NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่764 ตอนนี้เรียกพ่อได้แล้วใช่ไหม

บทที่764 ตอนนี้เรียกพ่อได้แล้วใช่ไหม

มู่เสี่ยวไป๋หน้าเสียสุดๆ ให้เขาเรียกหลี่ฝางว่าพ่อต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ มันทนทุกข์ยิ่งกว่าความตายซะอีก

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วพลางพูด:“แกก็แค่บังเอิญโชคดี และคนของฉันก็อาหารเป็นพิษพอดี ไม่งั้นแกจะชนะได้ยังไง?”

“บางทีแกอาจวางยาในอาหารของเขา แกถึงได้เป็นอย่างตอนนี้”

มู่เสี่ยวไป๋เถียงข้างๆคูๆ

หลี่ฝางรู้สึกหมดคำจะพูดทันที มู่เสี่ยวไป๋อ้างเหตุผลสารพัดเพื่อไม่ยอมรับ

“เป็นชายชาตรี แกเป็นลูกผู้ชายหน่อยได้ไหม พูดอย่างไรก็อย่างนั้น อย่าพอแพ้แล้วอ้างนู่นอ้างนี้ตลอด ทุกอย่างที่แกพูดมา อย่าว่าแต่ฉันเลย แกลองถามคนด้านหลังแกดูว่าเชื่อไหม?แถมยังบอกว่าฉันวางยาส้งผิงอีก ฉันรู้จักเขา?วันนี้ฉันกินข้าวกับเขางั้นเหรอ?”

หลี่ฝางขมวดคิ้วพูด:“พูดมั่วซั่วสุดๆ”

“ไม่ว่าจะพูดยังไง แกไม่ได้ทำให้ส้งผิงแพ้ แค่เมื่อกี้เขาไม่สบาย ดังนั้นครั้งนี้ไม่นับ เมื่อกี้แกพูดแล้วไม่ใช่เหรอ?ว่าฉันเลือกได้2คน ส้งผิงแค่หนึ่งคนในนั้น ฉันจะเลือกมาอีก1คน ถ้าแกยังชนะอีกฉันจะยอมรับความพ่ายแพ้”มู่เสี่ยวไป๋พูด

หลี่ฝางหัวเราะออกมา สีหน้าเย้ยหยัน

เห็นๆอยู่ว่าเมื่อกี้พูดว่าถ้าชนะส้งผิง มู่เสี่ยวไป๋ก็จะเรียกตนว่าพ่อ แต่ตอนนี้ตนต้องชนะอีกคนหนึ่งถึงจะนับ?

แต่หลี่ฝางยังไงก็ได้ จึงพยักหน้ายินยอม:“โอเค แกเลือกสิ”

มู่เสี่ยวไป๋หันไปมองชางสู่ ที่จริงถ้าตามเจตนาเดิมของมู่เสี่ยวไป๋คือเลือกชางสู่

ยังไงในบรรดาคนเหล่านี้ มู่เสี่ยวไป๋วางใจชางสู่ที่สุด

ถ้าชางสู่ลงมือด้วยตัวเอง จะไม่มีทางผิดพลาดเลย

แต่เป้าหมายที่ชางสู่มาในครั้งนี้คือจัดการโหจื่อ

มู่เสี่ยวไป๋เข้าใจดี ถ้าตนเลือกชางสู่ โหจื่อไม่อยู่เฉยแน่

ดังนั้นมู่เสี่ยวไป๋จึงทำได้เพียงเลือกคนอื่น

ชางสู่ขมวดคิ้ว สีหน้าค่อนข้างอึดอัด:“ผมจะเลือกให้คุณชายอีกคน”

“ไม่ต้องแล้ว ฉันเลือกเอง”

เห็นได้ชัดว่ามู่เสี่ยวไป๋อารมณ์เสีย เพราะเมื่อครู่ชางสู่เกือบทำเอามู่เสี่ยวไป๋ขายหน้าต่อหน้าทุกคน

มู่เสี่ยวไป๋กวาดตามอง หาคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม หมอนี่น่าจะสูงอย่างต่ำสัก190ซม. แถมรูปร่างสูงใหญ่ ดูน่ากลัวมาก

มู่เสี่ยวไป๋ชี้ไปยังคนตัวสูง มองเขาพลางถาม:“แกชื่ออะไร?”

“ผมชื่อส้งเป่าเอ๋อ”ชายร่างสูงพูด

มู่เสี่ยวไป๋มองบนใส่เขา:“แกตัวสูงขนาดนี้ ทำไมตั้งชื่อดูสาวขนาดนี้?ช่างเถอะ มานี่ซิ”

ส้งเป่าเอ๋อยังดูตกใจกลัวนิดหน่อย เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหลี่ฝางเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาไม่กลัวเด็กน้อยอย่างหลี่ฝางแน่นอน

แต่เมื่อครู่ที่ส้งผิงพ่ายแพ้ให้กับหลี่ฝาง

ผ่านไปนานแล้วส้งผิงยังจมอยู่กับพื้นเหมือนเดิม ไม่มีวี่แววว่าจะยืนขึ้นเลยแม้แต่น้อย

และส้งเป่าเอ๋อยังรู้ดีว่าส้งผิงได้อาหารเป็นพิษ เพราะวันนี้เขาสองคนกินอาหารเหมือนกัน

ถ้าอาหารเป็นพิษจริง แล้วทำไมตนถึงไม่เป็นอะไร?

อีกทั้งส้งเป่าเอ๋อและส้งผิงมาจากชนบท แม้ส้งผิงจะดูผอมแห้งแรงน้อยไปหน่อย แต่ทุกครั้งที่ต่อสู้ ส้งเป่าเอ๋อล้วนโดนส้งผิงอัดน่วมตลอด

ขนาดส้งผิงยังล้ม ส้งเป่าเอ๋อไม่มีความมั่นใจขึ้นมาทันที

“ฉันจะบอกให้นะ แกลุยเลย ไม่ต้องทำอะไรที่ไร้ประโยชน์ เพียงแค่แกชนะไอ้คนตรงหน้าได้ ฉันรับรองว่าต่อไปแกสุขสบายแน่นอน”

มู่เสี่ยวไป๋พูดกับส้งเป่าเอ๋อ

แม้ส้งเป่าเอ๋อค่อนข้างกังวล แต่เมื่อมองลูกพี่ใหญ่ชางสู่ แล้วหันไปมองมู่เสี่ยวไป๋ จึงทำได้แค่ฝืนสู้

ส้งเป่าเอ๋อไม่ประมาท เพราะเขารู้ดีว่าไม่ควรดูคนแค่ภายนอก

เขาและส้งผิง เป็นข้อโต้แย้งที่ง่ายที่สุด

ถ้าใครแข็งแกร่งกว่าคือคนนั้นเก่ง งั้นทำไมส้งผิงถึงรังแกตนซ้ำแล้วซ้ำเล่าล่ะ?

ส้งเป่าเอ๋อเดินเข้าไป มองหลี่ฝางด้วยท่าทางดุดันโหดร้าย

เขาจะไม่เป็นเหมือนส้งผิง ที่ใช้ลูกเล่นเยอะ และยอมให้หลี่ฝางออกก่อน2-3ท่า เมื่อเขาเดินไปตรงหน้าหลี่ฝางก็ลงมือทันที

ตอนนี้ถังหยู่ซวนและซินปาร้อนใจสุดๆ

แต่โหจื่อกลับผ่อนคลายและเรียบเฉยอย่างไร้ที่ติ

ภาพเมื่อครู่โหจื่อเห็นอย่างชัดเจน โหจื่อรู้ว่าหลี่ฝางได้รับสืบทอดเลือดของหลอซ่าแล้วจริงๆ

แม้หลี่ฝางในตอนนี้ยังไม่ได้รับการฝึกอย่างถูกต้อง และไม่สามารถใช้พลังของเลือดได้ แต่ถึงแม้ให้สู้กันมั่วไปสักยก คนอย่างส้งเป่าเอ๋อก็ทำอะไรหลี่ฝางไม่ได้หรอก

หลอซ่าเป็นคนน่ากลัว ที่สามารถฆ่ากลุ่มนักต่อสู้ยอดฝีมือได้ด้วยพลังของตนเพียงคนเดียว

อย่างส้งเป่าเอ๋อ ดีสุดก็แค่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงก็แค่นั้น

ส่วนมู่เสี่ยวไป๋กับชางสู่ ก็ยิ้มและหัวเราะกันอย่างมีความสุข ราวกับตอนนี้หลี่ฝางแพ้แล้วอย่างไรอย่างนั้น

และสายตาที่หลี่ฝางมองส้งเป่าเอ๋อดูกลัวเล็กน้อย ยังไงตัวสูงขนาดนี้คงรับมือกับคนอย่างหลี่ซ่วยซ่วย

ยืนตรงหน้าส้งเป่าเอ๋อ หลี่ฝางรู้สึกเหมือนเป็นเด็กตัวเล็กๆอย่างไรอย่างนั้น

ส้งเป่าเอ๋อปล่อยออกไปหนึ่งหมัด แต่หลี่ฝางไม่เลือกแข็งชนแข็ง เขาเลือกที่จะหลบหมัดอย่างสบายๆ

ส้งเป่าเอ๋อขมวดคิ้ว แล้วปล่อยหมัดจู่โจมต่อ ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้เท้า แต่ในสายตาหลี่ฝาง การเคลื่อนไหวเหล่านี้เหมือนช้าสุดๆ

หลี่ฝางหลบได้สบายๆ มองส้งเป่าเอ๋อพลาง:“ทำไมเคลื่อนไหวช้าจัง?”

ส้งเป่าเอ๋อที่ได้ยินการพูดเย้ยหยันแบบนี้ ก็โมโหขึ้นมาทันที ทันใดนั้น ส้งเป่าเอ๋อก็ปล่อยหมัดออกมาพร้อมกัน2ข้างและเพิ่มความเร็ว

ส่วนหลี่ฝางมองการเคลื่อนไหวเหล่านี้ เหมือนดูภาพสโลว์โมชั่นก็ไม่ปาน เขาเบี่ยงตัว ไม่เพียงหลบหมัดของส้งเป่าเอ๋อพ้น แถมยังไปประจันหน้ากับส้งเป่าเอ๋อ

หลี่ฝางยกขาถีบไปยังท้องน้อยของส้งเป่าเอ๋อ

ส้งเป่าเอ๋อสีหน้าเจ็บปวกมาก จากนั้นหลี่ฝางก็กระโดดขึ้น จับผมส้งเป่าเอ๋อ จากนั้นดึงลงไปด้านล่าง แล้วโยนลงไป

ในขณะเดียวกันหลี่ฝางก็ยกเข่าขึ้น ใช้เข่าเสยคางส้งเป่าเอ๋อ

ส้งเป่าเอ๋อโดนเต็มๆ ล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง เป็นลมหมดสติไป

และการกระทำนี้ไม่เพียงทำให้ถังหยู่ซวนกับซินปาตกตะลึง ยังทำให้มู่เสี่ยวไป๋กับชางสู่คาดไม่ถึงอีกด้วย

มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ฝางพลางกลืนน้ำลาย สีหน้าเขาดูแปลกๆ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากเชื่อสิ่งทั้งหมดตรงหน้า

เหมือนฝันไป

หลี่ฝางยิ้มเบาๆ รู้สึกได้ถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของร่างกายตัวเอง เขายิ้มอย่างใจเย็นพลางมองมู่เสี่ยวไป๋:“ตอนนี้เรียกพ่อได้แล้วใช่ไหม?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท