NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่784 แกล้งทำเป็นสัตว์ป่าอะไรกันล่ะ

บทที่784 แกล้งทำเป็นสัตว์ป่าอะไรกันล่ะ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง
บทที่784 แกล้งทำเป็นสัตว์ป่าอะไรกันล่ะ
วินาทีเมื่อกี๊ โหจื่อเกือบจะเอาหลี่ฝาง เป็นหลอซ่าไปแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงของการพูด หรือหน้าตา หลี่ฝาง ก็เหมือนหลอซ่ามาก

จู่ๆโหจื่อก็หัวเราะออกมา มองไปที่หลี่ฝาง แล้วพูด:“บางที ผมควรจะเชื่อคุณ”

“คุณเติบโตแล้ว คุณไม่ใช่หลี่ฝางที่เป็นเด็กน้อยนั่นอีกต่อไป คุณในตอนนี้ ไม่ต้องการการปกป้องของพวกเราอีกแล้วจริงๆ”โหจื่อเผชิญหน้ากับหลี่ฝางที่เติบโตมีพลังเต็มที่ ก็พูดด้วยความชื่นชม

หวางเชา หม่าเฟิง หมาป่าขาว เหยโก่ว……

ใครบ้างที่ไม่ถูกหลี่ฝางทำร้ายบาดเจ็บสาหัส หรือว่าตายบ้าง?

พอคิดถึงตรงนี้ โหจื่อก็ถอยหลังไปสองสามก้าว

โหจื่อคิดว่า ตัวเองประเมินหลี่ฝางต่ำไป

บางที หลี่ฝางอาจจะไม่ใช่เด็กน้อยอ่อนแออย่างที่ตัวเองคิดไว้ก็ได้ ที่ตัวเขา เต็มไปด้วยความอัศจรรย์

“ผมจะไปช่วยลุงเฉียน ผู้ชายคนนั้น ส่งต่อให้คุณแล้ว ระวังหน่อยนะ เขาคือปรมาจารย์”โหจื่อพูดเตือนหลี่ฝาง

“ความแข็งแกร่งของเขา จนตอนนี้ผมก็ยังไม่อาจเข้าใจได้”โหจื่อขมวดคิ้วแล้วพูด

ยังไง ชีซานในตอนนี้ ก็ไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งทั้งหมดของตัวเองออกมา

จากระดับของโหจื่อ ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ชีซา ใช้กำลังทั้งหมดออกมาอย่างไม่ออมมือ

แน่นอนว่า ที่จริงชีซาเริ่มแสดงออกมาแล้ว ก็แค่ จู่ๆหลี่ฝางก็เข้ามาเข้าร่วมด้วย

โหจื่อถอยหลังไปหลายก้าว ถือกระบี่อ่อน พุ่งมาทางลุงเฉียน เขาจะช่วยลุงเฉียน

ชีซาเห็นศัตรูของตัวเองเปลี่ยนคน ก็ยิ้ม แล้วพูดว่า:“ที่คุณเพิ่งใช้ไปเมื่อกี๊ เป็นกำลังภายในจริงๆเหรอ?”

จนกระทั่งตอนนี้ ชีซายังมีความสงสัยหน่อยๆ

หลี่ฝางพยักหน้า พูดว่า:“ใช่ ถ้าคุณไม่อยากตายล่ะก็ ผมแนะนำคุณทางที่ดีควรออกไปจากที่นี่”

“เหอะเหอะ ในเมื่อคุณเป็นปรมาจารย์กำลังภายในแล้วยังไง?คุณอยู่ห่างจากปรมาจารย์ที่แท้จริง นั้นไกลมาก ปรมาจารย์ที่แท้จริง แข็งแกร่งกว่าคุณเยอะเลย พวกเขาทำได้ถึง ฆ่าคนกลางอากาศ”

ชีซาพูดอย่างดูถูก:“อย่างคุณ ยังทำไม่ได้ถึงจุดนี้สินะ”

“แล้วก็นะ แม้แต่หมาป่าขาว คุณยังรับมือโดยใช้แรงมากขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ว่าหมาป่าขาวหละหลวม โดนคุณหลอก เขาคงไม่แพ้อย่างน่าอนาถขนาดนี้”

“เหยโก่วคนเดียว คุณยังต้องร่วมมือกับอีกคน ถึงจะชนะได้”

ชีซาหัวเราะเหอะเหอะออกมา หัวเราะอย่างดูถูกมาก:“มีแค่ความแข็งแกร่งนี้ ก็อยากจะให้ผมยอมแพ้?”

“นอกจาก คุณจะสามารถเอาความแข็งแกร่งที่แท้จริงของปรมาจารย์กำลังภายในออกมา”ชีซาพูดอย่างเย็นชา

ส่วนหลี่ฝางในตอนนี้ ก็กำหมัด กำลังภายในที่ตัว มาอยู่บนหมัดของตัวเอง

ถ้าหากพูดถึงประสบการณ์ต่อสู้ ถึงหลี่ฝางจะฝึกมากกว่าสิบปี เกรงว่าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชีซา

ดังนั้น เขามีวิธีเดียวที่จะชนะ นั่นก็คือมาต่อสู้กัน

หมัดของตัวเอง ปล่อยไปที่หมัดของชีซา

แบบนี้ หลี่ฝางก็จะมีความมั่นใจ ทำร้ายชีซาบาดเจ็บสาหัส

แต่ว่า ตอนหลี่ฝางยกหมัดขึ้นมา ตอนที่หมัดจะทุบไป ชีซากลับหลบได้พอดี

หลี่ฝางมองอย่างละเอียด ความเร็วของชีซานี้ กับความเร็วของตัวเองแล้ว ห่างกันนิดหน่อย

และความได้เปรียบความเร็วอันน้อยนิดนั้น ทำให้หลี่ฝางมีความโชคดีอย่างคาดไม่ถึง

แต่ว่า ชีซากลับจับการกระทำของตัวเองได้ ก่อนที่หลี่ฝางจะลงมือ เขาก็คิดถึงมาตรการรับมือนี้แล้ว

หลี่ฝางมองชีซา ก็ตะลึงเล็กน้อย:“คุณทำได้ยังไง?ถ้าผมดูไม่ผิดล่ะก็ คุณมองการกระทำของผมทะลุปรุโปร่ง”

ชีซาส่ายหน้า มองหลี่ฝางอย่างเหยียดหยาม:“ไม่รู้เลยจริงๆว่าคุณฝึกกำลังภายในได้ไง สามัญสำนึกอันเล็กน้อยนี้ ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?นักศิลปะการต่อสู้ทุกคน เวลาเนิ่นนาน ก็จะมีสัมผัสที่หกกันทั้งนั้น และท่ามกลางการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน ทุกคนล้วนแต่ใช้สัมผัสที่หก มาหลบการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามกันทั้งนั้น คุณคงจะไม่บอกผมหรอกนะว่า แม้แต่สิ่งนี้คุณก็ไม่รู้น่ะ?”

“เอาแต่รอให้คุณเห็นแล้วค่อยโต้กลับอะไรนั่น คุณก็ตายนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว”ชีซาพูดอย่างเย็นชา

และสัมผัสที่หกนี้ หลี่ฝางไม่มีเลย

แบบนี้ ชีซานั้นรับมือด้วยยากมาก เหมือนว่าเขาไม่ได้จะต่อสู้กับตัวเองเท่าไหร่

แล้วจะทำยังไงล่ะ?

หลี่ฝางก้าวเข้าไป ความเร็วนั้นว่องไวมาก แต่ชีซาก็ยังหลบได้อย่างง่ายได้

“แม้แต่การเคลื่อนไหวหลอกๆคุณยังทำไม่ได้ เหมือนกับเป็นมือใหม่ ตอนนี้ผมยิ่งสงสัยแล้วว่า กำลังภายในของคุณ พึ่งพาของนอกกายอย่างอื่นใช่ไหม?”

ชีซาหรี่ตาลง ถามอย่างเย็นชา:“อย่างเช่นยานั้นที่คนนั้นเพิ่งใช้ไป”

“คุณเพิ่งต่อสู้แค่ไม่กี่ครั้ง”ชีซาตัดสินออกมา มองพื้นเพของหลี่ฝางอย่างปรุโปร่ง

ก่อนที่หลี่ฝางจะลงมือ ก็เผยให้เห็นท่าของศิลปะการต่อสู้ของตัวเอง นี่คือข้อห้ามที่สำคัญ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเผชิญหน้ากับชีซาปรมาจารย์ระดับต้นๆแบบนี้

เห็นหลี่ฝางไม่ตอบ ชีซาก็มีสีหน้าหม่นลงทันที มุมปากหัวเราะอย่างเย็นชา:“โอเค ในเมื่อคุณไม่ยอมพูด งั้นเดี๋ยวผมจะบังคับให้คุณพูด”

หลี่ฝางพูดว่า:“โอเค ผมกลับอยากเห็นว่า คุณจะชนะผมยังไง”

หลี่ฝางไม่อาจจะทำอะไรชีซาได้ แต่ว่า หลี่ฝางก็ไม่คิดว่า ชีซาจะสามารถชนะตัวเองอย่างง่ายดาย

ยังไง ในระดับความเร็วแล้ว หลี่ฝางก็ได้เปรียบแน่นอน

ชีซาหัวเราะหึหึ วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาลอยขึ้นมา เตะกลางอากาศ หลี่ฝางก้มลง หลบอย่างง่ายดาย ใครจะไปรู้ว่าขาอีกข้างของชีซา หมุนทางอากาศอีกครั้ง แล้วเตะเข้ามาอีกรอบ

หลี่ฝางหลบอีกครั้ง เกือบจะถูกเตะ ตอนที่หลี่ฝางคิดว่าตัวเองใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว สองขาของชีซา ก็เตะเข้ามาพร้อมกัน

หลี่ฝางรีบยกแขนขึ้น ใช้แขนป้องกันขาทั้งสองข้างของชีซา

ใช้ความช้าที่ร่างกายตกลงมาจากฟ้า พลังเท้าของชีซา เพิ่มเยอะขึ้นอย่างไม่อาจมองเห็น

หลี่ฝางถอยออกไปหลายก้าว เกือบจะโซเซล้มลงไปที่พื้น โชคดีที่ชนไปที่ต้นไม้

ชีซายิ้ม มองหลี่ฝาง แล้วพูด:“คุณยังห่างอีกไกล”

พูดไป ชีซาก็เอาขาเตะเข้าไป ด้วยความเร็วที่ว่องไว ทำให้หลี่ฝางรู้สึกถึงความกดดันขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองขาของชีซา ไม่อาจคาดเดาได้

หลี่ฝางรับมือไม่ได้เลย ถึงแม้หลี่ฝางจะเห็นการกระทำของชีซาอย่างชัดเจน แต่ปรับเปลี่ยนไปไวมาก เลยรับมือไม่หวาดไม่ไหว

หลี่ฝางโดนโจมตีใส่เท้าอย่างต่อเนื่อง แต่ความสามารถการต่อต้านด้านการต่อสู้ของร่างกาย กลับได้รับผลลัพธ์ที่ดีอย่างมาก

ถึงแม้หลี่ฝางก็เจ็บปวด แต่ว่า กลับไม่มีสัญญาณที่จะล้มลง

ชีซาขมวดคิ้ว มองหลี่ฝาง:“ร่างกายคุณทำมาจากทองแดงหรือไง?ทำไมโดนทำร้ายขนาดนี้ ก็ยังไม่เป็นไร?”

ชีซาก็พูดไม่ออก นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงล้มลงพื้น ยืนไม่ขึ้นนานแล้ว

ถ้าเป็นคนทั่วไป ก็คงตายนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว

แต่หลี่ฝาง กลับมองดูแล้วไม่มีปัญหาอะไรเลย

ที่จริง หลี่ฝางก็รู้สึกถึงความเจ็บ แต่เขาแกล้งทำเป็นนิ่งไม่เป็นอะไร จงใจเต๊ะท่าให้ชีซาดู

หลี่ฝางหัวเราะเงียบๆ:“คุณออกแรงหน่อยได้ไหม ไม่ได้กินข้าวมาหรือไง ถ้าคุณไม่ได้กินข้าวมา ก็ไปกินอะไรสักหน่อยที่สถานตากอากาศผม จากนั้นพวกเราค่อยสู้กัน”

“ปล่อยพลังขาออกมาก็ยังอ่อนแรง ทำไมล่ะ จั๊กจี้ผมเหรอ”หลี่ฝางพูดอย่างเยาะเย้ยหน่อยๆ

การเยาะเย้ยของหลี่ฝาง ยั่วยุให้ชีซาโมโหโดยสิ้นเชิง ชีซาตาแดง เหมือนจะโมโหมาก

และตอนนี้ หลี่ฝางก็รู้สึกว่าโอกาสมาถึงแล้ว ในตอนที่คนๆหนึ่งโมโห สติก็จะไม่ดีเท่าไหร่

และตอนนี้เอง เขาก็จะเผยข้อบกพร่องออกมา ดังนั้น ตอนที่ขาชีซาเตะเข้ามา จู่ๆหลี่ฝางก็กำหมัดแน่น หมัดข้างหนึ่งต่อยไปที่ฝ่าเท้าของชีซา

ชีซาถอยหลังไปหลายกาวทันที ขาข้างหนึ่ง ไม่หยุดสั่น

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ:“เป็นไงบ้าง สบายดีไหม?ผมบอกให้นะ นี่ต่างหากที่เรียกว่าต่อสู้ คุณอย่าเอาแต่ไม่ออกแรงสิ ใช้แรงเยอะๆหน่อย ผมยังรับมือไหว”

หลี่ฝางพูดเยาะเย้ยต่อไป ชีซาหรี่ตาลง หยิบมีดออกมา จากแขนเสื้อ

สำหรับนักฆ่าคนหนึ่งแล้ว อาวุธ เป็นสิ่งของที่เก่งกาจที่สุดของพวกเขา

ชีซาขมวดคิ้ว มองหลี่ฝาง:“คุณสุดยอดจริงๆ คุณสุดยอดมากกว่า คนผอมๆเมื่อกี๊อีก อย่างน้อยรับมือกับเขา ผมก็ไม่คิดจะใช้อาวุธ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ถ้าผมไม่ใช่อาวุธ อีกสักพัก ผมก็หมดหนทางทำอะไรคุณไม่ได้แน่”

ชีซาพูดไป ก็ส่ายเท้าไปด้วย

พลังฟื้นฟูของชีซา แข็งแกร่งเยอะกว่าพวกหมาป่าขาว แน่นอนว่า หมัดหลี่ฝางนี้ ไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดของตัวเอง

ก็แค่ป้องกันชั่วคราวเท่านั้น ถึงจะเป็นการรวบรวมกำลังของทั้งร่างกาย ก็ต้องการเวลา

ดังนั้น หมัดเมื่อกี๊ ไม่ได้ทำร้ายชีซาอย่างแท้จริง

กลับกัน ยังกระตุ้นชีซา ให้เขาต้องใช้อาวุธ

แน่นอนว่า หลี่ฝางก็ไม่โง่ ชีซาใช้มีดแล้ว ตัวเองก็ไม่อาจจัดการได้ด้วยมือเปล่า หลี่ฝางหยิบกริชออกมา จากอ้อมแขนของตัวเอง

ตาของหลี่ฝางหรี่ลง ทำมือยั่วยุ

ชีซาก้าวมา แล้วพุ่งเข้ามาทันที

และตอนนี้เอง โหจื่อก็ช่วยลุงเฉียน กำจัดนักฆ่าพวกนั้นทิ้งเกลี้ยงแล้ว นักฆ่าพวกนั้นไม่ถูกโหจื่อฆ่าตาย ก็ถูกโหจื่อจัดการจนพิการ

ลุงเฉียนตอนนี้ สีหน้าซีดขาว ที่ไหล่ของเขา มีเลือดไหลเยอะมาก

ลุงเฉียนพูดกับโหจื่อ:“ฆ่าสองคนนี้ทิ้งซะ”

ที่ลุงเฉียนพูด ก็คือหมาป่าขาวกับเหยโก่วสองคนนี้ นอกจากเจ้าสำนักสามคนนั้นแล้ว ข้างในเซราฟิมนั้น ศิลปะการต่อสู้สูงๆ และระดับความอันตรายที่สูงที่สุดก็คือสองคนนี้

ถ้าปล่อยให้พวกเขาฟื้นฟูได้ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรไม่อาจจะคิดได้เลย。

สองคนนี้ ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากลมปราณของหลี่ฝาง ในชั่วขณะหนึ่ง ยากที่จะฟื้นฟูร่างกายได้

โหจื่อตอบอืมไป พยักหน้า ยกกระบี่อ่อนขึ้นมา แล้วเดินเข้าไป

เหยโก่วแยกเขี้ยวใส่แล้วมองโหจื่อ ด้วยท่าทางน่ากลัวสุดๆ

ในปากของเขา ส่งเสียงดังออกมา เหมือนว่าจะแสดงออกมาว่าไม่พอใจและโมโห โหจื่อทำแบบนี้เป็นการฉกฉวยโอกาสในตอนที่คนอื่นเดือดร้อน

ในมือหมาป่าขาวถือลูกดอก เตรียมที่จะทำการแอบโจมตีในตอนท้าย

เหยโก่วก็เฝ้ารอด้วยกำลังทั้งหมด เตรียมตอนที่โหจื่อเข้ามา จะทำการตอบโต้ไปครั้งสุดท้าย

ถึงแม้ตอนนี้หมาป่าขาวกับเหยโก่วจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ถ้าอยากจะฆ่าพวกเขา ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่าย ก่อนที่คนๆนี้จะตาย สีหน้ากลับดูสดใสก่อนตาย

การต่อสู้ที่ต้องดิ้นรนเช่นนี้ ใครจะไปกล้าประเมินต่ำ?

นั่นเป็นถึงการโจมตีอย่างสุดชีวิต หมาป่าขาวกับเหยโก่วสบตากัน ข้างในใจทำการตัดสินใจ รอตอนที่โหจื่อเข้ามา ทั้งสองคนก็ลงมือพร้อมกัน

ถึงจะถูกฆ่า ก็ต้องดึงโหจื่อไปรับโทษร่วมกัน

ตอนที่โหจื่อเข้ามาทีละก้าวๆ ทั้งสองก็ค่อยๆยืนขึ้นมา โหจื่อหัวเราะอย่างเย็นชา:“ออมแรงหน่อย ทำชีวิตให้ราบรื่นมีความสุข ทำไมต้องตอบโต้อย่างกล้าหาญด้วย?”

ที่จริงโหจื่อในตอนนี้ ก็ยืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว

เขามีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง ร่างกายของเขา ก็จะเข้าสู่สภาวะที่ไร้ประโยชน์

ยังดีที่ ระยะห่างอีกครึ่งชั่วโมง ยังพอมีเวลา เขามีเวลาที่เพียงพอ ที่จะฆ่าหมาป่าขาวกับเหยโก่วทิ้ง

หมาป่าขาวกับเหยโก่ว มองไปที่โหจื่อ:“ถ้าตายก็ตายด้วยกัน ถึงตอนนั้นตอนที่ไปนรกด้วยกัน แล้วเบื่อล่ะก็ สามารถเล่นโป๊กเกอร์ได้”

“ขอโทษจริงๆนะ อย่างแรก ผมเล่นโป๊กเกอร์ไม่เป็น อย่างที่สอง ผมไม่เล่นไพ่กับคนโง่”

โหจื่อพูดไป ก็ยกกระบี่ขึ้นมา ส่วนลูกดอกของหมาป่าขาว ยังไม่ทันปาออกไป ก็ถูกโหจื่อฆ่าตาย

กระบี่ปาดไปที่คอ ด้วยความเร็วสูง เร็วจนทำให้หมาป่าขาวตายตาไม่หลับ

ส่วนเหยโก่วก็อ้าปากที่เลือดกบปากออกมา ตอนที่เข้ามากัด โหจื่อก็ใช้กระบี่ปาดไปที่คอ แล้วฆ่าทิ้ง

“ต่อหน้าผม จะทำเป็นสัตว์ป่าอะไรกันล่ะ?”

โหจื่อด่าอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็มองลุงเฉียน:“ลุงเฉียน คุณกลับไปรักษาบาดแผลตัวเองที่สถานตากอากาศ ถ้าบาดแผลไม่รีบพันผ้าล่ะก็ จะต้องติดเชื้อ ส่วนด้านเสี่ยวฝาง ส่งต่อให้ผมเถอะ”

หลี่ฝางถูกชีซากดขี่ต่างๆ ดังนั้นโหจื่ออยากใช้เวลาที่เหลือ เข้าไปช่วย

ส่วนลุงเฉียนก็พูดอย่างดื้อดึง:“บาดแผลไม่ใช่อุปสรรค ผมพันเองง่ายๆก็พอ ถึงรวมคุณไปด้วย ก็ไม่อาจว่าจะฆ่าชีซาได้ เอาผมไปด้วยอีกคนเถอะ”

โหจื่อรู้นิสัยของลุงเฉียน และก็ไม่ได้โน้มน้าวมากเท่าไหร่ ทั้งสองลุยเข้าไปทางหลี่ฝางกับชีซาพร้อมกัน

และตอนนี้เอง ในสถานตากอากาศ ก็มีคนออกมาหลายคน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท