NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 755 ปากของผู้ชาย มีไว้หลอก

บทที่ 755 ปากของผู้ชาย มีไว้หลอก

พอได้ยินเสียงที่พร้อมเพรียงของพวกเขา ตอนนี้จางกงหมิงก็ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด

ยังไงซะ จางกงหมิงก็ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว เพื่อที่จะช่วยหลี่ฝางเขาไม่มีทาง เอาชีวิตของเพื่อนพ้องตัวเองไปเสี่ยงด้วย ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็ไม่คงไม่เหมาะสม

และหลี่ฝางในตอนนี้ ก็ซาบซึ้งอย่างสุดหัวใจ

หลี่ฝางมองพวกเขาด้วยใบหน้าที่ซาบซึ้ง แล้วพูดว่า “ขอบคุณเหล่าพี่ๆ แต่ว่าไม่เป็นไร ขอแกพวกคุณช่วยเหลือโหจื่อก็พอแล้ว”

พอหลี่ฝางพูดจบ ก็มองมู่เสี่ยวไป๋ด้วยความดูถูก แล้วพูดว่า “ฉันไม่เชื่อว่า พวกแกจะกล้าฆ่าฉัน”

“ได้ยินรึยัง? อย่าคิดที่จะยุ่งเรื่องของคนอื่นเลย คนเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกแกด้วยซ้ำ” มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะด้วยเสียงที่เย็นชา

ส่วนจางกงหมิงก็ไม่ได้คิดจะพูดให้มากความ สไลด์ไกปืนทันที ชี้ไปยังมู่เสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “ฉันถามแกแค่คำเดียว แกจะปล่อยคน หรือไม่ปล่อย?”

“จางกงหมิง แกอยากจะหาที่ตายจริงๆใช่ไหม?” สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋เต็มไปด้วยความเย็นชา “อาของแกตายไปแล้ว ถ้าเกิดตอนนี้แกมีเรื่องกับสี่ตระกูลใหญ่ ไม่มีใครสามารถปกป้องแกได้ด้วยซ้ำ”

“ให้เวลาสามวิ ถ้าเกิดแกไม่ยอมตอบคำถามของฉัน ฉันจะยิงปู่ของแกในทันที” จางกงหมิงพูดด้วยความเยือกเย็น

หลังจากที่จางกงหมิงพูดจบ ก็หันไปพูดกับนายท่านมู่ว่า “เห็นรึยัง? นายท่านมู่ นี่ก็คือหลานของคุณ คุณเอ็นดูหลานคนนี้มาหลายสิบปี ตอนนี้ชีวิตของคุณตกอยู่ในอันตราย แต่เขากลับไม่สนความเป็นความตายของคุณแม้แต่น้อย”

อย่างที่คิดไว้ หลังจากที่จางกงหมิงพูดจบ ใบหน้าของนายท่านมู่ ก็เผยความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน

แต่ว่า เวลานี้นายท่านมู่ กลับไม่ยอมเผยความไม่พอใจของตัวเองออกมา ยังไงซะ ไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตาย มันก็คืออยู่กับการตัดสินใจของมู่เสี่ยวไป๋

มู่เสี่ยวไป๋เม้มปาก มองไปยังจางกงหมิง “แกกล้าเหรอ!”

“หรือแกไม่กลัวว่าฉันจะยิงยิงจื่อทิ้ง?” มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยเสียงที่เย็นชา “ฉันรู้ดี ยิงจื่อเป็นผู้หญิงที่แกรักที่สุด เพื่อเธอแกเกือบจะ ร้องตะโกนจนคอแทบแตก”

มู่เสี่ยวเพิ่งพูดจบประโยค จางกงหมิงก็ยิงไปที่แขนของนายท่านมู่ ทำให้แขนของเขา มีรูเพิ่มขึ้นมา

ปากของนายท่านมู่ ได้ร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ก็ร้อนรนขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

หลังจากที่สิ้นเสียงร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวดของนายท่านมู่ ก็จ้องมองมู่เสี่ยวไป๋ด้วยความดุร้าย “ไอ้เด็กอกตัญญู รึแกอยากให้ฉันตายไปจริงๆ แกจะได้ยึดทรัพย์สมบัติของตระกูลมู่ใช่ไหม?”

“คุณปู่!”

มู่เสี่ยวไป๋สับสนเป็นอย่างมาก แถมยังกลัวอีกด้วย

ความเป็นจริง มู่เสี่ยวไป๋เป็นคนที่ใส่ใจครอบครัวของตัวเองเป็นอย่างมาก ถึงแม้เขาจะเป็นคนโลภ แต่ว่า เขาก็ไม่เคยคิดที่จะทำร้ายครอบครัวของตัวเอง

เขาไม่ใช่คนที่ทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน ก็เหมือนตอนนั้นที่มู่เหวินตงได้รับตำแหน่งให้สืบทอดเป็นเจ้าบ้านคนต่อไป ส่วนมู่เสี่ยวไป๋กลับไม่คิดที่จะเคียดแค้นแม้แต่น้อย

เพราะงั้นมู่เสี่ยวไป๋ในตอนนี้ ไม่มีทางที่เขาจะทำแบบนี้เพื่อให้ได้อำนาจของตระกูลอยู่บนมือตัวเอง แล้วให้จางกงหมิงยิงปู่ของตัวเองทิ้ง และยังมีพ่อแม่ของตัวเองอีก

เพียงแต่ว่า มู่เสี่ยวไป๋ไม่คิดว่าจางกงหมิงจะกล้าเหนี่ยวไกหรอก ยังไงซะไพ่ที่อยู่บนมือของเขา ก็ไม่ใช่น้อยๆ

และดูเหมือนว่า มู่เสี่ยวไป๋จะคิดผิดไปสักแล้ว จางกงหมิงกล้าเหนี่ยวไกปืนจริงๆด้วย

จางกงหมิงพูดต่อ “ทำไม ยังตัดสินใจไม่ได้อีกเหรอ? อยากให้ฉันเหนี่ยวไกต่อใช่ไหม?”

พอจางกงหมิงพูดจบ มู่เสี่ยวไป๋ก็รีบยกมือขึ้นมาห้าม แล้วพูดว่า “ฉันตกลง ฉันตกลงแกก็พอแล้วใช่ไหม”

“ฉันไม่เพียงแค่ปล่อยยิงจื่อ และยังจะปล่อยหลี่ฝาง แล้วก็โหจื่ออีกด้วย แต่แกต้องสัญญามาก่อน ว่าอย่าทำร้ายคนในครอบครัวฉันอีก”

หลังจากที่มู่เสี่ยวไป๋พูดจบ ก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรออกไป “พาผู้หญิงคนนั้นมาที่ถนนหมิงจู รีบหน่อย ถ้าเกิดภายในสิบนาทีฉันยังไม่เห็นพวกแก พวกแกก็เตรียมตัวตายได้เลย”

เวาลานี้ ดูเหมือนว่ามู่เสี่ยวไป๋จะถูกกำจุดอ่อนได้สักหน่อย

หลี่ฝางพอเห็นท่าทางที่ร้อนรนของมู่เสี่ยวไป๋ ทำให้รู้จุดอ่อนของมู่เสี่ยวไป๋

บางทีถ้าเกิดเป็นพวกมู่หรงฉางเฟิง เวลานี้คงจะเลือกที่จะใช้กำลังกับจางกงหมิง แต่มู่เสี่ยวไป๋นั่นไม่เหมือนกัน

มู่เสี่ยวไป๋ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัว มากยิ่งกว่า

นั่นสินะ ตอนนั้นเพื่อหลินชิงชิง มู่เสี่ยวไป๋ก็ทำเรื่องโง่ๆไปไม่น้อย คนแบบนี้ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นคนที่ให้ความสำคัญของคนในครอบครัว

เวลาค่อยๆผ่านไป และในเวลานี้ ชายชุดดำสี่คน ตอนนี้ก็ปรากฏตัวออกมาอยู่ตรงหน้าของหลี่ฝางแล้ว

มู่เสี่ยวไปไป๋ทำหน้าตึงเครียด เขาเคยได้ยินความน่ากลัวของชายชุดดำมาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะงั้นจึงไม่กล้าทำอะไรวู่วาบ หลังจากที่รอการมาถึงของยิงจื่อ มู๋เสี่ยวไป๋ก็หันไปพูดกับจางกงหมิงว่า “ตอนนี้คงได้เวลาที่แกจะปล่อยคนแล้วมั้ง”

จางกงหมิงพยักหน้า แล้วพูดว่า “ได้ ฉันจะปล่อยปู่แกไปก่อน จากนั้น แกก็ปล่อยตัวยิงจื่อมา”

มู่เสี่ยวไป๋ทำหน้าเครียด พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจว่า “เพื่ออะไร จะปล่อยก็ปล่อยทั้งหมดเลยสิ ฉันปล่อยยิงจื่อแล้ว แกก็ปล่อยคนในครอบครัวฉัน ออกมาทั้งหมดสิ”

“ถ้าเกิดฉันปล่อยเมียของแก แล้วเกิดแกไม่ยอมปล่อยพ่อแม่ฉันขึ้นมาจะทำยังไง?” มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูดว่า “แกกลัวอะไร? ตอนนี้แกมีคนเยอะขนาดนี้ แกยังกลัวว่าฉันจะเล่นตุกติกรึไง?”

“จะแลกก็แลก ถ้าเกิดแกไม่แลก งั้นฉันไปล่ะ” จางกงหมิงพูดออกมาพร้อมกับจับตัวของนายท่านมู่

ใจของมู่เสี่ยวไป๋ ดำดิ่งลงไปจนสุดแล้ว

ตอนนี้ หลี่ฝางรอจนชายชุดดำมาแล้ว หรือก็คือ ต่อให้จางกงหมิงจะลงมืออีกครั้ง ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถแตะต้องหลี่ฝางได้

และบนมือของตัวเอง เกรงว่าไพ่ใบเดียวที่มีอยู่ ก็คือยิงจื่อแค่คนเดียวแล้ว

เพราะงั้น ตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋ จึงร้อนรนมากกว่าเดิม

มู่เสี่ยวไป๋ถอนหายใจ แล้วพูดว่า “ได้ ฉันตกลง”

“แกอย่าคิดจะเล่นตุกติกอะไรล่ะ ถ้าเกิดแกเล่นตุกติก ฉันสาบาน ต่อให้แกหนีไปจนสุดขอบโลก ฉันก็จะไล่ฆ่าแกไปให้ถึงที่สุด” มู่เสี่ยวไป๋พูดพร้อมกับมองจางกงหมิง ด้วยรังสีอาฆาต

จางกงหมิงไม่ได้สนใจเขา แต่จับตัวของนายท่านมู่ แล้วเดินมาอยู่ตรงหน้าของจางกงหมิง

“ยังไม่ปล่อยมืออีก?” พอเห็นคนที่จับตัวของยิงจื่อ จางกงหมิงก็พูดด้วยเสียงที่เย็นชา

คนๆนั้นมองมู่เสี่ยวไป๋แวบนึง พอมู่เสี่ยวไป๋พยักหน้า คนๆนั้นจึงยอมปล่อยมือ

วินาทีที่เห็นคนๆนั้นปล่อยมือ จางกงหมิงก็ยกปืนขึ้นมา เล็งไปที่หัวสมองของคนๆนั้น แล้วเหนี่ยวไกปืนทันที

และในเวลานี้ ทุกคนต่างก็แตกตื่นขึ้นมาทันที

จางกงหมิงหัวเราะ แล้วพูดว่า “ไม่ต้องแตกตื่น ฉันแค่ฆ่าลูกกะจ๊อกคนนึงก็เท่านั้นเอง”

ต่อมา มุมปากของจางกงหมิง ก็เผยรังสีที่เยือกเย็นออกมา “กล้าแตะต้องผู้หญิงของฉัน รนหาที่ตายซะแล้ว!”

มู่เสี่ยวไป๋มีใบหน้าที่ดำมืด แต่ก็ไม่พูดอะไร

จางกงหมิงผลักนายท่านมู่ ให้กับมู่เสี่ยวไป๋ มู่เสี่ยวไป๋รับคุณปู่มู่ของตัวเอง แล้วรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณปู่ ผมจะรีบพาคุณไปโรงบาล”

“ถ้าเกิดแกตกลงแต่แรก กระสุนนัดนี้ ฉันก็คงไม่ต้องรับ” นายท่านมู่ก็ยังพูดด้วยความโกรธเล็กน้อย

มู่เสี่ยวไป๋ก้มหน้ารับ ไม่ได้พูดอะไรออกมา

นายท่านมู่ก็อายุปูนนี้แล้ว ถึงแม้จะดูแลร่างแกเป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่สามารถทนรับกระสุนได้อยู่ดี

ครั้งนี้ ชีวิตของนายท่านมู่ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก

นายท่านมู่ถูกคนพาไปส่งโรงบาล ส่วนจางกงหมิงที่ได้ตัวของยิงจื่อ ก็กลับไปที่หน้ารถของตัวเอง

“ยังไม่ปล่อยพ่อแม่ฉันอีก?”

มู่เสี่ยวไป๋ถามด้วยเสียงที่เย็นชา จางกงหมิงพยักหน้า แล้วพูดว่า “เรื่องปล่อยน่ะปล่อยแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ รอให้ฉันกลับไปยังที่ๆปลอดภัยก่อน คอยปล่อยก็ยังไม่สาย”

“ดูแกสิมีคนเยอะขนาดนี้ ฉันมีคนแค่ไม่กี่คน ถ้าเกิดฉันปล่อยพ่อแม่ของแกไปแบบนี้ งั้นฉันคงจบสิ้นแล้วถูกไหม?” จางกงหมิงพูดด้วยเสียงหัวเราะ

“แกมันคนไร้ยางอาย แกคิดจะเล่นจิตวิทยากับฉันงั้นเหรอ?” สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ดำดิ่งลงไปจนสุด กำปั้นของเขา ก็กำแน่นในเวลาเดียวกัน

ถ้าเกิดสายตาสามารถฆ่าคนได้ล่ะก็ งั้นมู่เสี่ยวไป๋ในเวลานี้ คงจะสับจางกงหมิงเป็นหมื่นๆชิ้นแล้ว

มู่เสี่ยวไป๋พูดกับจางกงหมิงว่า “แกปล่อยพ่อแม่ของฉันซะ ฉันจะไม่แตะต้องแก และจะไม่แตะต้องเพื่อนพ้องของแกแม้แต่คนเดียว ฉันมู่เสี่ยวไป๋พูดคำไหนคำนั้น”

จางกงหมิงส่ายหัว แล้วพูดว่า “แต่ฉันไม่เชื่อแก”

“ปากของผู้ชาย มีเอาไว้หลอก”

จางกงหมิงหัวเราะ แล้วส่งสายตาไปหาอู๋เฟย จากนั้นอู๋เฟยก็เอาพ่อแม่ของมู่เสี่ยวไป๋ เข้าไปข้างในรถ

จางกงหมิงมองไปยังหลี่ฝางแล้วพูดว่า “เสี่ยวฝาง ขึ้นมานั่งบนรถด้วยกันสิ”

รถของหลี่ฝาง ถูกเซี่ยจือชิวชนเข้าเต็มๆ ดูเหมือนว่าจะขับต่อไม่ได้แล้ว หลี่ฝางพยักหน้า โอบไหล่ของโหจื่อ จากนั้นก็เดินเข้าไปข้างในรถของจางกงหมิง

ตอนที่ขึ้นไปบนรถ หลี่ฝางก็หันไปพูดกับมู่เสี่ยวไป๋ว่า “มู่เสี่ยวไป๋ ฉันจะให้โอกาสแกสักครั้ง ภายในสามวันนี้ ออกไปจากเมืองเอกซะ ไม่งั้นล่ะก็ ฉันจะฆ่าแกอย่างแน่นอน”

พอหลี่ฝางพูดจบ ก็ขึ้นไปบนรถ แล้วออกไปพร้อมกับจางกงหมิง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท