NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่697 ลู่หลุ่ยเกิดเรื่อง

บทที่697 ลู่หลุ่ยเกิดเรื่อง

“ทะเลาะได้ จะทุบตีจะด่าว่าก็ได้ แต่ผมรับไม่ได้กับสงครามเย็น แล้วก็ยิ่งรับไม่ได้กับการเข้ามาของชายอื่น ผมว่าคุณเป็นผู้ชาย น่าจะเข้าใจเหตุผลนี้นะ”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ส่ายหน้าพูดว่า:“วิธีนี้ ผมรับไม่ได้ที่สุด ทะเลาะกัน ก็เอาผู้ชายอื่นมาปลอบใจตัวเอง?”

“ตอนนี้ผมไม่กล้าคิดเลย ลู่หลุ่ยกำลังทำอะไรอยู่ ไปที่นั่น ……”

หลี่ฝางนึกถึงหนังเรื่องหนึ่ง ที่ชื่อFleet of Time ตอนนั้นพระเอกนางเอกทะเลาะกัน จากนั้นนางเอกก็โมโห ไปหาผู้ชายมาคนหนึ่ง แล้วไปเปิดห้องด้วย

คิดขึ้นมาแล้ว สมองของหลี่ฝาง ก็ชาทันที

“อย่าคิดเหลวไหล ผมให้เหมิงเหมิงติดต่อเธอแล้ว ถ้ามีข่าว จะรีบแจ้งคุณทันที”หลี่ซ่วยซ่วยเข้ามาตบไหล่หลี่ฝาง พูดว่า:“ผู้หญิง ต้องการใช้เวลาไปปกป้องดูแล ลู่หลุ่ยไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ถึงแม้คุณจะมีเงิน แต่เธอไม่ได้ชอบเงิน ตอนนี้คุณสองคนอยู่ในช่วงรักร้อนแรง คบกันเพิ่งไม่นาน ต้องอยู่ข้างๆกัน วันนั้นที่พวกเรากินข้าวด้วยกัน ลู่หลุ่ยดื่มไปไม่น้อย ตอนนั้นเธอบ่นกับผมว่า คู่รักคนอื่นๆ ล้วนแต่เป็นคู่รักที่มีความสัมพันธ์ดีในโรงเรียน แต่พวกคุณ ปกติแค่วิดีโออันหนึ่ง ก็ยังเปิดได้ไม่ถึงนาที เห็นได้ชัดว่าอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน เมืองเดียวกัน แต่ทำเหมือนกับรักทางไกล”

“ปกติลู่หลุ่ยจะพูดน้อย เงียบมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอไม่ต้องการอะไร”

หลี่ซ่วยซ่วยพูด:“หลี่ฝาง พูดตรงๆนะ ความใส่ใจและปกป้องต่อลู่หลุ่ย คุณมีให้น้อยไป คุณรู้ไหมคุณให้ความรู้สึกพวกเราอย่างไร?ในมุมมองของคนนอกแล้ว คุณกำลังมีหญิงอื่นอยู่ข้างนอก”

“ผมกับหวางเสี่ยวโก๋เคยถกเถียงกัน แต่ว่า พวกเราอยู่ต่อหน้าลู่หลุ่ย ไม่หยุดพูดชมคุณ คิดหาเหตุผลทุกอย่างให้คุณหลุดพ้น”

“ลู่หลุ่ยเป็นผู้หญิงที่ดี ตอนที่คุณเสียเธอไปจริงๆ จะต้องเสียใจแน่”หลี่ซ่วยซ่วยพูด

หลี่ฝางพยักหน้า เข้าใจเหตุผลนี้ทันที

ถ้าพูดถึงเลิก หลี่ฝางไม่ยอมเห็นด้วยแน่ ยังไงนี่ก็คือการเข้าใจผิด

สำหรับตอนนี้ หลี่ฝางจะเอาลู่หลุ่ยกลับมา และตอนนี้ หลี่ฝางก็ได้รับสายของเหมิงเหมิง เหมิงเหมิงพูดที่ปลายสาย:“หลี่ฝาง ลู่หลุ่ยเกิดเรื่องแล้ว”

“เกิดเรื่อง?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว รับสายไป ก็เดินไปที่ห้องของเหมิงเหมิงไปด้วย

มาที่ห้องของเหมิงเหมิง หลี่ฝางถามต่อหน้า:“รีบบอกผมมา ลู่หลุ่ยเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“ลู่หลุ่ยประสบอุบัติเหตุ”

เหมิงเหมิงพูด:“นี่คือตำแหน่งของเธอ”

หลี่ฝางแย่งโทรศัพท์ของเหมิงเหมิงมา มองดู แล้วจากนั้นก็ยื่นให้หลี่ซ่วยซ่วย ถามว่า:“รู้ไหมที่นี่ที่ไหน?”

“รู้”

ขณะที่หลี่ซ่วยซ่วยพยักหน้า หลี่ฝางก็ดึงแขนของเขา มาที่รถแล้วเข้าไป ส่วนถังหยู่ซวนเห็นหลี่ฝางออกไป ก็รีบวิ่งเข้ามา

“ไปทำอะไร?”ถังหยู่ซวนถาม

“ลู่หลุ่ยเกิดเรื่องนิดหน่อย ผมต้องรีบไปจัดการ”หลี่ฝางพูด

“ผมจะไปกับคุณด้วย”ถังหยู่ซวนก็เข้าไปในรถ

เวลานี้ ผู้หญิงที่ดูอายุไม่น้อยแล้วก็วิ่งเข้ามา ตะโกนอยู่หลายครั้งติดกัน หลี่ฝางไม่ทันได้หยุดรถ พอขับออกไป หลี่ซ่วยซ่วยจึงพูดอย่างรู้สึกผิดหน่อยๆ:“นั่นแม่ผมเอง”

“ขอโทษนะ ซ่วยซ่วย รอจบเรื่องนี้ไป ผมจะไปบ้านคุณเอง แล้วไปขอโทษกับแม่คุณ”หลี่ฝางพูด

หลี่ซ่วยซ่วยหัวเราะ บอกว่าไม่ต้องๆ ส่วนหลี่ฝางตอนนี้ก็เร่งความเร็วรถ แล้วเปิดแผนที่นำทางในโทรศัพท์ แล้วเริ่ม หลี่ซ่วยซ่วยที่อยู่ข้างๆ ก็ชี้ไปที่ถนนเล็กๆ บอกว่าถนนสายนี้ใกล้กว่า

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง หลี่ฝางกับหลี่ซ่วยซ่วยและคนอื่น มาที่สถานที่เกิดเหตุ และระหว่างทาง หลี่ฝางก็ส่งข้อความให้ลู่หลุ่ย โทรคอล แต่ลู่หลุ่ยไม่รับสาย

แน่นอนว่า หลี่ฝางใช้โทรศัพท์ของเหมิงเหมิง

ถึงสถานที่เกิดเหตุ หลี่ฝางมองไปทั่ว ก็ยังไม่เห็นร่องรอยของลู่หลุ่ย หลี่ฝางหยุดรถลง โทรหาลู่หลุ่ย

โทรติด หลี่ฝางจึงถามว่า:“คุณอยู่ไหน ลู่หลุ่ย?”

“ผู้ชาย?เหอะเหอะ ผู้ชายชื่อเหมิงเหมิงเนี่ยนะ นี่ตั้งชื่ออะไรกันเนี่ย ช่างเถอะ ……ผมถามคุณหน่อย คุณคือเพื่อนของสาวน้อยคนนี้ใช่ไหม สาวน้อยคนนี้กับแฟนของเธอเพิ่งขับรถชนพ่อแม่ผม คุณรีบเอาเงินห้าหมื่นมาให้ผม ไม่อย่างนั้น ผมจะแจ้งความ”

อีกฝ่ายพูด

หลี่ฝางขมวดคิ้วทันที:“สถานที่”

อีกฝ่ายบอกสถานที่ไป พอพูดสถานที่นี้มา สีหน้าของหลี่ซ่วยซ่วย ก็ตื่นตระหนกทันที

“แย่แล้ว พวกเขาถูกต้นตุ๋น”

“ถนนสายนี้ เป็นทางเดียวที่จะขึ้นทางด่วน ลูกน้องของแมงป่องส่วนหนึ่ง ชอบนั่งหมอบอยู่ตรงนี้ จากนั้นก็ทำการต้มตุ๋น โดยเฉพาะกับทะเบียนรถที่มาจากต่างพื้นที่”

หลี่ซ่วยซ่วยพูด:“ลู่หลุ่ยจะต้องถูกคนกลุ่มนี้จ้องไว้แน่”

“พวกเขาอยู่ข้างๆนี่แหละ”หลี่ซ่วยซ่วยพูด:“พวกเขาแค่จะเอาเงิน วางใจเถอะ”

หลี่ฝางตอบอือ จากนั้นตามหลี่ซ่วยซ่วย มาที่ร้านขายเนื้อที่หนึ่ง ธุรกิจขายเนื้อหมูนี้แย่มาก ไม่มีใครมาซื้อเนื้อเลย และที่ขายเนื้อ ก็เป็นคนแก่กับคนหนุ่ม

จากข้อมูลที่หลี่ซ่วยซ่วยบอก คนแก่นี้ รับหน้าที่ต้มตุ๋นโดยเฉพาะ ชื่อว่าเฮียขายหมูหรง เป็นนักเลงที่อยู่ภายใต้ของแมงป่อง และมีลูกน้องอีกสองสามคน ขายเนื้อเป็นเพียงแค่การเสแสร้ง แต่ที่จริงแล้ว พวกเขาทำการต้มตุ๋นเป็นแก๊ง

หลี่ฝางมาที่แผงขายหมู เฮียขายหมูหรงเหลือบมองหลี่ฝาง:“ไง พ่อหนุ่ม ซื้อเนื้อเหรอ”

“เนื้อหมูของร้านเรา สดที่สุดแล้ว ต้องการกี่กรัมล่ะ?”

เฮียขายหมูหรงถือมีดวิบวับขึ้นมา เดินไปที่แผงขายหมู หลี่ฝางพยักหน้า พูด:“เอาเงินห้าหมื่นมา”

เฮียขายหมูหรงได้ยินคำนี้ สายตาก็ดูน่าสนใจขึ้นมาทันที

“เงินห้าหมื่น?เหอะเหอะ พวกคุณมาไวมาก ดูเหมือนสาวน้อยคนนั้นจะเตือนพวกคุณล่วงหน้าแล้วสินะ”

เฮียขายหมูหรงตะโกนไป จากนั้นข้างในห้อง ก็มีวัยรุ่นสามคนปรากฏตัว ในมือของวัยรุ่นทั้งสามยังถือไพ่สองสามใบ ชัดเจนว่าเล่นไพ่มาจากในห้อง

ส่วนชายแก่ที่เดิมทีนั่งตากแดดนั้น ตอนนี้จู่ๆก็นอนลงไปที่พื้น แกล้งทำเป็นตกใจ

“ดูสิ พ่อผมเพิ่งถูกเพื่อนคุณชน คุณดูสิพ่อผมอายุมากขนาดนี้แล้ว ถึงแม้จะไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็ต้องใช้เงินมาก ที่สำคัญคือการตรวจนี้ ก็ไม่แน่ว่าจะตรวจเจอโรคกี่โรค แบบนี้ไหม พวกคุณเอาให้ผมห้าหมื่น เรื่องนี้ พวกเราเก็บไว้เป็นส่วนตัว ว่าไง?”

เฮียขายหมูหรงมองหลี่ฝาง แล้วหัวเราะหึหึ

หลี่ฝางถาม:“เพื่อนผมล่ะ?”

เฮียขายหมูหรงชี้ไปที่ข้างๆ หลี่ฝางเห็นรถสีดำ ข้างในรถสีดำนี้ ที่นั่งอยู่ เป็นลู่หลุ่ยกับเฉินเสี้ยว

แค่เฉินเสี้ยวในตอนนี้ ถูกคนจับแขนขาไว้

“เพื่อนคุณไม่เป็นไร ผมกลัวพวกเขาหนี เลยมัดแขนขาพวกเขาไว้ แต่ว่า ถ้าคุณไม่ให้เงินล่ะก็ พวกเขาสองคน……”

เฮียขายหมูหรงหัวเราะหึหึ:“ผลที่ตามมาคุณน่าจะเข้าใจ”

“ช่างเถอะ แบบนี้ละกัน พ่อของคุณดูแล้วเจ็บหนัก แบบนี้ไหม พวกเราเรียกรถพยาบาลก่อน จะได้ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต คุณกับผมคงรับผิดชอบไม่ไหว”หลี่ฝางพูดไป ก็เริ่มโทรเบอร์120

เฮียขายหมูหรงในตอนนี้กลับขมวดคิ้ว เข้ามาแย่งโทรศัพท์ของหลี่ฝาง:“คุณมันโง่จริงๆแม่เอ๊ย ยังแกล้งทำเป็นงงกับผมอีก”

ความตั้งใจของเฮียขายหมูหรง แสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้ว

และเมื่อกี๊ชายแก่นี้ยังดีๆ จู่ๆกลับล้มลง คนโง่ยังดูออกว่า นี่คือการเสแสร้ง

พวกเขาแทบจะแสดงตัวเองออกมาโดยใช้การปฏิบัติจริงๆ นั่นก็คือแก๊งต้มตุ๋น

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ:“คุณสะใจหน่อยดีกว่าไหม พูดไปตรงๆว่า ถนนสายนี้เป็นของคุณ อยากเข้าไป ก็ต้องจ่ายค่าผ่านทางห้าหมื่น”

“เหอะเหอะ หลายปีมาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นว่า มีนักเลงเล่นแบบนี้ด้วย”หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย

“น้องชาย ฟังน้ำเสียงคุณแล้ว คุณไม่คิดจะให้เงิน แต่คิดจะเล่นกับพวกเราเหรอ?”

เฮียขายหมูหรงหัวเราะอย่างเย็นชา:“รู้ไหมเราเป็นนักเลงกับใคร พูดแล้ว กลัวคุณจะตกใจได้!”

“พี่ชายผมชื่อสวีเจ๋ และสูงสุด ก็คือแมงป่อง เหอะเหอะ ทั้งอำเภอหลิน คุณรู้ไหมเชื่อใครที่สุด?ก็ลูกพี่แมงป่องพวกเราไงที่พูดอะไรก็ตามนั้น ดังนั้นไม่ใช่ว่าผมขู่คุณนะ เพื่อนคุณอยู่ในมือของผม ก็ต้องยอมรับชะตากรรม”

“เอาเงินมาให้ดีๆ ผมรับรองว่าพวกเขาจะปลอดภัย ไม่อย่างนั้น เห็นจุดจบของพ่อผมไหม ถ้าคุณไม่ให้เงิน นี่ก็จะเป็นจุดจบของเพื่อนคุณ”

เฮียขายหมูหรงพูดเบาๆ:“แน่นอน พ่อผมเสแสร้ง แต่เพื่อนคุณ ผมจะรับประกันว่าพวกเขาจล้มไปที่พื้น ยืนไม่ขึ้นมาอีก”

“สวีเจ๋?”หลี่ฝางยิ้มให้:“ที่ปล่อยเงินกู้ระบบไหม?”

“คุณรู้จักพี่เจ๋?”ทันใดนั้น สีหน้าของเฮียขายหมูหรง ก็เปลี่ยนทันที

“เคยทำธุระกับเขาอยู่น่ะ”

หลี่ฝางพูดเบาๆ ส่วนสีหน้าของเฮียขายหมูหรง ก็กังวลหน่อยๆ เขาแค่นักเลงตัวเล็กๆ เล็กจนไม่อาจเล็กกว่านี้ได้แล้ว ปกติแล้ว เขาก็แค่รังแกคนที่ไม่มีทางสู้

เดือนหนึ่ง โดยเฉลี่ยเขาจะต้มตุ๋นสักสองครั้ง หมายความว่าครึ่งเดือนถึงจะเจอเหยื่อสักราย

ไม่ง่ายที่เขาจะเจอลู่หลุ่ยกับเฉินเสี้ยว ชายหนุ่มหญิงสาววัยรุ่นที่อ่อนประสบการณ์แบบนี้ ตอนที่คิดจะหลอกเอาเงินก้อนหนึ่ง ใครจะไปคิดว่า จู่ๆหลี่ฝางจะบอกเขาว่า รู้จักสวีเจ๋

หรือว่า เรื่องนี้ต้องจบลงอีกแล้วแม่เอ๊ย

เฮียขายหมูหรงขมวดคิ้ว พูดอย่างเซ็งๆ:“เดี๋ยวก่อน ตอนนี้ผมจะโทรหาพี่เจ๋ น้องชาย คุณชื่ออะไร?”

“คุณแค่โทรบอกสวีเจ๋ ว่าผมคือคนที่เมื่อคืนให้เงินเขาที่เคเอฟซี ก็พอแล้ว”

หลี่ฝางพูดเบาๆ

พูดจบ หลี่ฝางก็เดินไปทางด้านลู่หลุ่ย

มาข้างหน้ารถ หลี่ฝางมองลู่หลุ่ยแวบหนึ่ง สีหน้าของลู่หลุ่ย ที่จริงตื่นตระหนกมากๆ แต่หลังจากเห็นหลี่ฝาง ก็ดูซับซ้อนขึ้นมาทันที

รู้สึกผิดหน่อยๆก่อน จากนั้นก็เย็นชาและโมโหอีก

“ลู่หลุ่ย เหมาะสมไหม?เราสองคนแค่เข้าใจผิดกันเล็กๆน้อยๆ คุณก็ให้ไอ้ระยำมารับคุณตั้งไกลแสนไกล”หลี่ฝางถามอย่างระงับความโกรธไว้:“ผมทำอะไรนอกลู่นอกทาง ทำให้คุณไม่สามารถให้อภัยได้เหรอ?คุณเลยไปจากผม ไปอยู่กับเขา?”

หลี่ฝางถามจบ ก็ดึงเทปกาวที่ปากของลู่หลุ่ยออก ส่วนลู่หลุ่ยหายใจเข้าสงที ก็พูด:“ตัวคุณทำอะไรไป คุณรู้ดีที่สุด”

“แล้วเรื่องอะไรล่ะที่คุณเรียกเหยนเสี่ยวน่าขับรถรับคุณได้ แล้วฉันให้เฉินเสี้ยวมารับฉันบ้างไม่ได้เหรอไง?ต่างกันตรงไหนเหรอ?”

ลู่หลุ่ยพูดไปตรงๆ

หลี่ฝางจุกหน่อยๆ เป็นลู่หลุ่ยที่เริ่มเอ่ยปากพูดเองจริงๆ เรียกเฉินเสี้ยวมารับเธอ

หลี่ฝางขมวดคิ้ว พูดว่า:“ผมกับเหยนเสี่ยวน่าไม่มีอะไรเลย”

“นี่ต้องถามคุณเอง”ลู่หลุ่ยไม่เชื่อหลี่ฝางเลย:“ดึกๆดื่นๆ พวกคุณชายหญิงอยู่ข้างนอกสองต่อสอง ไม่รับสายฉัน คนโง่ยังรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ถ้าผมมีอะไรกับเหยนเสี่ยวน่าจริง ทำไมต้องพาคุณมาด้วย?ลู่หลุ่ย คุณยังจำที่คุณพูดได้ไหม ระหว่างคนรักกันนั้น ที่สำคัญก็คือ ความเชื่อใจระหว่างกันของทั้งสองฝ่าย แต่ทำไมคุณจู่ก็ไม่เชื่อผมแล้วล่ะ”หลี่ฝางถาม

ถ้าลู่หลุ่ยสงสัยตัวเองกับฉินวี่เฟย ตัวเองก็จะยอม แต่ที่สำคัญ สงสัยตัวเองกับเหยนเสี่ยวน่า……

ปรักปรำชัดๆ

“เพราะคุณไม่คู่ควรให้ฉันต้องเชื่อใจ”ลู่หลุ่ยขมวดคิ้วพูด

หลี่ฝางไม่อยากหยุดความสัมพันธ์กับลู่หลุ่ยต่อแล้ว เขาเดินไปที่อีกด้านของรถ มาตรงหน้าของเฉินเสี้ยว ยื่นมือไปคว้าคอเสื้อของเขา ดึงเขาออกมาจากรถ

“คุณรู้ไหมลู่หลุ่ยมีแฟนแล้ว?”

หลี่ฝางปล่อยหมัดไปที่หน้าของเฉินเสี้ยว จนล้มลงพื้น ส่วนลู่หลุ่ยที่อยู่ในรถ ก็ตะโกนให้หลี่ฝางหยุด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท