไว้ที่บ้านของเหมิงเหมิง เห็นได้ชัด เหยนเสี่ยวน่าบังเอิญสวมตัวนั้น

สีหน้าของเหยนเสี่ยวน่าค่อนข้างเก้ ๆ กัง ๆ เพราะถึงยังไง เสื้อก๊อบปี้แบบนี้ จะปรากฏได้แค่ในโรงงานแปรรูปส่วนตัวเท่านั้น และเสื้อผ้าแบบนี้ มีเพียงตามตลาดข้างทางถึงจะขาย

จากนั้น พนักงานคนนั้นก็ยิ้มกล่าว: “ร้านของเรา เป็นแบรนด์แท้ทั้งหมดเลยนะ ก่อนที่เธอจะลองเสื้อผ้า ทางที่ดีดูราคาให้ชัดเจนก่อน จะได้ไม่เลือกแล้วแต่ไม่มีเงินซื้อ ทำให้เสียเวลาทั้งสองฝ่าย”

เหยนเสี่ยวน่าขมวดคิ้ว จ้องมองพนักงานแล้วกล่าว: “ขอถามหน่อยนะ เธอได้เงินเดือนเดือนละเท่าไหร่?”

“เธอถามเงินเดือนของฉันทำไม? ตอนนี้ที่นี่ไม่รับคนหรอกนะ หรือต่อให้รับ ก็ไม่รับคนที่ไม่มีระดับแบบเธอหรอก” พนักงานคนนั้นทำตามองบนใส่เหยนเสี่ยวน่า

“เหอะ ๆ ฉันไม่มีระดับก็จริง แต่ฉันอยากจะถามเธอหน่อย เธอได้เงินเดือนเดือนละเท่าไหร่?” เหยนเสี่ยวน่าขมวดคิ้ว ซักถามต่อ

“ไม่เยอะหรอก รับประกันที่สามพัน แต่ว่าผลงานการขายฉันไม่เลว เงินที่ได้รับจริง ๆ ในแต่ละเดือน อยู่ที่ห้าพันขึ้น” พนักงานคนนั้นยิ้มอย่างได้ใจเล็กน้อย

ความจริงแล้วเงินที่พนักงานคนนี้ได้รับจริงในแต่ละเดือน ไม่ใช่เพียงแค่เงินเดือนห้าพันกว่า รายรับที่มากกว่านั้นของเธอ มาจากเสี่ยที่รับเลี้ยงเธอ

เธอมาทำงานที่ร้านเสื้อผ้าแห่งนี้ไม่นาน ก็ได้รู้จักลูกค้าที่มีเงินอยู่หลายคน หลังจากคัดกรองแล้ว เธอก็จับเสี่ยคนหนึ่งได้สำเร็จ

เสี่ยคนนั้นดีกับเธอไม่น้อย จะให้เงินค่าขนมจำนวนหมื่นกว่า ๆ กับเธอทุกเดือน

ดังนั้น อยู่ที่อำเภอหลินแห่งนี้ เธอก็นับว่าจัดอยู่ในกลุ่มคนที่มีรายได้สูงคนหนึ่ง

ตอนนี้ เธอไม่ต้องการเป็นพนักงานขายเพื่อหารายได้แล้ว เป็นธรรมดาที่น้ำเสียงของเธอจะเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับลูกค้าที่แต่งตัวดูไม่ได้ เธอไม่อยากจะสนใจเลยด้วยซ้ำ”

“ห้าพัน?”

เหยนเสี่ยวน่าเผยให้เห็นกำไลข้อมือคาร์เทียร์ของตัวเองออกมา กล่าว: “ก็เยอะเหมือนกันนี่”

“ทำสักหนึ่งปี ก็สามารถซื้อกำไลข้อมือสักอันได้แล้ว”

หลังจากที่เหยนเสี่ยวน่ากล่าวจบ พนักงานขายคนนั้นก็ลุกยืนขึ้นมา จากนั้นที่แขนของเธอก็ปรากฏกำไลข้อมือคาร์เทียร์ออกมา ดูเผิน ๆ ทั้งสองแทบจะเหมือนกันไม่มีผิด ในความจริงแล้ว กลับเป็นของปลอม

จุดนี้ เหยนเสี่ยวน่าดูออกตั้งแต่แรกแล้ว

เหยนเสี่ยวน่าหัวเราะเหอะ ๆ ขึ้นมา: “ถึงแม้เสื้อผ้าที่ฉันใส่จะไม่ใช่ของแท้ แต่เธอก็ไม่ได้ดีกว่าอะไรมาก กำไลข้อมือของเธอน่ะ ก็เป็นงานก๊อบปี้เกรดเอ เราสองคนก็พอ ๆ กัน ใครก็อย่าคิดหัวเราะเยาะอีกฝ่าย”

“เอาละ แนะนำเสื้อผ้าให้ฉันสักสองสามชุด แบบไหนสไตล์ไหนไม่สำคัญ สำคัญที่ราคา ต่ำกว่าห้าพัน ก็ไม่ต้องเอามาแนะนำให้ฉันแล้ว มันถูกเกินไปน่ะ”

เหยนเสี่ยวน่ามองไปที่พนักงานคนนั้น แล้วกล่าว: “ถ้าในร้านของพวกหล่อนไม่มีที่แพงแบบนั้น งั้นฉันก็คงต้องเปลี่ยนร้านแล้วล่ะ”

“ในร้านของพวกเราไม่มีก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในห้องของเราจะไม่มี”

พนักงานคนนั้นมองเหยนเสี่ยวน่า กล่าว: “เธอก็แค่อยากทำเป็นหน้าใหญ่ใจโตไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ดี เดี๋ยวฉันจะสนองเธอเอง ร้านที่อยู่ข้าง ๆ เป็นร้านของเวอร์ซาเช ถ้าเธอมีเงิน ก็ไปซื้อที่ร้านข้าง ๆ ได้ อีกอย่างฉันคุ้นเคยกับร้านของพวกเขามาก ฉันจะพาเธอไปก็ได้ และบอกให้พวกเขาลดราคาให้เธอหน่อย”

“ไม่จำเป็นต้องลดราคาหรอก แต่ว่าไปด้วยกันหน่อยแล้ววกัน”

เหยนเสี่ยวน่ามองหลี่ฝาง เธอยิ้ม แล้วกล่าว: “คุณชายหลี่ ดูเหมือนว่าวันนี้นายจะต้องเสียเลือดมากแล้วแหละ”

เมื่อพนักงานคนนั้นได้ยินชื่อคุณชายหลี่ ก็รีบมองไปที่หลี่ฝางทันที หลังจากที่เธอได้พินิจพิจารณาหลี่ฝางอย่างละเอียดแล้ว เธอก็ส่ายหัว กล่าว: “คุณชายหลี่? เหอะ ๆ พวกเธอที่มันคุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกกระดากจริง ๆ คนท่าทางอยากจนอย่างเขานี่นะ ยังกล้าเรียกคุณชายอีก มาสาวน้อย ฉันดูเธอก็หน้าตาไม่เลว ก็แค่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกสักเท่าไหร่ ฉันจะแนะนำพวกคุณชายผู้ดีมีเงิน ให้เธอรู้จักสักหน่อยเอาไหม รูปร่างหน้าตาอย่างเธอ ต่อให้เป็นแฟนตัวจริงของพวกเขาไม่ได้ เป็นแฟนเก็บ ฉันคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร”

“ที่สำคัญก็คือ ติดตามพวกคุณชายเพลย์บอยพวกนั้น เธอก็จะไม่ต้องใส่สินค้าข้างถนน สวมกำไลข้อมือปลอมแบบนี้อีกแล้ว”

พนักงานคนนั้นกล่าวอย่างเย้ยหยัน พอพูดจบ เธอก็มองไปที่หลี่ฝาง แล้วเอ่ยถาม: “นี่พ่อหนุ่มน้อย ที่บ้านของนายขายหมูหรือไง ดูบนเสื้อผ้าของนายสิ ทำไมถึงมีเลือดเต็มไปหมด?”

“ไม่ใช่เลือดหมู” หลี่ฝางส่วยหัว พลางกล่าว

“ไม่ใช่เลือดหมู งั้นก็คงเป็นเลือดคน” พนักงานคนนั้นหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา

ตอนนี้หลี่ฝางถึงพยักหน้ากล่าว: “ก็ได้ ที่บ้านฉันฆ่าหมู”

เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูของเวอร์ซาเช หลี่ฝางก็มองเห็นหยิ่นเหล่ยจากไกล ๆ และพนักงานคนนั้นก็มองตามสายตาของหลี่ฝางไป และรีบพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น: “ดูอะไร อย่างเขาถึงเป็นคุณชายที่แท้จริง คุณชายผู้ดีอันดับหนี่งแห่งอำเภอหลิน คุณชายหยิ่น” ”

“ดูเสื้อผ้าที่เขาใส่สิ นั่นถึงเป็นแบบที่คุณชายผู้ดีควรจะแต่ง”

พนักงานส่ายหน้ากล่าวเย้ยหยัน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท