สาวหน้าพิมพ์นิยมที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าอย่างดีใจขึ้นมาทันที: “ดีสิ ดีสิ ขอบคุณจริง ๆ นะคุณชายหลี่!”
ณ ตอนนี้ สาวหน้าพิมพ์นิยมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า หยิ่นเหล่ยบ่อเงินบ่อทองของตัวเองนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ฝาง ไม่คู่ควแก่การพูดถึงเลยสักนิด
และยิ่งฟังไม่ออกว่า ที่หลี่ฝางพูดนั้นมีความหมายในทางกลับกัน
เธอยังคงคิดว่า หลี่ฝางได้เห็นแก่หน้าหยิ่นเหล่ยจริง ๆ จะเอาชุดที่เหยนเสี่ยวน่าสวมอยู่ มาให้เธอ
“เสี่ยวน่า ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าใส่ งั้นเธอก็ถอดออกมาให้หล่อนเถอะ” หลี่ฝางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก รอยยิ้มค่อย ๆ แข็งทื่อลงมา
“คุณชายหลี่คะ ขอบคุณที่เห็นแก่หน้าที่รักของฉันนะคะ เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยววันนี้พวกเราเป็นเจ้ามือ เชิญพวกคุณทานอาหารว่าง?” สาวหน้าพิมพ์นิยมทำท่าที่ต้องการคบค้าสมาคมด้วย จ้องมองหลี่ฝาง
ส่วนสีหน้าของหยิ่นเหล่ย ณ ตอนนี้ ยิ่งหม่นหมองขึ้นกว่าเดิม เขาหันหน้า มองไปที่สาวหน้าพิมพ์นิยม: “นังสารเลวนี่ ฉันไว้หน้าเธอมากไปใช่ไหม?”
เสี่ยงเพี๊ยะดังขึ้นหนึ่งครั้ง ฝ่ามือของหยิ่นเหล่ย ตบเข้าที่หน้าของสาวหน้าพิมพ์นิยมเต็ม ๆ
ชั่ววินาทีนั้นเอง สาวหน้าพิมพ์นิยมถูกตบจนถึงกับงง
จากนั้น ฝ่ามือของหยิ่นเหล่ยก็ตบลงไปบนหน้าของสาวหน้าพิมพ์นิยมอีกครั้ง: “เธอเป็นตัวอะไร กระโปรงที่เกรดสูงแบบนี้ อย่างเธอมีค่าพอที่จะใส่เหรอ?”
หลี่ฝางเห็นแกหน้าหยิ่นเหล่ย แล้วหยิ่นเหล่ยกล้ารับเอาไว้ไหม?
ชัดเจนว่าไม่กล้า
หยิ่นเหล่ยหันน้ากลับมา แล้วเอ่ยกับหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ ต้องขอโทษด้วยจริงนะครับ นังสารเลวนี่ไม่รู้ความ ผมจะต้องสั่งสอนเธอให้หนักอย่างแน่นอน”
“ของแบบนี้นายก็ยังกินลง หยิ่นเหล่ย รสนิยมของนาย มันช่างแย่จริง ๆ เลย”
หลี่ฝางส่ายหน้า: “นายว่านายเอาผู้หญิงแบบนี้มาไว้ข้างกาย ต่อไป พวกเราจะเป็นเพื่อนกันได้ยังไง ตอนที่นายยังไม่เข้ามา หล่อนเหน็บแนมเยาะเย้ยฉันไปยกใหญ่เลยล่ะ”
“คุณชายหลี่ ผมตาบอดไป หลังจากนี้ถ้าผมจะหาผู้หญิงอีก จะต้องเช็ดดวงตาให้สว่างก่อนอย่างแน่นอน” ในขณะที่พูด หยิ่นเหล่ยก็ถลึงตาใส่สาวหน้าพิมพ์นิยมอย่างหนั้น
“ช่างเหอะ ฉันไม่สนใจกับนายแล้ว” หลี่ฝางกล่าวจบ ก็มองไปที่เสี่ยวถง: “เสื้อผ้าห่อเสร็จเรียบร้อยหรือยัง?”
“ใกล้แล้วค่ะ”
เสี่ยวถงจัดเสื้อผ้าใส่ถุงไป พลางเอ่ยถามหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่คะ เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ เดี๋ยวดิฉันหาคนมาช่วยยกลงไปให้คุณดีไหมคะ?”
“หรือไม่ก็บอกกับดิฉันว่าคุณพักอยู่ที่ไหน เดี๋ยวดิฉันให้คนเอาไปส่ง”
เสี่ยวถงกล่าวอย่างรู้ความ
หลี่ฝางส่ายหน้า กล่าว: “ไม่ต้องหรอก เสื้อผ้าไม่กี่ตัวเอง พวกเราถือลงไปเองก็ได้”
ในขณะที่เสี่ยวถงยื่นเสื้อผ้าให้คุณชายหลี่ หยิ่นเหล่ยก็รีบรับมาทันที: “คุณชายหลี่ครับ ตอนนี้ไม่มีธุระอะไรพอดี เดี๋ยวผมช่วยถือให้นะครับ และถือโอกาสพาคุณเดินดูสักหน่อย ถ้าต้องการซื้ออะไรอีก ผมจะไม่คิดเงินคุณสักบาทเลย”
“มีผมไปกับคุณ รับรองได้ว่าจะไม่มีใครกล้ามาทำให้คุณรู้สึกอึดอัดอีก” หยิ่นเหล่ยหัวเราะแหะๆ
เสี่ยวถงกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ คุณชายผู้สูงส่งอย่างหยิ่นเหล่ย เสนอตัวเป็นคนถือกระเป๋าให้คนอื่น?
ทั้งยังเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน
เสี่ยวถงอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา ที่มาของหลี่ฝาง แท้จริงแล้วยิ่งใหญ่เพียงใด?
สาวหน้าพิมพ์นิยมและหยู่ชิง ณ เวลานี้เสียใจและเสียดายสุดๆ
เพียงเพราะดูถูกเยาะเย้ยหลี่ฝางไม่กี่คำ ชาตินี้ของพวกเธอ นับว่าพังแล้ว
อย่างน้อยอยู่ที่อำเภอหลินแห่งนี้ พวกเธอได้เสียโอกาสเข้าประจบพวกมีอิทธิพลไปโดยสิ้นเชิง
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเธอยังเป็นกังวล ว่าหลังจากเรื่องนี้แล้ว หลี่ฝางจะแก้แค้นพวกเธอต่อไปหรือไม่?
เพราะว่าพวกคุณชายผู้ดีส่วนมาก ความต้องการในการแก้แค้นนั้นสูงมาก ก่อนหน้านี้ในแวดวงสังคมของพวกเธอ มีผู้หญิงคนหนึ่งทำให้คุณชายผู้ดีคนหนึ่งโกรธ ถูกคุณชายผู้ดีพาไปที่KTV และถูกซ้อมจนแทบไม่มีชีวิตรอด
ใบหน้าบวมปูด ถูกซ้อมจนฝันร่วงหมดปาก
จากสาวสวยหน้าตาดีคนหนึ่ง กลายเป็นหญิงสาวหน้าตาอัปลักษณ์ไปในชั่วพริบตา
หลังจากที่หลี่ฝางออกมาจากห้างสรรพสินค้า เขามองไปที่หยิ่นเหล่ย แล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา: “เหอะ ๆ หยิ่นเหล่ย ฉันล่ะนับถือนายจริง ๆ เลย ทั้ง ๆ ที่ฉันซ้อมนายจนใช้งานไม่ได้ นายไม่เพียงปล่อยวางความแค้นระหว่างเราสองคนลงได้ แถมยังมาเอาอกเอาใจฉันอีก”
การควบคุมอารมณ์ของหยิ่นเหล่ย ณ เวลานี้ทำให้หลี่ฝางรู้สึกนับถือขึ้นมาเล็กน้อย
แน่นอน ในขณะที่นับถือ หลี่ฝางก็รู้สึกกลัวบ้างอยู่เหมือนกัน
เพราะว่าคนคนหนึ่งยิ่งมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์มากเท่าไหร่ ในอนาคตถ้ามีโอกาสแก้แค้นเมื่อไหร่ ก้จะยิ่งโหดเหี้ยมอำมหิต
หยิ่นเหล่ยยิ้ม แล้วกล่าว: “ถ้าหากตระกูลหยิ่นต้องการเจริญก้าวหน้า ต่อไปยังต้องพึ่งพาตระกูลหลี่อีกเยอะเลย”
“ผมยังหวังว่าในอนาคตถ้าคุณชายหลี่มีธุรกิจทำเงินอะไร อย่าลืมบอกผมด้วยสักคำ” หยิ่นเหล่ยหัวเราะแหะ ๆ
หลี่ฝางพยักหน้า กล่าว: “มีสิ เยอะเลยแหละ หรือว่าพวกเราจะร่วมมือกันตอนนี้เลยดีไหม?”
“ทั้งหมดล้วนเป็นโปรเจกมูลค่านับพันล้าน ทั้งยังทำง่ายอีกด้วย หรือไม่งั้น ฉันเอาพวกมันให้นายหมดเลย?” หลี่ฝางเลิกคิ้วถาม
หยิ่นเหล่ยแววตาเปล่งปประกายขึ้นมา จ้องมองหลี่ฝางแล้วถาม: “คุณชายหลี่ งั้นคุณรีบพูดมา ธุรกิจอะไรถึงได้หาเงินง่ายขนาดนั้น?”
“ผิดกฎหมายนิดหน่อยนะ” หลี่ฝางกล่าว
“เหอะ ๆ สมัยนี้ ขอเพียงแค่ได้เงินก็พอ คุณดุแมงป่องสิ หลายปีมานี้เขาหาเงินได้ไม่น้อยเลย ผมแค่อยากจะถามว่า ความเสี่ยงสูงไหม? ถ้าหากไม่สูง ผมจะลองดูก็ได้” หยิ่นเหล่ยกล่าว
ถึงแม้หยิ่นเหล่ยจะเป็นคุณชายใหญ่ของบริษัท แต่เงินในมือที่สามารถนำมาใช้ได้ กลับน้อยมาก
หลี่ฝางพยักหน้า กล่าว: “จริง ๆ แล้วความเสี่ยงก็ไม่นับว่าสูง นายไปหาคนมาทำก็ได้นี่ ใช่ไหม?”
“ถ้างั้นคุณชายหลี่ พวกเราหาสถานที่สักที่ คุยกันดี ๆ ดีไหมครับ?” บนใบหน้าของหยิ่นเหล่ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
หลี่ฝางส่ายหน้า กล่าว: “ไม่ต้องหรอก คุยอยู่ที่นี่ก็ได้แล้ว แต่คำพูดไม่กี่ประโยคเอง”
“ทั้งหมดเป็นงานมูลค่าสี่พันล้าน อย่างที่หนึ่ง แมงป่อง ขอเพียงแค่นายสามารถจัดการเขาได้ ฉันให้นายหนึ่งพันล้าน อีกสามอย่าง แบ่งเป็นมู่เสี่ยวไป๋ มู่หรงฉางเฟิง และยังมีซือถูเฟย ทั้งสามคนนี้ หัวของแต่ละคน มูลค่าหนึ่งพันล้าน นายลองดู ว่านายสามารถจัดการใครได้บ้าง แล้วนายบอกฉันสักคำ ฉันจะโอนเงินมัดจำให้นายก่อน” หลี่ฝางกล่าวพลางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
พูดจบ ใบหน้าของหยิ่นเหล่ย ก็ปรากฏแววความไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย หลี่ฝางกำลังล้อเล่นกับเขาอยู่ชัด ๆ
“หนึ่งพันล้านเชียวนะ นายแค่แบ่งออกมาสักร้อยล้าน ก็สามารถหาพวกเดนตาย ให้ช่วยนายไปทำเรื่องพวกนี้ ฆ่าหนึ่งคน นายก็จะได้รับผลประโยชน์ตั้งเก้าร้อยล้านแน่ะ นี่นับว่าเป็นธุรกิจทำเงินที่ดีไหมล่ะ?” หลี่ฝางตบไหล่หยิ่นเหล่ยพลางกล่าว
สีหน้าของหยิ่นเหล่ยดำคล้ำ ถึงแม้คำพูดของหลี่ฝางจะพอมีเหตุผลบ้าง หลี่ฝางให้เขาหนึ่งพันล้าน เขาเอาออกมาสักหนึ่งร้อยล้าน ก็หามารถหาคนมาทำงานนี้ได้
แต่ว่า ทั้งสี่คนนี้ มีใครบ้างที่เป็นคนไม่มีฐานะในสังคม?
ฆ่าแมงป่อง แล้วคนของแมงป่อง จะปล่อยเขาไว้เหรอ?
เกรงว่าตระกูลหยิ่นทั้งหมด คงต้องถูกเขาลากเข้ามาเสี่ยงด้วย ส่วนมู่เสี่ยวไป๋ ซือถูเฟย มู่หรงฉางเฟิงทั้งสามคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ความเสี่ยงสูงมากเกินไป สูงจนหยิ่นเหล่ยไม่กล้าแม้แต่จะคิด
หยิ่นเหล่ยส่ายหน้า กล่าว: “คุณชายหลี่ชอบล้อเล่นจริง ๆ เลยนะครับ”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันจริงจัง” หลี่ฝางกล่าว: “นายช่วยฉันปล่อยข่าวออกไป ใครสามารถฆ่าแมงป่องได้ ฉันจะจ่ายให้เขาหนึ่งพันล้าน”
“คุณชายหลี่ต้องการทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอครับ?” สีหน้าของหยิ่นเหล่ย เปลี่ยนไปเล็กน้อย
สำหรับหยิ่นเหล่ยแล้ว จัดการแมงป่อง ถือเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะว่าถึงยังไงที่อำเภอหลินแห่งนี้ ปกติแล้วก็มีสองคนที่ควบคุมอยู่ นั่นคือแมงป่อง และพวกเขาตระกูลหยิ่น ดูแล้วเหมือนต่างคนต่างอยู่ แต่ว่า เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนที่เกิดเรื่อง ฝ่ายที่มีชีวิตรอดมาได้ ก็จะกลายเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุด
หลี่ฝางกล่าว: “ฉันไม่ชอบล้อเล่น ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อแมงป่องได้ลงมือกับฉันแล้ว ถ้าหากฉันยังไม่ตอบโต้กลับล่ะก็ จะไม่ทำให้คนคิดว่าฉันกลัวเขาหรอกเหรอ?
“ยิ่งไปกว่านั้น แมงป่องยังใช้ชื่อตระกูลหยิ่นของพวกนายมาทำร้ายฉัน เจตนาแบบนี้……ก็นับได้ว่าไม่ดีมาก ๆ แล้ว”
“ดังนั้น นายช่วยฉันปล่อยข่าวออกไปหน่อยแล้วกัน”
หลี่ฝางกล่าว: “แน่นอน ถ้าหากนายกลัวว่าแมงป่องจะไปหาเรื่องนาย ก็สามารถเลือกที่จะไม่ช่วยฉันได้ แต่ว่า ตอนนี้บนตัวของนายยังแบกรับความน่าสงสัยเอาไว้อยู่นะ”
“ถึงแม้ฉันจะเชื่อว่าตระกูลหยิ่นของนายนั้นบริสุทธิ์ แต่ว่าลุงเฉียนของฉันไม่เชื่อนี่ ทางด้านลุงเฉียนยังคงคิดว่า เป็นตระกูลหยิ่นที่จ่ายเงินให้แมงป่อง แมงป่องถึงได้มาทำร้ายฉัน ดังนั้น นายทำแบบนี้ ก็ถือเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองนะ”
หลี่ฝางยิ้มอ่อน ๆ กล่าว: “นายลองพิจารณาดูเองแล้วกัน หนึ่งพันล้าน ฉันจะเรีบโอนให้นายอย่างเร็วที่สุด”
สีหน้าของหยิ่นเหล่ยเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา: “คุณชายหลี่ เรื่องนี้ ผมตัดสินใจเองไม่ได้ ให้ผมกลับไปถามพ่อของผมก่อนได้ไหมครับ แล้วค่อยให้คำตอบคุณ”
หลี่ฝางพยักหน้า กล่าว: “ไม่ต้องรีบ นายค่อย ๆ คิดดู ยังไม่ซะฉันก็ไม่กลัวที่จะผิดใจกับแมงป่อง ฉันสามารถประกาศให้รางวัลค่าหัวเองได้ แต่ว่าพอถึงเวลานั้น ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหยิ่นและตระกูลหลี่ ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว ฉันหวังว่าพวกเราสองตระกูลจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันต่อไป แต่ว่าทางฝั่งลุงเฉียน เขายืนยันเสียงเดียวว่าพวกนายตระกูลหยิ่นต้องการทำร้ายฉัน เหมือนกับว่าต้องการจะลงโทษะพวกนาย”
หลี่ฝางกล่าวจบ ก็มุดตัวเข้าไปในรถ และสีหน้าของหยิ่นเหล่ย ในตอนนี้เองก็เปลี่ยนเป็นลุกลี้ลุกลนขึ้นมา เขารีบขับรถ พลางโทรหาคุณพ่อของตัวเอง พลางเร่งความเร็วรถขึ้น
เขาจะต้องปรึกษาหารือเรื่องนี้กับคุณพ่อของเขาด้วยตัวเอง
แมงป่องและตระกูลหลี่ พวกเขาจะต้องเลือก และถ้าหากเลือกผิด ตระกูลหยิ่นของพวกเขา จะต้องมีปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน
เดิมที ตระกูลหยิ่นไม่ต้องการที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ว่า คำพูดของหลี่ฝางไม่กี่ประโยค ก็ทำให้ตระกูลหยิ่นต้องเขามาพัวพันด้วย
หลังจากที่หลี่ฝางขึ้นรถ เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาลุงเฉียน: “ลุงเฉียน สิบนาทีหลังจากนี้ ก็สามารถลงมือได้แล้ว”
“ได้ เดี๋ยวฉันจะเริ่มเตรียมการ” ลุงเฉียนพยักหน้า
“ลงมือเบา ๆ ก่อน ถ้าหากภายในครึ่งชั่วโมง หยิ่นเหล่ยยังไม่รับปากผม พอถึงเวลานั้น ค่อยทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บ” หลี่ฝางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
พอวางโทรศัพท์ หลี่ฝางก็ยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ
ที่เมืองเอก ศัตรูของหลี่ฝางเยอะเกินไป หลี่ฝางไม่สามารถนำกำลังคน ข้ามมาต่อกรกับแมงป่องได้ ดังนั้น จึงทำได้เพียงยืมพลังจากภายนอก
พลังที่หนึ่ง ก็คือตระกูลหยิ่น
ที่อำเภอหลินตระกูลหยิ่นมีอิทธิพลสูงมาก ถ้าหากเขาประกาศข่าวรางวัลค่าหัวหนึ่งพันล้านนี้ออกมา ไม่เพียงมีความน่าเชื่อถือสูง อีกทั้งยัง จะทำให้ผู้คนมากมายเข้าใจ ว่าตระกูลหยิ่นและแมงป่อง กำลังแตกหัก
พลังที่สอง เงินหนึ่งพันล้าน สำหรับหลายคนแล้ว นับว่าเป็นจุดตาย
นี่เป็นเงินที่หลาย ๆ ทั้งชีวิตก็หาไม่ได้ มากพอทำให้คนที่อยู่ข้างกายของแมงป่อง ลงมือกับแมงป่องได้ตลอดเวลา
หรือแม้แต่ ทำให้แมงปกต้องใช้ชีวิตอยู่ในอันตราย
แบบนั้น หินก้อนใหญ่ที่ไม่สามารถทำลายได้อย่างแมงป่อง ก็จะเกิดรอยร้าว พอถึงตอนนั้น หลี่ฝางก็สามารถหาโอกาส โต้ตอบเขากลับได้
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที ก็ไม่มีสายจากหยิ่นเหล่ยโทรเข้ามา
โทรศัพท์ของหยิ่นเจิ้ง จู่ ๆ ก็ดังขึ้น เป็นสายโทรเข้าจากคนที่ทำธุรกิจด้วยกันมานาน
“ไอ้หยิ่น ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ สินค้าที่รับปากคุณ จู่ ๆ ก็เกิดปัญหาขึ้นมา ไม่รู้ว่าใครวางเพลิงที่ท่าเรือ ทำให้เรือของผมถูกไฟเผาไปหมด ครั้งนี้ผมเสียหายมหาศาลเลยล่ะ”
“เกรงว่าสินค้าของคุณ ผมต้องส่งมอบให้คุณล่าช้าออกไปครึ่งเดือน คุณดู นั่น……”
หยิ่นเจิ้งสีหน้าเคร่งขรึมลงมา แต่ปากกลับหัวเราะพลางกล่าว: “ไปพูดถึงเงินค่าปรับทำไม พวกเราทำธุรกิจกันมาตั้งนาน เกิดเรื่องขึ้นกับคุณ ผมยังจะเอาน้ำมันไปราดกองไฟอีกเหรอ? ล่าช้าครึ่งเดือน ก็ล่าช้าครึ่งเดือนเถอะ”
ฝั่งตรงข้ามแสดงถึงความเสียใจอยู่ไม่หยุด แต่ภายในใจของหยิ่นเจิ้ง กลับรู้สึกผิดอย่างสุดขีด
คนที่จัดหาสินค้าให้ตัวเองจู่ ๆ ก็เกิดเรื่องขึ้น หยิ่นเจิ้งนึกไปถึงตระกูลหลี่ในทันที หยิ่นเจิ้งรู้ว่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะตัวเอง เรือของซัพพลายเออร์ของตัวเอง ก็คงไม่ถูกคนจุดไฟเผา
“คุณพ่อครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” หยิ่นเหล่ยเอ่ยถาม
หยิ่นเจิ้งกล่าว: “เกิดเรื่องขึ้นกับเรือสินค้าของอาหวางของแก เหล้าฝรั่งที่เขาขนเข้ามาจากต่างประเทศ ถูกเผาไปจนหมด”
“อ๊ะ? ทำไมจู่ ๆ ก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นล่ะครับ……?
“จะต้องเป็นตระกูลหลี่ที่ลงมือแน่” หยิ่นเจิ้งกล่าว
ทันใดนั้นหยิ่นเหล่ยก็พลันนึกขึ้นมาได้ กล่าว: “ใช่แล้ว พ่อครับ วันนี้คนรักคนนั้นของอาหวาง ดูเหมือนว่าได้ล่วงเกินคุณชายหลี่ จะต้องเป็นเพราะคุณชายหลี่ยังไม่หายโกรธ ดังนั้น……คุณชายหลี่กำลังยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นอกจากจะระบายอารมณ์ให้ตัวเอง แล้วยังเป็นการเตือนพวกเรา ตอนนี้ พวกเราเองก็ได้สูญเสียเงินไปจำนวนหนึ่ง”
“เกรงว่า นี่จะเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น”
หยิ่นเจิ้งมองดูสายที่ไม่ได้รับบนโทรศัพท์ของตัวเอง จู่ ๆ หัวใจก็สั่นสะท้านขึ้นมา