NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่716 บีบหยิ่นเจิ้ง

บทที่716 บีบหยิ่นเจิ้ง

ในเวลานี้ บรรยากาศภายในห้องทำงานของหยิ่นเจิ้งตึงเครียดเป็นอย่างมาก

โทรศัพท์ของเลขาหยิ่นเจิ้งกลายเป็นก้อนหินก้อนยักษ์ที่ทุ่มใส่ขาตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย

นั่นกลายเป็นหลักฐานชั้นดีที่ชี้ว่าเขาฆ่าคน

“จ้าวโหย่วฉายได้ยินแล้วใช่ไหม? คนในสายพูดชัดเต็มสองรูหูขนาดนี้ ไอ้เวรนี่มันใช้ให้คนที่ชื่อไอ้หน้าหนวดมาฆ่าฉัน” แมงป่องยิ้มเย็นชา

จ้าวโหย่วฉายพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเป็นกลาง “ฉันจะสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัด เสี่ยวถิงเดี๋ยวไปโรงพักกับฉัน”

สีหน้าของเลขาดูแย่มาก จิตใจของเขาในเวลานี้เศร้าหมองสุดๆ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรสักอย่างแต่กลับถูกโยนบาปว่าฆ่าคน

ถ้าคนผิดทำสำเร็จขึ้นมาจริงๆ งั้นเขาก็จบเห่ไปแล้ว

เสี่ยวถิงเหลือบมองหยิ่นเจิ้งแว๊บนึง หยิ่นเจิ้งเองก็ไม่รู้จะช่วยยังไง จึงแค่พยักหน้าน้อยๆ “ไม่ต้องกังวล ตำรวจไม่มีทางใส่ความคนถูก เสี่ยวถิงถ้านายไม่ได้เป็นคนทำก็ไม่มีอะไรต้องกลัว”

แมงป่องที่ยืนฟังอยู่ก็หัวเราะเหอะ “ประธานหยิ่น ไอ้เสี่ยวถิงนี่มันเป็นเลขานาย มันก่อเรื่องอะไรมีหรือที่นายจะไม่รู้? เลิกเล่นละครเถอะ ความจริงเรื่องนี้นายเป็นคนอยู่เบื้องหลังล่ะสิ?”

“ลูกพี่แมงป่อง ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าเที่ยวปรักปรำคนอื่นดีกว่า ระวังจะโดนฟ้องเอา” หยิ่นเจิ้งพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“หึๆ ปรักปรำหรือเปล่า นายคงรู้ดีอยู่แก่ใจ”

สีหน้าของแมงป่องเผยความเย็นยะเยือก

ฉ่างจื่อกระซิบข้างหูแมงป่อง “คุณพ่อ หมอมาถึงแล้วครับ เราลงไปกันเถอะ”

ตอนนี้จ้าวโหย่วฉายยังอยู่ที่นี่ แมงป่องคงทำอะไรหยิ่นเจิ้งไม่ได้

แถมในห้องนี้ก็ไม่มีร่องรอยของหยิ่นเหล่ย

วันนี้ตั้งใจจะมาจับตัวหยิ่นเหล่ยเห็นทีคงจะยาก

แมงป่องพยักหน้า “จริงสิ คนที่แทงฉันจับตัวได้หรือยัง?”

“ยังครับ พวกเขาคอยจังตาอยู่ตลอด แต่ก็ไม่พบ” ฉ่างจื่อส่ายหน้า

แมงป่องแสยะยิ้มเย็นชา “ช่างเถอะ ตึกใหญ่ขนาดนี้ถ้ามันจะซ่อนตัวยังไงเราก็หาไม่เจออยู่ดี”

“ให้พวกเขาเฝ้าต่อไป ถ้าไอเวรนั่นมันบินไม่ได้ยังไงก็ต้องจับตัวมันได้แน่” แมงป่องพูด

ที่แมงป่องต้องการตัว ไม่ใช่แค่ไอ้หน้าหนวดแต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือหยิ่นเหล่ย

แม้ว่าไอ้หน้าหนวดจะเป็นคนลงมือแทง แต่ในสายตาของแมงป่อง ไอ้หน้าหนวดก็แค่คนรับจ้างทำงาน ก็แค่สืบรู้ว่าใครเป็นคนว่าจ้าง เรื่องก็จะง่ายขึ้นเยอะ

เล่นลูกไม้แบบนี้ คิดว่าแมงป่องจะกลัวหรือไง?

ถ้าเทียบระหว่างนักธุรกิจกับนักเลง แน่นอนว่านักเลงก็ย่อมถนัดใช้ลูกไม้แบบนี้มากกว่าอยู่แล้ว

แมงป่องมองหน้าหยิ่นเจิ้ง “ประธานหยิ่น ฉันมีธุระคงต้องขอก่อน นายเองก็ระวังตัวให้ดีล่ะ”

“จริงสิ เรื่องว่าจ้างฆ่าฉัน ฉันไม่เอาเรื่องนายก็แล้วกัน”

เมื่อลุกขึ้นยืน แมงป่องก็ใช้ความคิด

เลขาเสี่ยวถิงนิ่งอึ้ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆแมงป่องถึงยอมปล่อยเข้าไปง่ายๆ?

ถึงยังไงบทสนทนาในโทรศัพท์เมื่อกี๊ก็เป็นหลักฐานชั้นดี

เสี่ยวถิงไม่ค่อยเชื่อนัก“คุณจะใจดีขนาดนั้นเลยหรอ?”

“ไม่ใช่ใจดี แต่แค่ให้ทุกฝ่ายถอยกันคนละก้าว ฉันไม่เอาเรื่องที่นายจ้างคนฆ่าฉัน งั้นเรื่องที่ลูกชายฉันทำร้ายร่างกายนาย ก็ให้ถือว่าเป็นโมฆะกันไปสิ”

แมงป่องพูดเรียบๆ

เสี่ยวถิงไม่อาจไม่พอใจแต่อย่างใด เพราะถึงยังไงซะเขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบเต็มๆ

เพราะยังไงโทษที่จ้างวานฆ่าก็ย่อมรุนแรงมากกว่าโทษทำร้ายร่างกายอยู่แล้ว

แมงป่องหัวเราะหึ “ถ้าเทียบกับลูกชายฉัน แกไม่ได้สำคัญอะไรทั้งนั้น”

แค่นเสียงหัวเราะทีนึง แมงป่องก็เดินจากไป ตอนนี้เองโทรศัพท์ของหยิ่นเจิ้งที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น

และเบอร์ที่โทรเข้ามาก็เป็นเบอร์ของไอ้หน้าหนวดพอดิบพอดี

เมื่อเห็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา หยิ่นเจิ้งก็ขมวดคิ้วแล้วรีบรับสาย

แมงป่องใช้ความคิดแป๊บนึง “คุณหยิ่น เบอร์แปลกนี่ใครกัน?”

“ผมจะไปรู้ได้ยังไง?” สีหน้าของหยิ่นเจิ้งเย็นชา

“ในเมื่อคุณไม่รู้จัก งั้นก็คงเป็นพวกต้มตุ๋น ไหนๆจ้าวโหย่วฉายก็อยู่นี่แล้ว ทำไมไม่เปิดลำโพงให้ได้ยินกันไปเลยล่ะ”

แมงป่องเองก็ก็สงสัยใครรู้อยู่เหมือนกัน จึงได้เสนอขึ้น

และหยิ่นเจิ้งก็ไม่ได้คิดอะไร เพื่อลบความสงสัยของแมงป่อง จึงกดเปิดลำโพงทันที

วินาทีนั้น เสียงของไอ้หน้าหนวดก็ดังขึ้นจากปลายสาย

“ประธานหยิ่นไม่รักษาคำพูดนี่ ไหนคุณบอกผมว่าถ้าแทงแมงป่องได้ ก็จะให้เงินผมไง แล้วไหนล่ะ? ไหนเราตกลงกันว่าถ้าฆ่าแมงป่องได้คุณก็จะให้ผมร้อยล้าน แต่ถ้าไม่สำเร็จก็จะให้สองล้านเป็นค่าหลบหนี”

“แล้วไหนค่าหลบหนีล่ะครับ? ทำไมผมยังไม่ได้รับ ข้างนอกบริษัทก็มีแต่คนของแมงป่อง ถ้าผมหนีไม่รอด คุณก็ไม่รอดเหมือนกัน” ไอ้หน้าหนวดพูด

ไม่นานหยิ่นเจิ้งก็หน้าซีด

ตอนนี้หยิ่นเจิ้งเริ่มรู้สึกเสียรู้ซะแล้ว ทำไมเขาต้องดึงดันจะกดรับสายนี่ด้วย?

ทันใดนั้น หยิ่นเจิ้งก็ค่อยๆเข้าใจสถานการณ์ คนลอบแทงแมงป่องจุดประสงค์จริงๆคือต้องการจะใส่ร้ายเขา

“แกเป็นใครกันแน่?” หยิ่นเจิ้งถามด้วยเสียงเย็นยะเยือก

แต่ไอ้หน้าหนวดกลับตอบ “ผมก็เป็นพนักงานของคุณน่ะสิ เหอะๆ ผมทำงานให้คุณมาตั้งสามปี แต่พอคราวนี้เกิดเรื่อง คุณก็จะตัดความสัมพันธ์กับผม? คิดว่าจะง่ายขนาดนั้นหรือไง? ผมกุมความลับของคุณทุกอย่าง”

“ได้ รีบโอนเงินให้ผมซะ คุณรู้เลขบัญชีของผมอยู่แล้วนี่ ถ้าผมไม่ได้เงินภายในสิบนาที งั้นคุณก็คอยดูแล้วกัน” ไอ้หน้าหนวดพูดเสียงเย็น

ไอ้หน้าหนวดยังไม่ทันจะได้วางสาย แมงป่องก็รีบส่งสัญญาณให้ฉ่างจื่อเข้ามาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือหยิ่นเจิ้งซะก่อน

“พี่ชาย อย่าเพิ่งรีบวางสาย เรามาคุยกันหน่อยดีไหม”

แมงป่องพูด “ขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ฉันก็คือแมงป่องคนที่แกเพิ่งแทงไปเมื่อกี๊ กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุย่อมมีผลตามมา ฉันจะไม่เอาเรื่องนาย ฉันรู้ว่าที่นายทำไปก็เพื่อเงิน”

“ถ้านายยอมออกมาชี้ตัวไอ้สารเลวหยิ่นเจิ้ง ฉันจะไม่ใช่แค่ไม่เอาเรื่องนาย แต่จะให้เงินนายด้วยก้อนนึง” แมงป่องพูด

“คุณเห็นผมเป็นเด็กสามขวบหรือไง” พูดจบ ไอ้หน้าหนวดก็เสริมขึ้นอีก “ขอโทษครับประธานหยิ่น ผมไม่รู้ว่าแมงป่องอยู่ตรงนั้น”

พูดจบ ไอ้หน้าหนวดก็วางสายไป

ไอ้หน้าหนวดหัวเราะสะใจ หันไปพูดกับหลี่ฝาง “เรียบร้อยครับ เมื่อกี๊แมงป่องอยู่ตรงนั้นพอดี มิหนำซ้ำยังเปิดลำโพงด้วย”

หลี่ฝางพยักหน้ายิ้มๆ “แบบนี้ก็ดี เห็นทีพวกเราคงไม่ต้องใช้แผนสองแล้วล่ะ”

ความจริงหลี่ฝางไม่ได้วางแผนไว้แค่แผนเดียว แต่ยังมีแผนอื่นอีก

เพราะถึงยังไงก็ไม่แน่ว่าแมงป่องจะทันเห็นตอนที่ไอ้หน้าหนวดโทรไปหาหยิ่นเจิ้ง

ถ้าแมงป่องไม่เห็นหรือไม่ได้ยินคำพูดเมื่อกี๊ ถ้างั้นแผนใส่ความก็พังไม่เป็นท่า

และถ้าเป็นแบบนั้น หลี่ฝางก็จะให้ไอ้หน้าหนวดเป็นฝ่ายโทรไปหาแมงป่อง แล้วให้ไอ้หน้าหนวดสารภาพผิดว่าหยิ่นเจิ้งเป็นคนว่าจ้างให้เขาลอบฆ่าแมงป่อง

แล้วแมงป่องก็คงจะย้อนถามว่า ทำไมถึงเลือกโทรมาสารภาพกับเขา?

แล้วไอ้หน้าหนวดก็จะพูดว่า เพราะหลังจากเสร็จเรื่องแล้วหยิ่นเจิ้งไม่โอนเงินให้ แถมยังขู่จะฆ่าเขา ตอนนี้ทั้งลูกทั้งเมียก็ถูกหยิ่นเจิ้งจับตัวไป จากนั้นค่อยขอความช่วยเหลือจากแมงป่อง…

แต่เห็นทีแผนการนี้คงไม่จำเป็นอีกแล้ว

หลี่ฝางหัวเราะหึ “หยิ่นเจิ้งเป็นคนระวังตัวมาก หลายปีที่ผ่านมาเขาเอาแต่เก็บตัวจำศีล ถ้าฉันไม่บีบจนถึงที่สุดก็ไม่รู้เขาจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ฉันไม่มีเวลารอแล้ว ก็เลยจำเป็นต้องสาดน้ำมันลงบนกองไฟ”

หลี่ฝางรู้สึกว่าตัวเองน่าละอายอยู่ไม่น้อย ยังไงซะหยิ่นเจิ้งก็ร่วมมือกับเขาอยู่

แต่สิ่งที่เขาทำล่ะ?

ไม่ใช่แค่จับตัวหยิ่นเหล่ยกลับมา แล้วเอามาเป็นโล่กำบังให้ตัวเอง แต่ยังโยนความผิดสถานใหญ่ให้หยิ่นเจิ้ง

เวลานี้ในห้องทำงาน แมงป่องหน้าดำอมเขียว เขาไม่สนใจเรื่องรักษาบาดแผลอีกต่อไป แต่ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาจ้องหน้าหยิ่นเจิ้ง “หยิ่นเจิ้ง มีอะไรจะพูดอีกไหม?”

“ฉันโดนใส่ร้าย” หยิ่นเจิ้งพูดเสียงเรียบ “ฉันไม่เคยรับปากอะไรกับเขามาก่อน พนักงานคนนี้ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำ ในบริษัทมีพนักงานตั้งเป็นพัน ฉันเป็นถึงประธานบริษัทจะรู้จักซักกี่คน? อีกอย่างนะลูกพี่แมงป่อง ผมดูโง่ขนาดนั้นเลยหรอครับ? ต่อให้จะจ้างวานจริงก็คงไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานในบริษัทตัวเองมั้ง? ระดับอย่างฉันจะไปจ้างคนในวงการไม่ดีกว่าหรอ?”

แมงป่องหัวเราะหึ “มาถึงขนาดนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่านายยังหาข้อแก้ตัวไม่เลิก”

และตอนนั้นเอง แมงป่องก็ได้รับข้อความ ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองมุมนึงของห้องทำงาน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท