“ลุงเฉียน พวกเราฆ่าคนไปมากขนาดนั้น ต่อไป……”
หลี่ฝางทำหน้าเครียด แล้วพูดว่า “ยังต้องฆ่าอีกเหรอ?”
คนที่ยังเหลืออยู่ ล้วนเป็นคนที่มีอำนาจ ตำแหน่งของแต่ละคนเองก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ……
แม้กระทั่งพวกมู่เสี่ยวไป๋ ก็อยู่ข้างในรายชื่อด้วย
หรือว่า ลุงเฉียนต้องการจะฆ่ามู่เสี่ยวไป๋ด้วย?
หลี่ฝางไม่ได้สงสัยในความสามารถของลุงเฉียน แต่ว่าถ้าเกิดฆ่าคนพวกนี้ทิ้งทั้งหมดจริงๆ งั้นเมืองเอกแห่งนี้ ก็จะต้องเข้าสู่ความวุ่นวายอย่างแท้จริง
“ฆ่า เพียงแต่ว่า จะต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป”
ลุงเฉียนพูดต่อ “ต่อไปนี้ หนึ่งวันฆ่าหนึ่งคน”
“ข้างในเมืองเอก พวกเราจะไม่ปล่อยให้หนีไปได้แม้แต่คนเดียว ส่วนคนที่อยู่นอกเมืองเอก รอให้ลูกพี่กลับมาก่อน ค่อยว่ากันอีกที” ลุงเฉียนพูด
สมุดรายชื่อนี้ รวมคนที่อยู่ในเมืองเอกไว้เยอะมาก
รวมไปถึงตงไห่ อำเภอหลิน และรวมถึงเมืองหลง
และอีกหลายเมือง ที่หลี่ฝางแค่เคยได้ยิน แต่ไม่เคยไปมาก่อน
คนที่สามารถร่วมมือกับลูกพี่หลิน และถูกลูกพี่หลินบันทึกรายชื่อเอาไว้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ตระกูลหลี่ถ้าเกิดฆ่าคนที่อยู่ในสมุดรายชื่อนี้จนหมดจริงๆล่ะก็ งั้นผลที่ตามมา ไม่กล้านึกเลยว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
ลุงเฉียนหัวเราะ แล้วพูดว่า “คราวนี้ ถึงเวลาสนุกแล้ว”
“สนุก?” หลี่ฝางไม่ค่อยเข้าใจ คำว่าสนุกที่ลุงเฉียนพูดออกมา มันหมายความว่ายังไง
ลุงเฉียนพูดอธิบาย “คราวนี้มีคนตายไปเยอะขนาดนี้ ไม่เพียงแค่หูเฟยจะร้อนรน รวมทั้ง คนที่เหลือ ก็จะร้อนรนไปด้วย”
เวลานี้ มือถือของหลี่ฝางก็ดังขึ้นมา คนที่โทรมาก็คือแคระนั่นเอง
หลี่ฝางมองไปยังลุงเฉียนแวบนึง แล้วพูดว่า “ลูกบุญธรรมของท่านจวนโทรมาหาผม”
“อืม รับเถอะ” ลุงเฉียนพูดด้วยท่าทีที่ดูสบายๆ
หลี่ฝางพยักหน้าเล็กน้อย แล้วกดรับสาย จากนั้น ก็มีเสียงแก่ๆของท่านจวนดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวฝาง ฉันคือลุงจวน ของแก” ท่านจวนพูดอย่างอ่อนโยน
หลี่ฝางหัวเราะ พูดออกไปทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว “ที่แท้ก็เป็นลุงจวนนี่เอง จู่ๆลุงจวน ก็โทรมาหาผม มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
พอหลี่ฝางพูดจบ ก็ส่งสายตาไปหาลุงเฉียน และส่งซิกทางปากไป บอกลุงเฉียนว่า คนที่โทรมาก็คือท่านจวน
สีหน้าของลุงเฉียนดูสงบนิ่งเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่าเดาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
“เสี่ยวฝาง มีเวลาว่างไหม? ฉันอยากจะเลี้ยงข้าวแกสักหน่อย” ท่านจวนพูด
หลี่ฝางมองไปยังลุงเฉียน แอบกระซิบถามไปว่า “ท่านจวนอยากจะเลี้ยงข้าวผม จะตกลงดีไหม?”
ลุงเฉียนพยักหน้า แล้วพูดว่า “ได้สิ”
หลี่ฝางเองก็รู้สึกว่า ถ้าเกิดไม่ตอบตกลง มันก็จะเป็นการทำให้ท่านจวนคิดว่าตัวเองกลัวเขาน่ะสิ และมันก็ยังหมายถึงว่าตัวเองทำผิดนิดๆ เพราะงั้นหลี่ฝางจึงพยักหน้าตกลง แล้วพูดว่า “ได้สิ เวลาไหนดีล่ะ?”
“คืนนี้ก็แล้วกัน ที่วิลล่าจูเซียน ถึงเวลานั้นฉันจะนั่งรถไปรับแก” ท่านจวนนับเวลาและสถานที่ ไว้หมดแล้ว
หลี่ฝางพูดว่า “ผมไปเองก็ได้ ไม่ต้องรบกวนท่านจวนมารับผมถึงที่หรอก”
พอหลี่ฝางพูดจบ ก็กดวางสาย และลุงเฉียนในเวลานี้ก็หัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “ฉันเดาไว้แต่แรกแล้วว่าเขาจะต้องมาหาแกแน่ ครั้งนี้ คนของเขาตายไปมากที่สุด และด้วยอำนาจของเขา จะต้องตรวจเจอเป็นคนแรกอย่างแน่นอนว่าเป็นฝีมือของพวกเรา”
“เพราะงั้น นี้คงจะเป็นงานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝงสิน่ะ?” หลี่ฝางถามตามสิ่งที่ลุงเฉียนพูดออกมา
ลุงเฉียนพยักหน้า แล้วพูดว่า “ถึงจะเป็นงานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝง แต่ภายในสามวันนี้ ท่านจวนไม่น่าจะทำอะไรแกหรอกมั้ง”
“ถึงเวลานั้น ฉันค่อยให้โหจื่อและแม่มดติดตามแกไป มีทั้งสองคนนี้อยู่ ต่อให้ท่านจวนจะคิดอะไรชั่วๆ ก็ไม่สามารถทำอะไรแกได้” ลุงเฉียนพูด
หลี่ฝางมองลุงเฉียน แล้วพูดว่า “ลุงเฉียน เอาอีกคุณเองก็ไปด้วยกันเถอะ”
“ฮ่าๆ ท่านจวนไม่ได้เชิญฉัน ฉันจะไปทำไม? ท่านจวนมีเบอร์ของฉัน แต่กลับไม่โทรมาหาฉันด้วยตรง เป็นการบอกว่า เขาอยากจะคุยกับแกเป็นกันส่วนตัว”
ลุงเฉียนยิ้มแบบขี้เล่น
“เขาเป็นคนชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่าเขา เขารู้ดี ไม่ว่าจะด้านไหน ผมก็ไม่ใช่คู่มือของเขา” หลี่ฝางพูดออกมา พร้อมถอดหายใจ
ก่อนหน้านี้ หลี่ฝางได้ทุบทำลายร้านเหล้าแห่งนึงของท่านจวน ท่านจวนจะต้องพูดเรื่องนี้ออกมาแน่
และเมื่อคืนนี้ คนของเขา ตายไปหลายสิบคน และคนที่ลงมือ ก็คือพวกโหจื่อ
เพียงพริบตาท่านจวนก็เสียหายไปมากขนาดนี้ มีเรื่องกับตระกูลหลี่มากขนาดนี้ ยากจะรับประกันว่าเขาจะไม่ทำอะไรตัวเอง
มีแต่คนบอกว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็โมโหเป็น ทำขนาดนี้แล้วถ้าเกิดท่านจวนยังไม่โมโหอีกล่ะก็ มันก็น่าแปลกเกินไปแล้ว
เพราะงั้น หลี่ฝางยังคงต้องระวังตัวไว้ก่อน
หลี่ฝางกลับมาที่ห้องพักของตัวเอง เห็นว่าฉิววี่เฟยแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว
“ฉันอยากจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย” ฉินวี่เฟยพูด
หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูดว่า “ได้ ฉันจะไปเป็นเพื่อน”
ฉินวี่เฟยอยู่ที่สถานตากอากาศมาหลายวันแล้ว คราวนี้ มันชัดเจนมากว่าคงจะอยู่จนเบื่อแล้ว
มันไม่ง่ายเลยที่หลี่ฝางจะกลับมา แน่นอนว่าเธอต้องอยากให้หลี่ฝางไปเดินเล่นกับเธออยู่แล้ว
แต่ว่าเธอไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง มีอันตรายต่อหลี่ฝางมากน้อยแค่ไหน
หลี่ฝางเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง ยิ่งไม่กล้าปฏิเสธ เพราะงั้นจึงทำได้แค่อยู่ข้างๆเธอต่อให้ต้องเจอกับอันตรายก็ตาม
หลี่ฝางขับรถคันนึงของโหจื่อ พร้อมกับพาฉินวี่เฟย จนมาถึงปู๋เย่เฉิน
หลี่ฝางหัวเราะ มองฉินวี่เฟยด้วยความสนใจแล้วพูดว่า “ลูกคุณหนูอย่างเธอ ยังจะมาซื้อเสื้อผ้าที่ปู๋เย่เฉินอีกเหรอ?”
ฉินวี่เฟยมองหลี่ฝางด้วยหางตา แล้วพูดเยาะเย้ยไปว่า “คุณเองที่เป็นลูกคุณชายตัวจริง ก็ยังใส่เสื้อผ้าบ้านๆอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”
“ฮ่าๆ ฉันแค่รู้สึกว่าเสื้อผ้าบ้านๆมันใส่สบายดีก็เท่านั้นเอง” หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้ม
หลายวันก่อนหน้านี้ ที่อำเภอหลิน หลี่ฝางซื้อเสื้อหลายชุดมาจากเวอร์ซาเช แต่เพื่อที่จะให้ดูบ้านๆ หลี่ฝางจึงเลือกที่จะใส่เสื้อผ้าบ้านๆที่ปกติชอบใส่
เพราะว่าหลี่ฝางใส่จนชินแล้ว
แต่ว่า รถของหลี่ฝาง ยังคงดึงดูดสายตาของผู้คนมาไม่น้อย ถึงมันจะเป็นรถที่ดูธรรมดาที่สุดของโหจื่อ
หลี่ฝางกุมมือของฉินวี่เฟย เดินเยี่ยมชม ร้านต่างๆปู๋เย่เฉินนี้ โลกนี้มันกลมซะจริง เพิ่งเดินเล่นได้ไม่กี่นาที พอหลี่ฝางเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นลู่หลุ่ยและพวกนักเรียนหญิง
ในตอนที่ลู่หลุ่ยเห็นหน้าของหลี่ฝาง เธอรีบดึงมือเพื่อนร่วมห้องของตัวเองเพื่อที่จะหนีไป แต่ว่าบังเอิญไปชนเข้ากับฉินวี่เฟยที่อยู่หน้าประตู บนมือของฉินวี่เฟย ถือชาไข่มุกสองแก้ว
ฉินวี่เฟยในตอนนี้ก็ตกใจอยู่เล็กน้อย มองหน้าลู่หลุ่ยแวบนึง แล้วหันกลับไปมองหลี่ฝาง ฉินวี่เฟยหัวเราะแล้วพูดว่า “บัญเอิญจัง”
ลู่หลุ่ยเองก็หัวเราะออกมา “เร็วจังน่ะ”
“เพิ่งเลิกกับฉันไม่ทันไร ก็มาอยู่กับคุณหนูฉินแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเอาแต่ปฏิเสธว่าระหว่างพวกแกสองคนมันไม่มีอะไรไม่ใช่รึไง?” ลู่หลุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าขนลุก
หลี่ฝางส่ายหัว แล้วพูดว่า “ไม่ใช่อย่างที่เธอคิด”
“ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด งั้นมันคืออะไร? แกคิดว่าเมื่อกี้ฉันมองไม่เห็นรึไง? ฉันมองเห็นพวกแกสองคนเดินจูงมือกัน มาแต่ไกลแล้ว ทำไม ยังไม่ยอมรับอีกเหรอ? หลี่ฝาง แกมีความเป็นผู้ชายสักนิดได้ไหม พวกเราเลิกกันแล้ว ทำไมถึงยังไม่กล้ายอมรับอีกล่ะ?” ลู่เหลุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ใช่แล้ว ในเมื่อเลิกกันแล้ว ทำไมถึงยังไม่กล้ายอมรับอีกล่ะ?
หลี่ฝางครุ่นคิดสักพัก เดินมาอยู่ตรงหน้าของฉินวี่เฟย จูงมือของฉินวี่เฟยอย่างเปิดเผย แล้วพูดว่า “ก็ได้ จะบอกสิ่งที่เธออยากรู้ก็แล้วกัน ฉันกับฉินวี่เฟยตอนนี้เริ่มคบหากันแล้ว เป็นฉันเองที่ทำผิดกับเธอ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะฉันไม่ดีเอง”
“ไม่ว่าเธอจะยอมยกโทษให้ฉันรึเปล่า ฉันก็ขอบอกกับเธอด้วยความจริงใจว่า ขอโทษ” หลี่ฝางพูดขอโทษ ให้กับลู่หลุ่ย
ปากของฉินวี่เฟยขยับไปมา เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไงดี
จุดที่เธอยืนอยู่ เป็นจุดที่อึดอัดมาก และลู่หลุ่ยกลับไม่ยอมรับแม้แต่น้อย กลับพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “ขอโทษแล้วมีประโยชน์อะไร? เดิมดีแกก็ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีเด่นอะไร ฉันมันตาบอดเอง ที่ไปหลงชอบแก และเอาสิ่งที่สำคัญที่สุดของตัวเอง ให้กับแก หลี่ฝาง แกมันสวะด้วยแท้จริง พวกเราเพิ่งจะเลิกกันแค่แป๊บเดียว แกก็หาแฟนใหม่สักแล้ว แกเคยให้เกียรติฉันไหม?”
“ช่างเถอะ บางที ก่อนที่พวกเราจะเลิกกัน พวกแกสองคนก็คงจะแอบคบกันแล้วถูกไหม? ฮ่าๆ แต่ว่าฉันกลับไม่ยอมเชื่อ เอาแต่หลอกตัวเองก็เท่านั้นเอง เหมิงเหมิงบอกกับฉันแต่แรกแล้ว พวกแกสองคนเดินจูงมือกันในเวลากลางคืน ถ้าไม่ใช่คนรักกัน จะกล้าทำเรื่องแบบนี้ออกมาเหรอ?”
“ช่างเป็นคู่ที่เลวซะจริง” ลู่หลุ่ยพูดด้วยเสียงเย็นชา แล้วหันไปทำเสียงถุ่ยใส่ฉินวี่เฟย จากนั้นก็เดินจากไป
สีหน้าของฉินวี่เฟยดูแย่เล็กน้อย เธอก้มหน้าแล้วพูดออกมาว่า “ถ้าเกิดรู้แต่แรกว่าจะเจอเธอ ฉันก็คงไม่ขอออกมาหรอก”
หลี่ฝางลูบหัวของฉินวี่เฟย แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ความผิดเธอ อีกอย่างเรื่องของพวกเรา ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเธอก็รู้อยู่ดี ไม่มีไรแล้ว ฉันกับเธอเป็นแค่เรื่องที่ผ่านไปแล้ว”
ฉินวี่เฟยถอนหายใจยาวอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “แต่ว่า ฉันรู้สึกว่าตัวเองทำผิดกับเธอ เธอพูดถูกแล้ว……”
และในเวลานี้เอง ข้างนอกก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นมา
“นั่นไงเขา เขาอยู่นั่น” พวกข้างนอก พูดตะโกนออกมาพร้อมกับชี้มาทางหลี่ฝาง