NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่788 พวกคุณต้องตายหมด

บทที่788 พวกคุณต้องตายหมด

โพ่จุนกำมือทั้งคู่ไว้แน่น ถามส้าวส้วยว่า:“ขอถามได้ไหมว่าท่านชื่ออะไร?”

โพ่จุนมองออกว่า ความแข็งแกร่งของส้าวส้วย อยู่เหนือหลี่ฝางทั้งหมดทั้งมวล

นี่น่าจะเป็นปรมาจารย์กำลังภายในอีกคน

เจอปรมาจารย์กำลังภายในสองคนติดๆ และยังดูเหมือนอายุไม่เยอะด้วย นี่เป็นความจริงที่ทำให้คนยากที่จะรับได้

แต่ว่า จากการลงมือของส้าวส้วยแล้ว กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์จะต้องฝึกกำลังภายในแน่

ชีซา โพ่จุน หมาป่าละโมบ อดไม่ได้ที่จะอยากด่าในใจ:ปรมาจารย์กำลังภายในที่อยู่ในตำนาน ไม่มีค่าอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

อายุยังน้อย ก็ฝึกกำลังภายในออกมาได้แล้ว?

โลกนี้เป็นอะไรไปแล้ว?

ปรมาจารย์อย่างนี้ สามารถไกล่เกลี่ยเพื่อให้เรื่องราวสงบลงได้ ก็ไกล่เกลี่ยดีกว่า

“คุณไม่จำเป็นที่ต้องรู้ว่าผมชื่ออะไร”ส้าวส้วยพูดเบาๆ

โพ่จุนขมวดคิ้ว มองส้าวส้วย อีกนิดก็จะถามแล้วว่าเขาใช่หลอซ่าไหม

แต่พอคิดถึงอายุของหลอซ่า เขาสี่ห้าสิบแล้วชัดๆ แต่ตรงหน้านี้ อย่างมากก็ยี่สิบกว่า โตกว่าหลี่ฝางนิดหน่อยเท่านั้น

เขาจะไปเป็นหลอซ่า พ่อของหลี่ฝางได้ไงล่ะ?

แต่ว่า นอกจากหลอซ่า ใครจะสุดยอดขนาดนี้อีก?

โพ่จุนใจเต้นทันที:“คุณชื่อส้าวส้วย?”

ก่อนหน้านี้ โพ่จุนเคยได้ยินถึงคนนี้ เขาคือลูกน้องอันดับหนึ่งของหลอซ่า ได้ยินว่าศิลปะการต่อสู้อยู่ในระดับสูงมาก แม้แต่คนของสำนักหยิ่งซา ก็ตายในมือของเขา

คนๆนั้น ชื่อส้าวส้วย

หรือว่า จะเป็นคนตรงหน้านี้?

ส้าวส้วยพยักหน้า พูดว่า:“ทำไมต้องมายุ่งกับชื่อผมด้วย จะได้ไปรายงานที่นรกเหรอไง?”

“น้องชายส้าวส้วย คนของพวกเราเซราฟิม ก็แค่ถามเรื่องของยุทธภพ วันนี้ ก็เพื่อทดแทนบุญคุณท่านจวนเมื่อก่อนก็เท่านั้น”

“ตอนนี้ บุญคุณต้องทดแทน บุญคุณและความแค้นของพวกคุณ พวกเราเซราฟิม ก็ไม่ไปแทรกแซงหรอก”

โพ่จุนคิดว่า เซราฟิมนั้นมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก

แค่พูดชื่อของเซราฟิมออกมา ถึงเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน เกรงว่าก็ต้องพิจารณาสักหน่อย

องค์กรเซราฟิมนี้ ยิ่งใหญ่มาก ทั้งประเทศ ไม่มีใครกล้าเมินใส่

โพ่จุนคิดไม่ถึงว่า หลังจากส้าวส้วยได้ยิน จะเอาแต่ขมวดคิ้วหน่อยๆ พูดว่า:“ที่แท้พวกคุณก็คือนักฆ่าของเซราฟิม”

“ในเมื่อพวกคุณไม่ก้าวก่ายเรื่องยุทธภพ ก็ควรจะทำไปจนถึงที่สุดต่อไป”

“แต่ว่า พวกคุณไม่รักษากฎ ยุ่งเรื่องของยุทธภพ แล้วยังทำร้ายคนของผมอีก งั้น วันนี้ พวกคุณก็ต้องชดใช้”

ดวงตาเย็นชาคู่นั้นองส้าวส้วย มองพวกโพ่จุน:“ว่ากันว่าเซราฟิมมีเจ้าสำนัก ก็คงเป็นพวกคุณสามคนสินะ?”

ทั้งสามไม่พูด ก็ยอมรับอย่างเห็นได้ชัด

ส้าวส้วยพูดต่อ:“เจ้าสำนักทั้งสามของเซราฟิมเสนอหน้ามาเองเลย ท่านจวนนี่หน้าใหญ่เสียจริง”

“ในเมื่อคุณไม่ไว้หน้าพวกเราเซราฟิม งั้นก็อย่าหาว่าพวกเราเซราฟิมรังแกกันเลยนะ”

โพ่จุนยกแขนของตัวเองขึ้นมา แล้วจึงเป่าลม

แป๊บเดียว นักฆ่าทุกคนของเซราฟิม ก็วิ่งเข้ามาที่นี่ทั้งหมด

สิบกว่าคนนี้ ต่างยืนอยู่ด้านหลังของเจ้าสำนักใหญ่ทั้งสาม

คนพวกนี้ เป็นปรมาจารย์ที่เก่งกาจทั้งนั้น ถึงแม้สู้หมาป่าขาวหรือเหยโก่วไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ห่างกันมากนัก

เรียกได้ว่า การมีอยู่ของคนพวกนี้ สนับสนุนองค์กรนักฆ่าในประเทศอันดับต้นๆ

ไม่มีพวกเขา เซราฟิม ก็จะลดลงเหลือระดับสอง ไปยังระดับสามขององค์กรนักฆ่า

แต่ว่า การมาของคนพวกนี้ ไม่ได้ทำให้ใบหน้าของส้าวส้วย มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

หลี่ฝางวิ่งเข้ามา อยากจะช่วยส้าวส้วยสักหน่อย

ถึงแม้ส้าวส้วยจะสุดยอด แต่ว่า คนเดียวไม่อาจสู้พวกหมาหมู่ได้ เหตุผลนี้ หลี่ฝางเข้าใจดี

หลี่ฝางกำหมัด เวลานี้ กำลังภายในที่ตัวเขา ก็ฟื้นฟูเล็กน้อย ถึงแม้รับมือกับเจ้าสำนักอย่างชีซาไม่ได้ แต่จัดการพวกนักฆ่าไม่กี่คนพวกนี้ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

“มีอีกไหม?”

ส้าวส้วยมองโพ่จุนนิ่งๆ แล้วถาม:“มีแค่นี้เหรอ?”

เยาะเย้ย เยาะเย้ยอย่างเปิดเผย!

สามสี่สิบคนนี้ ต่างรวมตัวเข้ามา สถานการณ์แบบนี้ แทบจะไม่เคยปรากฏมาก่อน

เซราฟิมฆ่าคน มักจะส่งคนมาแค่คนหรือสองคนเท่านั้น

ตอนนี้เจ้าสำนักทั้งสาม แล้วก็ยังมีสมาชิกที่ยอดเยี่ยมอีกสามสิบกว่าคน ยืนอยู่ตรงหน้าของส้าวส้วย ส้าวส้วยกลับพูดมาประโยคหนึ่งว่า มีอีกไหม?

ได้ยินคำนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่พอ!

ทันใดนั้น เหล่านักฆ่าพวกนี้ ก็พลุ่งพล่านขึ้นมา

ประโยคของส้าวส้วย เป็นการดูหมิ่นถากถางพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

และยังเป็นการดูหมิ่นสุดๆอีกด้วย

“แม่เอ๊ย อายุยังน้อย แต่ปากดีเหลือเกินนะ”

“ก็นะ ศิลปะการต่อสู้ของคุณสูงแล้วยังไงล่ะ หรือว่าพวกเราตั้งเยอะอย่างนี้ จะสู้คุณคนเดียวไม่ได้?”

“ยังหนุ่มยังแน่น อย่าชอบการแข่งขันมากไปนัก”

ถึงแม้การแสดงออกของส้าวส้วย พวกเขาจะใส่ใจ แต่ว่า แล้วยังไงล่ะ?

เจ้าสำนักทั้งสามของเซราฟิม ล้วนแต่อยู่ที่นี่ ความแข็งแกร่งของพวกเรา เหล่านักฆ่าพวกนี้ ก็รู้ดี

ไปถึงระดับสูงที่ใครก็ไม่อาจตามได้แล้ว

ในสายตาพวกเขา ถึงแม้ส้าวส้วยจะเป็นปรมาจารย์ แต่เจ้าสำนักทั้งสามร่วมมือกันล่ะก็ ส้าวส้วยต้องรับมือไม่อยู่แน่

แน่นอนว่า มีแค่พวกเราที่คิดแบบนี้

เหล่านักฆ่าพวกนี้ แต่ละคนล้วนแต่เต็มไปด้วยความแค้นต่อความไม่เป็นธรรม ในใจเต็มไปด้วยความโมโห แต่ไม่มีสักคนที่กล้าบุ่มบ่าม

พวกเขา อย่างมากก็แค่ช่วยเท่านั้น

ในการสู้รบ ก็ยังให้พวกเขาเจ้าสำนักมาเป็นแกนนำ

ถึงพวกเขาจะไม่ชอบส้าวส้วยนัก แต่ก็ไม่กล้าพุ่งเข้าไปมั่วๆ เพราะนั่นจะเป็นการกระทำที่เอาตัวเองไปตาย

“คุณบ้าระห่ำมากไปแล้ว ถึงคุณจะเป็นปรมาจารย์กำลังภายใน ก็รับมือพวกเราหลายๆคนนี้ไม่ได้หรอก”ชีซาขมวดคิ้ว ดูเยือกเย็นสุดๆ

อย่าว่าแต่นักฆ่าพวกนั้นเลย ถึงเป็นเจ้าสำนักทั้งสาม ก็ต้องโมโหแทบจะระเบิด

นี่เป็นกำลังส่วนมากของเซราฟิม แต่ในสายตาของส้าวส้วย เหมือนจะไม่มีค่าให้พูดถึง

“อย่าประเมินพวกเขาต่ำไป”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว พูดด้วยใบหน้าซีเรียส:“โหจื่อไม่มีความสามารถในการสู้กลับ ในเงื้อมมือของพวกเขาเลย”

“แล้วก็ ตอนนี้โหจื่อก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว และเขาก็ใช้ยาที่ดัดแปลงพันธุกรรมด้วย แต่ เจอพวกเขาสามคนแล้ว ก็รับมือไม่ไหว”

หลี่ฝางกลัวว่าส้าวส้วยจะประมาท จึงพูดเตือน

แต่ใบหน้าของส้าวส้วย ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

“ในมือของพวกคุณ ส่วนมากก็แปดเปื้อนเลือดที่ไม่ควรแปดเปื้อนแล้ว ดังนั้น ……วันนี้พวกคุณต้องตาย”

ส้าวส้วยพูดจบ ที่หน้าของเขา ก็มีความอาฆาต

ความเยือกเย็น แพร่ออกมาจากตัวของส้าวส้วย ทำให้อุณหภูมิอากาศรอบๆนั้นลดลงด้วย

ความทรงพลังแบบนี้ ทำให้นักฆ่าพวกนั้นกับเจ้าสำนักทั้งสาม ต่างรู้สึกกลัวจนตัวสั่น

พลังที่ส้าวส้วยส่งออกมานั้น แข็งแกร่งมาก

แข็งแกร่งเกินไป

“คุณจะฆ่าพวกเราทั้งหมดเลย?”

ถึงแม้ส้าวส้วยจะโชว์ความแข็งแกร่งและพลังของตัวเองที่ทำให้คนตกใจกลัว แต่ว่า ฝ่ายตรงข้ามนั้นมีคนมาก จึงไม่ตกใจกลัวกัน

ยังไงในมือของนักฆ่าพวกนี้ ก็มีอาวุธซ่อนไว้

ที่พวกเขาเก่งที่สุด ก็คือใช้อาวุธ

แค่หนึ่งในพวกเขาทำไปได้อย่างราบรื่น ก็สามารถทำให้ส้าวส้วยบาดเจ็บหนักได้

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท