โพ่จุนกำมือทั้งคู่ไว้แน่น ถามส้าวส้วยว่า:“ขอถามได้ไหมว่าท่านชื่ออะไร?”
โพ่จุนมองออกว่า ความแข็งแกร่งของส้าวส้วย อยู่เหนือหลี่ฝางทั้งหมดทั้งมวล
นี่น่าจะเป็นปรมาจารย์กำลังภายในอีกคน
เจอปรมาจารย์กำลังภายในสองคนติดๆ และยังดูเหมือนอายุไม่เยอะด้วย นี่เป็นความจริงที่ทำให้คนยากที่จะรับได้
แต่ว่า จากการลงมือของส้าวส้วยแล้ว กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์จะต้องฝึกกำลังภายในแน่
ชีซา โพ่จุน หมาป่าละโมบ อดไม่ได้ที่จะอยากด่าในใจ:ปรมาจารย์กำลังภายในที่อยู่ในตำนาน ไม่มีค่าอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
อายุยังน้อย ก็ฝึกกำลังภายในออกมาได้แล้ว?
โลกนี้เป็นอะไรไปแล้ว?
ปรมาจารย์อย่างนี้ สามารถไกล่เกลี่ยเพื่อให้เรื่องราวสงบลงได้ ก็ไกล่เกลี่ยดีกว่า
“คุณไม่จำเป็นที่ต้องรู้ว่าผมชื่ออะไร”ส้าวส้วยพูดเบาๆ
โพ่จุนขมวดคิ้ว มองส้าวส้วย อีกนิดก็จะถามแล้วว่าเขาใช่หลอซ่าไหม
แต่พอคิดถึงอายุของหลอซ่า เขาสี่ห้าสิบแล้วชัดๆ แต่ตรงหน้านี้ อย่างมากก็ยี่สิบกว่า โตกว่าหลี่ฝางนิดหน่อยเท่านั้น
เขาจะไปเป็นหลอซ่า พ่อของหลี่ฝางได้ไงล่ะ?
แต่ว่า นอกจากหลอซ่า ใครจะสุดยอดขนาดนี้อีก?
โพ่จุนใจเต้นทันที:“คุณชื่อส้าวส้วย?”
ก่อนหน้านี้ โพ่จุนเคยได้ยินถึงคนนี้ เขาคือลูกน้องอันดับหนึ่งของหลอซ่า ได้ยินว่าศิลปะการต่อสู้อยู่ในระดับสูงมาก แม้แต่คนของสำนักหยิ่งซา ก็ตายในมือของเขา
คนๆนั้น ชื่อส้าวส้วย
หรือว่า จะเป็นคนตรงหน้านี้?
ส้าวส้วยพยักหน้า พูดว่า:“ทำไมต้องมายุ่งกับชื่อผมด้วย จะได้ไปรายงานที่นรกเหรอไง?”
“น้องชายส้าวส้วย คนของพวกเราเซราฟิม ก็แค่ถามเรื่องของยุทธภพ วันนี้ ก็เพื่อทดแทนบุญคุณท่านจวนเมื่อก่อนก็เท่านั้น”
“ตอนนี้ บุญคุณต้องทดแทน บุญคุณและความแค้นของพวกคุณ พวกเราเซราฟิม ก็ไม่ไปแทรกแซงหรอก”
โพ่จุนคิดว่า เซราฟิมนั้นมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
แค่พูดชื่อของเซราฟิมออกมา ถึงเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน เกรงว่าก็ต้องพิจารณาสักหน่อย
องค์กรเซราฟิมนี้ ยิ่งใหญ่มาก ทั้งประเทศ ไม่มีใครกล้าเมินใส่
โพ่จุนคิดไม่ถึงว่า หลังจากส้าวส้วยได้ยิน จะเอาแต่ขมวดคิ้วหน่อยๆ พูดว่า:“ที่แท้พวกคุณก็คือนักฆ่าของเซราฟิม”
“ในเมื่อพวกคุณไม่ก้าวก่ายเรื่องยุทธภพ ก็ควรจะทำไปจนถึงที่สุดต่อไป”
“แต่ว่า พวกคุณไม่รักษากฎ ยุ่งเรื่องของยุทธภพ แล้วยังทำร้ายคนของผมอีก งั้น วันนี้ พวกคุณก็ต้องชดใช้”
ดวงตาเย็นชาคู่นั้นองส้าวส้วย มองพวกโพ่จุน:“ว่ากันว่าเซราฟิมมีเจ้าสำนัก ก็คงเป็นพวกคุณสามคนสินะ?”
ทั้งสามไม่พูด ก็ยอมรับอย่างเห็นได้ชัด
ส้าวส้วยพูดต่อ:“เจ้าสำนักทั้งสามของเซราฟิมเสนอหน้ามาเองเลย ท่านจวนนี่หน้าใหญ่เสียจริง”
“ในเมื่อคุณไม่ไว้หน้าพวกเราเซราฟิม งั้นก็อย่าหาว่าพวกเราเซราฟิมรังแกกันเลยนะ”
โพ่จุนยกแขนของตัวเองขึ้นมา แล้วจึงเป่าลม
แป๊บเดียว นักฆ่าทุกคนของเซราฟิม ก็วิ่งเข้ามาที่นี่ทั้งหมด
สิบกว่าคนนี้ ต่างยืนอยู่ด้านหลังของเจ้าสำนักใหญ่ทั้งสาม
คนพวกนี้ เป็นปรมาจารย์ที่เก่งกาจทั้งนั้น ถึงแม้สู้หมาป่าขาวหรือเหยโก่วไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก
เรียกได้ว่า การมีอยู่ของคนพวกนี้ สนับสนุนองค์กรนักฆ่าในประเทศอันดับต้นๆ
ไม่มีพวกเขา เซราฟิม ก็จะลดลงเหลือระดับสอง ไปยังระดับสามขององค์กรนักฆ่า
แต่ว่า การมาของคนพวกนี้ ไม่ได้ทำให้ใบหน้าของส้าวส้วย มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
หลี่ฝางวิ่งเข้ามา อยากจะช่วยส้าวส้วยสักหน่อย
ถึงแม้ส้าวส้วยจะสุดยอด แต่ว่า คนเดียวไม่อาจสู้พวกหมาหมู่ได้ เหตุผลนี้ หลี่ฝางเข้าใจดี
หลี่ฝางกำหมัด เวลานี้ กำลังภายในที่ตัวเขา ก็ฟื้นฟูเล็กน้อย ถึงแม้รับมือกับเจ้าสำนักอย่างชีซาไม่ได้ แต่จัดการพวกนักฆ่าไม่กี่คนพวกนี้ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
“มีอีกไหม?”
ส้าวส้วยมองโพ่จุนนิ่งๆ แล้วถาม:“มีแค่นี้เหรอ?”
เยาะเย้ย เยาะเย้ยอย่างเปิดเผย!
สามสี่สิบคนนี้ ต่างรวมตัวเข้ามา สถานการณ์แบบนี้ แทบจะไม่เคยปรากฏมาก่อน
เซราฟิมฆ่าคน มักจะส่งคนมาแค่คนหรือสองคนเท่านั้น
ตอนนี้เจ้าสำนักทั้งสาม แล้วก็ยังมีสมาชิกที่ยอดเยี่ยมอีกสามสิบกว่าคน ยืนอยู่ตรงหน้าของส้าวส้วย ส้าวส้วยกลับพูดมาประโยคหนึ่งว่า มีอีกไหม?
ได้ยินคำนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่พอ!
ทันใดนั้น เหล่านักฆ่าพวกนี้ ก็พลุ่งพล่านขึ้นมา
ประโยคของส้าวส้วย เป็นการดูหมิ่นถากถางพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
และยังเป็นการดูหมิ่นสุดๆอีกด้วย
“แม่เอ๊ย อายุยังน้อย แต่ปากดีเหลือเกินนะ”
“ก็นะ ศิลปะการต่อสู้ของคุณสูงแล้วยังไงล่ะ หรือว่าพวกเราตั้งเยอะอย่างนี้ จะสู้คุณคนเดียวไม่ได้?”
“ยังหนุ่มยังแน่น อย่าชอบการแข่งขันมากไปนัก”
ถึงแม้การแสดงออกของส้าวส้วย พวกเขาจะใส่ใจ แต่ว่า แล้วยังไงล่ะ?
เจ้าสำนักทั้งสามของเซราฟิม ล้วนแต่อยู่ที่นี่ ความแข็งแกร่งของพวกเรา เหล่านักฆ่าพวกนี้ ก็รู้ดี
ไปถึงระดับสูงที่ใครก็ไม่อาจตามได้แล้ว
ในสายตาพวกเขา ถึงแม้ส้าวส้วยจะเป็นปรมาจารย์ แต่เจ้าสำนักทั้งสามร่วมมือกันล่ะก็ ส้าวส้วยต้องรับมือไม่อยู่แน่
แน่นอนว่า มีแค่พวกเราที่คิดแบบนี้
เหล่านักฆ่าพวกนี้ แต่ละคนล้วนแต่เต็มไปด้วยความแค้นต่อความไม่เป็นธรรม ในใจเต็มไปด้วยความโมโห แต่ไม่มีสักคนที่กล้าบุ่มบ่าม
พวกเขา อย่างมากก็แค่ช่วยเท่านั้น
ในการสู้รบ ก็ยังให้พวกเขาเจ้าสำนักมาเป็นแกนนำ
ถึงพวกเขาจะไม่ชอบส้าวส้วยนัก แต่ก็ไม่กล้าพุ่งเข้าไปมั่วๆ เพราะนั่นจะเป็นการกระทำที่เอาตัวเองไปตาย
“คุณบ้าระห่ำมากไปแล้ว ถึงคุณจะเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน ก็รับมือพวกเราหลายๆคนนี้ไม่ได้หรอก”ชีซาขมวดคิ้ว ดูเยือกเย็นสุดๆ
อย่าว่าแต่นักฆ่าพวกนั้นเลย ถึงเป็นเจ้าสำนักทั้งสาม ก็ต้องโมโหแทบจะระเบิด
นี่เป็นกำลังส่วนมากของเซราฟิม แต่ในสายตาของส้าวส้วย เหมือนจะไม่มีค่าให้พูดถึง
“อย่าประเมินพวกเขาต่ำไป”
หลี่ฝางขมวดคิ้ว พูดด้วยใบหน้าซีเรียส:“โหจื่อไม่มีความสามารถในการสู้กลับ ในเงื้อมมือของพวกเขาเลย”
“แล้วก็ ตอนนี้โหจื่อก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว และเขาก็ใช้ยาที่ดัดแปลงพันธุกรรมด้วย แต่ เจอพวกเขาสามคนแล้ว ก็รับมือไม่ไหว”
หลี่ฝางกลัวว่าส้าวส้วยจะประมาท จึงพูดเตือน
แต่ใบหน้าของส้าวส้วย ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
“ในมือของพวกคุณ ส่วนมากก็แปดเปื้อนเลือดที่ไม่ควรแปดเปื้อนแล้ว ดังนั้น ……วันนี้พวกคุณต้องตาย”
ส้าวส้วยพูดจบ ที่หน้าของเขา ก็มีความอาฆาต
ความเยือกเย็น แพร่ออกมาจากตัวของส้าวส้วย ทำให้อุณหภูมิอากาศรอบๆนั้นลดลงด้วย
ความทรงพลังแบบนี้ ทำให้นักฆ่าพวกนั้นกับเจ้าสำนักทั้งสาม ต่างรู้สึกกลัวจนตัวสั่น
พลังที่ส้าวส้วยส่งออกมานั้น แข็งแกร่งมาก
แข็งแกร่งเกินไป
“คุณจะฆ่าพวกเราทั้งหมดเลย?”
ถึงแม้ส้าวส้วยจะโชว์ความแข็งแกร่งและพลังของตัวเองที่ทำให้คนตกใจกลัว แต่ว่า ฝ่ายตรงข้ามนั้นมีคนมาก จึงไม่ตกใจกลัวกัน
ยังไงในมือของนักฆ่าพวกนี้ ก็มีอาวุธซ่อนไว้
ที่พวกเขาเก่งที่สุด ก็คือใช้อาวุธ
แค่หนึ่งในพวกเขาทำไปได้อย่างราบรื่น ก็สามารถทำให้ส้าวส้วยบาดเจ็บหนักได้