NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่709 รางวัลค่าหัวหนึ่งพันล้าน

บทที่709 รางวัลค่าหัวหนึ่งพันล้าน

สาวหน้าพิมพ์นิยมที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าอย่างดีใจขึ้นมาทันที: “ดีสิ ดีสิ ขอบคุณจริง ๆ นะคุณชายหลี่!”

ณ ตอนนี้ สาวหน้าพิมพ์นิยมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า หยิ่นเหล่ยบ่อเงินบ่อทองของตัวเองนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ฝาง ไม่คู่ควแก่การพูดถึงเลยสักนิด

และยิ่งฟังไม่ออกว่า ที่หลี่ฝางพูดนั้นมีความหมายในทางกลับกัน

เธอยังคงคิดว่า หลี่ฝางได้เห็นแก่หน้าหยิ่นเหล่ยจริง ๆ จะเอาชุดที่เหยนเสี่ยวน่าสวมอยู่ มาให้เธอ

“เสี่ยวน่า ในเมื่ออีกฝ่ายกล้าใส่ งั้นเธอก็ถอดออกมาให้หล่อนเถอะ” หลี่ฝางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก รอยยิ้มค่อย ๆ แข็งทื่อลงมา

“คุณชายหลี่คะ ขอบคุณที่เห็นแก่หน้าที่รักของฉันนะคะ เอาอย่างนี้ดีไหม เดี๋ยววันนี้พวกเราเป็นเจ้ามือ เชิญพวกคุณทานอาหารว่าง?” สาวหน้าพิมพ์นิยมทำท่าที่ต้องการคบค้าสมาคมด้วย จ้องมองหลี่ฝาง

ส่วนสีหน้าของหยิ่นเหล่ย ณ ตอนนี้ ยิ่งหม่นหมองขึ้นกว่าเดิม เขาหันหน้า มองไปที่สาวหน้าพิมพ์นิยม: “นังสารเลวนี่ ฉันไว้หน้าเธอมากไปใช่ไหม?”

เสี่ยงเพี๊ยะดังขึ้นหนึ่งครั้ง ฝ่ามือของหยิ่นเหล่ย ตบเข้าที่หน้าของสาวหน้าพิมพ์นิยมเต็ม ๆ

ชั่ววินาทีนั้นเอง สาวหน้าพิมพ์นิยมถูกตบจนถึงกับงง

จากนั้น ฝ่ามือของหยิ่นเหล่ยก็ตบลงไปบนหน้าของสาวหน้าพิมพ์นิยมอีกครั้ง: “เธอเป็นตัวอะไร กระโปรงที่เกรดสูงแบบนี้ อย่างเธอมีค่าพอที่จะใส่เหรอ?”

หลี่ฝางเห็นแกหน้าหยิ่นเหล่ย แล้วหยิ่นเหล่ยกล้ารับเอาไว้ไหม?

ชัดเจนว่าไม่กล้า

หยิ่นเหล่ยหันน้ากลับมา แล้วเอ่ยกับหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ ต้องขอโทษด้วยจริงนะครับ นังสารเลวนี่ไม่รู้ความ ผมจะต้องสั่งสอนเธอให้หนักอย่างแน่นอน”

“ของแบบนี้นายก็ยังกินลง หยิ่นเหล่ย รสนิยมของนาย มันช่างแย่จริง ๆ เลย”

หลี่ฝางส่ายหน้า: “นายว่านายเอาผู้หญิงแบบนี้มาไว้ข้างกาย ต่อไป พวกเราจะเป็นเพื่อนกันได้ยังไง ตอนที่นายยังไม่เข้ามา หล่อนเหน็บแนมเยาะเย้ยฉันไปยกใหญ่เลยล่ะ”

“คุณชายหลี่ ผมตาบอดไป หลังจากนี้ถ้าผมจะหาผู้หญิงอีก จะต้องเช็ดดวงตาให้สว่างก่อนอย่างแน่นอน” ในขณะที่พูด หยิ่นเหล่ยก็ถลึงตาใส่สาวหน้าพิมพ์นิยมอย่างหนั้น

“ช่างเหอะ ฉันไม่สนใจกับนายแล้ว” หลี่ฝางกล่าวจบ ก็มองไปที่เสี่ยวถง: “เสื้อผ้าห่อเสร็จเรียบร้อยหรือยัง?”

“ใกล้แล้วค่ะ”

เสี่ยวถงจัดเสื้อผ้าใส่ถุงไป พลางเอ่ยถามหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่คะ เสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ เดี๋ยวดิฉันหาคนมาช่วยยกลงไปให้คุณดีไหมคะ?”

“หรือไม่ก็บอกกับดิฉันว่าคุณพักอยู่ที่ไหน เดี๋ยวดิฉันให้คนเอาไปส่ง”

เสี่ยวถงกล่าวอย่างรู้ความ

หลี่ฝางส่ายหน้า กล่าว: “ไม่ต้องหรอก เสื้อผ้าไม่กี่ตัวเอง พวกเราถือลงไปเองก็ได้”

ในขณะที่เสี่ยวถงยื่นเสื้อผ้าให้คุณชายหลี่ หยิ่นเหล่ยก็รีบรับมาทันที: “คุณชายหลี่ครับ ตอนนี้ไม่มีธุระอะไรพอดี เดี๋ยวผมช่วยถือให้นะครับ และถือโอกาสพาคุณเดินดูสักหน่อย ถ้าต้องการซื้ออะไรอีก ผมจะไม่คิดเงินคุณสักบาทเลย”

“มีผมไปกับคุณ รับรองได้ว่าจะไม่มีใครกล้ามาทำให้คุณรู้สึกอึดอัดอีก” หยิ่นเหล่ยหัวเราะแหะๆ

เสี่ยวถงกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ คุณชายผู้สูงส่งอย่างหยิ่นเหล่ย เสนอตัวเป็นคนถือกระเป๋าให้คนอื่น?

ทั้งยังเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกัน

เสี่ยวถงอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา ที่มาของหลี่ฝาง แท้จริงแล้วยิ่งใหญ่เพียงใด?

สาวหน้าพิมพ์นิยมและหยู่ชิง ณ เวลานี้เสียใจและเสียดายสุดๆ

เพียงเพราะดูถูกเยาะเย้ยหลี่ฝางไม่กี่คำ ชาตินี้ของพวกเธอ นับว่าพังแล้ว

อย่างน้อยอยู่ที่อำเภอหลินแห่งนี้ พวกเธอได้เสียโอกาสเข้าประจบพวกมีอิทธิพลไปโดยสิ้นเชิง

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเธอยังเป็นกังวล ว่าหลังจากเรื่องนี้แล้ว หลี่ฝางจะแก้แค้นพวกเธอต่อไปหรือไม่?

เพราะว่าพวกคุณชายผู้ดีส่วนมาก ความต้องการในการแก้แค้นนั้นสูงมาก ก่อนหน้านี้ในแวดวงสังคมของพวกเธอ มีผู้หญิงคนหนึ่งทำให้คุณชายผู้ดีคนหนึ่งโกรธ ถูกคุณชายผู้ดีพาไปที่KTV และถูกซ้อมจนแทบไม่มีชีวิตรอด

ใบหน้าบวมปูด ถูกซ้อมจนฝันร่วงหมดปาก

จากสาวสวยหน้าตาดีคนหนึ่ง กลายเป็นหญิงสาวหน้าตาอัปลักษณ์ไปในชั่วพริบตา

หลังจากที่หลี่ฝางออกมาจากห้างสรรพสินค้า เขามองไปที่หยิ่นเหล่ย แล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา: “เหอะ ๆ หยิ่นเหล่ย ฉันล่ะนับถือนายจริง ๆ เลย ทั้ง ๆ ที่ฉันซ้อมนายจนใช้งานไม่ได้ นายไม่เพียงปล่อยวางความแค้นระหว่างเราสองคนลงได้ แถมยังมาเอาอกเอาใจฉันอีก”

การควบคุมอารมณ์ของหยิ่นเหล่ย ณ เวลานี้ทำให้หลี่ฝางรู้สึกนับถือขึ้นมาเล็กน้อย

แน่นอน ในขณะที่นับถือ หลี่ฝางก็รู้สึกกลัวบ้างอยู่เหมือนกัน

เพราะว่าคนคนหนึ่งยิ่งมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์มากเท่าไหร่ ในอนาคตถ้ามีโอกาสแก้แค้นเมื่อไหร่ ก้จะยิ่งโหดเหี้ยมอำมหิต

หยิ่นเหล่ยยิ้ม แล้วกล่าว: “ถ้าหากตระกูลหยิ่นต้องการเจริญก้าวหน้า ต่อไปยังต้องพึ่งพาตระกูลหลี่อีกเยอะเลย”

“ผมยังหวังว่าในอนาคตถ้าคุณชายหลี่มีธุรกิจทำเงินอะไร อย่าลืมบอกผมด้วยสักคำ” หยิ่นเหล่ยหัวเราะแหะ ๆ

หลี่ฝางพยักหน้า กล่าว: “มีสิ เยอะเลยแหละ หรือว่าพวกเราจะร่วมมือกันตอนนี้เลยดีไหม?”

“ทั้งหมดล้วนเป็นโปรเจกมูลค่านับพันล้าน ทั้งยังทำง่ายอีกด้วย หรือไม่งั้น ฉันเอาพวกมันให้นายหมดเลย?” หลี่ฝางเลิกคิ้วถาม

หยิ่นเหล่ยแววตาเปล่งปประกายขึ้นมา จ้องมองหลี่ฝางแล้วถาม: “คุณชายหลี่ งั้นคุณรีบพูดมา ธุรกิจอะไรถึงได้หาเงินง่ายขนาดนั้น?”

“ผิดกฎหมายนิดหน่อยนะ” หลี่ฝางกล่าว

“เหอะ ๆ สมัยนี้ ขอเพียงแค่ได้เงินก็พอ คุณดุแมงป่องสิ หลายปีมานี้เขาหาเงินได้ไม่น้อยเลย ผมแค่อยากจะถามว่า ความเสี่ยงสูงไหม? ถ้าหากไม่สูง ผมจะลองดูก็ได้” หยิ่นเหล่ยกล่าว

ถึงแม้หยิ่นเหล่ยจะเป็นคุณชายใหญ่ของบริษัท แต่เงินในมือที่สามารถนำมาใช้ได้ กลับน้อยมาก

หลี่ฝางพยักหน้า กล่าว: “จริง ๆ แล้วความเสี่ยงก็ไม่นับว่าสูง นายไปหาคนมาทำก็ได้นี่ ใช่ไหม?”

“ถ้างั้นคุณชายหลี่ พวกเราหาสถานที่สักที่ คุยกันดี ๆ ดีไหมครับ?” บนใบหน้าของหยิ่นเหล่ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ

หลี่ฝางส่ายหน้า กล่าว: “ไม่ต้องหรอก คุยอยู่ที่นี่ก็ได้แล้ว แต่คำพูดไม่กี่ประโยคเอง”

“ทั้งหมดเป็นงานมูลค่าสี่พันล้าน อย่างที่หนึ่ง แมงป่อง ขอเพียงแค่นายสามารถจัดการเขาได้ ฉันให้นายหนึ่งพันล้าน อีกสามอย่าง แบ่งเป็นมู่เสี่ยวไป๋ มู่หรงฉางเฟิง และยังมีซือถูเฟย ทั้งสามคนนี้ หัวของแต่ละคน มูลค่าหนึ่งพันล้าน นายลองดู ว่านายสามารถจัดการใครได้บ้าง แล้วนายบอกฉันสักคำ ฉันจะโอนเงินมัดจำให้นายก่อน” หลี่ฝางกล่าวพลางหัวเราะเอิ๊กอ๊าก

พูดจบ ใบหน้าของหยิ่นเหล่ย ก็ปรากฏแววความไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย หลี่ฝางกำลังล้อเล่นกับเขาอยู่ชัด ๆ

“หนึ่งพันล้านเชียวนะ นายแค่แบ่งออกมาสักร้อยล้าน ก็สามารถหาพวกเดนตาย ให้ช่วยนายไปทำเรื่องพวกนี้ ฆ่าหนึ่งคน นายก็จะได้รับผลประโยชน์ตั้งเก้าร้อยล้านแน่ะ นี่นับว่าเป็นธุรกิจทำเงินที่ดีไหมล่ะ?” หลี่ฝางตบไหล่หยิ่นเหล่ยพลางกล่าว

สีหน้าของหยิ่นเหล่ยดำคล้ำ ถึงแม้คำพูดของหลี่ฝางจะพอมีเหตุผลบ้าง หลี่ฝางให้เขาหนึ่งพันล้าน เขาเอาออกมาสักหนึ่งร้อยล้าน ก็หามารถหาคนมาทำงานนี้ได้

แต่ว่า ทั้งสี่คนนี้ มีใครบ้างที่เป็นคนไม่มีฐานะในสังคม?

ฆ่าแมงป่อง แล้วคนของแมงป่อง จะปล่อยเขาไว้เหรอ?

เกรงว่าตระกูลหยิ่นทั้งหมด คงต้องถูกเขาลากเข้ามาเสี่ยงด้วย ส่วนมู่เสี่ยวไป๋ ซือถูเฟย มู่หรงฉางเฟิงทั้งสามคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ความเสี่ยงสูงมากเกินไป สูงจนหยิ่นเหล่ยไม่กล้าแม้แต่จะคิด

หยิ่นเหล่ยส่ายหน้า กล่าว: “คุณชายหลี่ชอบล้อเล่นจริง ๆ เลยนะครับ”

“ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันจริงจัง” หลี่ฝางกล่าว: “นายช่วยฉันปล่อยข่าวออกไป ใครสามารถฆ่าแมงป่องได้ ฉันจะจ่ายให้เขาหนึ่งพันล้าน”

“คุณชายหลี่ต้องการทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอครับ?” สีหน้าของหยิ่นเหล่ย เปลี่ยนไปเล็กน้อย

สำหรับหยิ่นเหล่ยแล้ว จัดการแมงป่อง ถือเป็นเรื่องที่ไม่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย

เพราะว่าถึงยังไงที่อำเภอหลินแห่งนี้ ปกติแล้วก็มีสองคนที่ควบคุมอยู่ นั่นคือแมงป่อง และพวกเขาตระกูลหยิ่น ดูแล้วเหมือนต่างคนต่างอยู่ แต่ว่า เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนที่เกิดเรื่อง ฝ่ายที่มีชีวิตรอดมาได้ ก็จะกลายเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุด

หลี่ฝางกล่าว: “ฉันไม่ชอบล้อเล่น ยิ่งไปกว่านั้นในเมื่อแมงป่องได้ลงมือกับฉันแล้ว ถ้าหากฉันยังไม่ตอบโต้กลับล่ะก็ จะไม่ทำให้คนคิดว่าฉันกลัวเขาหรอกเหรอ?

“ยิ่งไปกว่านั้น แมงป่องยังใช้ชื่อตระกูลหยิ่นของพวกนายมาทำร้ายฉัน เจตนาแบบนี้……ก็นับได้ว่าไม่ดีมาก ๆ แล้ว”

“ดังนั้น นายช่วยฉันปล่อยข่าวออกไปหน่อยแล้วกัน”

หลี่ฝางกล่าว: “แน่นอน ถ้าหากนายกลัวว่าแมงป่องจะไปหาเรื่องนาย ก็สามารถเลือกที่จะไม่ช่วยฉันได้ แต่ว่า ตอนนี้บนตัวของนายยังแบกรับความน่าสงสัยเอาไว้อยู่นะ”

“ถึงแม้ฉันจะเชื่อว่าตระกูลหยิ่นของนายนั้นบริสุทธิ์ แต่ว่าลุงเฉียนของฉันไม่เชื่อนี่ ทางด้านลุงเฉียนยังคงคิดว่า เป็นตระกูลหยิ่นที่จ่ายเงินให้แมงป่อง แมงป่องถึงได้มาทำร้ายฉัน ดังนั้น นายทำแบบนี้ ก็ถือเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองนะ”

หลี่ฝางยิ้มอ่อน ๆ กล่าว: “นายลองพิจารณาดูเองแล้วกัน หนึ่งพันล้าน ฉันจะเรีบโอนให้นายอย่างเร็วที่สุด”

สีหน้าของหยิ่นเหล่ยเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา: “คุณชายหลี่ เรื่องนี้ ผมตัดสินใจเองไม่ได้ ให้ผมกลับไปถามพ่อของผมก่อนได้ไหมครับ แล้วค่อยให้คำตอบคุณ”

หลี่ฝางพยักหน้า กล่าว: “ไม่ต้องรีบ นายค่อย ๆ คิดดู ยังไม่ซะฉันก็ไม่กลัวที่จะผิดใจกับแมงป่อง ฉันสามารถประกาศให้รางวัลค่าหัวเองได้ แต่ว่าพอถึงเวลานั้น ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหยิ่นและตระกูลหลี่ ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว ฉันหวังว่าพวกเราสองตระกูลจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันต่อไป แต่ว่าทางฝั่งลุงเฉียน เขายืนยันเสียงเดียวว่าพวกนายตระกูลหยิ่นต้องการทำร้ายฉัน เหมือนกับว่าต้องการจะลงโทษะพวกนาย”

หลี่ฝางกล่าวจบ ก็มุดตัวเข้าไปในรถ และสีหน้าของหยิ่นเหล่ย ในตอนนี้เองก็เปลี่ยนเป็นลุกลี้ลุกลนขึ้นมา เขารีบขับรถ พลางโทรหาคุณพ่อของตัวเอง พลางเร่งความเร็วรถขึ้น

เขาจะต้องปรึกษาหารือเรื่องนี้กับคุณพ่อของเขาด้วยตัวเอง

แมงป่องและตระกูลหลี่ พวกเขาจะต้องเลือก และถ้าหากเลือกผิด ตระกูลหยิ่นของพวกเขา จะต้องมีปัญหาใหญ่อย่างแน่นอน

เดิมที ตระกูลหยิ่นไม่ต้องการที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ว่า คำพูดของหลี่ฝางไม่กี่ประโยค ก็ทำให้ตระกูลหยิ่นต้องเขามาพัวพันด้วย

หลังจากที่หลี่ฝางขึ้นรถ เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาลุงเฉียน: “ลุงเฉียน สิบนาทีหลังจากนี้ ก็สามารถลงมือได้แล้ว”

“ได้ เดี๋ยวฉันจะเริ่มเตรียมการ” ลุงเฉียนพยักหน้า

“ลงมือเบา ๆ ก่อน ถ้าหากภายในครึ่งชั่วโมง หยิ่นเหล่ยยังไม่รับปากผม พอถึงเวลานั้น ค่อยทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บ” หลี่ฝางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

พอวางโทรศัพท์ หลี่ฝางก็ยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ

ที่เมืองเอก ศัตรูของหลี่ฝางเยอะเกินไป หลี่ฝางไม่สามารถนำกำลังคน ข้ามมาต่อกรกับแมงป่องได้ ดังนั้น จึงทำได้เพียงยืมพลังจากภายนอก

พลังที่หนึ่ง ก็คือตระกูลหยิ่น

ที่อำเภอหลินตระกูลหยิ่นมีอิทธิพลสูงมาก ถ้าหากเขาประกาศข่าวรางวัลค่าหัวหนึ่งพันล้านนี้ออกมา ไม่เพียงมีความน่าเชื่อถือสูง อีกทั้งยัง จะทำให้ผู้คนมากมายเข้าใจ ว่าตระกูลหยิ่นและแมงป่อง กำลังแตกหัก

พลังที่สอง เงินหนึ่งพันล้าน สำหรับหลายคนแล้ว นับว่าเป็นจุดตาย

นี่เป็นเงินที่หลาย ๆ ทั้งชีวิตก็หาไม่ได้ มากพอทำให้คนที่อยู่ข้างกายของแมงป่อง ลงมือกับแมงป่องได้ตลอดเวลา

หรือแม้แต่ ทำให้แมงปกต้องใช้ชีวิตอยู่ในอันตราย

แบบนั้น หินก้อนใหญ่ที่ไม่สามารถทำลายได้อย่างแมงป่อง ก็จะเกิดรอยร้าว พอถึงตอนนั้น หลี่ฝางก็สามารถหาโอกาส โต้ตอบเขากลับได้

หลังจากนั้นประมาณสิบนาที ก็ไม่มีสายจากหยิ่นเหล่ยโทรเข้ามา

โทรศัพท์ของหยิ่นเจิ้ง จู่ ๆ ก็ดังขึ้น เป็นสายโทรเข้าจากคนที่ทำธุรกิจด้วยกันมานาน

“ไอ้หยิ่น ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ สินค้าที่รับปากคุณ จู่ ๆ ก็เกิดปัญหาขึ้นมา ไม่รู้ว่าใครวางเพลิงที่ท่าเรือ ทำให้เรือของผมถูกไฟเผาไปหมด ครั้งนี้ผมเสียหายมหาศาลเลยล่ะ”

“เกรงว่าสินค้าของคุณ ผมต้องส่งมอบให้คุณล่าช้าออกไปครึ่งเดือน คุณดู นั่น……”

หยิ่นเจิ้งสีหน้าเคร่งขรึมลงมา แต่ปากกลับหัวเราะพลางกล่าว: “ไปพูดถึงเงินค่าปรับทำไม พวกเราทำธุรกิจกันมาตั้งนาน เกิดเรื่องขึ้นกับคุณ ผมยังจะเอาน้ำมันไปราดกองไฟอีกเหรอ? ล่าช้าครึ่งเดือน ก็ล่าช้าครึ่งเดือนเถอะ”

ฝั่งตรงข้ามแสดงถึงความเสียใจอยู่ไม่หยุด แต่ภายในใจของหยิ่นเจิ้ง กลับรู้สึกผิดอย่างสุดขีด

คนที่จัดหาสินค้าให้ตัวเองจู่ ๆ ก็เกิดเรื่องขึ้น หยิ่นเจิ้งนึกไปถึงตระกูลหลี่ในทันที หยิ่นเจิ้งรู้ว่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะตัวเอง เรือของซัพพลายเออร์ของตัวเอง ก็คงไม่ถูกคนจุดไฟเผา

“คุณพ่อครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?” หยิ่นเหล่ยเอ่ยถาม

หยิ่นเจิ้งกล่าว: “เกิดเรื่องขึ้นกับเรือสินค้าของอาหวางของแก เหล้าฝรั่งที่เขาขนเข้ามาจากต่างประเทศ ถูกเผาไปจนหมด”

“อ๊ะ? ทำไมจู่ ๆ ก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นล่ะครับ……?

“จะต้องเป็นตระกูลหลี่ที่ลงมือแน่” หยิ่นเจิ้งกล่าว

ทันใดนั้นหยิ่นเหล่ยก็พลันนึกขึ้นมาได้ กล่าว: “ใช่แล้ว พ่อครับ วันนี้คนรักคนนั้นของอาหวาง ดูเหมือนว่าได้ล่วงเกินคุณชายหลี่ จะต้องเป็นเพราะคุณชายหลี่ยังไม่หายโกรธ ดังนั้น……คุณชายหลี่กำลังยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นอกจากจะระบายอารมณ์ให้ตัวเอง แล้วยังเป็นการเตือนพวกเรา ตอนนี้ พวกเราเองก็ได้สูญเสียเงินไปจำนวนหนึ่ง”

“เกรงว่า นี่จะเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น”

หยิ่นเจิ้งมองดูสายที่ไม่ได้รับบนโทรศัพท์ของตัวเอง จู่ ๆ หัวใจก็สั่นสะท้านขึ้นมา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท