จู่ๆแมงป่องก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
เรื่องลอบแทงของไอ้หน้าหนวด เป็นแมงป่องที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่ ยังต้องสืบกันต่อไป
ที่หยิ่นเจิ้งกลัวแล้วก็กังวลยิ่งกว่าก็คือ ทำไมแมงป่องถึงได้รู้ที่ซ่อนของลูกชายเขา?
เมื่อกี๊หยิ่นเจิ้งจำได้แม่นว่าตอนแรกแมงป่องตั้งใจจะกลับไปแล้ว แต่จู่ๆเขาก็ได้รับข้อความ จากนั้นก็เจอตัวลูกชายเขา
หยิ่นเจิ้งแหงนหน้ามองเสี่ยวถิงแว๊บนึง
เสี่ยวถิงก็รู้สึกผวาขึ้นมาทันที “ประธานหยิ่น ทำมองผมด้วยสายตาแบบนั้นล่ะครับ? คุณคงไม่ได้กำลังสงสัยผมหรอกใช่ไหมครับ?”
หยิ่นเจิ้งส่ายหน้า “ฉันจะสงสัยนายได้ยังไง? นายรู้ความลับของฉันทุกอย่าง ถ้าจะหักหลังฉันจริง ฉันคงตายไปนานแล้ว”
“เพียงแต่ ห้องลับในห้องทำงานฉัน นอกจากนายก็มีแต่เราสองพ่อลูกที่รู้”
“แล้วแมงป่องมันรู้ได้ยังไง?”
หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว “นายได้บอกความลับนี่ให้ใครรู้หรือเปล่า?”
เสี่ยวถิงส่ายหน้าหนักแน่น “ไม่มีครับ ไม่มีแน่นอน แม้แต่ภรรยาของผมก็ยังไม่รู้เรื่องนี้”
“งั้นก็แปลกแล้วล่ะ หมอนั่นรู้ได้ยังไง?” หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว สีหน้าราวกับเห็นผี
หยิ่นเหล่ยมองพ่อตัวเองแล้วถาม “พ่อ ผมจะทำยังไงดี? แมงป่องมันไม่ปล่อยผมแน่”
ในชั่วแว๊บนึงตอนนั้น หยิ่นเหล่ยอยากจะละทิ้งแม่ตัวเองแล้วให้ความร่วมมือกับแมงป่องซะ
เวลานี้หยิ่นเหล่ยชักกลัวขึ้นมาจริงๆ
“ไมต่องตระหนก ฉันไม่ยอมให้แมงป่องมาทำอะไรแกหรอก” หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว
หยิ่นเจิ้งมองลูกชายที่ไม่ไหนของตัวเองแล้วถอนหายใจ
“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เกินความคาดหมายไปมาก ขนาดที่ทำแผนของฉันพังเละไม่เป็นท่า ตอนแรกฉันพอจะเอาแมงป่องอยู่ ยังคิดไปถึงขั้นจะลงมือด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้…ตระกูลหลี่ของเราตัดสัมพันธ์กับแมงป่องอย่างไม่เหลือชิ้นดี”
“เมื่อกี๊นี้ทั้งที่แมงป่องสามารถลากฉันกับเสี่ยวถิงเข้าตารางได้สบายๆ แต่เขากลับไม่ทำ แสดงว่าเขาคงกะจะใช้วิธีของเขามาแก้แค้นเรา” หยิ่นเจิ้งถอนหายใจพูด
จ้าวโหย่วฉายรีบพูดขึ้น “ต้องการให้ฉันช่วยอะไรก็แค่บอกมา นายเคยช่วยฉันไว้ไม่น้อย ตอนนี้นายลำบากฉันก็จะไม่ยอมนั่งดูอยู่เฉยๆ”
“หอพักในเขตโรงเรียนของตระกูลเรา ก็เป็นนายที่ยื่นมือเข้ามาช่วย” จ้าวโหย่วฉายพูด
หยิ่นเจิ้งมองจ้าวโหย่วฉายด้วยความรู้สึกปลื้มใจ “เอาไว้ก่อนเถอะ ถ้าพี่ช่วยผมตั้งแต่เริ่มต้น ก็เท่ากับว่าผมกลัวแมงป่องยิ่งไปกว่านั้นคือบ่งบอกว่าผมสู้เขาไม่ได้”
“ที่ผ่านมานายไม่ใช่คนที่ชอบใช้กำลังใช้อารมณ์ ครั้งนี้นายเป็นอะไรไป?” จ้าวโหย่วฉายมองหน้าหยิ่นเจิ้ง ถามอย่างแปลกใจ
หยิ่นเจิ้งในตอนนี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
แต่หยิ่นเจิ้งกลับพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “ผมก้มหัวยอมมากเกินไป แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นอย่างพี่ก็ยังคิดว่าผมมันคนไม่เอาไหน”
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น” จ้าวโหย่วฉายรีบอธิบาย
“ที่พี่พูดก็ไม่ผิด ที่ผ่านมาผมไม่ใช่คนชอบใช้ความรุนแรงจริงๆ ผมเป็นนักธุรกิจในหัวก็คิดแค่เรื่องเงิน แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันบีบบังคับ เมียของผมก็โดนจับเป็นตัวประกันส่วนลูกชายก็กลายเป็นเป้าโจมตีของคนอื่น ถ้าผมยังทำตัวเหมือนเมื่อก่อน ตระกูลหยิ่นก็คงมาถึงจุดจบแล้ว”
เวลานี้ทั้งเมียและลูกล้วนต้องการให้เขาปกป้อง
หยิ่นเจิ้งหัวเราะหึ “พี่จ้าว ช่วยคุ้มกันลูกชายผมสักสองสามวันแล้วกัน”
“หยิ่นเหล่ยหรอ?”
จ้าวโหย่วฉายมองหยิ่นเหล่ย “เขาต้องการคนคอยปกป้องจริงๆ วางใจเถอะ เดี๋ยวกลับไปฉันจะส่งลูกน้องฝีมือดีมาคอยคุ้มกันความปลอดภัยของหยิ่นเหล่ย”
“ไม่ ผมหมายถึงให้ลูกผมไปอยู่บ้านพี่สักสองสามวัน ลูกผมกับลูกพี่ไม่ได้เจอกันตั้งนานพอดีเลยใช่ไหมล่ะ? สองวันนี้ก็ให้พี่ชายน้องชายเขาได้ผูกมิตรกันหน่อย” หยิ่นเจิ้งพูด
จ้าวโหย่วฉายนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าตกลง
บ้านของจ้าวโหย่วฉายไม่ได้ใหญ่ แค่ห้องนอนสองห้อง กับห้องรับแขกห้องนึง แถมยังเป็นบ้านที่หยิ่นเจิ้งขายให้ในราคาพิเศษ
แต่แน่นอนว่าเดิมทีหยิ่นเจิ้งตั้งใจจะยกวิลล่าหลังใหญ่ให้ฟรีๆ แต่จ้าวโหย่วฉายจะกล้ารับได้ยังไง?
จ้าวโหย่วฉายก็ไม่ได้โง่ ถ้าเขารับวิลล่าจากหยิ่นเจิ้ง ก็เท่ากับเขาลงเรือลำเดียวกับหยิ่นเจิ้งอย่างถาวร
“หยิ่นเหล่ย กลับไปกับคุณอาจ้าวเถอะ” หยิ่นเจิ้งมองหน้าลูกชาย
หยิ่นเจิ้งร้องเสียงหลงทีนึง สีหน้าไม่ค่อยดีนัก “พ่อ ทำไมไม่ให้คุณอาจ้าวกับพี่กังมาที่บ้านเราแทนล่ะ ยังไงบ้านเราก็มีห้องว่างตั้งเยอะ ให้พวกเขาพักคนละห้องก็ได้แล้วนี่นา”
หยิ่นเหล่ยรู้ว่าถ้าไปที่บ้านจ้าวโหย่วฉาย คงไม่พ้นต้องไปนอนเบียดเตียงเดียวกับลูกชายเขา
หยิ่นเหล่ยถูกเลี้ยงมาแบบประคบประหงม เขาย่อมรู้สึกอึดอัดถ้าต้องทำแบบนั้น
“แกไม่คิดหน่อยว่าคุณอาจ้าวเป็นใคร ให้เขามาอยู่บ้านเราเหมาะสมที่ไหน? ฉันกับคุณอาจ้าวเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้น ไม่ใช่ญาติสักหน่อย”
หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว “มีแค่บ้านคุณอาจ้าวเท่านั้นที่ปลอดภัยที่สุด จำไว้ให้ดี สองวันนี้ถ้าฉันไม่อนุญาตแกก็ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด”
“นอกจากว่าคุณอาจ้าวจะไปด้วย แกถึงจะออกไปได้ เข้าใจไหม?” หยิ่นเจิ้งพูด
ต่อให้หยิ่นเหล่ยจะใจกล้าขนาดไหน ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของคนเป็นพ่อ
ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างไม่ปกติ
“จริงสิ เอาเบอร์คุณชายหลี่ให้ฉัน” ตอนที่หยิ่นเหล่ยกำลังจะออกไป หยิ่นเจิ้งก็พูดขึ้น
หลังจากที่หยิ่นเหล่ยตามจ้าวโหย่วฉายลงมาจากตึก หลี่ฝางจึงสตาร์ทรถแล้วขับออกไป
“เหอะๆ ไอ้หยิ่นเจิ้งตาแก่เจ้าเล่ห์นี่มันร้ายจริงๆ มีจ้าวโหย่วฉายตามประกบหยิ่นเหล่ยซะขนาดนั้น ต่อให้คนของแมงป่องจะบ้าบิ่นขนาดไหนก็คงไม่กล้าทำอะไรหรอกมั้ง?” ไอ้หน้าหนวดนั่งข้างเบาะคนขับแค่นหัวเราะ
หลี่ฝางพยักหน้า “ทางพี่สะใภ้เป็นไงบ้าง?”
“ออกจากอำเภอหลิน เข้าเมืองเอกแล้วครับ มีคนมารับเธอไปแล้ว ไม่ต้องห่วงพวกคุณนายครับ” ไอ้หน้าหนวดหัวเราะหึ “สามปีที่แล้วเขาหนีรอดมาได้ ในสถานการณ์จิ๊บจ้อยแค่นี้ เขารับมือได้สบาย”
“ผมได้ยินข้างบ้านบอกว่าบ้านเราถูกวางระเบิดสาเหตุเพราะก๊าซรั่ว ผมคิดว่าต้องเป็นฝีมือคนของแมงป่องแน่ ตอนนี้ตัวตนของผมถูกเปิดเผยในอำเภอหลินแล้ว คงทำได้แค่กลับเมืองเอก”
ไอ้หน้าหนวดส่ายหัว “ใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆในอำเภอหลินมาสามปี เอาเข้าใจก็รู้สึกทำใจไม่ได้อยู่เหมือนกันครับ”
“แล้วที่สถานตากอากาศเป็นยังไงบ้าง? ตระกูลลู่ยังมาวอแวอีกไหม?” หลี่ฝางขมวดคิ้วถาม
“ถ้าบอกว่าคุณคงจะไม่เชื่อ ระยะนี้มันเงียบสงบมาก มากจนผิดปกติ เรื่องที่ท่านลู่ถูกเราจับขังไว้ในสถานตากอากาศใครๆก็รู้ แต่กลับไม่มีใครมาประมือกับเราสักคน ปัญหาอะไรก็ไม่มีสักนิด”
ไอ้หน้าหนวดพูด “ไม่งั้นผมเองก็คงไม่มีเวลามาช่วยคุณงานนี้เหมือนกัน”
“เป็นแบบบนั้นได้ยังไง? ไหนบอกว่านับวันก็มีแต่ศัตรูอยากจะบุกเข้าไปในสถานตากอากาศไม่ใช่หรอ?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว “จะบอกว่าพวกมันตั้งใจจะปล่อยท่านลูกหรือไง?”
“ลุงเฉียนเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อสามปีก่อนระหว่างทางที่พวกเราหนีตาย ประมือกับคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมาก็ไม่น้อย คนพวกนั้นถ้าร่วมมือกันขึ้นมา เกรงว่าสถานตากอากาศคงรับมือได้ยาก”
ไอ้หน้าหนวดส่ายหัว “ไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนั้นถึงไม่โผล่หน้ามาเลยสักคน”
“แล้วโหจื่อล่ะ? ในเมื่อสถานตากอากาศไม่มีเรื่องอะไร งั้นส่งเขามาช่วยฉันก็ดี” หลี่ฝางพูด
ตอนนี้ส้าวส้วยไม่อยู่ งั้นโหจื่อก็นับว่าเป็นลูกมือที่ฝีมือดีที่สุด
ถ้าโหจื่อมา หลี่ฝางก็ไม่ต้องกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น
ไม่ว่าจะแมงป่องหรือตระกูลหยิ่น ถ้ามีโหจื่ออยู่ทั้งคน หลี่ฝางไม่จำเป็นต้องแลสายตาด้วยซ้ำ
ไอ้หน้าหนวดส่ายหน้าหงึกหงัก “คุณชายหลี่ เกรงว่าคงยากแล้วครับ โหจื่อกับแม่มดกู่หย่งฉีอาศัยช่วงที่ทุกอย่างเงียบสงบไปฝึกฝนกับแม่ของคุณ ได้ยินว่าเป็นการฝึกที่น่ากลัวมาก ลุงเฉียนบอกว่าเป็นการฝึกระบบปีศาจ ส้าวส้วยเองก็เคยผ่านมาแล้ว”
ไอ้หน้าหนวดอมยิ้ม “ผมก็ไม่รู้ว่าพวกเขาตกลงกันยังไง ดังนั้นคุณก็คงมีแค่ผมที่มาช่วยงานได้”
“จริงสิ ลุงเฉียนให้ผมมาบอกคุณว่า เบื้องหลังของแมงป่องมีความเป็นไปได้ว่าตระกูลตงฟางคอยให้การสนับสนุนอยู่” จู่ๆไอ้หน้าหนวดก็พูดขึ้น