ในเวลานี้ บรรยากาศภายในห้องทำงานของหยิ่นเจิ้งตึงเครียดเป็นอย่างมาก
โทรศัพท์ของเลขาหยิ่นเจิ้งกลายเป็นก้อนหินก้อนยักษ์ที่ทุ่มใส่ขาตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย
นั่นกลายเป็นหลักฐานชั้นดีที่ชี้ว่าเขาฆ่าคน
“จ้าวโหย่วฉายได้ยินแล้วใช่ไหม? คนในสายพูดชัดเต็มสองรูหูขนาดนี้ ไอ้เวรนี่มันใช้ให้คนที่ชื่อไอ้หน้าหนวดมาฆ่าฉัน” แมงป่องยิ้มเย็นชา
จ้าวโหย่วฉายพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเป็นกลาง “ฉันจะสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัด เสี่ยวถิงเดี๋ยวไปโรงพักกับฉัน”
สีหน้าของเลขาดูแย่มาก จิตใจของเขาในเวลานี้เศร้าหมองสุดๆ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรสักอย่างแต่กลับถูกโยนบาปว่าฆ่าคน
ถ้าคนผิดทำสำเร็จขึ้นมาจริงๆ งั้นเขาก็จบเห่ไปแล้ว
เสี่ยวถิงเหลือบมองหยิ่นเจิ้งแว๊บนึง หยิ่นเจิ้งเองก็ไม่รู้จะช่วยยังไง จึงแค่พยักหน้าน้อยๆ “ไม่ต้องกังวล ตำรวจไม่มีทางใส่ความคนถูก เสี่ยวถิงถ้านายไม่ได้เป็นคนทำก็ไม่มีอะไรต้องกลัว”
แมงป่องที่ยืนฟังอยู่ก็หัวเราะเหอะ “ประธานหยิ่น ไอ้เสี่ยวถิงนี่มันเป็นเลขานาย มันก่อเรื่องอะไรมีหรือที่นายจะไม่รู้? เลิกเล่นละครเถอะ ความจริงเรื่องนี้นายเป็นคนอยู่เบื้องหลังล่ะสิ?”
“ลูกพี่แมงป่อง ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่าเที่ยวปรักปรำคนอื่นดีกว่า ระวังจะโดนฟ้องเอา” หยิ่นเจิ้งพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“หึๆ ปรักปรำหรือเปล่า นายคงรู้ดีอยู่แก่ใจ”
สีหน้าของแมงป่องเผยความเย็นยะเยือก
ฉ่างจื่อกระซิบข้างหูแมงป่อง “คุณพ่อ หมอมาถึงแล้วครับ เราลงไปกันเถอะ”
ตอนนี้จ้าวโหย่วฉายยังอยู่ที่นี่ แมงป่องคงทำอะไรหยิ่นเจิ้งไม่ได้
แถมในห้องนี้ก็ไม่มีร่องรอยของหยิ่นเหล่ย
วันนี้ตั้งใจจะมาจับตัวหยิ่นเหล่ยเห็นทีคงจะยาก
แมงป่องพยักหน้า “จริงสิ คนที่แทงฉันจับตัวได้หรือยัง?”
“ยังครับ พวกเขาคอยจังตาอยู่ตลอด แต่ก็ไม่พบ” ฉ่างจื่อส่ายหน้า
แมงป่องแสยะยิ้มเย็นชา “ช่างเถอะ ตึกใหญ่ขนาดนี้ถ้ามันจะซ่อนตัวยังไงเราก็หาไม่เจออยู่ดี”
“ให้พวกเขาเฝ้าต่อไป ถ้าไอเวรนั่นมันบินไม่ได้ยังไงก็ต้องจับตัวมันได้แน่” แมงป่องพูด
ที่แมงป่องต้องการตัว ไม่ใช่แค่ไอ้หน้าหนวดแต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือหยิ่นเหล่ย
แม้ว่าไอ้หน้าหนวดจะเป็นคนลงมือแทง แต่ในสายตาของแมงป่อง ไอ้หน้าหนวดก็แค่คนรับจ้างทำงาน ก็แค่สืบรู้ว่าใครเป็นคนว่าจ้าง เรื่องก็จะง่ายขึ้นเยอะ
เล่นลูกไม้แบบนี้ คิดว่าแมงป่องจะกลัวหรือไง?
ถ้าเทียบระหว่างนักธุรกิจกับนักเลง แน่นอนว่านักเลงก็ย่อมถนัดใช้ลูกไม้แบบนี้มากกว่าอยู่แล้ว
แมงป่องมองหน้าหยิ่นเจิ้ง “ประธานหยิ่น ฉันมีธุระคงต้องขอก่อน นายเองก็ระวังตัวให้ดีล่ะ”
“จริงสิ เรื่องว่าจ้างฆ่าฉัน ฉันไม่เอาเรื่องนายก็แล้วกัน”
เมื่อลุกขึ้นยืน แมงป่องก็ใช้ความคิด
เลขาเสี่ยวถิงนิ่งอึ้ง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆแมงป่องถึงยอมปล่อยเข้าไปง่ายๆ?
ถึงยังไงบทสนทนาในโทรศัพท์เมื่อกี๊ก็เป็นหลักฐานชั้นดี
เสี่ยวถิงไม่ค่อยเชื่อนัก“คุณจะใจดีขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ไม่ใช่ใจดี แต่แค่ให้ทุกฝ่ายถอยกันคนละก้าว ฉันไม่เอาเรื่องที่นายจ้างคนฆ่าฉัน งั้นเรื่องที่ลูกชายฉันทำร้ายร่างกายนาย ก็ให้ถือว่าเป็นโมฆะกันไปสิ”
แมงป่องพูดเรียบๆ
เสี่ยวถิงไม่อาจไม่พอใจแต่อย่างใด เพราะถึงยังไงซะเขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบเต็มๆ
เพราะยังไงโทษที่จ้างวานฆ่าก็ย่อมรุนแรงมากกว่าโทษทำร้ายร่างกายอยู่แล้ว
แมงป่องหัวเราะหึ “ถ้าเทียบกับลูกชายฉัน แกไม่ได้สำคัญอะไรทั้งนั้น”
แค่นเสียงหัวเราะทีนึง แมงป่องก็เดินจากไป ตอนนี้เองโทรศัพท์ของหยิ่นเจิ้งที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น
และเบอร์ที่โทรเข้ามาก็เป็นเบอร์ของไอ้หน้าหนวดพอดิบพอดี
เมื่อเห็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา หยิ่นเจิ้งก็ขมวดคิ้วแล้วรีบรับสาย
แมงป่องใช้ความคิดแป๊บนึง “คุณหยิ่น เบอร์แปลกนี่ใครกัน?”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง?” สีหน้าของหยิ่นเจิ้งเย็นชา
“ในเมื่อคุณไม่รู้จัก งั้นก็คงเป็นพวกต้มตุ๋น ไหนๆจ้าวโหย่วฉายก็อยู่นี่แล้ว ทำไมไม่เปิดลำโพงให้ได้ยินกันไปเลยล่ะ”
แมงป่องเองก็ก็สงสัยใครรู้อยู่เหมือนกัน จึงได้เสนอขึ้น
และหยิ่นเจิ้งก็ไม่ได้คิดอะไร เพื่อลบความสงสัยของแมงป่อง จึงกดเปิดลำโพงทันที
วินาทีนั้น เสียงของไอ้หน้าหนวดก็ดังขึ้นจากปลายสาย
“ประธานหยิ่นไม่รักษาคำพูดนี่ ไหนคุณบอกผมว่าถ้าแทงแมงป่องได้ ก็จะให้เงินผมไง แล้วไหนล่ะ? ไหนเราตกลงกันว่าถ้าฆ่าแมงป่องได้คุณก็จะให้ผมร้อยล้าน แต่ถ้าไม่สำเร็จก็จะให้สองล้านเป็นค่าหลบหนี”
“แล้วไหนค่าหลบหนีล่ะครับ? ทำไมผมยังไม่ได้รับ ข้างนอกบริษัทก็มีแต่คนของแมงป่อง ถ้าผมหนีไม่รอด คุณก็ไม่รอดเหมือนกัน” ไอ้หน้าหนวดพูด
ไม่นานหยิ่นเจิ้งก็หน้าซีด
ตอนนี้หยิ่นเจิ้งเริ่มรู้สึกเสียรู้ซะแล้ว ทำไมเขาต้องดึงดันจะกดรับสายนี่ด้วย?
ทันใดนั้น หยิ่นเจิ้งก็ค่อยๆเข้าใจสถานการณ์ คนลอบแทงแมงป่องจุดประสงค์จริงๆคือต้องการจะใส่ร้ายเขา
“แกเป็นใครกันแน่?” หยิ่นเจิ้งถามด้วยเสียงเย็นยะเยือก
แต่ไอ้หน้าหนวดกลับตอบ “ผมก็เป็นพนักงานของคุณน่ะสิ เหอะๆ ผมทำงานให้คุณมาตั้งสามปี แต่พอคราวนี้เกิดเรื่อง คุณก็จะตัดความสัมพันธ์กับผม? คิดว่าจะง่ายขนาดนั้นหรือไง? ผมกุมความลับของคุณทุกอย่าง”
“ได้ รีบโอนเงินให้ผมซะ คุณรู้เลขบัญชีของผมอยู่แล้วนี่ ถ้าผมไม่ได้เงินภายในสิบนาที งั้นคุณก็คอยดูแล้วกัน” ไอ้หน้าหนวดพูดเสียงเย็น
ไอ้หน้าหนวดยังไม่ทันจะได้วางสาย แมงป่องก็รีบส่งสัญญาณให้ฉ่างจื่อเข้ามาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือหยิ่นเจิ้งซะก่อน
“พี่ชาย อย่าเพิ่งรีบวางสาย เรามาคุยกันหน่อยดีไหม”
แมงป่องพูด “ขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ฉันก็คือแมงป่องคนที่แกเพิ่งแทงไปเมื่อกี๊ กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุย่อมมีผลตามมา ฉันจะไม่เอาเรื่องนาย ฉันรู้ว่าที่นายทำไปก็เพื่อเงิน”
“ถ้านายยอมออกมาชี้ตัวไอ้สารเลวหยิ่นเจิ้ง ฉันจะไม่ใช่แค่ไม่เอาเรื่องนาย แต่จะให้เงินนายด้วยก้อนนึง” แมงป่องพูด
“คุณเห็นผมเป็นเด็กสามขวบหรือไง” พูดจบ ไอ้หน้าหนวดก็เสริมขึ้นอีก “ขอโทษครับประธานหยิ่น ผมไม่รู้ว่าแมงป่องอยู่ตรงนั้น”
พูดจบ ไอ้หน้าหนวดก็วางสายไป
ไอ้หน้าหนวดหัวเราะสะใจ หันไปพูดกับหลี่ฝาง “เรียบร้อยครับ เมื่อกี๊แมงป่องอยู่ตรงนั้นพอดี มิหนำซ้ำยังเปิดลำโพงด้วย”
หลี่ฝางพยักหน้ายิ้มๆ “แบบนี้ก็ดี เห็นทีพวกเราคงไม่ต้องใช้แผนสองแล้วล่ะ”
ความจริงหลี่ฝางไม่ได้วางแผนไว้แค่แผนเดียว แต่ยังมีแผนอื่นอีก
เพราะถึงยังไงก็ไม่แน่ว่าแมงป่องจะทันเห็นตอนที่ไอ้หน้าหนวดโทรไปหาหยิ่นเจิ้ง
ถ้าแมงป่องไม่เห็นหรือไม่ได้ยินคำพูดเมื่อกี๊ ถ้างั้นแผนใส่ความก็พังไม่เป็นท่า
และถ้าเป็นแบบนั้น หลี่ฝางก็จะให้ไอ้หน้าหนวดเป็นฝ่ายโทรไปหาแมงป่อง แล้วให้ไอ้หน้าหนวดสารภาพผิดว่าหยิ่นเจิ้งเป็นคนว่าจ้างให้เขาลอบฆ่าแมงป่อง
แล้วแมงป่องก็คงจะย้อนถามว่า ทำไมถึงเลือกโทรมาสารภาพกับเขา?
แล้วไอ้หน้าหนวดก็จะพูดว่า เพราะหลังจากเสร็จเรื่องแล้วหยิ่นเจิ้งไม่โอนเงินให้ แถมยังขู่จะฆ่าเขา ตอนนี้ทั้งลูกทั้งเมียก็ถูกหยิ่นเจิ้งจับตัวไป จากนั้นค่อยขอความช่วยเหลือจากแมงป่อง…
แต่เห็นทีแผนการนี้คงไม่จำเป็นอีกแล้ว
หลี่ฝางหัวเราะหึ “หยิ่นเจิ้งเป็นคนระวังตัวมาก หลายปีที่ผ่านมาเขาเอาแต่เก็บตัวจำศีล ถ้าฉันไม่บีบจนถึงที่สุดก็ไม่รู้เขาจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ฉันไม่มีเวลารอแล้ว ก็เลยจำเป็นต้องสาดน้ำมันลงบนกองไฟ”
หลี่ฝางรู้สึกว่าตัวเองน่าละอายอยู่ไม่น้อย ยังไงซะหยิ่นเจิ้งก็ร่วมมือกับเขาอยู่
แต่สิ่งที่เขาทำล่ะ?
ไม่ใช่แค่จับตัวหยิ่นเหล่ยกลับมา แล้วเอามาเป็นโล่กำบังให้ตัวเอง แต่ยังโยนความผิดสถานใหญ่ให้หยิ่นเจิ้ง
เวลานี้ในห้องทำงาน แมงป่องหน้าดำอมเขียว เขาไม่สนใจเรื่องรักษาบาดแผลอีกต่อไป แต่ดวงตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาจ้องหน้าหยิ่นเจิ้ง “หยิ่นเจิ้ง มีอะไรจะพูดอีกไหม?”
“ฉันโดนใส่ร้าย” หยิ่นเจิ้งพูดเสียงเรียบ “ฉันไม่เคยรับปากอะไรกับเขามาก่อน พนักงานคนนี้ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำ ในบริษัทมีพนักงานตั้งเป็นพัน ฉันเป็นถึงประธานบริษัทจะรู้จักซักกี่คน? อีกอย่างนะลูกพี่แมงป่อง ผมดูโง่ขนาดนั้นเลยหรอครับ? ต่อให้จะจ้างวานจริงก็คงไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานในบริษัทตัวเองมั้ง? ระดับอย่างฉันจะไปจ้างคนในวงการไม่ดีกว่าหรอ?”
แมงป่องหัวเราะหึ “มาถึงขนาดนี้แล้ว คิดไม่ถึงว่านายยังหาข้อแก้ตัวไม่เลิก”
และตอนนั้นเอง แมงป่องก็ได้รับข้อความ ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองมุมนึงของห้องทำงาน