NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 770 หมัดเหล็กของหลี่ฝาง

บทที่ 770 หมัดเหล็กของหลี่ฝาง

“พี่เด็กซนครับ ปล่อยฉันไปเถอะ” มู่เสี่ยวไป๋คุกเข่าลงตรงหน้าไอ้เด็กซน มองหน้าเขาด้วยสีหน้าที่อ้อนวอน

“ปล่อยแกไปเหรอ? คืนนี้แกพาคนมาทุบทำลายแหล่งทำกินของพวกฉันไปสิบกว่าแห่ง

ทั้งหมดพังยับเยินจนทำธุรกิจไม่ได้อีกเลย แม้กระทั่งลูกค้าประจำของพวกเรา แกก็ยังไม่ละเว้น”

ไอ้เด็กซนพูดอย่างเย็นชาว่า “แกคิดว่า ฉันควรจะปล่อยแกไปงั้นเหรอ?”

“ถ้าฉันปล่อยแกไปอย่างนี้ พ่อบุญธรรมฉัน จะละเว้นฉันไหมล่ะ?” ไอ้เด็กซนท่าทีเคร่งขรึม “พ่อบุญธรรมฉันสั่งให้ดูแลแหล่งที่ทำกินพวกนี้ให้ดี ตอนนี้แหล่งทำกินพวกนี้กลายเป็นสถานที่ทิ้งขยะไปหมดแล้ว เรื่องนี้ถ้าลือไปถึงหูท่านแล้ว แกจะให้ฉันชี้แจงท่านยังไงล่ะ”

“แกนี่ไอ้สาระเลว!”

ไอ้เด็กซนยิ่งพูดยิ่งโมโห ใช้ขาถีบไปที่มู่เสี่ยวไป๋จนล้มหงายไม่เป็นท่า

“โคตรแม้งเอ๊ย!”

จากนั้นไอ้เด็กซนก็ใช้ขาเตะไปยังขาอีกข้างหนึ่งของมู่เสี่ยวไป๋

จากนั้นเสียงกระดูกหักดังแกร๊ก ขาอีกข้างหนึ่งของมู่เสี่ยวไป๋ก็ถูกทำร้ายจนหักไปเลย

“ฉันแม้งไม่เข้าใจจริงๆเลย แกคิดยังไงถึงได้นับถือหลี่ฝางไอ้เศษสวะนี้เป็นลูกพี่ แม้งเอ๊ย ฉันได้ข่าวมาว่าระหว่างพวกแกมีความขัดแย้งอย่างลึกซึ้งไม่ใช่เหรอ? คนของแกไม่ใช่ถูกหลี่ฝางแย้งไปแล้วเหรอ? พี่ชายแก ไม่ใช่ถูกคนของหลี่ฝางทำร้ายจนพิการเหรอ?”

ไอ้เด็กซนส่ายหน้า คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ

“ยังมีพวกแก มู่เสี่ยวไป๋ไอ้หมอนี่สมองเลอะเลือน แล้วพวกแกก็เลอะเทอะตามไปด้วยเหรอ?”

“ในเมืองเอกนี้ พ่อบุญธรรมของฉันถึงจะเป็นพระเจ้า เข้าใจไหม?”

ไอ้เด็กซนกัดฟัน กำหมัดไว้แน่นแล้วพูดว่า “พวกแกไอ้งั่งทั้งหลาย รู้หรือเปล่าว่าคืนนี้ทำอะไรลงไปบ้าง?”

“พวกแกทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อบุญธรรมฉันอุตส่าห์ลำบากสร้างมากับมือ”

“พวกแกไอ้พวกฉิบหาย”

ไอ้เด็กซนยิ่งคิดยิ่งโมโห สำหรับไอ้เด็กซนแล้ว คนพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้า ล้วนเป็นคนชนชั้นต่ำสุดในสังคมทั้งนั้น

แต่ว่าคนพวกนี้ ทำลายธุรกิจของตัวเองจนเสียหายยับเยิน

“พวกแกรู้ไหมว่าคืนนี้ข้าวของที่พวกแกทุบทำลาย มันมีมูลค่าเท่าไร” ไอ้เด็กซนพูดอย่างเย็นชาว่า “ติดต่อคุณหมอถัง ให้เขามาที่นี่หน่อย”

“ไตจำนวน100อัน ก็น่าจะชดใช้ของที่เสียหายบางส่วนได้ ส่วนที่เหลือนั้น มู่เสี่ยวไป๋ ให้ตระกูลมู่พวกแกมาชำระหนี้ก็แล้วกัน

“พรุ่งนี้ตอนเช้าตรู่ ฉันจะตรวจสอบค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้ แล้วจะให้จำนวนตัวเลขที่แน่นอนกับแก ถึงเวลานั้น ฉันไม่สนว่าตระกูลมู่พวกแกจะขายหุ้นก็ดี ขายสมบัติตระกูลก็ดี ยังไงก็ตาม ต่อให้ต้องชดใช้ทั้งตระกูลมู่ แกก็จะต้องรวบรวมให้ครบตามยอดจำนวนเต็มคืนให้ฉัน”

ไอ้เด็กซนพูดอย่างเย็นชา

“เอาคนพวกนี้กลับไปให้หมด คืนนี้จะให้คุณหมอถังพาผู้คนมามากหน่อย ขอเพียงแต่ไม่ทำให้ถึงขั้นเสียชีวิต อวัยวะภายในที่ขายได้ ก็เอามันออกมาให้หมด”

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางพยักหน้า แล้วพูดว่า “ฉันโทรศัพท์หาคุณหมอถังแล้ว เขาบอกว่าอีกสักครู่ก็จะมาถึงแล้ว”

ได้ยินคำพูดนี้แล้ว กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังมู่เสี่ยวไป๋ ตกใจตรงท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด

พวกเขาเพิ่งจะได้รับเงินจากหลี่ฝางมาหนึ่งหมื่นหยวน ไม่คิดเลยว่าจะต้องแลกกับไตข้างหนึ่งของตัวเอง มันไม่คุ้มค่ากันจริงๆ!

และในเวลานั่นเอง มีรถเบนซ์สองคัน วิ่งตรงมาเข้ามา

หลี่ฝางเปิดประตู เดินลงมาจากรถ

“ฉันมาสายไปหรือเปล่า?”

หลี่ฝางเดินเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน มองดูขาที่หักทั้งสองข้างของมู่เสี่ยวไป๋ ได้แต่ยิ้มเล็กน้อย “ใครทำร้ายจนขาทั้งสองข้างของแกหักล่ะ?”

“ฉันเอง” ไอ้เด็กซนมองดูหลี่ฝางด้วยท่าทีหยิ่งยโสโอหัง

หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “งั้นฉันต้องขอขอบคุณแกมากเลย ฉันจะได้ไม่ต้องเสียแรงลงมือเอง”

จากนั้น หลี่ฝางหันหน้ากลับมา มองดูกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดว่า “พวกแกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“คุณชายหลี่ คุณก็ต้องช่วยพวกเราด้วยนะ พวกเขาติดต่อหมอที่ตลาดมืด จะเอาไตของพวกเราออกไปขาย” คนพวกนี้ก็ร้องห่มร้องไห้พูดทั้งน้ำตา

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกแกมาอยู่กับฉันแล้ว ฉันก็ต้องมีหน้าที่ปกป้องพวกแกอย่างเต็มที่อยู่แล้ว”

“หลี่ฝาง ในเมื่อแกมันรนมาหาที่เอง งั้นก็อยากโทษพวกฉันเลยนะ”

ไอ้เด็กซนส่งสายตาให้ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางรีบตอบรับ ตรงเข้าชกหมัดไปยังหลี่ฝาง

“มวยทหารเหรอ?”

หลี่ฝางส่งยิ้มเล็กน้อย “พอดีฉันก็เป็นเหมือนกัน”

เสียงหมัดชนกันดังปั้ง หมัดของผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางที่ชกออกไป กำปั้นของหลี่ฝางก็รีบสวนเข้าไปทันที

การชกของผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางออกหมัดได้เร็วมาก และหนักหน่วงมาก แต่ว่าหลี่ฝางกลับรับมันไว้อย่างง่ายดาย

มองดูหลี่ฝางยกกำปั้นขึ้นมารับไว้ ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางก็พูดว่า “รนหาที่ตาย!”

สีหน้าของผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางแสดงออกถึงการดูถูกเหยียดหยาม เขารู้ว่า มวยทหารของหลี่ฝางนั้น จะต้องเรียนจากการฝึกทหารของโรงเรียนแน่นอน

ส่วนผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางคนนี้ เขามีประสบการณ์ในการต่อสู้มาสิบกว่าปีแล้ว

ไอ้เด็กซนก็ส่ายหน้า ยิ้มอย่างดูถูก “เล่นอะไรกันวะ? ตระกูลหลี่ไม่มีคนอีกแล้วเหรอ? ถึงกับต้องให้เขามารนหาที่ตาย”

เสียงดังปั้ง กำปั้นของหลี่ฝาง และกำปั้นของผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง ปะทะกันอย่างแรง

เกิดกระแสลมปราณไหลเป็นสายจากแขนไปยังกำปั้น จากนั้นก็ทะลุผ่านเข้าสู่กำปั้นของผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางเหลือกตาขึ้น รู้สึกว่าแขนของตัวเองชาไปหมดทั้งแขน ดูเหมือนว่าถูกกระแทกจนแหลกละเอียด

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางถอยหลังไปหลายก้าว ไอ้เด็กซนก็รีบพยุงตัวเขาเอาไว้

แขนของผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง สั่นสะท้านไม่หยุดหย่อน เขากัดฟันไว้แน่น สีหน้าแสดงความเจ็บปวดจนเหงื่อออก “แขนของฉัน รู้สึกจะหักแล้ว”

“อะไรนะ?” ไอ้เด็กซนขมวดคิ้ว แสดงท่าทีตกตะลึง

“ยกไม่ขึ้นแล้ว” ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางลองยกแขนตัวเองดู แต่ว่าไม่สามารถใช้แรงกับแขนของตัวเองแม้แต่นิดเดียว

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางรู้ดีว่า แขนของตัวเองนั้น ตอนนี้หักไปเรียบร้อยแล้ว

หลี่ฝางมองหน้าผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง แล้วยิ้มเล็กน้อย “มาสู้ต่อสิ”

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางใช้สายตาที่แปลกประหลาดมองดูหลี่ฝาง แล้วพูดกับไอ้เด็กซนว่า “ในตัวไอ้เด็กนี่ มันดูแปลกประหลาด”

“แปลกประหลาด? แปลกประหลาดอะไรเหรอ?

ไอ้เด็กซนรีบถาม

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางพูดว่า “กำปั้นของเจ้าเด็กนี่ แข็งเหมือนเหล็กกล้าเลย เมื่อกี้ฉันชกหมัดลงไป รู้สึกว่าข้อต่อของตัวเอง แตกละเอียดไปหมดแล้ว ฉันใช้แรงมากเท่าไหร่เขาก็คืนกลับมาให้ฉันเท่านั้น”

“แกพูดซี้ซั้วอะไรเนี่ย”

ไอ้เด็กซนมองค้อนผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง แล้วพูดว่า “แขนของไอ้เด็กนี่ หรือว่าจะกลายเป็นแขนหุ่นยนต์ไปแล้วอย่างนั้นเชียว?”

พูดจาเหลวไหลทั้งเพ ไอ้เด็กซนมองหน้าผู้ชายที่สวมเสื้อลายพราง แล้วพูดว่า “เป็นเพราะแกเมื่อกี้ ไปทุบตีคนอื่นหรือเปล่า ทำให้เอ็นข้อมือซ้น ดังนั้นจึงทำให้เกิดสภาพแบบนี้ขึ้นมาได้?”

“ก็……ก็อาจเป็นไปได้” มองดูแขนของหลี่ฝางที่อยู่ในสภาพปกติ นี่ก็คือแขนของคน ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางก็มีความรู้สึกเหมือนเกิดอาการหลอนชั่วแวบเดียว

“ฉันจะลองอีกครั้งหนึ่ง?”

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางไม่ยอมแพ้ และไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เขามองดูหลี่ฝาง แล้วพูดกับไอ้เด็กซนว่า “เมื่อกี้สงสัยจะเห็นผีล่ะมั้ง ไอ้เด็กกะโปโลอย่างนี้ ปกติฉันใช้แค่นิ้วเดียวก็ดีดกระเด็นออกไปได้แล้ว”

“ได้สิ ไปหักคอเขาเลย พวกเราจะได้มีผลงานไปรายงานพ่อบุญธรรม ไม่เช่นนั้นล่ะก็ คืนนี้เกิดความเสียหายใหญ่โตขนาดนี้ พ่อบุญธรรมจะไม่ปล่อยพวกเราไปง่ายๆอย่างแน่นอน” ไอ้เด็กซนตบไหล่ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางเบาๆ ให้เขาไปลองดูอีกครั้ง

ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางก็รู้ดีว่าค่ำคืนนี้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงขนาดนั้น ถ้าหากท่านจวนจะถือโทษโกรธลงมาล่ะก็ จะต้องถูกลงโทษไม่เบาอย่างแน่นอน ดังนั้น ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางจึงคิดจะสังหารหลี่ฝาง เพื่อจะได้สร้างผลงานไปทดแทนความผิดต่อไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท