NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 768 คิดบัญชีกับมู่เสี่ยวไป๋

บทที่ 768 คิดบัญชีกับมู่เสี่ยวไป๋

มู่เสี่ยวไป๋สีหน้าตกตะลึง……..

การกระทำของหลี่ฝางนั้น มันเป็นการบีบให้เขาเดินไปสู่เส้นทางมรณะ………

แต่ว่าตัวเอง เดิมทีไม่ใช่เดินอยู่บนเส้นทางมรณะหรอกเหรอ?

หลี่ฝางมองดูสีหน้ามู่เสี่ยวไป๋ เขายิ้มเล็กน้อย ภายในรอยยิ้มแฝงไปด้วยจิตสังหาร “เป็นไงล่ะ ไม่กล้าเหรอ? หรือว่าไม่อยากจะไป?”

มู่เสี่ยวไป๋ส่ายหน้า “เรื่องที่คุณชายหลี่สั่งมา ผู้น้อยจะทำตามก็แล้วกัน”

เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ใบหน้าหลี่ฝางแสดงรอยยิ้มที่พอใจ “ไม่เลวเลย แกสามารถที่จะถอดหัวโขนของคุณชายมู่ออกได้อย่างรวดเร็ว รู้ว่าฐานะตัวเองตอนนี้เป็นอย่างไร ฉันชื่นชมมาก”

“ได้ ไปสิ แสดงฝีมือให้เต็มที่ อย่างน้อย นี่เป็นเรื่องแรกที่แกทำให้ฉัน ทางที่ดีที่สุด แกอย่าทำให้ฉันผิดหวังก็แล้วกัน”

หลี่ฝางพูดพลางทำตาหรี่แล้วยิ้มอย่างเย็นชา “ไม่เช่นนั้นแล้วล่ะก็ สิ่งที่จะสูญเสียไปไม่เพียงแค่ขาสองข้างเท่านั้น”

กลิ่นอายพิฆาตแผ่ซ่านตรงมา ทำให้มู่เสี่ยวไป๋สั่นสะท้านไปทั้งตัว

นาทีนี้เอง มู่เสี่ยวไป๋รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองเหมือนกำลังถูกหลี่ฝางบีบรัดอยู่ หลี่ฝางต้องการจะให้เขาตายตอนเวลาไหนก็ย่อมได้

มู่เสี่ยวไป๋พยักหน้า มองไปยังหลี่ฝางอย่างหมดเรี่ยวแรง แล้วพูดว่า “วางใจเถอะครับคุณชายหลี่”

หลังจากที่มู่เสี่ยวไป๋จากไปแล้ว ซินปาก็เดินมาตรงหน้าหลี่ฝาง ถามอย่างสงสัยว่า “คุณชาย คุณเชื่อใจเขาจริงเหรอ?”

“นั่นน่ะสิ เสี่ยวฝาง มู่เสี่ยวไป๋ไอ้เวรตะไลนี้ ปลิ้นปล้อนตลบตะแลงมาหลายครั้งหลายหนแล้ว คุณจะปล่อยเขาไปอย่างนี้เลยเหรอ? หากเขาพลิกลิ้นไม่รักษาคำพูดแล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?”

ถังหยู่ซวนก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน “เกรงว่าจะเป็นการปล่อยเสือกลับเข้าป่านะสิ”

มู่เสี่ยวไป๋หนีรอดจากเงื้อมมือของหลี่ฝางแล้ว ถ้าคิดจะจับเขากลับมาอีกครั้งก็คงยากแล้ว

มู่เสี่ยวไป๋สามารถที่จะฉวยโอกาสนี้กลับไปหามู่หรงฉางเฟิงท่านจวนและตระกูลตงฟางก็ได้ แล้วลืมข้อตกลงสามข้อที่สัญญากับหลี่ฝางไว้จนหมดสิ้น

แต่ว่าหลี่ฝางยิ้มด้วยความมั่นใจว่า “เขาไม่กล้าหรอก”

“อย่าลืมนะว่า ก่อนที่ส้าวส้วยจะจากไป เคยยื่นคำขาดกับคนบ้านตระกูลมู่ทุกคนแล้ว ฉันเชื่อว่า มู่เสี่ยวไป๋น่าจะยังจำเรื่องนี้ได้”

หลี่ฝางแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “อีกอย่าง ตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋ ยังจะมีคุณค่าอะไรที่ให้ตระกูลตงฟางเห็นความสำคัญอีก?”

“จางกงหมิงจากไปแล้ว หมาจื่อก็ถูกจับไปแล้ว ชางสู่ก็ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว ส่วนคนพวกนั้นของเขา ส่วนใหญ่ก็ถูกพวกเราซื้อมาหมดแล้ว ตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋ ยังเหลืออะไรอีก? ตระกูลมู่ยังมีทรัพย์สมบัติอะไรบ้างล่ะ?”

หลี่ฝางพูดอย่างดูถูกว่า “มู่เสี่ยวไป๋หมดสิทธิ์ที่จะกลับไปซุกปีกตระกูลตงฟางแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทรยศพวกเราอย่างแน่นอน”

ขอเพียงมู่เสี่ยวไป๋ไม่โง่เขลาเบาปัญญา งั้นเขาก็จะไม่ทรยศอย่างแน่นอน

แสงจันทร์สาดส่อง…….

ในยามค่ำคืน เป็นเวลาสำราญของพวกนักท่องราตรีทั้งหลาย ในเวลานั้นเองกลับมีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาด้วยอารมณ์ที่เกรี้ยวกราด

“อาหาวเหรอ? แกทำอะไรอ่ะ? พาคนมามากมายอย่างนั้น?”

อาหาวถือกระบองไว้ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

ถ้าหากเป็นเพียงแค่รอยยิ้มที่แปลกประหลาด ยามรักษาความปลอดภัยของบาร์เบียร์ คงจะไม่พบความผิดปกติอะไร แต่ว่ากระบองในมือของเขา และยังมีคนที่อยู่ข้างหลัง ก็เปิดเผยถึงจุดเป้าหมายของอาหาวออกมาทันที

อาหาวหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันก็มากินเหล้าสิ หรือจะให้มาบาร์เบียร์กินข้าวต้มรอบดึกล่ะ”

อาหาว ก็คือคนในจำนวนกลุ่มคนที่พึ่งออกมาจากไนต์คลับเมื่อครู่นี่เอง

“งั้นแกถือกระบองมาทำอะไร?”

ยามเฝ้าหน้าประตูก็ถามต่อว่า “บริษัทก็ดีต่อแกไม่เบาเลย แกคิดจะทำอะไรกันแน่?”

คนที่อยู่ข้างหลังคนหนึ่ง ยกกระบองขึ้นมา แล้วฟาดลงตรงศีรษะของยามเฝ้าประตูคนนั้น

“แม้ง มัวพูดไร้สาระกับเขาทำไมกัน จัดการให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย”

มีคนที่ทนรอไม่ไหว้แล้ว จึงลงมือวิ่งเข้าไปข้างในบาร์เหล้า

คนที่ตามหลังอาหาวนั้น มีประมาณ 20-30 คนได้

“แม้ง ข้างในอาจมีกล้องวงจรปิดด้วย ไอ้บื้อเอ๊ย ไม่รู้จักปิดหน้าก่อนหรือไง?” หลังจากที่อาหาวพูดคำด่าออกมาแล้ว ทุกคนที่อยู่ข้างหลังก็รีบใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าไว้ จากนั้นก็บุกเข้าไปโดยพร้อมเพรียงกัน

การกระทำคนพวกนี้ว่องไวมาก และแลดูสนุกสนานมาก มือข้างหนึ่งถือมือถือคอยถ่ายรูป มืออีกข้างหนึ่งก็คอยทุบทำลายข้าวของ

……

หลังจากห้านาทีผ่านไป ภายในห้องจองพิเศษ ไอ้เด็กซนและผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางกำลังนั่งดื่มเหล้าแก้เซ็งกันอยู่ ทันใดนั้น มีเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามา

“ชายน้อย แย่แล้ว มีคนมาทุบทำลายแหล่งบาร์เหล้า”

คนที่บุกเข้ามา พูดอย่างร้อนรนว่า “มู่เสี่ยวไป๋พาคนมาทุบทำลายแหล่งทำกินของพวกเราไปสิบกว่าแห่งแล้ว”

“อะไรนะ?”

ไอ้เด็กซนได้ยินคำพูดนี้แล้ว กระโดดลุกขึ้นยืนจากโซฟา เขามองหน้าคนนั้น แล้วถามอย่างเยือกเย็นว่า “แกพูดอีกทีสิ”

ที่จริงแล้ว ไอ้เด็กซนก็ได้ยินชัดเจนแล้ว เพียงแต่ว่า เขาไม่อยากจะเชื่อเท่านั้นเอง

มู่เสี่ยวไป๋จะกล้าหาญชาญชัยมาจากไหนกัน กล้าที่จะมาต่อกลอนกับท่านจวนเชียวเหรอ?

อีกอย่าง มู่เสี่ยวไป๋ในวันนี้ ไม่ใช่เหมือนกับตัวเองที่มีศัตรูเดียวกัน ก็คือหลี่ฝางเหรอ ?

หลังจากที่รอให้ลูกน้องพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่งแล้ว ไอ้เด็กซนก็เชื่ออย่างสนิท อย่างน้อย นี่ก็เป็นลูกน้องคนสนิทของเขาเอง ติดตามตัวเองมาตั้งหลายปีแล้ว และไม่เคยพูดโกหกเลย

อย่างน้อยก็ไม่เคยพูดโกหกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? คืนนี้มู่เสี่ยวไป๋ไม่ใช่จะไปฆ่าหลี่ฝางเหรอ? เขาทำไมถึงกลับมาบุกทำลายที่ทำมาหากินของพวกเราได้ล่ะ?”

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางขมวดคิ้ว ก็ไม่ค่อยเชื่อเหมือนกัน

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางมองไปยังคนที่เดินเข้ามาด้วยความสงสัย แล้วถามว่า “แกบอกว่ามู่เสี่ยวไป๋ทุบทำลายที่ทำกินของพวกเราหลายที่แล้วเหรอ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน? ข้างกายของมู่เสี่ยวไป๋ ก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น จางกงหมิงก็หนีไปแล้ว หมาจื่อก็ถูกจับแล้ว นับไปนับมา ก็ไม่ถึงร้อยคนเท่านั้นเอง อาศัยคนแค่หยิบมือเดียว ก็ทุบทำลายแหล่งทำมาหากินของพวกเราไปได้ถึงสิบกว่าแห่งเลย แล้วพวกยามเฝ้าประตูพวกเราล่ะ? แม้งตายไปไหนกันหมดแล้ววะ?”

“นั่นสิ มู่เสี่ยวไป๋มีคนมากมายขนาดนั้นมาจากไหนกัน?” ได้เด็กซนก็สงสัยขึ้นมา “แกถูกคนอื่นอำเล่นรึเปล่า?”

“ไม่มี จริงแท้แน่นอน มู่เสี่ยวไป๋เป็นคนที่บัญชาการอยู่เบื้องหลังจริงๆ คนของพวกเราก็เห็นกับตากันทั้งนั้น”

“พวกนั้นที่ตามมู่เสี่ยวไป๋มาทุบทำลายแหล่งทำกินของพวกเรา ไม่เพียงแต่เป็นคนของมู่เสี่ยวไป๋ ยังมีกลุ่มคนที่พวกเราเพิ่งจ้างมาใหม่ด้วย พวกเขาก็แปรพักตร์ไปหมดแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามู่เสี่ยวไป๋ให้ยาเสน่ห์อะไรพวกเขากิน พวกเขาฟังคำสั่งมู่เสี่ยวไป๋อย่างไม่ขัดขืนเลย”

“ต่อให้นับรวมพวกเศษสวะพวกนี้แล้ว ก็ไม่น่าเป็นไปได้นะ”

ไอ้เด็กซนก็ถามต่อไปว่า “พวกเขายังมีพรรคพวกที่อื่นช่วยอีกหรือเปล่า?”

“ใช่แล้ว อีกทั้งคนยังเยอะมากด้วย พวกเขาเข้ามาในแหล่งทำกินของพวกเรา ก็ลงมือทุบทำลายสิ่งของทั้งหมด อีกทั้งยังทำร้ายแขกประจำของเราไปด้วย ที่สำคัญที่สุดก็คือ คนพวกนี้ไร้มนุษยธรรมจริงๆ เห็นของอะไรที่มีค่า เขาก็ทุบทำลายอันนั้นเลย ฉันได้ยินมาว่า ตอนที่พวกเขาทุบทำลายข้าวของ ยังใช้มือถือของตัวเองถ่ายรูปที่ตัวเองทุบทำลายไว้ด้วย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาเล่นอะไรกันแน่”

ไอ้เด็กซนได้ฟังดังนั้นแล้วก็ขมวดคิ้ว

ไอ้เด็กซนมองดูผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง แล้วถามว่า “มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่นะ?”

ไอ้เด็กซนคิดแล้วก็ยังไม่เข้าใจ

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางก็รีบถามว่า “ฉันถามแกหน่อย งั้นตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋อยู่ที่ไหน?”

“ก็อยู่ที่จัตุรัสเย่หมิงจูแหละ คนส่วนใหญ่ที่ทุบทำลายแหล่งทำกินของพวกเราเสร็จแล้ว ต่างก็วิ่งไปรวมตัวอยู่ที่จัตุรัสเย่หมิงจู เข้าไปรายงานผลกับมู่เสี่ยวไป๋”

“ไป ไปหามู่เสี่ยวไป๋กัน”

ไอ้เด็กซนพูดว่า “แกกลับไปรวบรวมไพร่พล แล้วไปรวมตัวที่จัตุรัสเย่หมิงจู”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท