NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่718 คนชักใยแมงป่อง

บทที่718 คนชักใยแมงป่อง

จู่ๆแมงป่องก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

เรื่องลอบแทงของไอ้หน้าหนวด เป็นแมงป่องที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ยังต้องสืบกันต่อไป

ที่หยิ่นเจิ้งกลัวแล้วก็กังวลยิ่งกว่าก็คือ ทำไมแมงป่องถึงได้รู้ที่ซ่อนของลูกชายเขา?

เมื่อกี๊หยิ่นเจิ้งจำได้แม่นว่าตอนแรกแมงป่องตั้งใจจะกลับไปแล้ว แต่จู่ๆเขาก็ได้รับข้อความ จากนั้นก็เจอตัวลูกชายเขา

หยิ่นเจิ้งแหงนหน้ามองเสี่ยวถิงแว๊บนึง

เสี่ยวถิงก็รู้สึกผวาขึ้นมาทันที “ประธานหยิ่น ทำมองผมด้วยสายตาแบบนั้นล่ะครับ? คุณคงไม่ได้กำลังสงสัยผมหรอกใช่ไหมครับ?”

หยิ่นเจิ้งส่ายหน้า “ฉันจะสงสัยนายได้ยังไง? นายรู้ความลับของฉันทุกอย่าง ถ้าจะหักหลังฉันจริง ฉันคงตายไปนานแล้ว”

“เพียงแต่ ห้องลับในห้องทำงานฉัน นอกจากนายก็มีแต่เราสองพ่อลูกที่รู้”

“แล้วแมงป่องมันรู้ได้ยังไง?”

หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว “นายได้บอกความลับนี่ให้ใครรู้หรือเปล่า?”

เสี่ยวถิงส่ายหน้าหนักแน่น “ไม่มีครับ ไม่มีแน่นอน แม้แต่ภรรยาของผมก็ยังไม่รู้เรื่องนี้”

“งั้นก็แปลกแล้วล่ะ หมอนั่นรู้ได้ยังไง?” หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว สีหน้าราวกับเห็นผี

หยิ่นเหล่ยมองพ่อตัวเองแล้วถาม “พ่อ ผมจะทำยังไงดี? แมงป่องมันไม่ปล่อยผมแน่”

ในชั่วแว๊บนึงตอนนั้น หยิ่นเหล่ยอยากจะละทิ้งแม่ตัวเองแล้วให้ความร่วมมือกับแมงป่องซะ

เวลานี้หยิ่นเหล่ยชักกลัวขึ้นมาจริงๆ

“ไมต่องตระหนก ฉันไม่ยอมให้แมงป่องมาทำอะไรแกหรอก” หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว

หยิ่นเจิ้งมองลูกชายที่ไม่ไหนของตัวเองแล้วถอนหายใจ

“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เกินความคาดหมายไปมาก ขนาดที่ทำแผนของฉันพังเละไม่เป็นท่า ตอนแรกฉันพอจะเอาแมงป่องอยู่ ยังคิดไปถึงขั้นจะลงมือด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้…ตระกูลหลี่ของเราตัดสัมพันธ์กับแมงป่องอย่างไม่เหลือชิ้นดี”

“เมื่อกี๊นี้ทั้งที่แมงป่องสามารถลากฉันกับเสี่ยวถิงเข้าตารางได้สบายๆ แต่เขากลับไม่ทำ แสดงว่าเขาคงกะจะใช้วิธีของเขามาแก้แค้นเรา” หยิ่นเจิ้งถอนหายใจพูด

จ้าวโหย่วฉายรีบพูดขึ้น “ต้องการให้ฉันช่วยอะไรก็แค่บอกมา นายเคยช่วยฉันไว้ไม่น้อย ตอนนี้นายลำบากฉันก็จะไม่ยอมนั่งดูอยู่เฉยๆ”

“หอพักในเขตโรงเรียนของตระกูลเรา ก็เป็นนายที่ยื่นมือเข้ามาช่วย” จ้าวโหย่วฉายพูด

หยิ่นเจิ้งมองจ้าวโหย่วฉายด้วยความรู้สึกปลื้มใจ “เอาไว้ก่อนเถอะ ถ้าพี่ช่วยผมตั้งแต่เริ่มต้น ก็เท่ากับว่าผมกลัวแมงป่องยิ่งไปกว่านั้นคือบ่งบอกว่าผมสู้เขาไม่ได้”

“ที่ผ่านมานายไม่ใช่คนที่ชอบใช้กำลังใช้อารมณ์ ครั้งนี้นายเป็นอะไรไป?” จ้าวโหย่วฉายมองหน้าหยิ่นเจิ้ง ถามอย่างแปลกใจ

หยิ่นเจิ้งในตอนนี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

แต่หยิ่นเจิ้งกลับพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “ผมก้มหัวยอมมากเกินไป แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นอย่างพี่ก็ยังคิดว่าผมมันคนไม่เอาไหน”

“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น” จ้าวโหย่วฉายรีบอธิบาย

“ที่พี่พูดก็ไม่ผิด ที่ผ่านมาผมไม่ใช่คนชอบใช้ความรุนแรงจริงๆ ผมเป็นนักธุรกิจในหัวก็คิดแค่เรื่องเงิน แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันบีบบังคับ เมียของผมก็โดนจับเป็นตัวประกันส่วนลูกชายก็กลายเป็นเป้าโจมตีของคนอื่น ถ้าผมยังทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ตระกูลหยิ่นก็คงมาถึงจุดจบแล้ว”

เวลานี้ทั้งเมียและลูกล้วนต้องการให้เขาปกป้อง

หยิ่นเจิ้งหัวเราะหึ “พี่จ้าว ช่วยคุ้มกันลูกชายผมสักสองสามวันแล้วกัน”

“หยิ่นเหล่ยหรอ?”

จ้าวโหย่วฉายมองหยิ่นเหล่ย “เขาต้องการคนคอยปกป้องจริงๆ วางใจเถอะ เดี๋ยวกลับไปฉันจะส่งลูกน้องฝีมือดีมาคอยคุ้มกันความปลอดภัยของหยิ่นเหล่ย”

“ไม่ ผมหมายถึงให้ลูกผมไปอยู่บ้านพี่สักสองสามวัน ลูกผมกับลูกพี่ไม่ได้เจอกันตั้งนานพอดีเลยใช่ไหมล่ะ? สองวันนี้ก็ให้พี่ชายน้องชายเขาได้ผูกมิตรกันหน่อย” หยิ่นเจิ้งพูด

จ้าวโหย่วฉายนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตกลง

บ้านของจ้าวโหย่วฉายไม่ได้ใหญ่ แค่ห้องนอนสองห้อง กับห้องรับแขกห้องนึง แถมยังเป็นบ้านที่หยิ่นเจิ้งขายให้ในราคาพิเศษ

แต่แน่นอนว่าเดิมทีหยิ่นเจิ้งตั้งใจจะยกวิลล่าหลังใหญ่ให้ฟรีๆ แต่จ้าวโหย่วฉายจะกล้ารับได้ยังไง?

จ้าวโหย่วฉายก็ไม่ได้โง่ ถ้าเขารับวิลล่าจากหยิ่นเจิ้ง ก็เท่ากับเขาลงเรือลำเดียวกับหยิ่นเจิ้งอย่างถาวร

“หยิ่นเหล่ย กลับไปกับคุณอาจ้าวเถอะ” หยิ่นเจิ้งมองหน้าลูกชาย

หยิ่นเจิ้งร้องเสียงหลงทีนึง สีหน้าไม่ค่อยดีนัก “พ่อ ทำไมไม่ให้คุณอาจ้าวกับพี่กังมาที่บ้านเราแทนล่ะ ยังไงบ้านเราก็มีห้องว่างตั้งเยอะ ให้พวกเขาพักคนละห้องก็ได้แล้วนี่นา”

หยิ่นเหล่ยรู้ว่าถ้าไปที่บ้านจ้าวโหย่วฉาย คงไม่พ้นต้องไปนอนเบียดเตียงเดียวกับลูกชายเขา

หยิ่นเหล่ยถูกเลี้ยงมาแบบประคบประหงม เขาย่อมรู้สึกอึดอัดถ้าต้องทำแบบนั้น

“แกไม่คิดหน่อยว่าคุณอาจ้าวเป็นใคร ให้เขามาอยู่บ้านเราเหมาะสมที่ไหน? ฉันกับคุณอาจ้าวเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้น ไม่ใช่ญาติสักหน่อย”

หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว “มีแค่บ้านคุณอาจ้าวเท่านั้นที่ปลอดภัยที่สุด จำไว้ให้ดี สองวันนี้ถ้าฉันไม่อนุญาตแกก็ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”

“นอกจากว่าคุณอาจ้าวจะไปด้วย แกถึงจะออกไปได้ เข้าใจไหม?” หยิ่นเจิ้งพูด

ต่อให้หยิ่นเหล่ยจะใจกล้าขนาดไหน ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของคนเป็นพ่อ

ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างไม่ปกติ

“จริงสิ เอาเบอร์คุณชายหลี่ให้ฉัน” ตอนที่หยิ่นเหล่ยกำลังจะออกไป หยิ่นเจิ้งก็พูดขึ้น

หลังจากที่หยิ่นเหล่ยตามจ้าวโหย่วฉายลงมาจากตึก หลี่ฝางจึงสตาร์ทรถแล้วขับออกไป

“เหอะๆ ไอ้หยิ่นเจิ้งตาแก่เจ้าเล่ห์นี่มันร้ายจริงๆ มีจ้าวโหย่วฉายตามประกบหยิ่นเหล่ยซะขนาดนั้น ต่อให้คนของแมงป่องจะบ้าบิ่นขนาดไหนก็คงไม่กล้าทำอะไรหรอกมั้ง?” ไอ้หน้าหนวดนั่งข้างเบาะคนขับแค่นหัวเราะ

หลี่ฝางพยักหน้า “ทางพี่สะใภ้เป็นไงบ้าง?”

“ออกจากอำเภอหลิน เข้าเมืองเอกแล้วครับ มีคนมารับเธอไปแล้ว ไม่ต้องห่วงพวกคุณนายครับ” ไอ้หน้าหนวดหัวเราะหึ “สามปีที่แล้วเขาหนีรอดมาได้ ในสถานการณ์จิ๊บจ้อยแค่นี้ เขารับมือได้สบาย”

“ผมได้ยินข้างบ้านบอกว่าบ้านเราถูกวางระเบิดสาเหตุเพราะก๊าซรั่ว ผมคิดว่าต้องเป็นฝีมือคนของแมงป่องแน่ ตอนนี้ตัวตนของผมถูกเปิดเผยในอำเภอหลินแล้ว คงทำได้แค่กลับเมืองเอก”

ไอ้หน้าหนวดส่ายหัว “ใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆในอำเภอหลินมาสามปี เอาเข้าใจก็รู้สึกทำใจไม่ได้อยู่เหมือนกันครับ”

“แล้วที่สถานตากอากาศเป็นยังไงบ้าง? ตระกูลลู่ยังมาวอแวอีกไหม?” หลี่ฝางขมวดคิ้วถาม

“ถ้าบอกว่าคุณคงจะไม่เชื่อ ระยะนี้มันเงียบสงบมาก มากจนผิดปกติ เรื่องที่ท่านลู่ถูกเราจับขังไว้ในสถานตากอากาศใครๆก็รู้ แต่กลับไม่มีใครมาประมือกับเราสักคน ปัญหาอะไรก็ไม่มีสักนิด”

ไอ้หน้าหนวดพูด “ไม่งั้นผมเองก็คงไม่มีเวลามาช่วยคุณงานนี้เหมือนกัน”

“เป็นแบบบนั้นได้ยังไง? ไหนบอกว่านับวันก็มีแต่ศัตรูอยากจะบุกเข้าไปในสถานตากอากาศไม่ใช่หรอ?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว “จะบอกว่าพวกมันตั้งใจจะปล่อยท่านลูกหรือไง?”

“ลุงเฉียนเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อสามปีก่อนระหว่างทางที่พวกเราหนีตาย ประมือกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมาก็ไม่น้อย คนพวกนั้นถ้าร่วมมือกันขึ้นมา เกรงว่าสถานตากอากาศคงรับมือได้ยาก”

ไอ้หน้าหนวดส่ายหัว “ไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนั้นถึงไม่โผล่หน้ามาเลยสักคน”

“แล้วโหจื่อล่ะ? ในเมื่อสถานตากอากาศไม่มีเรื่องอะไร งั้นส่งเขามาช่วยฉันก็ดี” หลี่ฝางพูด

ตอนนี้ส้าวส้วยไม่อยู่ งั้นโหจื่อก็นับว่าเป็นลูกมือที่ฝีมือดีที่สุด

ถ้าโหจื่อมา หลี่ฝางก็ไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น

ไม่ว่าจะแมงป่องหรือตระกูลหยิ่น ถ้ามีโหจื่ออยู่ทั้งคน หลี่ฝางไม่จำเป็นต้องแลสายตาด้วยซ้ำ

ไอ้หน้าหนวดส่ายหน้าหงึกหงัก “คุณชายหลี่ เกรงว่าคงยากแล้วครับ โหจื่อกับแม่มดกู่หย่งฉีอาศัยช่วงที่ทุกอย่างเงียบสงบไปฝึกฝนกับแม่ของคุณ ได้ยินว่าเป็นการฝึกที่น่ากลัวมาก ลุงเฉียนบอกว่าเป็นการฝึกระบบปีศาจ ส้าวส้วยเองก็เคยผ่านมาแล้ว”

ไอ้หน้าหนวดอมยิ้ม “ผมก็ไม่รู้ว่าพวกเขาตกลงกันยังไง ดังนั้นคุณก็คงมีแค่ผมที่มาช่วยงานได้”

“จริงสิ ลุงเฉียนให้ผมมาบอกคุณว่า เบื้องหลังของแมงป่องมีความเป็นไปได้ว่าตระกูลตงฟางคอยให้การสนับสนุนอยู่” จู่ๆไอ้หน้าหนวดก็พูดขึ้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท