“ต้องลงมือให้เร็วที่สุด เพราะงั้นฉันตั้งใจว่าจะลงมือคืนนี้” หลี่ฝางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
คำพูดของหลี่ฝางตรงกับที่หยิ่นเจิ้งคิดพอดี
ยิ่งชักช้าไปหนึ่งวินาที หยิ่นเจิ้งก็จะยิ่งกังวลมากขึ้นหนึ่งวินาที
แมงป่องแค้นจัดขนาดนั้น พอเขากลับไปถึงก็คงเริ่มวางแผนแก้แค้นเป็นแน่?
การที่แมงป่องจะยื่นมือเข้าไปในเมืองเอกคงทำได้ยาก เพราะงั้นเป้าหมายที่เขาจะแก้แค้นในตอนนี้ไม่ใช่หลี่ฝาง แต่เป็นตระกูลหยิ่น
ต่อให้ตัวการใหญ่จริงๆจะเป็นหลี่ฝาง
“ประธานหยิ่นคิดว่ายังไง?” หลี่ฝางถาม
หยิ่นเจิ้งย่อมตอบว่าดี เขาพยักหน้ารับคำ “ผมจะรีบไปเตรียมการเดี๋ยวนี้”
ตอนนี้เองจู่ๆโทรศัพท์ของหยิ่นเจิ้งก็ดังขึ้น
ปลายสายเป็นนักธุรกิจที่ทำธุรกิจร่วมกับหยิ่นเจิ้งมานาน แต่เขาค่อนข้างสนิทสนมกับแมงป่อง
“เหอะๆ ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำร้อยเดิมแล้ว” หยิ่นเจิ้งพูดติดตลก
ก่อนหน้านี้ตระกูลหลี่ก็ใช้วิธีนี้มาสั่งสอนเขาไปแล้ว
และตอนนี้เป็นทีของแมงป่องบ้าง
“ช่างเหอะ รับหน่อยแล้วกัน” หยิ่นเจิ้งพึมพำแล้วกดรับสาย
เสียงขอโทษดังขึ้นมาจากปลายสาย “ท่านหยิ่น นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมผมได้ยินว่าคุณกับลูกพี่แมงป่องประกาศสงครามกันล่ะ เมื่อกี๊ลูกพี่แมงป่องโทรมาบอกให้ผมหยุดขนส่งทรายให้ คุณว่า…”
ปลายสายถอนหายใจ “เฮ้อ ท่านหยิ่นก็รู้นี่นา คนทำธุรกิจแบบเราจะหาเงินได้หรือไม่ได้ต้องอาศัยชื่อเสียงภาพลักษณ์ของธุรกิจ แต่จะทำธุรกิจได้ไหมก็ขึ้นอยู่กับว่าลูกพี่แมงป่องอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ทำ”
“การร่วมงานของเราหยุดไว้แค่นี้ก่อนแล้วกันครับ รอให้ระหว่างคุณกับลูกพี่แมงป่องเคลียร์ใจกันได้ ผมค่อยส่งทรายไปให้ ตอนนั้นผมจะลดราคาให้พิเศษเลย”
หยิ่นเจิ้งยิ้มสงบ “ต้าหนิงฉันรู้ดีว่านายลำบากใจ ตามนี้แล้วกัน ตอนนี้ฉันกำลังรับแขกคนสำคัญอยู่”
เมื่อวางสาย หยิ่นเจิ้งก็มีสีหน้าเคร่งขรึม “ผมกำลังก่อสร้างตึกใหม่อยู่ แมงป่องตัดวัสดุผมแบบนี้ คงอยากจะให้ผมหยุดการก่อสร้าง”
“ฉันช่วยเอง ในบรรดาเพื่อนของฉันมีคนทำโรงงานทรายอยู่พอดี อำเภอหลินกับเมืองเอกห่างกันไม่มาก เรื่องทรายฉันจัดการให้”
หลี่ฝางพูด “เรื่องราคา คุณเคยจ่ายเท่าไหร่ ก็จ่ายเพื่อนฉันตามนั้น”
“คุณทรายหลี่ยังรู้จักเจ้าของโรงงานทรายอีกนะ…”
หยิ่นเจิ้งคิดไม่ถึงนิดหน่อย ถึงยังไงสถานะของหลี่ฝางก็น่าจะคบแต่คนระดับเดียวกัน เช่นพวกทายาทมหาเศรษฐีอะไรแบบนั้นไม่ใช่หรอ? เจ้าของโรงงานทรายเล็กๆมาทำความรู้จักกันคนระดับหลี่ฝางได้ยังไงกัน??
“คุณชายหลี่ ครั้งนี้ผมเดิมพันอย่างสิ้นหวังแล้ว ถ้าแพ้ล่ะก็ ทุกอย่างที่ผมใช้เวลาสร้างมาหลายสิบปีในอำเภอหลินคงได้สูญวลายหายไปกับตา” หยิ่นเจิ้งพูดด้วยความหวาดกลัว
บางครั้งคนเรายิ่งอยู่สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น เพราะกว่าจะได้ทุกอย่างมาไม่ง่าย และอาจจะต้องสูญเสียมันไปเพียงแค่ชั่วพริบตา
ตอนแรกเริ่มที่ต้องต่อสู้กับโลกใบนี้ด้วยสองมือเปล่า หยิ่นเจิ้งไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้
หยิ่นเจิ้งในวัยนี้ จะให้รื้อฟื้นจิตใจแรงกล้าบ้าบิ่นแบบนั้น คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
“ไม่ต้องกังวล เราไม่มีทางแพ้หรอก”
หลี่ฝางหัวเราะ “ลุงหยิ่นยังมีเรื่องอะไรจะบอกฉันอีกไหม? ถ้าไม่มีผมต้องขอตัวก่อน”
หยิ่นเจิ้งส่ายหน้า แล้วส่งหลี่ฝางกลับไป
หลังจากออกมาจากบริษัทของหยิ่นเจิ้ง ไอ้หน้าหนวดก็หัวเราะ “คุณชาย เอาเรื่องเหมือนกันนี่ พวกเราใส่ร้ายเขาขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลับไม่โกรธเลยสักนิด”
“ใครว่าเขาไม่โกรธ? แต่เขาแค่ไม่กล้าแสดงออกก็เท่านั้นแหละ อย่างแรกถ้าเขายังตั้งกรเป็นศัตรูกับเราอีก แล้วเขาจะสู้กับแมงป่องยังไง? ส่วนข้อสอง เมียเขาก็ยังอยู่ในกำมือเราไม่ใช่หรอไง?”
หลี่ฝางหัวเราะ “ตั้งแต่ต้นจนจบหยิ่นเจิ้งไม่ถามถึงเมียเลยสักคำ ไอ้แก่นั่นอดทนเก่งจริงๆ ทั้งที่รักเมียมากขนาดนั้น”
“คงจะรู้ว่าถึงยังไงเราก็ไม่มีทางปล่อยตัวเมียเขามั้ง” หลี่ฝ่ายส่ายหน้ายิ้ม
ไอ้หน้าหนวดพูด “ในใจของหยิ่นเจิ้ง คงเกลียดพวกเราแย่แล้ว”
“พวกเราทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับบีบเขากระโดดลงหน้าผา”
หลี่ฝางหัวเราะ “ก็คงไม่เชิงว่าเกลียดซะทั้งหมด ฉันได้ยินมาว่าแมงป่องหวังจะแก้ไขภาพลักษณ์ตัวเอง หันหน้ามาทำธุรกิจ จนถึงขนาดจะแย่งธุรกิจของหยิ่นเจิ้งมาทำ เพราะงั้นไม่ช้าก็เร็วสองคนนั้นจะต้องก่อสงครามกันอยู่แล้ว”
“ฉันก็แค่ช่วยเพิ่มเชื้อเพลิง ให้พวกนั้นสู้กันเร็วขึ้นก็เท่านั้น”
“อีกอย่าง ถ้าได้พวกเราร่วมมือ โอกาสที่หยิ่นเจิ้งจะชนะก็มีมากแล้ว” หลี่ฝางหัวเราะ
“เพราะงั้นบอกว่าเขาเกลียดหรือขอบคุณพวกเรา ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะพูดเรื่องนี้”
……
หยิ่นเจิ้งในเวลานี้กำลังรับโทรศัพท์จากเพื่อนเก่าจนมือเป็นพัลวัน
“แมงป่องเดือดมากจริงๆ เล่นประกาศไปทั่วแล้วว่าจะเปิดศึกกับฉัน” ใบหน้าของหยิ่นเจิ้งเคร่งขรึม คิดหนัก
เสี่ยวถิงพูด “ทำธุรกิจอะไรก็ตามในอำเภอหลิน ถ้าไม่ได้รับการยอมรับจากแมงป่องก็คงไปไม่สวย เจ้านายมั่นใจแค่ไหนครับว่าสามารถเอาชนะศึกหนักครั้งนี้ได้”
“ยังลงรายละเอียดไม่ได้ ถ้าฉันสู้คนเดียวคงมีโอกาสอย่างมากก็สามสิบเปอร์เซ็นต์ แถมยังเป็นระดับที่ความสูง แต่ตอนนี้มีแรงสนับสนุนจากตระกูลหลี่ ชัยชนะของฉันอย่างน้อยๆก็น่าจะมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์”
“อำนาจของตระกูลหลี่แข็งแกร่งกว่าแมงป่องมาก ถ้าคุณชายหลี่ช่วยเหลือฉันอย่างเต็มกำลัง งั้นโอกาสชนะฉันก็เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ส่วนพวกเลียแข้งเลียขาแมงป่อง ฉันไม่กังวลสักนิด พวกนั้นก็แค่คนไม่มีหัวคิด ที่ตอนนี้มาปฏิเสธร่วมธุรกิจกับฉันก็เพราะกลัวแมงป่องก็เท่านั้น ถ้าถึงวันที่แมงป่องล้มไม่เป็นท่า ยังไงพวกเขขาก็ต้องซมซานกลับมาหาเรา ขอให้เรากลับไป่วมธุรกิจด้วยอยู่ดี ตอนนั้นตระกูลหยิ่นของเราก็จะยิ่งใหญ่เหนือใคร หึๆ…”
“แล้วเราก็จะฉวยโอกาสนั้นในการทำกำไรให้มากขึ้นไปอีก” หยิ่นเจิ้งเผยยิ้มร้าย
ถ้าชนะขึ้นมาล่ะก็ กิจการของตระกูลหยิ่นก็จะยกระดับขึ้นไปอีกขั้น
“หลายปีที่ผ่านมาตระกูลของเราสะสมกำไรจากธุรกิจครอบครัวมาไม่น้อย ต่อให้ต้องก่อสงครามกันไปครึ่งปีก็ไม่เจ๊ง อย่างหนักก็แค่ต้องไล่พนักงานออก แต่แมงป่องไม่ใช่ ถ้าพวกลูกกระจ๊อกพวกนั้นกินอยู่ไม่พอ มันก็พร้อมแว้งกัดได้ทุกเมื่อ ยิ่งไปกว่านั้นค่าหัวของแมงป่องตั้งร้อยล้านเชียว พอพวกนั้นจิตใจกระสับกระส่ายเมื่อไหร่ พวกลูกน้องของมันจะต้องหาโอกาสจัดการกับแมงป่องแน่”
หยิ่นเจิ้งพูดเสียงเย็นชา “แล้วก็จะมีจางซินเฟยหลายร่างปรากฏตัวขึ้น”
เสี่ยวถิงพยักหน้า “พอพูดแบบนี้แล้ว ถือว่าเรากำลังได้เปรียบอยู่ ในโลกสมัยนี้ การทำสงครามก็ขึ้นอยู่กับเงินล้วนๆ”
“ถ้าเงินเราเยอะซะอย่าง ต่อให้มีแมงป่องสิบคนก็สู้ตระกูลหยิ่นตระกูลเดียวไม่ได้” เสี่ยวถิงหัวเราะ
หยิ่นเจิ้งก็หัวเราะตาม
ราวกับว่าชัยชนะมาอยู่ในกำมือของพวกเขาแล้วก็ไม่ปาน
ตอนที่หลี่ฝางกลับถึงสถานตากอากาศของตระกูลหลี่ เป็นเวลาใกล้จะบ่าย และคนจากเมืองเอกก็ตามมาติดๆ
ทั้งเฉินเจียโล่ ทั้งหรุ่ยเหวินเจ๋ต่างก็พาคนของตัวเองมาด้วย
ส่วนหวางเสี่ยวหยวน ซินปา และเฉินฝูเซิงไม่ได้มา เพราะพวกเขาต้องรับผิดชอบอยู่คุมเมืองเอก
ตราบใดที่สามตระกูลใหญ่ยังอยู่ มู่เสี่ยวไป๋ย่อมจับตาเฝ้าดูอาณาเขตของตัวเองอย่างหวงแหน ถ้าไม่มีใครคุมเมืองเอก หลี่ฝางคงรู้สึกไม่สบายใจ
“คุณชายหลี่มีแผนอะไรไหมครับ?”
เฉินเจียโล่ลูบหัวล้านๆเดินเข้ามา “ได้ยินว่าคุณจะเล่นงานแมงป่อง ผมก็รีบเสนอกับพี่ใหญ่ว่าจะอาสามาช่วยคุณทันที”
“ทำไม นายมีความแค้นอะไรกับแมงป่องหรือไง?” หลี่ฝางถามยิ้มๆ
“ไม่ใช่หรอกครับ แต่ไอ้แมงป่องมันกล้าไประเบิดถิ่นของเรา เราก็ต้องมาสั่งสอนมันสักหน่อย” เฉินเจียโล่พูด
หลี่ฝางหัวเราะเหอะ “ครั้งนี้เราจะไม่ใช่แค่สั่งสอนมันเท่านั้น”
“แต่เราจะฆ่าล้างมัน”
ดวงตาของหลี่ฝางเผยประกายเย็นยะเยือก “ในเมื่อมันกล้ามาท้าทายเรา ฉันก็จะทำให้มันรู้ ว่าการท้าทายคนอย่างฉันจะต้องแลกด้วยอะไร”
สีหน้าของเฉินเจียโล่นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ คุณชายหลี่ป่าเถื่อนไม่เบา รอให้แมงป่องมันไปนอนใต้ต้นมะม่วงแล้ว เรามาขยายอาณาเขตกันหน่อย ถึงแม้อำเภอหลินจะเล็กแต่ก็เป็นแหล่งล้ำค่าไม่น้อย”
“คุณชายหลี่ คนของเราแห่กันมาเยอะขนาดนี้ อีกไม่นานแมงป่องจะต้องรู้ตัวแน่ พวกเราหลบในสถานตากอากาศจะปลอดภัยหรอครับ” หรุ่ยเหวินเจ๋ถามด้วยความกังวล
“ไม่ต้องห่วง มีคนเตรียมที่ให้พวกนายเรียบร้อยแล้ว” หลี่ฝางยิ้ม
จังหวะนี้เอง รถยี่ห้อหรูหราก็ขับเข้ามาจากประตูใหญ่หน้าสถานตากอากาศ
ทั้งเฝิงจื่อหลิน หวงเจ๋ ส้งเคอ หวางซวง
ทายาทตระกูลมหาเศรษฐีจากเมืองเอกมากันไม่น้อย