NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่720 แผนการของหลี่ฝาง

บทที่720 แผนการของหลี่ฝาง

“ต้องลงมือให้เร็วที่สุด เพราะงั้นฉันตั้งใจว่าจะลงมือคืนนี้” หลี่ฝางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

คำพูดของหลี่ฝางตรงกับที่หยิ่นเจิ้งคิดพอดี

ยิ่งชักช้าไปหนึ่งวินาที หยิ่นเจิ้งก็จะยิ่งกังวลมากขึ้นหนึ่งวินาที

แมงป่องแค้นจัดขนาดนั้น พอเขากลับไปถึงก็คงเริ่มวางแผนแก้แค้นเป็นแน่?

การที่แมงป่องจะยื่นมือเข้าไปในเมืองเอกคงทำได้ยาก เพราะงั้นเป้าหมายที่เขาจะแก้แค้นในตอนนี้ไม่ใช่หลี่ฝาง แต่เป็นตระกูลหยิ่น

ต่อให้ตัวการใหญ่จริงๆจะเป็นหลี่ฝาง

“ประธานหยิ่นคิดว่ายังไง?” หลี่ฝางถาม

หยิ่นเจิ้งย่อมตอบว่าดี เขาพยักหน้ารับคำ “ผมจะรีบไปเตรียมการเดี๋ยวนี้”

ตอนนี้เองจู่ๆโทรศัพท์ของหยิ่นเจิ้งก็ดังขึ้น

ปลายสายเป็นนักธุรกิจที่ทำธุรกิจร่วมกับหยิ่นเจิ้งมานาน แต่เขาค่อนข้างสนิทสนมกับแมงป่อง

“เหอะๆ ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำร้อยเดิมแล้ว” หยิ่นเจิ้งพูดติดตลก

ก่อนหน้านี้ตระกูลหลี่ก็ใช้วิธีนี้มาสั่งสอนเขาไปแล้ว

และตอนนี้เป็นทีของแมงป่องบ้าง

“ช่างเหอะ รับหน่อยแล้วกัน” หยิ่นเจิ้งพึมพำแล้วกดรับสาย

เสียงขอโทษดังขึ้นมาจากปลายสาย “ท่านหยิ่น นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมผมได้ยินว่าคุณกับลูกพี่แมงป่องประกาศสงครามกันล่ะ เมื่อกี๊ลูกพี่แมงป่องโทรมาบอกให้ผมหยุดขนส่งทรายให้ คุณว่า…”

ปลายสายถอนหายใจ “เฮ้อ ท่านหยิ่นก็รู้นี่นา คนทำธุรกิจแบบเราจะหาเงินได้หรือไม่ได้ต้องอาศัยชื่อเสียงภาพลักษณ์ของธุรกิจ แต่จะทำธุรกิจได้ไหมก็ขึ้นอยู่กับว่าลูกพี่แมงป่องอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ทำ”

“การร่วมงานของเราหยุดไว้แค่นี้ก่อนแล้วกันครับ รอให้ระหว่างคุณกับลูกพี่แมงป่องเคลียร์ใจกันได้ ผมค่อยส่งทรายไปให้ ตอนนั้นผมจะลดราคาให้พิเศษเลย”

หยิ่นเจิ้งยิ้มสงบ “ต้าหนิงฉันรู้ดีว่านายลำบากใจ ตามนี้แล้วกัน ตอนนี้ฉันกำลังรับแขกคนสำคัญอยู่”

เมื่อวางสาย หยิ่นเจิ้งก็มีสีหน้าเคร่งขรึม “ผมกำลังก่อสร้างตึกใหม่อยู่ แมงป่องตัดวัสดุผมแบบนี้ คงอยากจะให้ผมหยุดการก่อสร้าง”

“ฉันช่วยเอง ในบรรดาเพื่อนของฉันมีคนทำโรงงานทรายอยู่พอดี อำเภอหลินกับเมืองเอกห่างกันไม่มาก เรื่องทรายฉันจัดการให้”

หลี่ฝางพูด “เรื่องราคา คุณเคยจ่ายเท่าไหร่ ก็จ่ายเพื่อนฉันตามนั้น”

“คุณทรายหลี่ยังรู้จักเจ้าของโรงงานทรายอีกนะ…”

หยิ่นเจิ้งคิดไม่ถึงนิดหน่อย ถึงยังไงสถานะของหลี่ฝางก็น่าจะคบแต่คนระดับเดียวกัน เช่นพวกทายาทมหาเศรษฐีอะไรแบบนั้นไม่ใช่หรอ? เจ้าของโรงงานทรายเล็กๆมาทำความรู้จักกันคนระดับหลี่ฝางได้ยังไงกัน??

“คุณชายหลี่ ครั้งนี้ผมเดิมพันอย่างสิ้นหวังแล้ว ถ้าแพ้ล่ะก็ ทุกอย่างที่ผมใช้เวลาสร้างมาหลายสิบปีในอำเภอหลินคงได้สูญวลายหายไปกับตา” หยิ่นเจิ้งพูดด้วยความหวาดกลัว

บางครั้งคนเรายิ่งอยู่สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นเท่านั้น เพราะกว่าจะได้ทุกอย่างมาไม่ง่าย และอาจจะต้องสูญเสียมันไปเพียงแค่ชั่วพริบตา

ตอนแรกเริ่มที่ต้องต่อสู้กับโลกใบนี้ด้วยสองมือเปล่า หยิ่นเจิ้งไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้

หยิ่นเจิ้งในวัยนี้ จะให้รื้อฟื้นจิตใจแรงกล้าบ้าบิ่นแบบนั้น คงเป็นไปไม่ได้แล้ว

“ไม่ต้องกังวล เราไม่มีทางแพ้หรอก”

หลี่ฝางหัวเราะ “ลุงหยิ่นยังมีเรื่องอะไรจะบอกฉันอีกไหม? ถ้าไม่มีผมต้องขอตัวก่อน”

หยิ่นเจิ้งส่ายหน้า แล้วส่งหลี่ฝางกลับไป

หลังจากออกมาจากบริษัทของหยิ่นเจิ้ง ไอ้หน้าหนวดก็หัวเราะ “คุณชาย เอาเรื่องเหมือนกันนี่ พวกเราใส่ร้ายเขาขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลับไม่โกรธเลยสักนิด”

“ใครว่าเขาไม่โกรธ? แต่เขาแค่ไม่กล้าแสดงออกก็เท่านั้นแหละ อย่างแรกถ้าเขายังตั้งกรเป็นศัตรูกับเราอีก แล้วเขาจะสู้กับแมงป่องยังไง? ส่วนข้อสอง เมียเขาก็ยังอยู่ในกำมือเราไม่ใช่หรอไง?”

หลี่ฝางหัวเราะ “ตั้งแต่ต้นจนจบหยิ่นเจิ้งไม่ถามถึงเมียเลยสักคำ ไอ้แก่นั่นอดทนเก่งจริงๆ ทั้งที่รักเมียมากขนาดนั้น”

“คงจะรู้ว่าถึงยังไงเราก็ไม่มีทางปล่อยตัวเมียเขามั้ง” หลี่ฝ่ายส่ายหน้ายิ้ม

ไอ้หน้าหนวดพูด “ในใจของหยิ่นเจิ้ง คงเกลียดพวกเราแย่แล้ว”

“พวกเราทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับบีบเขากระโดดลงหน้าผา”

หลี่ฝางหัวเราะ “ก็คงไม่เชิงว่าเกลียดซะทั้งหมด ฉันได้ยินมาว่าแมงป่องหวังจะแก้ไขภาพลักษณ์ตัวเอง หันหน้ามาทำธุรกิจ จนถึงขนาดจะแย่งธุรกิจของหยิ่นเจิ้งมาทำ เพราะงั้นไม่ช้าก็เร็วสองคนนั้นจะต้องก่อสงครามกันอยู่แล้ว”

“ฉันก็แค่ช่วยเพิ่มเชื้อเพลิง ให้พวกนั้นสู้กันเร็วขึ้นก็เท่านั้น”

“อีกอย่าง ถ้าได้พวกเราร่วมมือ โอกาสที่หยิ่นเจิ้งจะชนะก็มีมากแล้ว” หลี่ฝางหัวเราะ

“เพราะงั้นบอกว่าเขาเกลียดหรือขอบคุณพวกเรา ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะพูดเรื่องนี้”

……

หยิ่นเจิ้งในเวลานี้กำลังรับโทรศัพท์จากเพื่อนเก่าจนมือเป็นพัลวัน

“แมงป่องเดือดมากจริงๆ เล่นประกาศไปทั่วแล้วว่าจะเปิดศึกกับฉัน” ใบหน้าของหยิ่นเจิ้งเคร่งขรึม คิดหนัก

เสี่ยวถิงพูด “ทำธุรกิจอะไรก็ตามในอำเภอหลิน ถ้าไม่ได้รับการยอมรับจากแมงป่องก็คงไปไม่สวย เจ้านายมั่นใจแค่ไหนครับว่าสามารถเอาชนะศึกหนักครั้งนี้ได้”

“ยังลงรายละเอียดไม่ได้ ถ้าฉันสู้คนเดียวคงมีโอกาสอย่างมากก็สามสิบเปอร์เซ็นต์ แถมยังเป็นระดับที่ความสูง แต่ตอนนี้มีแรงสนับสนุนจากตระกูลหลี่ ชัยชนะของฉันอย่างน้อยๆก็น่าจะมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์”

“อำนาจของตระกูลหลี่แข็งแกร่งกว่าแมงป่องมาก ถ้าคุณชายหลี่ช่วยเหลือฉันอย่างเต็มกำลัง งั้นโอกาสชนะฉันก็เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์”

“ส่วนพวกเลียแข้งเลียขาแมงป่อง ฉันไม่กังวลสักนิด พวกนั้นก็แค่คนไม่มีหัวคิด ที่ตอนนี้มาปฏิเสธร่วมธุรกิจกับฉันก็เพราะกลัวแมงป่องก็เท่านั้น ถ้าถึงวันที่แมงป่องล้มไม่เป็นท่า ยังไงพวกเขขาก็ต้องซมซานกลับมาหาเรา ขอให้เรากลับไป่วมธุรกิจด้วยอยู่ดี ตอนนั้นตระกูลหยิ่นของเราก็จะยิ่งใหญ่เหนือใคร หึๆ…”

“แล้วเราก็จะฉวยโอกาสนั้นในการทำกำไรให้มากขึ้นไปอีก” หยิ่นเจิ้งเผยยิ้มร้าย

ถ้าชนะขึ้นมาล่ะก็ กิจการของตระกูลหยิ่นก็จะยกระดับขึ้นไปอีกขั้น

“หลายปีที่ผ่านมาตระกูลของเราสะสมกำไรจากธุรกิจครอบครัวมาไม่น้อย ต่อให้ต้องก่อสงครามกันไปครึ่งปีก็ไม่เจ๊ง อย่างหนักก็แค่ต้องไล่พนักงานออก แต่แมงป่องไม่ใช่ ถ้าพวกลูกกระจ๊อกพวกนั้นกินอยู่ไม่พอ มันก็พร้อมแว้งกัดได้ทุกเมื่อ ยิ่งไปกว่านั้นค่าหัวของแมงป่องตั้งร้อยล้านเชียว พอพวกนั้นจิตใจกระสับกระส่ายเมื่อไหร่ พวกลูกน้องของมันจะต้องหาโอกาสจัดการกับแมงป่องแน่”

หยิ่นเจิ้งพูดเสียงเย็นชา “แล้วก็จะมีจางซินเฟยหลายร่างปรากฏตัวขึ้น”

เสี่ยวถิงพยักหน้า “พอพูดแบบนี้แล้ว ถือว่าเรากำลังได้เปรียบอยู่ ในโลกสมัยนี้ การทำสงครามก็ขึ้นอยู่กับเงินล้วนๆ”

“ถ้าเงินเราเยอะซะอย่าง ต่อให้มีแมงป่องสิบคนก็สู้ตระกูลหยิ่นตระกูลเดียวไม่ได้” เสี่ยวถิงหัวเราะ

หยิ่นเจิ้งก็หัวเราะตาม

ราวกับว่าชัยชนะมาอยู่ในกำมือของพวกเขาแล้วก็ไม่ปาน

ตอนที่หลี่ฝางกลับถึงสถานตากอากาศของตระกูลหลี่ เป็นเวลาใกล้จะบ่าย และคนจากเมืองเอกก็ตามมาติดๆ

ทั้งเฉินเจียโล่ ทั้งหรุ่ยเหวินเจ๋ต่างก็พาคนของตัวเองมาด้วย

ส่วนหวางเสี่ยวหยวน ซินปา และเฉินฝูเซิงไม่ได้มา เพราะพวกเขาต้องรับผิดชอบอยู่คุมเมืองเอก

ตราบใดที่สามตระกูลใหญ่ยังอยู่ มู่เสี่ยวไป๋ย่อมจับตาเฝ้าดูอาณาเขตของตัวเองอย่างหวงแหน ถ้าไม่มีใครคุมเมืองเอก หลี่ฝางคงรู้สึกไม่สบายใจ

“คุณชายหลี่มีแผนอะไรไหมครับ?”

เฉินเจียโล่ลูบหัวล้านๆเดินเข้ามา “ได้ยินว่าคุณจะเล่นงานแมงป่อง ผมก็รีบเสนอกับพี่ใหญ่ว่าจะอาสามาช่วยคุณทันที”

“ทำไม นายมีความแค้นอะไรกับแมงป่องหรือไง?” หลี่ฝางถามยิ้มๆ

“ไม่ใช่หรอกครับ แต่ไอ้แมงป่องมันกล้าไประเบิดถิ่นของเรา เราก็ต้องมาสั่งสอนมันสักหน่อย” เฉินเจียโล่พูด

หลี่ฝางหัวเราะเหอะ “ครั้งนี้เราจะไม่ใช่แค่สั่งสอนมันเท่านั้น”

“แต่เราจะฆ่าล้างมัน”

ดวงตาของหลี่ฝางเผยประกายเย็นยะเยือก “ในเมื่อมันกล้ามาท้าทายเรา ฉันก็จะทำให้มันรู้ ว่าการท้าทายคนอย่างฉันจะต้องแลกด้วยอะไร”

สีหน้าของเฉินเจียโล่นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ คุณชายหลี่ป่าเถื่อนไม่เบา รอให้แมงป่องมันไปนอนใต้ต้นมะม่วงแล้ว เรามาขยายอาณาเขตกันหน่อย ถึงแม้อำเภอหลินจะเล็กแต่ก็เป็นแหล่งล้ำค่าไม่น้อย”

“คุณชายหลี่ คนของเราแห่กันมาเยอะขนาดนี้ อีกไม่นานแมงป่องจะต้องรู้ตัวแน่ พวกเราหลบในสถานตากอากาศจะปลอดภัยหรอครับ” หรุ่ยเหวินเจ๋ถามด้วยความกังวล

“ไม่ต้องห่วง มีคนเตรียมที่ให้พวกนายเรียบร้อยแล้ว” หลี่ฝางยิ้ม

จังหวะนี้เอง รถยี่ห้อหรูหราก็ขับเข้ามาจากประตูใหญ่หน้าสถานตากอากาศ

ทั้งเฝิงจื่อหลิน หวงเจ๋ ส้งเคอ หวางซวง

ทายาทตระกูลมหาเศรษฐีจากเมืองเอกมากันไม่น้อย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท