แม้ว่าหยิ่งเจิ้งจะทำธุรกิจใหญ่โต แต่ก็จำกัดอยู่แค่ในอำเภอหลินเท่านั้น
ในช่วงนี้ เพิ่งจะได้มาร่วมงานกับตระกูลหลี่ที่เมืองเอก
แล้วหยิ่นเหล่ยล่ะ?
อยู่ที่อำเภอหลินมาตลอด น้อยมากไปที่จะได้ไปเมืองเอก
พ่อลูกคู่นี้ จะไปรู้จักทายาทมหาเศรษฐีของเมืองเอกเยอะแยะมากมายขนาดนั้นได้ยังไง?
แถม ต่อให้รู้จัก ก็ไม่ได้แปลจะเชิญพวกเขามาก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายที่ถิ่นของตัวเองได้ง่ายๆอยู่ดี
มันจะต้องใช้หน้าตาศักดิ์ศรีมากมายขนาดไหนกัน?
ถึงยังไง การทำลายสถานที่ของตัวเอง ต่อให้เป็นคนแบบมู่เสี่ยวไป๋มา ก็ยังต้องเสี่ยงอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
แมงป่องหรี่ตาลง ยิ้มออกมาด้วยแววตาที่เยือกเย็น”คุณชายหลี่นะคุณชายหลี่ ดูท่าแกจะฉลาดไม่เบาเลย รู้จักไปหาคนมาช่วยแบบนี้”
ในที่สุดแมงป่องก็เข้าใจแล้ว ว่าหยิ่นเจิ้งยังคงทัศนคติเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง กล้ามาต่อกรกับตนเอง
ที่แท้หยิ่นเจิ้งกับหลี่ฝางก็แอบติดต่อกันเป็นการส่วนตัวนี่เอง
“พ่อเลี้ยงแล้วตอนนี้พวกเราจะทำยังไง? จิ้งจอกแก่หยิ่นเจิ้งมีเงิน ทางฝั่งของตระกูลหลี่ก็สุดยอดเกินไป พวกเราต่อกรไม่ไหว”ฉ่างจือเริ่มกระวนกระวายใจแล้ว
สถานที่มากมายขนาดนั้นเกิดเรื่องขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจภายหลังจากนี้จะทำยังไงต่อไป?
ถ้าเป็นการทะเลาะวิวาทกันตามปกติทั่วไปก็พอไหวอยู่ ถึงยังไงคนที่ชอบเที่ยวกลางคืนพวกนี้ก็ชอบดูการทะเลาะแบบนี้อยู่แล้ว
แต่ประเด็นคือปัญหาความวุ่นวายในครั้งนี้ ดันไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์มากมาย
ดังนั้น ผู้คนมากมายจึงรู้สึกกลัวและกังวลใจ
หยิ่นเจิ้งกับแมงป่องก่อนหน้านี้ ก็ทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัว ไม่กล้าออกมาเที่ยวเล่นอยู่แล้ว
เพิ่งจะเริ่มสงครามได้วันแรกก็โหดร้ายรุนแรงขนาดนี้แล้ว แล้ววันที่สอง วันที่สามล่ะ?
“พวกเราจะตอบโต้กลับไปไหม?”
ฉ่างจือถามขึ้น
แมงป่องยิ้มอย่างเยือกเย็น”จะให้ไม่ตอบโต้กลับไปหรือไง? หรือว่าพวกเราจะยอมปล่อยไปแบบนี้? หยิ่นเจิ้งกับคุณชายหลี่ ลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนี้ ก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายให้กับสถานที่ของฉันตั้งสิบกว่าที่ติดๆกัน แถมยังทำให้ไนท์คลับBDของฉันต้องปิดกิจการอีก”
“ฉันต้องตอบโต้กลับแน่นอนอยู่แล้ว และจะเอาให้หนักเลยด้วย”
แมงป่องพูดขึ้นทันที”ไปหาคนมา แล้วไปปาขี้ให้ทั่วประตูทางเข้าบริษัทของตระกูลหยิ่นเดี๋ยวนี้เลย เอาให้ทั่วทุกที่”
“นอกจากนี้ ฉันให้เวลานายหนึ่งคืน นายไปหารายชื่อของผู้บริหารระดับสูงขึ้นไปทั้งหมดของบริษัทหยิ่นเจิ้งมาให้กับฉัน”แมงป่องพูดด้วยสีหน้านิ่งขรึม
“พ่อเลี้ยงคุณจะทำอะไร?”ฉ่างจือรู้สึกตกใจอย่างช่วยไม่ได้
อยู่ด้วยกันกับแมงป่องมานานขนาดนี้ เวลาแมงป่องคิดจะทำอะไร ฉ่างจือก็เข้าใจอย่างถ่องแท้
แต่ฉ่างจือรู้สึกตกใจไม่น้อย จะเล่นใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ไร้สาระ จิ้งจอกแก่หยิ่นเจิ้งกล้ามาลงมือกับสถานที่ของฉันขนาดนี้ ฉันก็ต้องตอบโต้กลับไปสิ”
แมงป่องพูดขึ้นอย่างเย็นชา”สืบหาตัวตนของพวกมัน แล้วใช้ชื่อของหลอซ่า ส่งจดหมายขู่ไปให้พวกมันซะ”
ฉ่างจือถอนหายใจออกมา คิดในใจ ที่แท้ก็แค่จดหมายขู่ ข่มขู่ให้คนกลัวเท่านั้นเอง
แต่ผ่านไปไม่กี่วินาที แมงป่องก็พูดยิ้มๆ”เลือกคนที่อ่อนแอมาสองคน แล้วเล่นงานพวกมันให้หมดสภาพ จากนั้นก็เอาไปทิ้งที่ประตูหน้าบ้านของหยิ่นเจิ้งซะ”
ฉ่างจือกลืนน้ำลาย ก่อนจะพูดขึ้น”พ่อเลี้ยงแบบนี้มันจะ……”
พวกผู้บริหารระดับสูงของหยิ่นเจิ้ง ทุกคนล้วนแต่เป็นพวกคนรวยที่มีรายได้รายปีหนึ่งล้านขึ้นไปทั้งนั้น
ส่วนคนรวยที่อยู่ในสังคมนี้ ก็ล้วนแต่ไม่ใช่พวกที่กลั่นแกล้งรังแกได้ง่ายๆเลยทั้งนั้น
แมงป่องพูดขึ้นอย่างเย็นชา”นายจะกลัวอะไร? ต่อให้พวกมันรู้ว่าฉันเป็นคนทำ พวกมันจะทำอะไรฉันได้? จะทำให้พวกมันโดนจนพูดอะไรไม่ออก”
“มาบังคับให้ฉันต้องบ้าดีนัก!”สีหน้าของแมงป่องเหี้ยมโหดขึ้นมาทันที”หยิ่นเจิ้งไอ้สารเลว……”
ลูบๆกำปั้น แมงป่องหันไปมองฉ่างจือพร้อมกับถามขึ้นอย่างเย็นชา”ใช่แล้ว เบาะแสของหยิ่นเหล่ย ไปสืบหามาแล้วยัง?”
“สืบมาได้แล้วครับ ตอนกลางวันหยิ่นเหล่ยถูกจ้าวโหย่วฉายพาตัวไปแล้ว ต่อมาก็ถูกพาไปที่บ้าน ตอนนี้ลูกชายของหยิ่นเหล่ยกับจ้าวโหย่วฉายจ้าวกังอยู่ด้วยกัน ไม่ออกมาเที่ยวเล่นที่ไหนเลย ตอนเที่ยงก็สั่งของไปกิน ตอนค่ำก็กินข้าวที่ร้านอาหารในชุมชน”
ฉ่างจือพูดขึ้น”พวกเราจับตาดูตลอดทั้งวัน หาโอกาสที่เหมาะเจาะในการลงมือไม่ได้เลย”
“หยิ่นเจิ้ง มันช่างหาที่หลบภัยให้กับลูกของมันเก่งจริงๆ”
แมงป่องสบถหึออกมา พูดขึ้น”จับตาดูต่อไป ถ้าเห็นหยิ่นเหล่ยอยู่ตามลำพังล่ะก็ รีบเข้าไปจับตัวมาทันที”
“เพราะว่าเงินรางวัลหนึ่งร้อยล้านนั่น ผู้คนจำนวนมากมายจะต้องรอจ้องตะครุบฉันแน่นอน”
แมงป่องพูดขึ้น”ถ้าหาโอกาสไม่ได้จริงๆล่ะก็จับพวกมันทั้งสองคนมาเลย”
“แต่จ้าวกังนั่น……”
ฉ่างจือยังพูดไม่ทันจบ แมงป่องก็พูดตัดบทขึ้นมาก่อน”แกขี้ขลาดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันจะรับผิดชอบเอง”
“จ้าวกังเป็นลูกชายของจ้าวโหย่วฉายแล้วยังไง ใครให้จ้าวโหย่วฉายมาหาเรื่องก่อความวุ่นวายกับฉันตั้งหลายครั้งก่อนล่ะ”
แมงป่องขมวดคิ้ว”คืนนี้ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวโหย่วฉาย สถานที่ของฉันจะเสียหายมากมายขนาดนี้ไหม?”
ทายาทมหาเศรษฐีไม่ได้น่ากลัวเลย แต่ที่น่ากลัวคือ แมงป่องหยุดทายาทมหาเศรษฐีพวกนี้ไว้ไม่ไหว
เมื่อก่อนก็มีทายาทมหาเศรษฐีดื่มเยอะไป สร้างเรื่องก่อความวุ่นวายที่ไนต์คลับของแมงป่อง เล่นทำซะห้องพังเละไปหมด
ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการหรือว่าผู้ดูแล หรือว่าพวกพนักงานเอง ต่างก็แอบดูเขาจากทางหน้าต่าง ไม่กล้าเข้าไปห้ามปาม ทำได้แค่รอจนทายาทคนนั้นหายบ้าคลั่งอย่างเงียบๆ จากนั้นถึงพาเขาไปสร่างเมา
หลังจากที่ทายาทสร่างเมาแล้ว ก็ให้ใบชดเชยค่าเสียหายกับเขา
โดนไปแปดแสนกว่าๆ!
หลังจากเรื่องจบ ทายาทคนนี้ก็ยอมขายรถเอาเงินให้กับเขา
แต่ครั้งนี้ แมงป่องจับทายาทมหาเศรษฐีพวกนี้ได้แล้ว กะที่จะให้พวกเขาชดเชยค่าเสียหาย แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆจ้าวโหย่วฉายจะสอดมือเข้ามาก่อน พอเข้ามาแล้วก็พาทายาทพวกนี้จากไปซะอย่างนั้น
ที่น่าโมโหที่สุดก็คือ จ้าวโหย่วฉายให้ผู้นำตระกูลของพวกทายาทมหาเศรษฐีพวกนี้ มาจ่ายค่าปรับแทน แล้วพาพวกเขาจากไป
พวกเถ้าแก่ของเมืองเอกพวกนั้น ตอนนี้ต่างก็นั่งรถหรูพากันมุ่งมายังอำเภอหลิน
ต่อให้แมงป่องจะสุดยอดขนาดไหน ก็ไม่กล้าเข้าไปเรียกร้องความยุติธรรมแน่นอน
เจ้าพ่อแห่งวงการธุรกิจมากมายขนาดนี้ แถมล้วนแต่มาจากเมืองเอกทั้งนั้น จะมีสักกี่คนที่ไว้หน้าแมงป่อง?
แมงป่องทำได้แค่ไปคิดบัญชีนี้กับหยิ่นเจิ้งเท่านั้น
“ใช่แล้ว เตรียมปืนให้ฉันเรียบร้อยแล้วยัง?”
จู่ๆแมงป่องก็พูดถามขึ้น
ฉ่างจือพยักหน้า พูดขึ้น”นี่ครับปืนพกที่คุณต้องการ”
ปืนพกหนึ่งกระบอก ยื่นมาตรงหน้าของแมงป่อง ตามมาด้วย ชุดกันกระสุนหนึ่งตัว
แมงป่องขมวดคิ้ว”เอ้อ อากาศร้อนขนาดนี้ จะให้ใส่ชุดกันกระสุนที่หนาแบบนี้ได้ยังไง”
“พ่อเลี้ยงคุณวางใจได้ ไม่เกินสามวัน อีกฝั่งก็จะหาชุดกันกระสุนที่แนบตัวแล้วก็บางเบาให้กับพวกเราแล้วครับ”ฉ่างจือพูดรับปาก
แมงป่องพยักหน้าอย่างนิ่งๆ พูดขึ้น”เอาล่ะ รีบฉวยโอกาสตอนฟ้ามืด ลงมือจัดการเถอะ”
แมงป่องมักจะชอบลักลอบทำสิ่งที่ผิดกฎผิดศีลธรรม เวลาทำอะไรก็มักจะแอบทำตอนกลางค่ำกลางคืน
หลายปีมานี้ แมงป่องจะพักผ่อนช่วงเวลากลางวัน แล้วใช้ชีวิตทำเรื่องต่างๆในช่วงกลางคืน
ถึงยังไง เรื่องมากมาย จัดการในตอนค่ำมันก็จะสะดวกสบายกว่าหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น พอผ่านช่วงเช้าตรู่ไปแล้วถนนใหญ่สายนี้ ก็จะไม่มีใครสักคน
……
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หยิ่นเจิ้งก็รับโทรศัพท์จากสายสายหนึ่ง
หยิ่นเจิ้งในตอนนี้ กำลังนั่งอยู่หน้าบ้านของตระกูลหลี่ นั่งอยู่กับหลี่ฝาง
“ติดกับแล้ว”
หลังจากที่หยิ่นเจิ้งได้รับโทรศัพท์จากจ้าวโหย่วฉาย ก็ยิ้มนิ่งๆ”ทุกคนถูกจ้าวโหย่วฉายพาตัวไปหมดแล้ว”
“มีคนได้รับบาดเจ็บไหม?”
หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
ถึงยังไงพวกส้งเคอหวงเจ๋ ต่างก็เป็นน้องชายอันเป็นที่รักที่อยู่ที่เมืองเอก ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดกับพวกเขา หลังจากนั้นคงจะอธิบายยากแน่ๆ
“ดูเหมือนว่าเฝิงจื่อหลินจะถูกต่อยไปสองหมัด โรงพยาบาลได้ทำการตรวจสมองให้กับเขาเรียบร้อยแล้ว ไม่เป็นอะไร”
“แล้วหวงเจ๋ถูกคนซัดไปหนึ่งยก ก็มีแค่บาดแผลภายนอกเท่านั้น”
หยิ่นเจิ้งพูดขึ้น”ทายาทมหาเศรษฐีที่เหลืออยู่ก็ไม่เป็นอะไร แต่เฉินเจียโล่ ปัญหาของเขาค่อนข้างร้ายแรง ถูกคนของแมงป่องหักซี่โครงไปหลายชิ้น”
“คุณหาที่ติดต่อของคนในครอบครัวของผู้ได้รับบาดเจ็บมา……”
หลี่ฝางยังไม่ทันพูดจบ หยิ่นเจิ้งก็พูดตัดบทขึ้นมาอย่างยิ้มๆ”วางใจได้ ในเมื่อพวกเขาทำงานให้กับผม ถ้าเกิดเรื่องขึ้น ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง คุณไม่ต้องมายุ่งแล้ว คุณชายหลี่ ผมไม่มีทางให้คนของคุณเป็นอะไรแน่นอน”
“คนที่ได้รับบาดเจ็บ ผมจะไปปลอบพวกเขาเอง”
หยิ่นเจิ้งพูดขึ้นด้วยความรับผิดชอบ”ไม่ว่าจ่ายเท่าไร ผมจะออกให้ทั้งหมดเอง”
“ถ้าจ่ายเงินแล้วยังแก้ปัญหาไม่ได้ ก็สามารถใช้แผนการสกปรกได้”หลี่ฝางพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ”ผมคิดว่า คุณน่าจะเข้าใจความหมายของผมใช่ไหม?”
“จากการสำรวจของผม จริงๆแล้วช่วงหลายปีนี้เรื่องสกปรกที่คุณทำ ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าแมงป่องเลย”
หลี่ฝางพูดยิ้มๆอย่างซับซ้อน”เจ้านายหยิ่น ภายใต้เงื้อมมือของคุณ คุณก็เลี้ยงพวกคนที่เสี่ยงอันตรายทำเรื่องผิดกฎหมายเหมือนกันใช่ไหม?”
สีหน้าของหยิ่นเจิ้งอึ้งตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็ผ่อนคลายลง”คุณชายหลี่นี่มีความรู้ความชำนาญอย่างที่คิดไว้จริงๆนะครับ ใช่ครับ ผมเลี้ยงพวกคนที่ยอมเสี่ยงอันตรายทำเรื่องชั่วๆอยู่จำนวนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่เยอะ แต่ทุกคนก็มีความสามารถทั้งนั้น แถมคนพวกนี้ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ขยายเติบโตที่อำเภอหลิน แต่ตอนนี้กลับมาอยู่กับผมแล้ว”
“คุณชายหลี่ คุณนี่รู้จักผมอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งจริงๆเลยนะครับ”
หยิ่นเจิ้งยิ้มๆ ก่อนจะถามขึ้นอีกครั้ง”ที่นี่มีแค่พวกเราสองคน คุณชายหลี่ ช่วยตอบออกมาตรงๆเลยได้ไหมครับ?”
หลี่ฝางยิ้มตาม”ลุงหยิ่นอยากจะถามอะไร? ถามได้ตามสบายเลย”
“วันนี้ คุณหักหลังลูกชายของผมใช่ไหม?”หยิ่งเจิ้งถามขึ้นมาอีกครั้ง
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ ก่อนจะพูดขึ้น”ลุงหยิ่น ดูเหมือนว่าตอนกลางวันคุณจะถามคำถามนี้แล้วนะครับ แถมผมก็ให้คำตอบคุณไปแล้วด้วย”
หยิ่นเจิ้งมองหลี่ฝาง ขมวดคิ้ว”คุณชายหลี่ ผมอยากฟังความจริงจากปากของคุณ ตอนนี้พวกเราร่วมงานกันอย่างจริงใจและตรงไปตรงมาแล้ว ถ้าคุณหลอกลวงผม มันก็เท่ากับไม่มีความหมายน่ะสิ”
“เหอะๆ ผมลักพาตัวภรรยาของคุณไป แล้วจะไปทำร้ายลูกของคุณอีกทำไมล่ะ?”
หลี่ฝางพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ”นั่นมันทำเกินความจำเป็นไปหน่อยไหม?”
“คุณเป็นคนที่ส่งข้อความไปให้แมงป่อง แล้วเปิดเผยเบาะแสที่ซ่อนของลูกชายของผมไม่ใช่เหรอ?”หยิ่นเจิ้งถามขึ้นอย่างไม่เชื่อ
หลี่ฝางส่ายหัวพูดขึ้น”ไม่ใช่อยู่แล้ว ผมแค่จับลูกชายของคุณกลับมาเท่านั้น”
“ถ้าหยิ่นเหล่ยหนีไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นแมงป่องก็จะมาหาผม ให้ผมยกเลิกการคำสั่งที่เสนอให้รางวัลนั่นซะ ที่ผมจับภรรยาของคุณ หรือก็คือแม่ของหยิ่นเหล่ยไว้ แค่จะทำให้หยิ่นเหล่ยไม่สามารถยกเลิกคำสั่งเสนอให้รางวัลนั่นเท่านั้นเอง”
หลี่ฝางพูดขึ้น
“ถึงยังไง แมงป่องรู้ดี ว่าจับตัวหยิ่นเหล่ยมันอันตรายน้อยกว่าจับผมเยอะเลย”หลี่ฝางยิ้มๆ
หยิ่นเจิ้งเอามือถือออกมา พูดกับคนในสาย”ลงมือเลย”
ในตอนนี้ สีหน้าของหยิ่นเจิ้งเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวด
คนที่เขาต้องการฆ่าในครั้งนี้ คือเพื่อนเก่าที่เขาเคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆจนเติบใหญ่ เสี่ยวถิงนั่นเอง แล้วก็เป็นคนที่หยิ่นเจิ้งไว้ใจที่สุดด้วย แต่ตอนนี้ หยิ่นเจิ้งกลับจะฆ่าเขา
เพราะนอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใครคนไหนรู้ความลับที่ว่าห้องทำงานมีลิฟต์แอบซ่อนไว้อยู่เลย
หยิ่นเจิ้งเชื่ออย่างสนิทใจ แม้ว่าเสี่ยวถิงจะไม่ได้เป็นคนส่งข้อความไปบอกแมงป่อง แต่จะต้องเป็นเขาที่เปิดเผยความลับนี้ออกไปแน่ๆ
ถ้าไม่ซื่อสัตย์เพียงครั้งเดียว ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว
หลี่ฝางเดาออก มองหยิ่นเจิ้งพร้อมกับพูดขึ้น”คุณจะฆ่าเสี่ยวถิง?”
หยิ่นเจิ้งวางสายลง พยักหน้า เทเหล้าให้ตัวเอง ก่อนจะยกดื่มจนหมด”คุณชายหลี่ฉลาดอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดจริงๆ ขนาดผมจะฆ่าใครคุณก็ยังรู้”
“เหอะๆ ประธานหยิ่นนี่คนที่มีความทะเยอะทะยานสูงอย่างที่คิดไว้จริงๆ ขนาดพรรคพวกพี่น้องที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กจนโตก็ยังฆ่ากันได้ลงคอ”หลี่ฝางพูดยิ้มๆอย่างนิ่งๆ
“เขาหมดประโยชน์ไปเรียบร้อยแล้ว”
หยิ่นเจิ้งยิ้มๆอย่างนิ่งๆ”ก็เหมือนกับหานซิ่น หลิวปังได้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ยังจะเอาเขาไว้ทำไมอีก?”
“ถ้าวันหนึ่งเสี่ยวถิงเกิดทรยศขึ้นมา เรื่องชั่วๆทั้งหมดที่ผมเคยทำไว้ก็จะถูกเปิดเผยออกมาจนหมดน่ะสิ”
หยิ่นเจิ้งพูดขึ้นด้วยสีหน้าซับซ้อน”จริงๆแล้ว ผมวางแผนที่จะกำจัดเขาทิ้งไปตั้งนานแล้ว แต่ก็เอาแต่ทำไม่ลงมาโดยตลอด”
“จิตใจก็มีเลือดมีเนื้อเมือนกันทั้งนั้น เขาอยู่กับผมมาหลายปีขนาดนั้น ตั้งแต่วันที่ไม่มีจนตอนนี้มีแล้ว ตั้งแต่วันที่ผมขับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทุกเขา พวกเราวิ่งเต้นดิ้นรนจนประสบความสำเร็จในก้าวแรก ตั้งแต่พวกเราอยู่ใต้สะพานใช้ผ่าห่มผืนเดียวมาห่มตัวเองไว้ในช่วงฤดูหนาว……”
“ในตอนนั้นมิตรภาพของพวกเราทั้งสองคน เกินกว่าความเป็นความตายด้วยซ้ำ ผมเคยสาบานเอาไว้ ว่าต่อให้ผมได้กินข้าวแค่คำเดียว ผมก็จะไม่มีทางปล่อยให้เขาหิว แต่ตอนนี้……”
หยิ่นเจิ้งส่ายหัว พูดเยาะเย้ยตัวเอง”จนตอนนี้ผมร่ำรวยแล้ว กลับเปลี่ยนเป็นอีกคน”
“ขนาดพี่น้องที่ร่วมทุกข์กับผมในตอนแรก ก็ยังฆ่ากันได้…